การสอบซ่อมภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2547
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2009
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 3 ข้อ
ข้อ 1 หน้าที่ของผู้ยืมใช้คงรูปมีอะไรบ้าง ให้อธิบายโดยอ้างอิงหลักกฎหมายประกอบ
ธงคำตอบ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้กำหนดหน้าที่ของผู้ยืมใช้คงรูปไว้ 5 ประการ คือ
1 หน้าที่เสียค่าธรรมเนียมในการทำสัญญา
มาตรา 642 ค่าฤชาธรรมเนียมในการทำสัญญาก็ดี ค่าส่งมอบและค่าส่งคืนทรัพย์สินซึ่งยืมก็ดีย่อมตกแก่ผู้ยืมเป็นผู้เสีย
ตามมาตรา 642 ค่าใช้จ่ายต่างๆนี้ได้ถูกกำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้ยืมแต่ฝ่ายเดียว ทั้งนี้เพราะสัญญายืมใช้คงรูป ผู้ที่ได้รับประโยชน์แต่ฝ่ายเดียวก็คือผู้ยืม จึงสมเหตุสมผลดีแล้วที่ผู้ยืมจะต้องเป็นผู้เสียแต่คู่กรณีอาจตกลงเป็นอย่างอื่นได้ เช่น ให้ผู้ให้ยืมเป็นผู้เสีย เพราะมาตรา 642 มิใช่บทบัญญัติเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแต่อย่างใด ยกตัวอย่างประกอบ
2 หน้าที่เกี่ยวกับการใช้สอยทรัพย์สินที่ยืม
มาตรา 643 ทรัพย์สินซึ่งยืมนั้น ถ้าผู้ยืมเอาไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น หรือนอกจากการอันปรากฏในสัญญาก็ดี เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยก็ดี เอาไปไว้นานกว่าที่ควรจะเอาไว้ก็ดี ท่านว่าผู้ยืมจะต้องรับผิดในเหตุทรัพย์สินนั้นสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างหนึ่งอย่างใด แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรๆ ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องสูญหายหรือบุบสลายอยู่นั่นเอง
ตามมาตราดังกล่าว ได้กำหนดหน้าที่ของผู้ยืมในการใช้สอยทรัพย์สินที่ยืมโดยชอบไว้ 4 ประการ
1) ใช้สอยทรัพย์สินที่ยืมตามสภาพแห่งทรัพย์ เช่น ยืมใบมีดโกน ก็ต้องเอาไปโกนหนวดโกนเครา มิใช่เอาไปหั่นเนื้อหมู ฯลฯ
2) ใช้สอยทรัพย์สินที่ยืมตามสัญญาที่ตกลงกัน เช่น ทำสัญญายืมรถยนต์ไปเพชรบุรี ก็ต้องไปเพชรบุรีจะขับไปเชียงใหม่ไม่ได้ ฯลฯ
3) ต้องไม่เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย
4) เมื่อใช้สอยเสร็จแล้วต้องรีบคืนให้แก่ผู้ให้ยืมไม่ควรเก็บเอาไว้นาน
หากผู้ยืมไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ดังกล่าวแล้ว เป็นเหตุให้ทรัพย์สินที่ยืมสูญหายหรือบุบสลาย ผู้ยืมต้องรับผิดแม้เหตุนั้นจะเกิดเพราะเหตุสุดวิสัยก็ตาม (ยกตัวอย่างประกอบ)
3 หน้าที่เกี่ยวกับการสงวนทรัพย์สินที่ยืม
มาตรา 644 ผู้ยืมจำต้องสงวนทรัพย์สินซึ่งยืมไปเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง
เนื่องจากผู้ยืมเป็นผู้รับประโยชน์จากสัญญายืมแต่ฝ่ายเดียว จึงต้องรับผิดชอบในการสงวนรักษาทรัพย์สินที่ยืมเช่นวิญญูชนคือ บุคคลธรรมดาทั่วไปที่มีความรู้ความสามารถในระดับปานกลางในสังคม หากผู้ยืมไม่ทำหน้าที่ดังกล่าว ผู้ให้ยืมย่อมบอกเลิกสัญญาและเรียกค่าสินไหมทดแทนได้ (ยกตัวอย่างประกอบ)
4 หน้าที่เกี่ยวกับการคืนทรัพย์สินที่ยืม
