การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2548

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2010

Advertisement

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกัน จำนอง จำนำ

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  3  ข้อ

ข้อ  1  นางแตงกวาเป็นหญิงเสเพล  ได้ขอยืมเงินนายอินเป็นเงิน  100,000  บาท  เพื่อเอาไปเลี้ยงเหล้าเพื่อนของตน  โดยมีนายมะระน้องชายนำที่ดินพร้อมบ้านของตนที่อยู่บนดอยปุยซึ่งอยู่ห่างไกลจากความเจริญมาจำนำนายอินไว้  บ้านดังกล่าวมีราคาประมาณ  1,000,000  บาท  ต่อมาเกิดไฟไหม้ป่าขึ้นบ้านเสียหาย  มูลค่าลดลงไป  900,000  บาท  นายอินเห็นว่าบ้านเสียหายมาก  ตนเองจะเสียหายจึงจะบังคับจำนองในทันที  ดังนี้  นายอินจะทำได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  702  อันว่าจำนองนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้จำนอง  เอาทรัพย์สินตราไว้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง  เรียกว่าผู้รับจำนองเป็นประกันการชำระหนี้  โดยไม่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้รับจำนอง

ผู้รับจำนองชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองก่อนเจ้าหนี้สามัญ  มิพักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือหาไม่

มาตรา  723  ถ้าทรัพย์สินซึ่งจำนองบุบสลาย  หรือถ้าทรัพย์สินซึ่งจำนองแต่สิ่งใดสิ่งหนึ่งสูญหายหรือบุบสลาย  เป็นเหตุให้ไม่เพียงพอแก่การประกันไซร้  ท่านว่าผู้รับจำนองจะบังคับจำนองเสียในทันทีก็ได้  เว้นแต่เมื่อเหตุนั้นมิได้เป็นเพราะความผิดของผู้จำนอง  และผู้จำนองก็เสนอจะจำนองทรัพย์สินอื่นแทนให้มีราคาเพียงพอหรือเสนอจะรับซ่อมแซมแก้ไขความบุบสลายนั้นภายในเวลาอันสมควรแก่เหตุ

วินิจฉัย 

การที่นางแตงกวายืมเงินนายอิน  100,000  บาท  ซึ่งเป็นหนี้ประธานไปซื้อเหล้า  ถือว่าหนี้ประธานเป็นหนี้ที่ไม่ขัดต่อความสวบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี  จึงสมบูรณ์ตามกฎหมาย  เมื่อหนี้ประธานสมบูรณ์ตามกฎหมาย  การที่นายมะระได้นำที่ดินพร้อมบ้านของตนมาจำนองนายอินไว้  การจำนองย่อมสมบูรณ์เช่นเดียวกันตามมาตรา  702  ส่วนเรื่องความเสียหายของทรัพย์จำนองที่มูลค่าลดลงไปถึง  900,000  บาทนั้น  การเสียหายของทรัพย์จำนองดังกล่าวยังไม่เสียหายถึงขนาดที่จะบังคับจำนองได้ทันที  ตามมาตรา  723  เพราะยังมีมูลค่าเหลืออยู่อีก  100,000  บาท  จึงเพียงพอที่จะประกันการชำระหนี้ที่เหลืออยู่ได้

สรุป  นายอินจะบังคับจำนองทันทีไม่ได้

 

ข้อ  2  แดงกู้เงินเขียว  โดยตกลงทำสัญญากันถูกต้อง  หลังจากนั้นแดงได้นำแหวนของตนเองและมีเหลืองนำสร้อยคอมาวางเป็นการจำนำไว้กับเขียว  โดยที่เขียวตกลงรับแหวนและสร้อยคอเป็นหลักประกันการกู้เงิน  เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระเขียวได้โทรศัพท์ขอให้แดงชำระหนี้  แดงไม่ชำระหนี้  เขียวจึงนำแหวนและสร้อยคอออกขายทอดตลาด  แดงจึงมาปรึกษาท่านว่าการกระทำของเขียวถูกต้องหรือไม่  ในการนำทรัพย์ของแดงและเหลืองออกขายทอดตลาด

ธงคำตอบ

มาตรา  747  อันว่าจำนำนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง  เรียกว่า  ผู้จำนำส่งมอบสังหาริมทรัพย์สิ่งหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง  เรียกว่า ผู้รับจำนำ  เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้

มาตรา  764  เมื่อจะบังคับจำนำ  ผู้รับจำนำต้องบอกกล่าวเป็นหนังสือไปยังลูกหนี้ก่อนว่าให้ชำระหนี้และอุปกรณ์ภายในเวลาอันควรซึ่งกำหนดให้ในคำบอกกล่าวนั้น

ถ้าลูกหนี้ละเลยไม่ปฏิบัติตามคำบอกกล่าว  ผู้รับจำนำชอบที่จะเอาทรัพย์สินซึ่งจำนำออกขายได้แต่ต้องขายทอดตลาด

อนึ่งผู้รับจำนำต้องมีจดหมายบอกกล่าวไปยังผู้จำนำบอกเวลาและสถานที่ซึ่งจะขายทอดตลาดด้วย

วินิจฉัย

แดงกู้เงินเขียว  และได้มอบแหวนของตนเองและมีเหลืองมอบสร้อยคอให้เขียวไว้  ถือเป็นการจำนำประกันการชำระหนี้เงินกู้ยืมตามมาตรา  747  แต่การที่เขียวจะนำทรัพย์ที่จำนำออกขายทอดตลาดนั้น  จะต้องปรากฏว่าเขียวได้มีจดหมายบอกกล่าวให้ลูกหนี้คือแดงทำการชำระหนี้เสียก่อน  ถ้าและลูกหนี้ละเลยเสียไม่ทำการชำระหนี้  ผู้รับจำนำจึงจะมีสิทธินำทรัพย์ที่จำนำออกขายทอดตลาดได้

