การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2548
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2010
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกัน จำนอง จำนำ
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ
ธงคำตอบ
มาตรา 680 อันว่าค้ำประกันนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ค้ำประกัน ผูกพันตนต่อเจ้าหนี้คนหนึ่งเพื่อชำระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้นั้น
อนึ่งสัญญาค้ำประกันนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกันเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่
วินิจฉัย
การที่โจทก์กับธนาคารและจำเลยตกลงกันนี้ถือเป็นความตกลงกันในทางการฝากเงินเพื่อเป็นประกันหนี้อันเป็นสัญญารูปแบบหนึ่ง เมื่อโจทก์ชำระหนี้แก่ธนาคารแทนจำเลยตามที่จำเลยร้องขอ โดยจำเลยรับจะชำระหนี้คืนโจทก์ และธนาคารผู้เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยก็ยอมรับชำระหนี้แล้ว จำเลยจึงต้องใช้เงินคืนโจทก์ตามข้อสัญญาที่โจทก์และจำเลยตกลงกันไว้ กรณีหาใช่เป็นสัญญาค้ำประกันตามมาตรา 680 ไม่ เพราะกรณีของสัญญาค้ำประกันจะต้องเป็นเรื่องที่บุคคลภายนอกผู้เป็นผู้ค้ำประกันจะรับผิดชำระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ในเมื่อลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้นั้น โดยมิต้องคำนึงว่ามีสิทธิจะขอหักเงินจากเงินฝากเท่านั้น
สรุป การกระทำของโจทก์ จำเลย และธนาคารไม่ถือว่าเป็นสัญญาค้ำประกันตามมาตรา 680
ข้อ 2 นางแตงกวาได้จำนองที่ดินของตนกับพระภิกษุอิน เพื่อเป็นการประกันว่าจะคืนเงินที่ได้ยืมมาจากพระภิกษุอิน เป็นจำนวน 100,000 บาท ซึ่งในที่ดินดังกล่าวได้มีบ้านซึ่งปลูกไว้แล้ว แต่เป็นของนายแตงไทพี่สาวของนายแตงกวา ต่อมานางแตงกวาได้ปลูกบ้านของตนขึ้นภายหลังวันจำนอง ดังนี้
1 การจำนองเพื่อประกันเงินกู้ยืมที่พระภิกษุอินปล่อยให้นางแดงกวามีผลเพียงไร
2 การจำนองที่ดินจะครอบถึงทรัพย์อื่นหรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 702 อันว่าจำนองนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้จำนอง เอาทรัพย์สินตราไว้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับจำนองเป็นประกันการชำระหนี้ โดยไม่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้รับจำนอง
ผู้รับจำนองชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองก่อนเจ้าหนี้สามัญ มิพักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือหาไม่
มาตรา 719 จำนองที่ดินไม่ครอบไปถึงเรือนโรงอันผู้จำนองปลูกสร้างลงในที่ดินภายหลังวันจำนอง เว้นแต่จะมีข้อความกล่าวไว้โดยเฉพาะในสัญญาว่าให้ครอบไปถึง
