การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2547
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2010
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกัน จำนอง จำนำ
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ
ข้อ 1 มีกรณีใดบ้างที่เป็นการระงับไปซึ่งสัญญาค้ำประกันให้ท่านอธิบายมาสัก 2 กรณี พร้อมทั้งอ้างหลักกฎหมายและยกตัวอย่างประกอบด้วย
ธงคำตอบ
มาตรา 698 อันผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดในขณะเมื่อหนี้ของลูกหนี้ระงับสิ้นไปไม่ว่าเพราะเหตุใดๆ
มาตรา 699 การค้ำประกันเพื่อกิจการเนื่องกันไปหลายคราวไม่มีจำกัดเวลาเป็นคุณแก่เจ้าหนี้นั้นท่านว่าผู้ค้ำประกันอาจเลิกเสียเพื่อคราวอันเป็นอนาคตได้ โดยบอกกล่าวความประสงค์นั้นแก่เจ้าหนี้
ในกรณีเช่นนี้ ท่านว่าผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิดในกิจการที่ลูกหนี้กระทำลงภายหลังคำบอกกล่าวนั้นได้ไปถึงเจ้าหนี้
มาตรา 700 ถ้าค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระ ณ เวลามีกำหนดแน่นอน และเจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ไซร้ ท่านว่าผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิด
แต่ถ้าผู้ค้ำประกันได้ตกลงด้วยในการผ่อนเวลา ท่านว่าผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดไม่
มาตรา 701 ผู้ค้ำประกันจะขอชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ตั้งแต่เมื่อถึงกำหนดชำระก็ได้
อธิบาย
โดยปกติผู้ค้ำประกันจะต้องผูกพันกันตามสัญญาค้ำประกันจนกว่าหนี้จะระงับ ผู้ค้ำประกันจะบอกเลิกการค้ำประกันโดยเจ้าหนี้ไม่ยินยอมไม่ได้ เว้นแต่จะมีข้อตกลงหรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญา แต่หากไม่มีข้อตกลงกันตามสัญญาแล้วสัญญาค้ำประกันอาจระงับสิ้นไปได้โดยดังต่อไปนี้
1 หนี้ประธานระงับ ถ้าหนี้ประธานระงับสิ้นไป ไม่ว่าจะเป็นเพราะลูกหนี้ชำระหนี้ เจ้าหนี้ปลดหนี้ให้ลูกหนี้ หักกลบลบหนี้ แปลงหนี้ใหม่ หรือหนี้เกลื่อนกลืนกัน เป็นต้น ผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิด (มาตรา 698)
2 ผู้ค้ำประกันบอกเลิกสัญญาค้ำประกัน โดยหลักแล้วผู้ค้ำประกันจะบอกเลิกการค้ำประกันโดยเจ้าหนี้ไม่ยินยอมไม่ได้ เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 699 ซึ่งมีหลักเกณฑ์การบอกเลิกการค้ำประกันดังนี้
ต้องเป็นกิจการเนื่องกันไปหลายๆคราว มิใช่เป็นกิจการครั้งเดียวเสร็จในครั้งเดียว
กิจการเนื่องกันไปหลายคราวจะต้องไม่มีจำกัดเวลาเป็นคุณแก่เจ้าหนี้
ผู้ค้ำประกันจะบอกเลิกได้ก็ต่อเมื่อคราวอันเป็นอนาคตเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เจ้าหนี้และผู้ค้ำประกันอาจจะตกลงกันไว้ในสัญญาห้ามผู้ค้ำประกันบอกเลิกสัญญา แม้กรณีจะต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 699 ก็ได้ เพราะข้อยกเว้นดังกล่าวไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
3 เจ้าหนี้ผ่อนเวลาให้ลูกหนี้ การค้ำประกันหนี้อันมีกำหนดชำระแน่นอน ถ้าเจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้โดยผู้ค้ำประกันไม่รู้เห็นยินยอมด้วย ผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิด (มาตรา 700)
ตัวอย่าง ก กู้เงิน ข เป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท มีระยะเวลา 1 ปี โดยมี ค เป็นผู้ค้ำประกัน เมื่อถึงเวลาชำระหนี้ ข เจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ ก ลูกหนี้ โดย ค ไม่รู้เห็นยินยอมด้วย ค ผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดตามมาตรา 700
