การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2553
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2010
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกัน จำนอง จำนำ
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ
ข้อ 1 เหลืองอายุ 18 ปี ซื้อรถจักรยานยนต์หนึ่งคันราคา 50,000 บาท จากแดง ทั้งๆที่ผู้แทนโดยชอบธรรมไม่ได้ให้ความยินยอม การชำระเงินกำหนดว่าให้เหลืองชำระครั้งแรก 10,000 บาท ซึ่งเหลืองก็ได้ชำระแล้ว ส่วนที่เหลือให้ชำระเป็นรายเดือน เดือนละ 4,000 บาท เป็นเวลา 10 เดือน น้ำเงินผู้เป็นอาของเหลืองค้ำประกันหนี้รายนี้โดยรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมดข้างต้นตั้งแต่วันทำสัญญา 5 วัน หลังจากนั้น เหลืองได้รับอุบัติเหตุจากการขี่รถจักรยานยนต์คันนั้นจนต้องเข้ารับการรักษา ผู้แทนโดยชอบธรรมจึงได้ทราบเรื่องทั้งหมด
ผู้แทนโดยชอบธรรมจึงนำรถจักรยานยนต์ชำรุด ประมาณราคาได้เพียง 5,000 บาท ส่งมอบให้แดง พร้อมทั้งแสดงเจตนาบอกล้างสัญญาซื้อขาย และขอให้แดงคืนเงินให้ฝ่ายตน 5,000 บาท แดงอ้างว่าฝ่ายเหลืองต่างหากที่ต้องชำระเงินให้ตน 35,000 บาท
ดังนี้ ให้ท่านวินิจฉัยว่า
1) น้ำเงินต้องชำระเงินให้แดงหรือไม่ เพราะเหตุใด อย่างไร
2) เหลืองและผู้แทนโดยชอบธรรมต้องรับผิดต่อน้ำเงินหรือไม่ เพราะเหตุใด อย่างไร
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 681 อันค้ำประกันนั้นจะมีได้แต่เฉพาะเพื่อหนี้อันสมบูรณ์
หนี้ในอนาคตหรือหนี้มีเงื่อนไข จะประกันไว้เพื่อเหตุการณ์ซึ่งหนี้ นั้นอาจเป็นผลได้จริง ก็ประกันได้
หนี้อันเกิดแต่สัญญาซึ่งไม่ผูกพันลูกหนี้ เพราะทำด้วยความสำคัญผิด หรือเพราะเป็นผู้ไร้ความสามารถนั้น ก็อาจจะมีประกันอย่างสมบูรณ์ได้ ถ้าหากว่าผู้ค้ำประกันรู้เหตุสำคัญผิดหรือไร้ความสามารถนั้นในขณะที่ เข้าทำสัญญาผูกพันตน
มาตรา 693 ผู้ค้ำประกันซึ่งได้ชำระหนี้แล้ว ย่อมมีสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้ เพื่อต้นเงินกับดอกเบี้ยและเพื่อการที่ต้องสูญหายหรือเสียหายไปอย่างใดๆ เพราะการค้ำประกันนั้น
อนึ่ง ผู้ค้ำประกันย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้บรรดามีเหนือลูกหนี้ด้วย
วินิจฉัย
1) ตามอุทาหรณ์ การที่เหลืองผู้เยาว์ได้ไปซื้อจักรยานยนต์จากแดง โดยที่ผู้แทนโดยชอบธรรมไม่ได้ให้ความยินยอม สัญญาซื้อขายดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆียะ (มาตรา 21 และ 153) เมื่อผู้แทนโดยชอบธรรมบอกล้างแล้ว จึงตกเป็นโมฆะมาตั้งแต่เริ่มแรก และคู่กรณีต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้แทนโดยชอบธรรมนำรถจักรยานยนต์ชำรุดส่งมอบให้แดงซึ่งประมาณราคาได้เพียง 5,000 บาท จึงเป็นการพ้นวิสัย ดังนั้นเหลืองจึงต้องชดใช้เงินให้แดงจำนวน 35,000 บาท ตามราคารถยนต์ที่ยังค้างชำระอยู่ (มาตรา 176)
