การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2550
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2009
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 3 ข้อ
ข้อ 1 บุญมายืมรถจักรยานยนต์ของเดชาเพื่อนบ้านเพื่อใช้ขับขี่ไปทำงานมีกำหนดหกเดือน เมื่อบุญมารับรถจักรยานยนต์แล้ว ก็นำไปใช้งานตามปกติและในตอนเย็นนำไปรับคนโดยสารหารายได้พิเศษ เย็นวันหนึ่งถูกรถยนต์ของอับโชคชนท้าย ทำให้รถจักรยานยนต์ที่ยืมมาเสียหายโยมิใช่ความผิดของบุญมาแต่อย่างใด ดังนี้ถ้าเดชามีความจำเป็นต้องใช้รถจักรยานยนต์ เดชาจะเรียกให้บุญมาคืนรถจักรยานยนต์ก่อนครบกำหนดหกเดือนได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 640 อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว
มาตรา 643 ทรัพย์สินที่ยืมนั้น ถ้าผู้ยืมเอาไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น หรือนอกดจากการอันปรากฏในสัญญาก็ดี เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยก็ดี เอาไปไว้นายกว่าที่ควรจะเอาไว้ก็ดี ท่านว่าผู้ยืมจะต้องรับผิดในเหตุทรัพย์สินนั้นสูญหาย หรือบุบสลายไปอย่างใดอย่างหนึ่ง แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรๆ ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องสูญหาย หรือบุบสลายอยู่นั่นเอง
มาตรา 645 ในกรณีทั้งหลายดังกล่าวไว้ในมาตรา 643 นั้นก็ดี หรือถ้าผู้ยืมประพฤติฝ่าฝืนต่อความในมาตรา 644 ก็ดี ผู้ให้ยืมจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้
วินิจฉัย
สัญญายืมระหว่างบุญมาและเดชาเป็นสัญญายืมใช้คงรูปตามมาตรา 640 บุญมาผู้ยืมมีสิทธิครอบครองและใช้สอยรถจักรยานยนต์ตามที่ตกลงกับเดชาไว้ กล่าวคือ เพื่อใช้ขับขี่ไปทำงานมีกำหนด 6 เดือน เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าในตอนเย็นบุญมาผู้ยืมนำรถจักรยานยนต์ที่ยืมนั้นไปใช้รับคนโดยสารหารายได้พิเศษ ซึ่งมิได้มีการตกลงกับเดชาผู้ให้ยืมแต่อย่างใด จึงเป็นการนำทรัพย์สินที่ยืมไปใช้สอยนอกจากการอันปรากฏในสัญญา และเมื่อเกิดความเสียหายขึ้น ผู้ยืมจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย แม้ความเสียหายดังกล่าวจะมิได้เกิดขึ้นเพราะความผิดของผู้ยืมก็ตาม ทั้งนี้เพราะมาตรา 643 กำหนดให้ผู้ยืมต้องรับผิดในกรณีใดๆ รวมทั้งเหตุสุดวิสัยหากได้ประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืม
นอกจากนี้ ในกรณีที่ผู้ยืมประพฤติผิดหน้าที่ของตนตามมาตรา 643 กฎหมายให้สิทธิผู้ให้ยืมบอกเลิกสัญญา และเรียกให้ผู้ยืมคืนทรัพย์สินที่ยืมก่อนครบกำหนดได้ตามมาตรา 645 ดังนั้นเดชาสามารถเรียกให้บุญมาคืนรถจักรยานยนต์ก่อนครบกำหนด 6 เดือนได้
สรุป เดชาผู้ให้ยืมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกรถจักรยานยนต์คืนก่อนครบกำหนด 6 เดือนได้
ข้อ 2 นายเอกเขียนจดหมายไปหานายโทซึ่งเป็นเพื่อนกันมีใจความว่า “จะขอยืมเงินนายโทจำนวนสักสามหมื่นบาทไปทำทุน ถ้าได้กำไร มีเงินเหลือพอแล้วจะใช้คืนให้ในปีหน้า” ลงชื่อนายเอก นายโทจึงฝากเงินจำนวนสามหมื่นบาทกับนายตรีเพื่อส่งมอบให้กับนายเอก ผ่านไป 1 ปี นายโทเห็นนายเอกเงียบเฉยไม่พูดถึงการชำระหนี้เงินที่ยืมไป จึงเกิดความร้อนใจและขอให้ผู้ใหญ่บ้านไปทวงหนี้ให้ นายเอกจึงเขียนจดหมายฝากผู้ใหญ่บ้านมาถึงนายโทใจความในจดหมายมีดังนี้ “เรียนนายโทผมไม่เคยยืมเงินคุณมาทำทุนเลย จะชดใช้คืนให้ได้อย่างไร ลงชื่อ เอก”
ดังนี้ให้ท่านวินิจฉัยว่า จดหมายดังกล่าวและตัวนายตรีนั้นนายโทจะใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบการฟ้องคดีกู้ยืมเงินตามมาตรา 653 วรรคแรกหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 650 อันว่ายืมใช้สิ้นเปลืองนั้น คือสัญญาซึ่งผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชนิดใช้ไปสิ้นไปนั้น เป็นปริมาณมีกำหนดให้ไปแก่ผู้ยืม และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินเป็นประเภท ชนิด และปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ยืมนั้น
สัญญานี้ย่อมบริบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ยืม