มาตรา 646 ถ้ามิได้กำหนดเวลากันไว้ ท่านให้คืนทรัพย์สินที่ยืมเมื่อผู้ยืมได้ใช้สอยทรัพย์สินนั้นเสร็จแล้ว ตามการอันปรากฏในสัญญา แต่ผู้ให้ยืมจะเรียกคืนก่อนนั้นก็ได้ เมื่อเวลาได้ล่วงไปพอแก่การที่ผู้ยืมจะได้ใช้สอยทรัพย์สินนั้นเสร็จแล้ว
ถ้าเวลาก็มิได้กำหนดกันไว้ ทั้งในสัญญาก็ไม่ปรากฏว่ายืมไปใช้เพื่อการใดไซร้ ท่านว่าผู้ให้ยืมจะเรียกของคืนเมื่อไรก็ได้
เรื่องการคืนทรัพย์สินที่ยืมถือว่าเป็นสาระสำคัญอีกประการหนึ่งของสัญญายืมที่ทำให้มีความแตกต่างจากสัญญาให้ หรือสัญญาซื้อขาย ดังนั้นผู้ยืมจึงต้องคืนทรัพย์สินที่ยืมเมื่อใช้สอยเสร็จแล้ว (ยกตัวอย่างประกอบ)
5 หน้าที่เสียค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาทรัพย์สินที่ยืม
มาตรา 647 ค่าใช้จ่ายอันเป็นปกติแก่การบำรุงรักษาทรัพย์สินซึ่งยืมนั้น ผู้ยืมต้องเป็นผู้เสีย
กล่าวคือ พิจารณาว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตามปกติหรือไม่ ถ้าเป็นผู้ยืมก็ต้องจ่าย เช่น ก ยืมรถ ข มาใช้ ถ้ารถเกิดเสียหายเล็กน้อย เช่น ยางแตก หรือเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ฯลฯ ผู้ยืม คือ ก ต้องจ่ายเอง แต่ถ้าเป็นกรณีที่เกินกว่าปกติ เช่น รถที่ ก ยืมมาเสื่อมโทรมตามสภาพจำเป็นต้องยกเครื่องใหม่ เพราะขณะที่ยืมก็อยู่ในสภาพไม่ดีอยู่แล้ว เช่นนี้ ผู้ให้ยืมเป็นผู้รับผิดชอบในค่าใช้จ่าย
ข้อ 2 นายเอกกู้ยืมเงินนายโท 10,000 บาท ทำสัญญากู้กันไว้ นายเอกลงลายพิมพ์นิ้วมือในฐานะผู้ยืม นายตรีอายุ 17 ปีกับนายโทลงลายมือชื่อเป็นพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของนายเอกไว้ในขณะนั้น แต่นายโทมิได้ลงลายมือชื่อในฐานะผู้ให้ยืม ต่อมานายเอกไม่ชำระเงินนายโทตามสัญญากู้ นายโทจึงนำสัญญากู้ฉบับนี้มาฟ้องศาล ขอให้บังคับให้นายเอกชดใช้เงินที่ยืมไป ดังนี้ นายเอกต้องรับผิดตามสัญญากู้หรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 9 วรรคหนึ่ง วรรคสอง เมื่อมีกิจการอันใดซึ่งกฎหมายบังคับให้ทำเป็นหนังสือ บุคคลผู้จะต้องทำหนังสือไม่จำเป็นต้องเขียนเอง แต่หนังสือนั้นต้องลงลายมือชื่อของบุคคลนั้น
ลายพิมพ์นิ้วมือ แกงได ตราประทับหรือเครื่องหมายอื่นทำนองเช่นว่านั้นที่ทำลงในเอกสารแทนการลงลายมือชื่อ หากมีพยานลงลายมือชื่อรับรองไว้ด้วยสองคนแล้วให้ถือเสมอกับลงลายมือชื่อ
มาตรา 653 วรรคแรก การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่
ในการกู้ยืมเงินมีหลักฐานเป็นหนังสือนั้น ท่านว่าจะนำสืบการใช้เงินได้ก็ต่อเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง ลงลายมือชื่อให้ผู้ยืมมาแสดง หรือเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืนแล้วหรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้ว
วินิจฉัย