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเงินจำนวนนี้จะเป็นหนี้ที่เกิดจากสัญญาที่ไม่ผูกพันเหลืองลูกหนี้ เพราะเป็นผู้ไร้ความสามารถก็ตาม แต่หนี้ที่เป็นโมฆียะนั้นถือเป็นหนี้ที่สมบูรณ์อยู่จนกว่าจะถูกบอกล้าง เมื่อน้ำเงินค้ำประกันหนี้รายนี้โดยรู้ข้อเท็จจริงว่าเหลืองไร้ความสามารถในขณะทำสัญญาค้ำประกัน ตามมาตรา 681 วรรคสาม จึงเป็นการค้ำประกันที่สมบูรณ์ น้ำเงินผู้ค้ำประกันจึงต้องรับผิดชำระเงินให้แดงตามมาตรา 681 วรรคแรก
2) เมื่อน้ำเงินผู้ค้ำประกันได้ชำระหนี้ให้แดงเจ้าหนี้แทนเหลืองลูกหนี้แล้ว ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้ในอันที่จะไล่เบี้ยเอากับเหลืองและผู้แทนโดยชอบธรรมในต้นเงินกับดอกเบี้ยและเพื่อการที่ต้องสูญหายหรือเสียหายไปอย่างใดๆ เพราะการค้ำประกันนั้นได้ตามมาตรา 693 วรรคแรก ประกอบกับมาตรา 229(3)
สรุป
1) น้ำเงินต้องชำระเงินให้แดงในฐานะผู้ค้ำประกันเหลือง
2) เหลืองและผู้แทนโดยชอบธรรมต้องรับผิดชอบต่อน้ำเงิน
ข้อ 2 ก กู้เงิน ข โดยนำเรือกำปั่นบรรทุกสินค้าไปจำนองเป็นประกันหนี้ ต่อมา ก ได้ชำระหนี้บางส่วนและขอปลดทรัพย์บางส่วน คือ ปลดเฉพาะเครื่องจักรเดินเรือ โดย ข เจ้าหนี้ได้ยินยอมด้วย แต่การปลดจำนองครั้งนี้ มิได้นำความไปจดทะเบียนปลดจำนองต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ดังนี้ ค เจ้าหนี้ของ ข ผู้รับจำนองจะใช้สิทธิเรียกร้องของ ข มาฟ้องบังคับจำนองแก่ ก โดยเรียกให้ชำระหนี้เต็มจำนวนตั้งแต่แรกกู้ 1,000,000 บาท ได้หรอไม่ และ ค ยังเรียกให้ ก ส่งมอบเครื่องจักรที่ ก อ้างว่าไถ่ถอนไปก่อนแล้ว ให้ ค ด้วย ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 235 เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้เรียกเงินเต็มจำนวนที่ยังค้างชำระแก่ลูกหนี้โดยไม่ต้องคำนึงถึงจำนวนที่ค้างชำระแก่ตนก็ได้ ถ้าจำเลยยอมใช้เงินเพียงเท่าจำนวนที่ลูกหนี้เดิมค้างชำระแก่เจ้าหนี้นั้น คดีก็เป็นอันเสร็จกันไป แต่ถ้าลูกหนี้เดิมได้เข้าชื่อเป็นโจทก์ด้วย ลูกหนี้เดิมจะขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาต่อไปในส่วนจำนวนเงินที่ยังเหลือติดค้างอยู่ก็ได้
แต่อย่างไรก็ดี ท่านมิให้เจ้าหนี้ได้รับมากไปกว่าจำนวนที่ค้างชำระแก่ตนนั้นเลย
มาตรา 717 แม้ว่าทรัพย์สินซึ่งจำนองจะแบ่งออกเป็นหลายส่วนก็ตาม ท่านว่าจำนองก็ยังคงครอบไปถึงส่วนเหล่านั้นหมดทุกส่วนด้วยกันอยู่นั่นเอง