ตามปัญหาปรากฏว่า  เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระเขียวเพียงแต่โทรศัพท์บอกให้แดงชำระหนี้เท่านั้น  แต่มิได้มีจดหมายบอกกล่าว  จึงต้องถือว่าเขียวมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามที่มาตรา  764  วางหลักเกี่ยวกับการบังคับจำนำไว้

สรุป  การกระทำของเขียวในการนำทรัพย์ออกขายทอดตลาดจึงยังไม่ถูกต้องตามมาตรา  764   

 

ข้อ  3  ในวันที่  30  มกราคม  2545  นายเอกทำสัญญากู้เงินจำนวน  50,000  บาท  จากนายโท  โดยนายเอกตกลงว่าจะให้ดอกเบี้ยร้อยละ  15  ต่อปี  แก่นายโทจนกว่าหนี้จะถึงกำหนดในวันที่  20  สิงหาคม  2549  ซึ่งในการกู้ยืมเงินครั้งนี้นายเอกได้ส่งมอบเครื่องอบผลไม้ไฟฟ้าไว้เป็นประกันการกู้เงินแก่นายโทด้วย  โดยนายเอกตกลงให้นายโทสามารถเอาออกให้ผู้อื่นเช่าได้  ในวันที่  3  ตุลาคม  2545  นายโทจึงได้นำไปให้นายหนึ่งเช่าโดยคิดค่าเช่าเดือนละ  5,000  บาททุกเดือน  เมื่อนายโทได้รับค่าเช่าจากนายหนึ่งทุกสิ้นเดือน  ตั้งแต่เดือนตุลาคม  2545  เป็นต้นมา  ก็ได้นำค่าเช่าดังกล่าวมาหักชำระหนี้ดอกเบี้ยตามสัญญากู้ที่นายเอกต้องชำระแก่นายโท  ให้นักศึกษาวินิจฉัยว่า  การที่นายโทเจ้าหนีกระทำเช่นนี้  ชอบด้วยกฎหมายจำนำหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  749  คู่สัญญาจำนำจะตกลงกันให้บุคคลภายนอกเป็นผู้เก็บรักษาทรัพย์สินจำนำไว้ก็ได้

มาตรา  760  ถ้าผู้รับจำนำเอาทรัพย์สินซึ่งจำนำออกใช้เอง  หรือเอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย  หรือเก็บรักษาโดยผู้จำนำมิได้ยินยอมด้วยไซร้  ท่านว่าผู้รับจำนำจะต้องรับผิดเพื่อที่ทรัพย์สินจำนำนั้นสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างใดๆ  แม้ทั้งเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรๆก็คงจะต้องสูญหายหรือบุบสลายอยู่นั่นเอง

มาตรา  761  ถ้ามิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญา  หากมีดอกผลนิตินัยงอกจากทรัพย์สินนั้นอย่างไร  ท่านให้ผู้รับจำนำจัดสรรใช้เป็นค่าดอกเบี้ยอันค้างชำระแก่ตน  และถ้าไม่มีดอกเบี้ยค้างชำระ  ท่านให้จัดสรรใช้เงินต้นแห่งหนี้อันได้จำนำทรัพย์สินเป็นประกันนั้น

วินิจฉัย

ในการจำนำคู่สัญญาจะตกลงให้บุคคลภายนอกเป็นผู้เก็บรักษาทรัพย์สินที่จำนำได้  และเมื่อผู้จำนำยินยอม  ผู้รับจำนำมีสิทธินำทรัพย์จำนำออกให้บุคคลภายนอกใช้สอยได้  ตามมาตรา  749  ประกอบมาตรา  760  และเมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระแล้วเจ้าหนี้ผู้รับจำนำมีสิทธินำดอกผลนิตินัยที่เกิดจากทรัพย์จำนำมาชำระดอกเบี้ยได้  และถ้าดอกเบี้ยไม่มีให้นำมาจัดสรรชำระหนี้เงินต้นได้

หนี้ตามสัญญากู้ระหว่างนายเอกและนายโทถึงกำหนดชำระในวันที่  20  สิงหาคม  2549  ดังนั้นแม้จะมีค่าเช่าเกิดขึ้นจากการที่นายโทเจ้าหนี้นำเครื่องอบผลไม้ไฟฟ้าออกให้นายหนึ่งเช่าโดยได้รับความยินยอมจากนายเอกผู้จำนำก็ตาม  ตามมาตรา  749  ประกอบมาตรา  760 ซึ่งสามารถกระทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย  แต่นายโทเจ้าหนี้หามีสิทธินำค่าเช่าซึ่งเป็นดอกผลนิตินัยดังกล่าวมาจัดสรรชำระหนี้ดอกเบี้ยตามสัญญากู้เพราะหนี้ดอกเบี้ยยังไม่ถึงกำหนดชำระ  ตามมาตรา  761  (ให้จัดสรรใช้เป็นค่าดอกเบี้ยที่ค้างชำระเท่านั้น)

สรุป  การที่นายโทเจ้าหนี้นำเครื่องอบผลไม้ไฟฟ้าออกให้เช่าเป็นการกระทำโดยชอบตามมาตรา  749  ประกอบมาตรา  760  แต่การนำค่าเช่าที่เก็บตั้งแต่ตุลาคม  2545  เป็นต้นมา  นำมาชำระค่าดอกเบี้ยตามสัญญากู้ไม่สามารถทำได้เพราะค่าดอกเบี้ยยังไม่ถึงกำหนดชำระ  ตามมาตรา  761

Advertisement