การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2552
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2010
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกัน จำนอง จำนำ
ข้อ 1 นายกรุงเทพเป็นหนี้เงินกู้นายเหลืองผ่องจำนวน 5 ล้านบาท โดยมีนายแดงแจ๋เป็นผู้ค้ำประกัน มีหลักฐานการกู้เงินและการค้ำประกันถูกต้องตามกฎหมาย นายเหลืองผ่องเกรงว่าเมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระ ทั้งนายกรุงเทพและนายแดงแจ๋จะชำระหนี้ไม่ครบ จึงขอให้นายกรุงเทพหาหลักประกันเป็นทรัพย์สินอย่างอื่นมามอบไว้ นายกรุงเทพจึงนำโฉนดที่ดินของนายต่างจังหวัดซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินจำนวน 20 ไร่ ซึ่งอยู่ที่จังหวัดนครนายกมาให้นายเหลืองผ่องยึดถือไว้เป็นประกัน
เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระ นายกรุงเทพชำระหนี้ไม่ได้ ส่วนนายแดงแจ๋อ้างว่าเมื่อนายต่างจังหวัดนำโฉนดที่ดินให้นายกรุงเทพยึดถือไว้แล้ว จึงขอให้นายเหลืองผ่องบังคับการชำระหนี้จากที่ดินนั้นได้ ตนจึงหลุดพ้นไม่ต้องรับผิด อยากทราบว่าข้ออ้างของนายแดงแจ๋รับฟังได้หรือไม่ เพราะเหตุใด ยกหลักกฎหมายประกอบ
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 680 อันว่าค้ำประกันนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ค้ำประกัน ผูกพันตนต่อเจ้าหนี้คนหนึ่งเพื่อชำระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้นั้น
อนึ่งสัญญาค้ำประกันนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกันเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่
มาตรา 686 ลูกหนี้ผิดนัดลงเมื่อใด ท่านว่าเจ้าหนี้ชอบที่จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้แต่นั้น
มาตรา 690 ถ้าเจ้าหนี้มีทรัพย์ของลูกหนี้ยึดไว้เป็นประกันไซร้ เมื่อผู้ค้ำประกันร้องขอ ท่านว่าเจ้าหนี้จะต้องให้ชำระหนี้เอาจากทรัพย์ซึ่งเป็นประกันนั้นก่อน
มาตรา 714 อันสัญญาจำนองนั้น ท่านว่าต้องเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
วินิจฉัย
ในกรณีที่การกู้เงินและการค้ำประกันนั้นถ้าได้กระทำถูกต้องตามกฎหมาย และมีหลักฐานในการฟ้องร้องบังคับคดี ย่อมก่อให้เกิดสิทธิแก่เจ้าหนี้ในการบังคับการชำระหนี้เอาจากลูกหนี้และผู้ค้ำประกันได้ตามมาตรา 680 และในส่วนของผู้ค้ำประกันอาจจะบ่ายเบี่ยงขอให้เจ้าหนี้บังคับเอาจากลูกหนี้ก่อนได้ตามมาตรา 690 คือเมื่อเจ้าหนี้มีทรัพย์ของลูกหนี้ยึดถือไว้เป็นประกัน และการเรียกนั้นได้กระทำถูกต้องตามกฎหมาย เช่น ในกรณีทรัพย์ที่เป็น ประกันไว้เป็นที่ดินก็จะต้องได้มีการทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 714 ด้วย