ถึงกระนั้นก็ดี ถ้าผู้รับจำนองยินยอมด้วย ท่านว่าจะโอนทรัพย์สินส่วนหนึ่งส่วนใดไปปลดจากจำนองก็ให้ทำได้ แต่ความยินยอมดังว่านี้หากมิได้จดทะเบียน ท่านว่าจะยกเอาเป็นข้อต่อสู้กับบุคคลภายนอกหาได้ไม่
มาตรา 746 การชำระหนี้ไม่ว่าครั้งใดๆสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วนก็ดี การระงับหนี้อย่างใดๆก็ดี การตกลงกันแก้ไขเปลี่ยนแปลงจำนองหรือหนี้อันจำนองเป็นประกันนั้นเป็นประการใดก็ดี ท่านว่าต้องนำความไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในเมื่อมีคำขอร้องของผู้มีส่วนได้เสีย มิฉะนั้นท่านห้ามมิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอก
วินิจฉัย
โดยหลัก ถ้าเป็นกรณีทรัพย์ที่จำนองมีสิ่งเดียวแต่แบ่งออกเป็นหลายส่วน การจำนองย่อมครอบคลุมไปถึงส่วนเหล่านั้นทุกส่วน ซึ่งตามหลักแล้วลูกหนี้จะขอไถ่ถอนจำนองออกเป็นส่วนๆไม่ได้ เว้นแต่ผู้รับจำนองจะยินยอมด้วย แต่ความยินยอมดังกล่าวหากไม่นำไปจดทะเบียน จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกไม่ได้ (มาตรา 717)
ตามอุทาหรณ์ การที่ ก ได้ชำระหนี้บางส่วน และขอไถ่ถอนจำนองเฉพาะเครื่องจักรเดินเรือนั้น เมื่อ ข ผู้รับจำนองได้ยินยอมด้วยแล้ว ก ย่อมทำได้ แต่เมื่อการไถ่ถอนจำนองบางส่วนดังกล่าวมิได้นำไปจดทะเบียนปลดจำนอง จึงทำให้ ก ไม่สามารถเอาการไถ่ถอนจำนองนั้นขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับบุคคลภายนอกได้ตามมาตรา 717 ประกอบมาตรา 746
ดังนั้น ค เจ้าหนี้ของ ข ผู้รับจำนอง ซึ่งถือเป็นบุคคลภายนอกจึงสามารถใช้สิทธิเรียกร้องของ ข ตามมาตรา 235 ฟ้องบังคับจำนองเอากับ ก เต็มจำนวน 1,000,000 บาทได้ และยังเรียกให้ ก ส่งมอบเครื่องจักรเดินเรือคืนให้ ค ได้ด้วย เพราะถือว่าเครื่องจักรเดินเรือยังติดจำนองอยู่ตามมาตรา 717 ซึ่ง ก ผู้จำนอง ไม่มีทางที่จะต่อสู้ได้เลย
สรุป ค สามารถใช้สิทธิเรียกร้องของ ข มาฟ้องบังคับจำนองกับ ก โดยเรียกให้ชำระหนี้เต็มจำนวนตั้งแต่แรกกู้ 1,000,000 บาท และเรียกให้ ก ส่งมอบเครื่องจักรเดินเรือให้ ค ได้
ข้อ 3 นายแดงกู้เงินนายนก 5 ล้านบาท โดยมีหลักฐานการกู้ถูกต้องตามกฎหมาย นายนกขอให้นายแดงหาหลักประกันมามอบไว้ด้วย นายแดงจึงนำทองคำแท่งของตนจำนวน 100 บาท ราคา 2 ล้านบาท มาวางเป็นการประกัน แต่มิได้ทำหลักฐานประการใด พร้อมกับขอให้นายไก่หาหลักประกันมาด้วย นายไก่จึงนำทองคำแท่งของนายไก่จำนวน 200 บาท ราคา 4 ล้านบาทมาจำนำกับนายนก โดยมีการทำหลักฐานลงลายมือชื่อนายไก่และนายนกด้วย
ดังนี้ อยากทราบว่า การที่นายแดงและนายไก่นำทองคำแท่งมาทำเป็นหลักประกันกับนายนก ถือเป็นสัญญาประกันประเภทใด และนายนกจะบังคับจากใครได้หรือไม่ หากหนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว จงอธิบาย