มาตรา 720 จำนองเรือนโรงหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นซึ่งได้ทำขึ้นไว้บนดินหรือใต้ดิน ในที่ดินอันเป็นของคนอื่นเขานั้นย่อมไม่ครอบไปถึงที่ดินนั้นด้วย ฉันใดกลับกันก็ฉันนั้น
วินิจฉัย
1 การจำนองที่ดินของแตงกวาเพื่อประกันเงินกู้ยืมมีผลบังคับทางกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า โดยหลักกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การทำสัญญาจำนองจะมีผลทางกฎหมายได้ก็ต่อเมื่อสัญญาซึ่งก่อให้เกิดหนี้หรือหนี้ประธานสมบูรณ์มีผลบังคับทางกฎหมาย หากสัญญาซึ่งก่อให้เกิดหนี้ตกเป็นโมฆะ สัญญาจำนองประกันการชำระหนี้ตามสัญญาดังกล่าวย่อมไม่มีผลผูกพันผู้จำนองให้ต้องรับผิดเช่นเดียวกัน
กรณีตามอุทาหรณ์หนี้ประธาน เป็นหนี้เงินกู้ยืมพระภิกษุอินเป็นผู้ให้กู้ยืม มีผลบังคับทางกฎหมาย เพราะไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดห้ามมิให้พระภิกษุนำเงินส่วนตัวออกให้บุคคลกู้ยืม พระภิกษุก็เป็นบุคคลมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย ทั้งการให้กู้ยืมเงินเป็นการสงเคราะห์ผู้เดือดร้อนได้ทางหนึ่ง จึงไม่ขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ
ดังนั้นเมื่อสัญญากู้ยืมเงินซึ่งเป็นหนี้ประธานมีผลสมบูรณ์ ไม่ตกเป็นโมฆะ การจำนองซึ่งเป็นหนี้อุปกรณ์ประกันการชำระหนี้จึงสมบูรณ์ มีผลบังคับทางกฎหมายได้ ตามมาตรา 702
2 การจำนองที่ดินจะครอบถึงทรัพย์อื่นหรือไม่ เห็นว่ากรณีตามอุทาหรณ์มีทรัพย์ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินจำนอง 2 สิ่ง คือ บ้านของนางแตงกวา และบ้านของนางแตงไท ดังนั้น
บ้านของนางแตงกวา เป็นบ้านซึ่งอยู่ติดกับที่ดินที่สร้างขึ้นภายหลังวันจำนอง จำนองย่อมไม่ครอบไปถึงด้วย ตามมาตรา 719
ส่วนบ้านของนางแตงไท จำนองย่อมไม่ครอบไปถึงด้วยเช่นกัน ตามมาตรา 720 เพราะเป็นบ้านซึ่งเป็นของคนอื่นที่ได้สร้างลงในที่ดินซึ่งจำนองไว้ โดยไม่คำนึงว่าบ้านนั้นจะสร้างขึ้นก่อนหรือขณะจำนองหรือภายหลังวันจำนอง
สรุป
1 การจำนองมีผลสมบูรณ์
2 การจำนองไม่ครอบไปถึงบ้านทั้งสองหลังดังกล่าว
ข้อ 3 นาย A ทำสัญญากู้เงิน 3 ล้านบาทจากนาย B โดยมีนาย C ส่งมอบเครื่องเพชรไว้เป็นจำนำประกันหนี้สัญญาเงินกู้ ต่อมาหนี้ตามสัญญากู้ถึงกำหนดชำระ นาย A ผิดนัดไม่ชำระหนี้ นาย B ก็มิได้ฟ้องเรียกร้องให้นาย A ชำระหนี้เงินกู้ แต่นาย B ได้มีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนำไปยังนาย A และนาย C แต่ทั้งสองก็มิได้ชำระหนี้ นาย B จึงนำเครื่องเพชรของนาย C ออกขายทอดตลาดชำระหนี้ เช่นนี้ ถ้าขายทอดตลาดได้เงินไม่พอชำระหนี้เงินกู้ 3 ล้านบาท นาย A และนาย C จะต่อสู้ในเรื่องต่อไปนี้ได้หรือไม่
1 การบังคับจำนำไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะไม่ได้ฟ้องร้องต่อศาล
2 การที่เงินขาดจำนวนไม่พอชำระหนี้เงินกู้ 3 ล้านบาท ไม่ต้องรับผิดในหนี้ส่วนที่ขาดอยู่