มาตรา 653 วรรคแรก การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่
วินิจฉัย
การกู้ยืมเงิน เป็นสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง ตามมาตรา 650
มาตรา 653 วรรคแรก บังคับว่าในกรณีที่จะฟ้องร้องบังคับคดีในเรื่องเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินจะต้องมีพยานหลักฐานประกอบการฟ้องคดี คือ
1 หลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง และ
2 ลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ
สำหรับหลักฐานการกู้ยืมเงินนี้ ต้องมีสาระสำคัญให้เห็นว่ามีการกู้ยืมเงินกัน ซึ่งข้อความอันแสดงถึงการกู้ยืมไม่จำเป็นว่าจะต้องปรากฏในเอกสารฉบับเดียวกัน อาจจะปรากฏอยู่ในเอกสารหลายๆฉบับก็ได้ เมื่อนำเอาเอกสารเหล่านั้นมาอ่านประกอบเข้าด้วยกัน หากได้ความว่า เป็นการกู้ยืมเงินกันแล้ว ถือว่าเอกสารเหล่านั้นเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้
กรณีตามอุทาหรณ์ ข้อเท็จจริงปรากฏคือ จดหมายฉบับแรกอ่านแล้วได้ความว่านายเอกจะขอยืมเงินนายโทจำนวนสักสามหมื่น ส่วนนายโทจะส่งมอบเงินจำนวนนั้นให้กับนายเอกหรือไม่ ไม่มีข้อความกล่าวถึง จึงถือว่าการกู้เงินดังกล่าวไม่ได้ทำหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้กู้ และนายตรีนั้นก็เป็นพยานบุคคลไม่สามารถนำสืบว่ามีการส่งมอบเงินแล้วได้ ส่วนจดหมายฉบับที่สองนายเอกก็ไม่ได้ยอมรับว่าเป็นหนี้เงินนายโทแต่อย่างใด ดังนั้นนายโทจะใช้จดหมายทั้งสองฉบับดังกล่าวและตัวนายตรีซึ่งเป็นพยานบุคคลเป็นพยานหลักฐานประกอบการฟ้องคดีกู้ยืมเงินตามมาตรา 653 วรรคแรกไม่ได้
สรุป นายโทจะใช้จดหมายทั้งสองฉบับและนายตรีมาเป็นพยานหลักฐานประกอบการฟ้องคดีกู้ยืมเงินไม่ได้
ข้อ 3 นายแดงรับฝากรถยนต์ของนายดำไว้ โดยตกลงจะให้บำเหน็จค่าฝากกัน เมื่อนายดำมารับรถยนต์คืน ปรากฏว่าเบาะรถมีกลิ่นเหม็นชื้น พรมขึ้นรา ทั้งนี้เนื่องจากนายแดงปล่อยทิ้งให้รถตากฝน ไม่คอยดูแลปิดกระจกรถ ฝนสาดเข้ามาให้พรมรถชื้น ขึ้นรา ต้องไปให้อู่ซ่อมรถซักพรมเสียค่าใช้จ่ายไป 5,000 บาท นายดำจึงฟ้องเรียกค่าเสียหาย แต่นายแดงต่อสู้ว่าแม้รถของนายแดงเองก็ปล่อยทิ้งตากฝนเช่นกัน
ดังนี้ ข้อต่อสู้ของนายแดงรับฟังได้หรือไม่ นายแดงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย 5,000 บาทต่อนายดำหรือไม่ จงอธิบาย
ธงคำตอบ
มาตรา 659 ถ้าการรับฝากทรัพย์เป็นการทำให้เปล่าไม่มีบำเหน็จไซร้ ท่านว่าผู้รับฝากจำต้องใช้ความระมัดระวังสงวนทรัพย์สินซึ่งฝากนั้นเหมือนเช่นเคยประพฤติในกิจการของตนเอง
ถ้าการรับฝากทรัพย์นั้นมีบำเหน็จค่าฝาก ท่านว่าผู้รับฝากจำต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเพื่อสงวนทรัพย์สินนั้นเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงประพฤติโดยพฤติการณ์ดังนั้น ทั้งนี้ย่อมรวมทั้งการใช้ฝีมืออันพิเศษเฉพาะการในที่จะพึงใช้ฝีมือเช่นนั้นด้วย
ถ้าและผู้รับฝากเป็นผู้วิชาชีพเฉพาะกิจการค้าหรืออาชีวะอย่างหนึ่งอย่างใดก็จำต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเท่าที่เป็นธรรมดาจะต้องใช้และสมควรจะต้องใช้ในกิจการค้าขายหรืออาชีวะอย่างนั้น
วินิจฉัย
ตามอุทาหรณ์ เป็นเรื่องการฝากทรัพย์ที่มีบำเหน็จค่าฝากซึ่งมาตรา 659 วรรคสองกำหนดให้ผู้รับฝากมีหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังดูแลทรัพย์สินที่รับฝากไว้เหมือนเช่นวิญญูชนพึงประพฤติปฏิบัติแต่จากข้อเท็จจริงการที่นายแดงละเลยไม่ดูแลทรัพย์กลับปล่อยรถยนต์ที่รับฝากตากฝนจนเบาะรถมีกลิ่นเหม็นชื้น พรมในรถชื้นขึ้นรา โดยอ้างการปฏิบัติที่เคยทำต่อรถยนต์ของตนเองเป็นข้อต่อสู้ จึงผิดหน้าที่ของผู้รับฝากทรัพย์ที่มีบำเหน็จ ข้อต่อสู้ของนายแดงจึงฟังไม่ขึ้น เพราะเรื่องนี้มิใช่การฝากทรัพย์ที่ไม่มีบำเหน็จ หากจะใช้เกณฑ์ของตนเองในการปฏิบัติต่อทรัพย์ที่รับฝากนั่นย่อมหมายถึงการฝากทรัพย์ที่ไม่มีบำเหน็จตามมาตรา 659 วรรคแรก
สรุป ข้อต่อสู้ของนายแดงฟังไม่ขึ้น นายแดงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่นายดำ 5,000 บาท