การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2549
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2010
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกัน จำนอง จำนำ
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ
ข้อ 1 นายเอกทำสัญญากู้เงินนายโทเป็นเงิน 70,000 บาท ขณะทำสัญญาเงินกู้ นายเอกได้จดทะเบียนจำนองที่ดินมูลค่า 50,000 บาท ไว้เป็นประกันหนี้เงินกู้รายนี้ หลังจากนั้นนายโทได้จดทะเบียนปลดจำนองให้นายเอก อีก 2 วันต่อมานายตรีได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือโดยขอรับผิดร่วมกับนายเอกลูกหนี้ชั้นต้น ต่อมานายเอกผิดนัดไม่ชำระหนี้ ให้นักศึกษาวินิจฉัยว่า
1) นายตรีจะอ้างให้นายโทเจ้าหนี้ไปเรียกร้องเอากับที่ดินของนายเอกได้หรือไม่
2) นายตรีจะอ้างเรื่องการปลดจำนองเพื่อขอหลุดพ้นจากความรับผิดตามสัญญาค้ำประกันได้หรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 689 ถึงแม้จะได้เรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ดังกล่าวมาในมาตราก่อนนั้นแล้วก็ตาม ถ้าผู้ค้ำประกันพิสูจน์ได้ว่าลูกหนี้นั้นมีทางที่จะชำระหนี้ได้ และการที่จะบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้นั้นจะไม่เป็นการยากไซร้ ท่านว่าเจ้าหนี้จะต้องบังคับการชำระหนี้รายนั้นเอาจากทรัพย์สินของลูกหนี้ก่อน
มาตรา 691 ถ้าผู้ค้ำประกันต้องรับผิดร่วมกันกับลูกหนี้ ท่านว่าผู้ค้ำประกันย่อมไม่มีสิทธิดังกล่าวไว้ในมาตรา 688, 689, และ 690
มาตรา 697 ถ้าเพราะการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งของเจ้าหนี้เองเป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันไม่อาจเข้ารับช่วงได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนในสิทธิก็ดี จำนองก็ดี จำนำก็ดี และบุริมสิทธิอันได้ให้ไว้แก่เจ้าหนี้แต่ก่อนหรือในขณะทำสัญญาค้ำประกันเพื่อชำระหนี้นั้น ท่านว่าผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดเพียงเท่าที่ตนต้องเสียหายเพราะการนั้น
วินิจฉัย
การที่นายเอกทำสัญญากู้เงินนายโทเป็นเงิน 70,000 บาท ขณะทำสัญญากู้เงินนายเอกได้จดทะเบียนจำนองที่ดิน มูลค่า 50,000 บาท ไว้เป็นประกันหนี้เงินกู้รายนี้ หลังจากนั้นนายโทได้จดทะเบียนปลดจำนองให้นายเอก อีก 2 วัน ต่อมานายตรีได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือโดยขอรับผิดร่วมกับนายเอก ลูกหนี้ชั้นต้น ต่อมานายเอกผิดนัดไม่ชำระหนี้
1) นายตรีจะอ้างให้นายโทเจ้าหนี้ไปเรียกร้องเอากับที่ดินของนายเอกได้หรือไม่ เห็นว่า นายตรีผู้ค้ำประกันทำสัญญาค้ำประกันโดยรับผิดร่วมกันกับลูกหนี้ จึงหมดสิทธิที่จะเรียกให้บังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินของลูกหนี้ก่อนตามมาตรา 688 – 690 ดังนั้นนายตรีจึงไม่มีสิทธิเกี่ยงให้นายโทเจ้าหนี้บังคับเอากับที่ดินของนายเอกลูกหนี้ชั้นต้นก่อนได้ ตามมาตรา 691 ประกอบมาตรา 689