4 เจ้าหนี้ไม่รับชำระหนี้ ปกติผู้ค้ำประกันจะต้องรับผิดชำระหนี้แทนก็ต่อเมื่อลูกหนี้ผิดนัดตามมาตรา 686 แม้ลูกหนี้ยังไม่ตกเป็นผู้ผิดนัด ผู้ค้ำประกันก็ขอชำระหนี้ได้ ดังนั้นถ้าหนี้ถึงกำหนดชำระแล้วและผู้ค้ำประกันของชำระหนี้ แต่เจ้าหนี้ไม่ยอมรับชำระหนี้ ผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิด (มาตรา 701) เป็นผลให้เจ้าหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัด ไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในระหว่างที่ผิดนัดตามมาตรา 224 แต่ลูกหนี้ยังไม่พ้นจากการชำระหนี้
ตัวอย่าง ก กู้เงิน ข โดยมี ค เป็นผู้ค้ำประกัน มีระยะเวลา 1 ปี เมื่อถึงกำหนดชำระหนี้ ค จะขอชำระหนี้ให้แก่ ข แต่ ข ไม่ยอมรับชำระหนี้ ค ผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดตามมาตรา 701
5 ผู้ค้ำประกันตาย
ถ้าผู้ค้ำประกันตายก่อนถึงกำหนดเวลาชำระหนี้ หรือก่อนลูกหนี้ผิดนัด สัญญาค้ำประกันระงับ
ถ้าผู้ค้ำประกันตายหลังจากที่หนี้ถึงกำหนดชำระ และลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ สัญญาค้ำประกันยังไม่ระงับ ความผูกพันรับผิดตามสัญญาค้ำประกันตกทอดไปยังทายาทตามมาตรา 1600
ข้อ 2 นายเอกทำสัญญากู้เงินจากนายโท เป็นจำนวน 5,000,000 บาท โดยจดทะเบียนจำนองที่ดินเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญากู้ ต่อมาราคาที่ดินของนายเอกมีราคาต่ำลงนายโทเกรงว่าจะไม่พอชำระหนี้เงินกู้ จึงมีจดหมายส่งไปถึงนายเอกขอให้นายเอกมาทำข้อตกลงเพิ่มเติมว่า “ถ้าหากบังคับจำนองไม่พอชำระหนี้เงินกู้ นายเอกจะยอมรับผิดชำระหนี้ในส่วนที่เหลือ” เมื่อนายเอกได้รับจดหมายของนายโท จึงตอบตกลงทางโทรศัพท์ไปยังนายโท โดยทั้งสองตกลงว่าจะนำข้อตกลงเพิ่มเติมไปจดทะเบียนในอีก 2 วัน แต่เมื่อครบกำหนดแล้ว นายเอกก็ไม่จดทะเบียนข้อตกลงเพิ่มเติมในโฉนดที่ดิน ให้นักศึกษาวินิจฉัยว่า หากต่อมานายโทบังคับจำนองที่ดินได้เงินไม่พอชำระหนี้ยังขาดเงินอยู่อีก 1,000,000 บาท นายเอกต้องรับผิดชำระหนี้ส่วนที่เหลือหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 702 อันว่าจำนองนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้จำนอง เอาทรัพย์สินตราไว้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับจำนองเป็นประกันการชำระหนี้ โดยไม่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้รับจำนอง
ผู้รับจำนองชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองก่อนเจ้าหนี้สามัญ มิพักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือหาไม่
มาตรา 714 อันสัญญาจำนองนั้น ท่านว่าต้องเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
มาตรา 733 ถ้าเอาทรัพย์จำนองหลุด และราคาทรัพย์สินนั้นมีประมาณต่ำกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกันอยู่ก็ดี หรือถ้าเอาทรัพย์สินซึ่งจำนองออกขายทอดตลาดใช้หนี้ได้เงินจำนวนสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกันอยู่นั้นก็ดี เงินยังขาดจำนวนอยู่เท่าใดลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดในเงินนั้น
วินิจฉัย
สัญญาจำนองต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่มิฉะนั้นตกเป็นโมฆะ ตามมาตรา 714 สัญญาจำนองคือสัญญาที่ผู้จำนองนำทรัพย์สินไปตราไว้เป็นประกันกับเจ้าหนี้ผู้รับจำนอง โดยให้ผู้รับจำนองมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินจำนอง ก่อนเจ้าหนี้สามัญคนอื่นของผู้จำนองตามมาตรา 702