ตามอุทาหรณ์ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระนายกรุงเทพซึ่งเป็นลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ นายเหลืองผ่องเจ้าหนี้จึงมีสิทธิเรียกให้นายแดงแจ๋ชำระหนี้ได้ตามมาตรา 686 และการที่นายแดงแจ๋อ้างว่าเมื่อนายต่างจังหวัดนำโฉนดที่ดินให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้แล้วก็ให้เจ้าหนี้บังคับชำระหนี้จากที่ดินนั้นตามมาตรา 690 ข้ออ้างของนายแดงแจ๋รับฟังไม่ได้ ทั้งนี้เพราะที่ดินที่นายเหลืองผ่องยึดถือไว้นั้นไม่ใช่ที่ดินของลูกหนี้ อีกทั้งการที่มีการเอาที่ดินมายึดถือไว้เป็นประกันนั้นก็มิได้กรทำให้ถูกต้องตามแบบที่กฎหมายกำหนด คือไม่ได้มีการทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 714 แต่อย่างใด
สรุป ข้ออ้างของนายแดงแจ๋รับฟังไม่ได้
ข้อ 2 นายแดงต้องการช่วยเหลือนายดำซึ่งเป็นลูกหนี้นายขาวเป็นจำนวนเงิน 10 ล้านบาท แต่นายแดงมีเพียงที่ดินจำนวน 5 ไร่ ราคา 2 ล้าน 5 แสนบาท จึงขอนำที่ดินแปลงดังกล่าวไปจดทะเบียนจำนองเพื่อเป็นหลักประกันกับนายขาว โดยจดทะเบียนจำนองระบุที่ดินเปล่า 5 ไร่ ราคา 2 ล้าน 5 แสนบาท หลังจากจดทะเบียนจำนองแล้ว ปรากฏว่านายแดงทำการค้าขายได้เงินกำไรเป็นจำนวน 10 ล้านบาท จึงนำเงินดังกล่าวไปปลูกบ้านในที่ดินที่จดทะเบียนจำนอง เมื่อหนี้เงินกู้ของนายดำและนายขาวถึงกำหนดชำระ นายขาวขอบังคับจำนองโดยมีจดหมายบอกให้นายดำชำระหนี้ และหากชำระหนี้ไม่ได้ก็ขอขายทอดตลาดทั้งที่ดินและบ้านที่ปลูกสร้างหลังการจดทะเบียนจำนองเพื่อนำเงินที่ขายได้ทั้งหมดมาชำระหนี้เงินกู้ 10 ล้านบาท อยากทราบว่า นายขาวมีสิทธิ์ขายทั้งที่ดินและบ้าน และนำเงินที่ขายได้ทั้งหมดมาชำระหนี้ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 702 อันว่าจำนองนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ผู้จำนองเอาทรัพย์สินตราไว้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับจำนอง เป็นประกันการชำระหนี้ โดยไม่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้รับจำนอง
ผู้รับจำนองชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองก่อนเจ้าหนี้สามัญ มิพักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือหาไม่
มาตรา 709 บุคคลคนหนึ่งจะจำนองทรัพย์สินของตนไว้เพื่อประกันหนี้อันบุคคลอื่นจะต้องชำระ ก็ให้ทำได้
มาตรา 719 จำนองที่ดินไม่ครอบไปถึงเรือนโรงอันผู้จำนองปลูกสร้างลงในที่ดินภายหลังวันจำนอง เว้นแต่จะมีข้อความกล่าวไว้โดยเฉพาะในสัญญาว่าให้ครอบไปถึง
แต่กระนั้นก็ดี ผู้รับจำนองจะให้ขายเรือนโรงนั้นรวมไปกับที่ดินด้วยก็ได้ แต่ผู้รับจำนองอาจใช้บุริมสิทธิของตนได้เพียงแก่ราคาที่ดินเท่านั้น
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ นายแดงต้องการช่วยเหลือนายดำซึ่งเป็นลูกหนี้นายขาว จึงนำที่ดินของตนไปจดทะเบียนจำนองเพื่อเป็นหลักประกันกับนายขาว การจดทะเบียนจำนองดังกล่าวถึงแม้เป็นที่ดินเป็นของนายแดง บุคคลอื่นที่มิใช่ลูกหนี้ ก็ย่อมกระทำได้ตามมาตรา 702 ประกอบมาตรา 709
และโดยหลักแล้ว การจำนองย่อมไม่ครอบไปถึงเรือนโรงอันผู้จำนองปลูกสร้างลงในที่ดินภายหลังวันจำนอง เว้นแต่จะตกลงกันเป็นอย่างอื่นไว้โดยเฉพาะในสัญญาให้ครอบไปถึง อย่างไรก็ดี ผู้รับจำนองจะให้ขายเรือนโรงนั้นรวมไปกับที่ดินด้วยก็ได้ แต่ผู้รับจำนองอาจใช้บุริมสิทธิของตนได้เพียงแก่ราคาที่ดินเท่านั้น (มาตรา 719)
และเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าภายหลังวันจำนองนายแดงได้ปลูกบ้านในที่ดินที่จดทะเบียนจำนอง เมื่อหนี้เงินกู้ของนายดำและนายขาวถึงกำหนดชำระ นายขาวก็ประสงค์จะบังคับจำนองโดยมีจดหมายบอกให้นายดำชำระหนี้และหากชำระหนี้ไม่ได้ ก็ขอขายทอดตลาดทั้งที่ดินและบ้านที่ปลูกภายหลังวันจำนอง ดังนี้ นายขาวสามารถขายที่ดินพร้อมบ้านได้แต่จะนำเงินไปชำระหนี้ทั้งหมดไม่ได้ จะนำไปได้แต่เพียงราคาที่ดินเท่านั้น ตามมาตรา 719 วรรคสอง
สรุป นายขาวสามารถขายที่ดินพร้อมบ้านได้แต่จะนำเงินไปชำระหนี้ทั้งหมดไม่ได้ จะนำไปชำระหนี้ได้แต่เพียงราคาที่ดินเท่านั้น
ข้อ 3 นายฟ้ากู้เงินนายดินจำนวน 2 ล้านบาท โดยมีหลักฐานการกู้ถูกต้อง ขณะเดียวกัน นายฟ้าได้นำทองคำหนัก 100 บาท คิดเป็นเงิน 1 ล้านแปดแสนบาท มาให้กับนายดินเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ โดยมิได้ทำหลักฐานการจำนำแต่อย่างไร เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระนายดินได้จดหมายเรียกให้นายฟ้าชำระหนี้ แต่นายฟ้าไม่สามารถชำระหนี้ได้ นายดินจึงนำทองคำออกขายทอดตลาด ปรากฏว่าราคาทองคำตกต่ำลงมาก ทำให้นายดินขายทองได้เงินเพียง 1 ล้านบาท อยากทราบว่า นายฟ้าจะยังคงต้องรับผิดในหนี้เงินที่เหลืออีก 1 ล้านบาทหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 747 อันว่าจำนำนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ผู้จำนำ ส่งมอบสังหาริมทรัพย์สิ่งหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้รับจำนำ เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้
มาตรา 764 เมื่อจะบังคับจำนำ ผู้รับจำนำต้องบอกกล่าวเป็นหนังสือไปยังลูกหนี้ก่อนว่าให้ชำระหนี้และอุปกรณ์ภายในเวลาอันควรซึ่งกำหนดให้ในคำบอกกล่าวนั้น
ถ้าลูกหนี้ละเลยไม่ปฏิบัติตามคำบอกกล่าว ผู้รับจำนำชอบที่จะเอาทรัพย์สินซึ่งจำนำออกขายได้แต่ต้องขายทอดตลาด
อนึ่งผู้รับจำนำต้องมีจดหมายบอกกล่าวไปยังผู้จำนำบอกเวลาและสถานที่ซึ่งจะขายทอดตลาดด้วย
มาตรา 767 เมื่อบังคับจำนำได้เงินจำนวนสุทธิเท่าใด ท่านว่าผู้รับจำนำต้องจัดสรรชำระหนี้และอุปกรณ์เพื่อให้เสร็จสิ้นไป และถ้ายังมีเงินเหลือก็ต้องส่งคืนให้แก่ผู้จำนำ หรือแก่บุคคลผู้ควรจะได้เงินนั้น
ถ้าได้เงินน้อยกว่าจำนวนค้างชำระ ท่านว่าลูกหนี้ก็ยังคงต้องรับใช้ในส่วนที่ขาดอยู่นั้น
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายฟ้านำทองคำมาจำนำกับนายดิน เมื่อการจำนำดังกล่าวมีการส่งมอบสังหาริมทรัพย์ย่อมทำให้สัญญาจำนำสมบูรณ์ มีผลบังคับได้ตามกฎหมาย และในกรณีที่มีการบังคับจำนำนั้นนายดินก็ได้กระทำถูกต้องตามมาตรา 764 คือ มีจดหมายบอกให้ลูกหนี้ทำการชำระหนี้และมีการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนำ และตามมาตรา 767 ได้กำหนดไว้ว่า เมื่อมีการบังคับจำนำโดยเอาทรัพย์จำนำออกขายทอดตลาดแล้ว หากได้เงินน้อยกว่าจำนวนค้างชำระ ลูกหนี้ก็ยังคงต้องรับผิดใช้ในส่วนที่ขาดอยู่นั่นเอง ดังนั้น เมื่อนำทองออกขายทอดตลาดได้เพียง 1 ล้านบาท นายฟ้าจึงต้องรับผิดในหนี้ที่ยังเหลืออยู่อีก 1 ล้านบาทตามมาตรา 767 วรรคสอง
สรุป นายฟ้าต้องรับผิดในหนี้ที่ยังเหลืออยู่อีก 1 ล้านบาท