2) นายตรีจะอ้างเรื่องการปลดจำนองเพื่อขอหลุดพ้นจากความรับผิดตามสัญญาค้ำประกันได้หรือไม่ เห็นว่าขณะที่นายตรีผู้ค้ำประกันได้เข้าทำสัญญาค้ำประกัน หนี้ประธานคือหนี้เงินกู้ไม่มีทรัพย์สินใดเป็นหลักประกัน จึงไม่ใช่กรณีที่เพราะการกระทำของนายโทเจ้าหนี้เป็นเหตุให้นายตรีผู้ค้ำประกันไม่อาจเข้ารับช่วงสิทธิได้ เนื่องจากไม่มีหลักประกันใดที่นายตรีจะรับช่วงสิทธิอยู่ในขณะเข้าทำสัญญาค้ำประกัน ตามมาตรา 697
สรุป
1 ) นายตรีไม่มีสิทธิเกี่ยง ตามมาตรา 689 ประกอบมาตรา 691
2 ) นายตรีไม่อาจอ้าง มาตรา 697 เพื่อหลุดพ้นจากความรับผิดได้
ข้อ 2 จงอธิบายถึงการครอบของจำนองซึ่งครอบไปทุกสิ่ง และการครอบของจำนองซึ่งครอบไปทุกส่วนพร้อมยกตัวอย่างประกอบ
ธงคำตอบ
มาตรา 716 จำนองย่อมครอบไปถึงบรรดาทรัพย์สินซึ่งจำนองหมดทุกสิ่ง แม้จะได้ชำระหนี้แล้วบางส่วน
มาตรา 717 แม้ว่าทรัพย์สินซึ่งจำนองจะแบ่งออกเป็นหลายส่วนก็ตาม ท่านว่าจำนองก็ยังคงครอบไปถึงส่วนเหล่านั้นหมดทุกส่วนด้วยกันอยู่นั่นเอง
ถึงกระนั้นก็ดี ถ้าผู้รับจำนองยินยอมด้วย ท่านว่าจะโอนทรัพย์สินส่วนหนึ่งส่วนใดไปปลดจากจำนองก็ให้ทำได้ แต่ความยินยอมดังว่านี้หากมิได้จดทะเบียน ท่านว่าจะยกเอาเป็นข้อต่อสู้กับบุคคลภายนอกหาได้ไม่
อธิบาย การจำนองครอบทุกสิ่ง ตามมาตรา 716 หมายถึง การนำทรัพย์หลายสิ่งหรือหลายชิ้นมาจำนองเป็นประกันหนี้รายเดียวกัน หากมิได้มีการตกลงกันตามมาตรา 710 สิทธิจำนองย่อมครอบคลุมไปถึงทรัพย์สินซึ่งจำนองทุกสิ่ง แม้ลูกหนี้จะชำระหนี้บางส่วน โดยหากมิได้มีการชำระหนี้ล้างจำนองเป็นงวดๆและจดทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนแปลงปลดเอาทรัพย์สินสิ่งใดออกจากการจำนอง การจำนองยังครอบไปถึงทรัพย์สินทุกสิ่งอยู่นั่นเอง
ตัวอย่างเช่น ก กู้เงิน ข 1 ล้านบาท โดยจำนองที่ดินกับเครื่องจักรเป็นประกัน ต่อมาแม้ว่า ก จะชำระหนี้ไปแล้ว 9 แสนบาท เหลือหนี้อยู่เพียง 1 แสนบาท ทั้งที่ดินและเครื่องจักรก็ยังคงติดจำนองอยู่
แต่ถ้ามีข้อตกลงตามมาตรา 710 (2) คือ สัญญาจำนองระบุว่าที่ดินจำนองเป็นประกันหนี้ 7 แสนบาท เครื่องจักรประกันหนี้ 3 แสนบาท ในกรณีนี้ผู้จำนองก็มีสิทธิเลือกว่าจะชำระหนี้ส่วนไหนก่อน ผู้จำนองอาจจะเอาเงิน 3 แสนบาทไปชำระหนี้แก่เจ้าหนี้และขอจดทะเบียนปลดจำนองเครื่องจักรได้ แต่ถ้าไปไม่ได้มีข้อตกลงอย่างใด การชำระหนี้แม้ว่าจะชำระไปจนเหลือเพียง 1 บาท ก็ยังมีผลทำให้ที่ดินและเครื่องจักรยังติดจำนองทั้งสองรายการ ลูกหนี้ไม่สามารถขอที่ดินหรือเครื่องจักรคืนหรือนำไปขายโดยปลอดจำนองได้
การจำนองครอบทุกส่วน ตามมาตรา 717 หมายถึง การนำทรัพย์สินสิ่งเดียว แต่ทรัพย์นั้นแบ่งออกได้หลายส่วนตามสภาพของทรัพย์สิน ซึ่งแต่ละส่วนสามารถนำไปจำนองได้ การจำนองย่อมครอบไปทุกส่วน แม้ผู้จำนองจะได้ชำระหนี้บางส่วนแล้วก็ตาม ลูกหนี้ก็ไม่สามารถจะขอส่วนใดส่วนหนึ่งคืนหรือนำไปขายโดยปลอดจำนองได้