นายเอกกู้ยืมเงินนายโท 10,000 บาท โดยนายเอกลงลายพิมพ์นิ้วมือในฐานะผู้ยืม การกู้ยืมระหว่างนายเอกกับนายโทที่มีการลงลายพิมพ์นิ้วมือของผู้กู้จะต้องมีการรับรองจากบุคคล 2 คนเสมอถึงจะถูกต้องตามมาตรา 9 วรรคสอง ส่วนนายตรี อายุ 17 ปี แม้เป็นผู้เยาว์ก็สามารถที่จะเป็นพยานลงลายมือชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของนายเอกได้ เนื่องจากไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าผู้รับรองลายพิมพ์นิ้วมือจะต้องเป็นผู้บรรลุนิติภาวะ ส่วนนายโทซึ่งลงลายมือชื่อเป็นพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือร่วมกับนายตรี แม้จะไม่ได้ลงลายมือชื่อผู้ให้กู้ในสัญญาก็ฟ้องร้องบังคับคดีได้ตามกฎหมาย เนื่องจากสัญญากู้ยืมทำเป็นหนังสือ เพียงมีแต่ลายมือชื่อผู้กู้ฝ่ายเดียวก็เพียงพอแล้ว หาจำต้องมีลายมือชื่อผู้ให้กู้ด้วยแต่อย่างไร ดังนั้นลายมือชื่อของผู้ให้กู้จะมีหรือไม่มีก็ได้ อนึ่งกรณีที่นายโท ซึ่งเป็นผู้ให้กู้ได้ลงลายมือชื่อเป็นพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือด้วยนั้น ก็ไม่มีกฎหมายห้ามแต่อย่างใด (ฎ. 595/2523) เมื่อสัญญากู้ยืมเงินสมบูรณ์ตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นนายเอกต้องรับผิดตามสัญญากู้ตามมาตรา 653 วรรคแรก
สรุป นายเอกต้องรับผิดตามสัญญากู้
ข้อ 3 ธนาคารเอเชียตะวันออก เป็นธนาคารต่างประเทศที่จะมาขอเปิดดำเนินธุรกิจประเภทธนาคารในประเทศไทย ในระหว่างดำเนินการขออนุญาตและก่อสร้างอาคารสำนักงานเพื่อเป็นที่ทำการ ธนาคารได้จ้างสำนักงานกฎหมายเอกสมบัติเป็นที่ปรึกษาทางด้านกฎหมาย ต่อมาธนาคารได้มีข้อหารือมาที่สำนักงานกฎหมายถึงหน้าที่ของธนาคารที่จะต้องปฏิบัติต่อทรัพย์สินเงินทองของลูกค้าที่นำมาฝากว่าตามหลักกฎหมายไทยธนาคารมีหน้าที่ต้องปฏิบัติหรือใช้ความระมักระวังอย่างไรบ้างในการสงวนทรัพย์สินที่ลูกค้านำมาฝาก ถ้าท่านเป็นทนายความที่ปรึกษา ขอให้ท่านให้คำแนะนำ โดยอธิบายอย่างละเอียด พร้อมยกตัวอย่างและหลักกฎหมายประกอบ
ธงคำตอบ
มาตรา 659 ถ้าการรับฝากทรัพย์เป็นการทำให้เปล่าไม่มีบำเหน็จไซร้ ท่านว่าผู้รับฝากจำต้องใช้ความระมัดระวังสงวนทรัพย์สินซึ่งฝากนั้นเหมือนเช่นเคยประพฤติในกิจการของตนเอง
ถ้าการรับฝากทรัพย์นั้นมีบำเหน็จค่าฝาก ท่านว่าผู้รับฝากจำต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเพื่อสงวนทรัพย์สินนั้นเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงประพฤติโดยพฤติการณ์ดังนั้น ทั้งนี้ย่อมรวมทั้งการใช้ฝีมืออันพิเศษเฉพาะการในที่จะพึงใช้ฝีมือเช่นนั้นด้วย
ถ้าและผู้รับฝากเป็นผู้วิชาชีพเฉพาะกิจการค้าหรืออาชีวะอย่างหนึ่งอย่างใดก็จำต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเท่าที่เป็นธรรมดาจะต้องใช้และสมควรจะต้องใช้ในกิจการค้าขายหรืออาชีวะอย่างนั้น
วินิจฉัย
ธนาคารถือเป็นผู้รับฝากที่มีอาชีพในการรับฝากโดยเฉพาะตามนัยของมาตรา 659 วรรคสาม ที่วางหลักเกณฑ์ให้บุคคลที่มีอาชีพรับฝากทรัพย์ต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเท่าที่เป็นธรรมดาจะต้องใช้และสมควรจะต้องใช้ในกิจการค้าขายหรืออาชีวะอย่างนั้น หมายความว่า ธนาคารจะต้องเก็บรักษาทรัพย์สินไว้ในที่ที่ปลอดภัยที่สุดตามวิถีทางแห่งกิจการค้าของตน คือเก็บไว้ในตู้นิรภัยที่มั่นคงให้ปลอดภัยจากอัคคีภัยและโจรผู้ร้าย เป็นต้น (ยกตัวอย่างประกอบ)