ธงคำตอบ
มาตรา 764 เมื่อจะบังคับจำนำ ผู้รับจำนำต้องบอกกล่าวเป็นหนังสือไปยังลูกหนี้ก่อนว่าให้ชำระหนี้และอุปกรณ์ภายในเวลาอันควรซึ่งกำหนดให้ในคำบอกกล่าวนั้น
ถ้าลูกหนี้ละเลยไม่ปฏิบัติตามคำบอกกล่าว ผู้รับจำนำชอบที่จะเอาทรัพย์สินซึ่งจำนำออกขายได้แต่ต้องขายทอดตลาด
มาตรา 767 เมื่อบังคับจำนำได้เงินจำนวนสุทธิเท่าใด ท่านว่าผู้รับจำนำต้องจัดสรรชำระหนี้และอุปกรณ์เพื่อให้เสร็จสิ้นไป และถ้ายังมีเงินเหลือก็ต้องส่งคืนให้แก่ผู้จำนำ หรือแก่บุคคลผู้ควรจะได้เงินนั้น
ถ้าได้เงินน้อยกว่าจำนวนค้างชำระ ท่านว่าลูกหนี้ก็ยังคงต้องรับใช้ในส่วนที่ขาดอยู่นั้น
วินิจฉัย
การที่นาย A ทำสัญญากู้เงิน 3 ล้านบาท ไปจากนาย B โดยมีนาย C นำเครื่องเพชรมาส่งมอบไว้เป็นการจำนำประกันหนี้เงินกู้ ต่อมานาย A ผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามสัญญากู้นาย B เจ้าหนี้ผู้รับจำนำจึงมีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนำไปยังนาย A (ลูกหนี้) และนาย C (ผู้จำนำ) แต่ทั้งสองก็มิได้นำเงินมาชำระหนี้เงินกู้ นาย B (ผู้รับจำนำ) จึงนำเครื่องเพชรที่รับจำนำออกขายทอดตลาด จึงชอบที่จะกระทำได้เพราะ มาตรา 764 มีหลักว่าถ้ามีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนำแล้ว ถ้าลูกหนี้ยังไม่นำเงินมาชำระหนี้ตามหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนำ เจ้าหนี้ก็ชอบที่จะนำทรัพย์จำนำออกขายทอดตลาดชำระหนี้ประธานได้ ดังนั้นข้ออ้างของนาย A และนาย C ที่ว่าการบังคับจำนำไม่ชอบเพราะไม่ได้ฟ้องคดีต่อศาลให้นำทรัพย์จำนำออกขายทอดตลาดจึงฟังไม่ขึ้นเพราะการบังคับจำนำไม่ต้องฟ้องเป็นคดีต่อศาลตามมาตรา 764
ส่วนกรณีที่ขายทอดตลาดทรัพย์จำนำแล้วได้เงินไม่พอชำระหนี้ตามมาตรา 767 มีหลักว่าถ้าขายทอดตลาดแล้วได้เงินไม่พอชำระหนี้ ลูกหนี้ยังคงต้องรับผิดในหนี้ส่วนที่ยังขาดอยู่ ดังนั้นเมื่อขายทอดตลาดแล้วได้เงินไม่พอชำระหนี้ นาย A ลูกหนี้จึงยังคงต้องรับผิดในหนี้ส่วนที่ยังขาดอยู่ตามมาตรา 767 แต่นาย C ผู้จำนำไม่ต้องรับผิดในหนี้ส่วนที่ยังขาดอยู่ เพราะมิใช่เป็นลูกหนี้ชั้นต้น ดังนั้น นาย A จึงไม่สามารถอ้างได้ว่าตนไม่ต้องรับผิดในหนี้ที่ขาดอยู่เพราะนาย A เป็นลูกหนี้ชั้นต้น เมื่อนาย B เจ้าหนี้ผู้รับจำนำได้เงินไม่พอชำระหนี้เงินกู้ 3 ล้านบาท นาย A ลูกหนี้จึงต้องรับผิดในส่วนที่ขาดอยู่ แต่นาย C ผู้จำนำสามารถอ้างได้ว่าไม่ต้องรับผิดในหนี้ส่วนที่ขาดอยู่เพราะนาย C เป็นเพียงผู้จำนำมิใช่เป็นลูกหนี้ชั้นต้น จึงไม่ต้องรับผิดในหนี้ส่วนที่ขาดอยู่ตามมาตรา 767
สรุป
1 ข้ออ้างฟังไม่ขึ้น เพราการบังคับจำนำไม่ต้องฟ้องเป็นคดีต่อศาลตามมาตรา 764
2 ข้ออ้างของนาย A ฟังไม่ขึ้น แต่ของนาย C สามารถรับฟังได้ เพราะนาย C มิใช่เป็นลูกหนี้ชั้นต้นตามมาตรา 767