ตัวอย่างเช่น ก กู้เงิน ข จำนวน 1 ล้านบาท โดยจำนองโรงน้ำแข็งเป็นประกันเงินกู้ ซึ่งโดยสภาพของโรงน้ำแข็งย่อมประกอบด้วยทรัพย์หลายส่วน เช่น เครื่องทำน้ำแข็ง เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ตัวโรงน้ำแข็งเป็นต้น หรือจำนองที่ดินจำนวน 10 ไร่เป็นประกันหนี้ ต่อมาปรากกว่ามีการรังวัดแบ่งแยกที่ดินจำนองออกเป็น 10 ส่วนๆละ 1 ไร่ ตามกฎหมายมาตรา 717 ให้ถือว่าสิทธิจำนองก็ยังคงครอบไปถึงทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องทำน้ำแข็ง เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ตัวโรงน้ำแข็ง หรือที่ดินทั้ง 10 ไร่นั้น ถึงแม้ว่าจะมีการชำระหนี้ไปแล้ว 9 แสนบาท เหลือหนี้เพียง 1 แสนบาทก็ตาม
ข้อสังเกต กรณีของการจำนองที่ดินตามตัวอย่างข้างต้น จะต้องเป็นการแบ่งแยกที่ดินภายหลังมีการทำสัญญาจำนองเท่านั้น หากมีการแบ่งแยกที่ดินจำนองก่อนทำสัญญาจำนองแล้ว ย่อมเป็นกรณีตามมาตรา 716
ข้อ 3 นาย ก กู้เงิน นาย ข 100,000 บาท โดยมีนาย ค นำแหวนเพชรและ นาย ง นำสร้อยเพชรจำนำไว้เป็นประกันหน้าตามลำดับ การกู้เงินรายนี้ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือ ต่อมานาย ก ได้นำเงินมาชำระหนี้ครั้งที่ 1 เป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท และครั้งที่ 2 เป็นจำนวนเงิน 40,000 บาท นาย ค ผู้จำนำแหวนเพชรไว้ได้ขอคืนแหวนเพชรโดยอ้างว่าการชำระหนี้บางส่วนของนาย ก นั้นคุ้มค่าแล้วให้เหลือแต่สร้อยเพชรของนาย ง อย่างเดียวก็คุ้มราคากับหนี้ที่เหลือแล้ว แต่นาย ข ไม่ยอมคืนให้ ให้ท่านวินิจฉัยพร้อมทั้งยกหลักกฎหมายประกอบด้วยว่า ข้ออ้างของนาย ค ฟังขึ้นหรือไม่ และการที่นาย ข ไม่ยอมคืนแหวนเพชรให้นาย ค นั้น นาย ข มีเหตุผลที่จะอ้างกฎหมายใดในการไม่คืนแหวนเพชรนั้น
ธงคำตอบ
มาตรา 758 ผู้รับจำนำชอบที่จะยึดของจำนำไว้ทั้งหมดจนกว่าจะได้รับชำระหนี้และค่าอุปกรณ์ครบถ้วน
วินิจฉัย
ตามหลักมาตรา 758 ผู้รับจำนำชอบที่จะยึดของจำนำไว้ได้ทั้งหมดจนกว่าจะได้รับชำระหนี้และค่าอุปกรณ์ครบถ้วน อนึ่งการจำนำนั้นมีลักษณะคล้ายสิทธิยึดหน่วง แม้จะได้รับชำระหนี้แล้วบางส่วนหนี้ที่เหลือก็ยังคงผูกพันทรัพย์สินที่จำนำทั้งหมด โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าทรัพย์สินจำนำที่ยึดได้จะมีราคามากกว่าหนี้ที่ยังค้างชำระหรือไม่ กรณีตามอุทาหรณ์เมื่อมีทรัพย์จำนำไว้หลายสิ่งและผู้กู้ได้ชำระหนี้บางส่วนไปแล้วก็จะขอเอาทรัพย์ที่จำนำบางสิ่งกลับคืนโดยผู้รับจำนำไม่ยินยอมไม่ได้ ผู้รับจำนำยังมีสิทธิยึดทรัพย์ที่จำนำทั้งหมดได้
สรุป ข้ออ้างของนาย ค ฟังไม่ขึ้น และการที่นาย ข ไม่คืนทรัพย์ให้นาย ค ก็โดยอ้างหลักกฎหมายมาตรา 758 ดังกล่าวข้างต้นนี้