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 747 อันว่าจำนำนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ผู้จำนำ ส่งมอบสังหาริมทรัพย์สิ่งหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้รับจำนำ เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้
มาตรา 764 เมื่อจะบังคับจำนำ ผู้รับจำนำต้องบอกกล่าวเป็นหนังสือไปยังลูกหนี้ก่อนว่าให้ชำระหนี้และอุปกรณ์ภายในเวลาอันควรซึ่งกำหนดให้ในคำบอกกล่าวนั้น
ถ้าลูกหนี้ละเลยไม่ปฏิบัติตามคำบอกกล่าว ผู้รับจำนำชอบที่จะเอาทรัพย์สินซึ่งจำนำออกขายได้แต่ต้องขายทอดตลาด
อนึ่งผู้รับจำนำต้องมีจดหมายบอกกล่าวไปยังผู้จำนำบอกเวลาและสถานที่ซึ่งจะขายทอดตลาดด้วย
วินิจฉัย
ในเรื่องสัญญาจำนำนั้น บทบัญญัติมาตรา 747 มิได้กำหนดให้ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือหรือทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด เพียงแต่มีการส่งมอบสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการจำนำ สัญญาจำนำก็สมบูรณ์แล้ว
ส่วนในกรณีผู้จำนำนั้นจะเป็นตัวลูกหนี้เองหรือบุคคลอื่นนำทรัพย์มาเป็นประกันการชำระหนี้ก็ได้ เพราะกฎหมายไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นการที่ลูกหนี้นำทรัพย์สินจำนำประกันหนี้ของตนเองเท่านั้น แต่ที่สำคัญคือ ผู้จำนำจะต้องเป็นเจ้าของสังหาริมทรัพย์ที่จำนำ
ตามอุทาหรณ์ การกู้เงินของนายแดงกับนายนกมีหลักฐานการกู้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงสามารถฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ตามมาตรา 653 วรรคแรก และการที่นายแดงนำทองคำแท่งมาวางเป็นประกันการชำระหนี้นั้น เมื่อมีการส่งมอบสังหาริมทรัพย์ที่จะจำนำให้กับผู้รับจำนำแล้ว จึงถือว่าเป็นสัญญาจำนำตามมาตรา 747 และมีผลสมบูรณ์ แม้มิได้ทำหลักฐานประการใดเลยก็ตาม
ส่วนกรณีของนายไก่นั้น แม้จะเป็นบุคคลภายนอก แต่กฎหมายไม่ได้ห้ามมิให้จำนำทรัพย์สินเพื่อประกันหนี้บุคคลอื่นแต่อย่างใด เมื่อนายไก่ส่งมอบทองคำแท่งซึ่งเป็นสังหาริมทรัพย์ที่จะจำนำให้กับนายนกผู้รับจำนำแล้ว จึงเป็นสัญญาจำนำตามมาตรา 747 และมีผลสมบูรณ์เช่นเดียวกัน
ดังนั้น หากหนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว นายนกเจ้าหนี้ย่อมสามารถบังคับจำนำกับทองแท่งของทั้งนายแดงและของนายไก่ได้ตามมาตรา 764
สรุป การที่นายแดงและนายไก่นำทองคำแท่งมาทำเป็นหลักประกันกับนายนกถือเป็นสัญญาจำนำและนายนกสามารถบังคับจำนำได้จากทั้งนายแดงและนายไก่