กรณีตามอุทาหรณ์ เมื่อทำสัญญาจำนองและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว ย่อมมีผลทางกฎหมายตามมาตรา 714 แม้ต่อมาจะทำข้อตกลงเพิ่มเติมในสัญญาจำนองว่า ถ้าเอาที่ดินจำนองออกขายทอดตลาดได้เงินน้อยกว่าหนี้ที่ค้างชำระผู้จำนองจะใช้ให้จนครบ ข้อตกลงดังกล่าวไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ข้อตกลงนี้จึงใช้บังคับได้ไม่เป็นโมฆะ และแม้คู่สัญญาจะมิได้นำข้อตกลงดังกล่าวไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็สมบูรณ์ใช้ได้ เพราะข้อตกลงดังกล่าวไม่เกี่ยวกับการจำนองที่ดินรายพิพาท จึงไม่เป็นสัญญาจำนองตามมาตรา 702 เนื่องจากมิได้ให้สิทธิแก่เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ส่วนที่เหลือก่อนเจ้าหนี้สามัญ ดังนั้นจึงไม่ต้องนำไปจดทะเบียนตามมาตรา 714 นายเอกจะอ้างว่าไม่มีการจดทะเบียนเพิ่มเติมข้อตกลงดังกล่าวจึงไม่มีผลบังคับใช้ไม่ได้ ฟังไม่ขึ้น นายเอกต้องรับผิดชำระหนี้ส่วนที่เหลือตามข้อตกลงยกเว้นบทบัญญัติมาตรา 733
สรุป นายเอกต้องรับผิดชำระหนี้ส่วนที่เหลือ 1,000,000 แก่นายโท
ข้อ 3 แดงตกลงมอบเงินฝากในบัญชีธนาคารบีเอสเอ็ม จำกัด พร้อมสมุดบัญชีเงินฝากประจำซึ่งมีจำนวน 3 ล้านบาท โดยได้ทำหนังสือยินยอมมอบเงินฝากไว้กับธนาคารมีข้อความว่า เพื่อเป็นหลักประกันการชำระหนี้และธนาคารมีอำนาจหักเงินจากบัญชีเงินฝากของแดง โดยที่แดงจะไม่ถอนเงินฝากจนกว่าธนาคารจะได้รับชำระหนี้จนครบถ้วน ต่อมาเจ้าหนี้อีก 2 รายของแดงได้ฟ้องให้แดงชำระหนี้และขอให้นำเงินฝากในบัญชีธนาคารดังกล่าวจัดสรรเป็นการชำระหนี้ ธนาคารไม่ยอมโดยอ้างว่าข้อตกลงระหว่างแดงและธนาคารเป็นการจำนำเงินฝาก ธนาคารจึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากเงินฝากก่อนเจ้าหนี้รายอื่น อยากทราบว่าข้ออ้างของธนาคารรับฟังได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 747 อันว่าจำนำนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้จำนำส่งมอบสังหาริมทรัพย์สิ่งหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้รับจำนำ เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้
วินิจฉัย
ตามหลักกฎหมายลักษณะจำนำกำหนดให้มีการส่งมอบทรัพย์ที่จำนำให้แก่ผู้รับจำนำดังนี้ ทรัพย์ที่จะจำนำจะต้องหลุดพ้นจากการครอบครองของผู้จำนำด้วยจึงจะเป็นการจำนำ ส่วนการจำนำเงินฝากตามใบรับฝากเงินนั้น เงินที่ฝากไว้กับธนาคารตกเป็นกรรมสิทธิ์ของธนาคาร ซึ่งธนาคารต้องมีหน้าที่คืนเงินให้ครบตามจำนวนที่ฝากไว้ การมอบเงินฝากพร้อมสมุดบัญชีประจำไว้ก็เพียงเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ที่ผู้ฝากจะพึงมีต่อธนาคารเท่านั้น แม้จะมีข้อความว่าเพื่อเป็นหลักประกันการชำระหนี้และให้สิทธิธนาคารในการหักเงินถือเป็นความตกลงในการฝากเงินเพื่อประกัน ส่วนเงินตามจำนวนในบัญชีเงินฝากนั้นยังคงเป็นของผู้ฝาก
ตามปัญหาการตกลงดังกล่าวของแดงที่มอบเงินฝาก พร้อมสมุดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคาร เพื่อเป็นหลักประกันการชำระหนี้และธนาคารมีอำนาจหักเงินจากบัญชีเงินฝากของแดง โดยที่แดงจะไม่ถอนเงินฝากจนกว่าธนาคารจะได้รับชำระหนี้ครบถ้วน จึงไม่ใช่เป็นการจำนำเงินฝาก ธนาคารจึงไม่มีสิทธิได้รับการชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นในฐานะเจ้าหนี้ผู้รับจำนำแต่ประการใด
สรุป ข้ออ้างของธนาคารฟังไม่ขึ้น