การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2550
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2009
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 3 ข้อ
ข้อ 1 นายดำให้นายแดงยืมรถยนต์ทีกำหนดหนึ่งปี เมื่อนายแดงใช้รถยนต์ไปได้สามเดือน นายดำพบว่านายแดงไม่ได้ดูแลรักษารถยนต์เช่นคนโดยทั่วไป ปล่อยให้รถยนต์ชำรุดทรุดโทรม นายดำเห็นว่าถ้าให้นายแดงใช้รถยนต์ต่อไปคงจะเกิดความเสียหายมากขึ้น ถ้านายดำต้องการบอกเลิกสัญญาและเรียกร้องเอาค่าทดแทนความเสียหายที่เกิดขึ้นจะทำได้หรือไม่ อย่างไร
ธงคำตอบ
มาตรา 640 อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว
มาตรา 644 ผู้ยืมจำต้องสงวนทรัพย์สินซึ่งยืมไปเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง
มาตรา 645 ในกรณีทั้งหลายดังกล่าวไว้ในมาตรา 643 นั้นก็ดี หรือถ้าผู้ยืมประพฤติฝ่าฝืนต่อความในมาตรา 644 ก็ดี ผู้ให้ยืมจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้
มาตรา 213 วรรคท้าย อนึ่งบทบัญญัติในวรรคทั้งหลายที่กล่าวมาก่อนนี้ หากระทบกระทั่งถึงสิทธิที่จะเรียกเอาค่าเสียหายไม่
วินิจฉัย
นายดำให้นายแดงยืมรถยนต์มีกำหนดหนึ่งปี เป็นการที่ผู้ให้ยืมใช้สอยรถยนต์ได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนรถยนต์เมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว จึงเป็นสัญญายืมใช้คงรูป ตามมาตรา 640
กรณีสัญญายืมใช้คงรูปที่ปรากฏว่าผู้ยืมไม่สงวนทรัพย์ที่ยืมอย่างเช่นวิญญูชน กล่าวคือ ไม่ดูแลรักษาทรัพย์สินที่ยืมไปอย่างเช่นบุคคลธรรมดาสามัญทั่วๆไป ทำให้ทรัพย์สินนั้นเสื่อมสภาพหรือเสียหายไปอย่างใดอย่างหนึ่งเร็วเกินไป ตามมาตรา 644 ซึ่งผลทางกฎหมายตามมาตรา 645 ให้ผู้ให้ยืมมีสิทธิอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้
1 บอกเลิกสัญญา และเรียกคืนทรัพย์สินที่ยืมได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้ครบกำหนดเวลาในสัญญา หรือ
2 เรียกให้ผู้ยืมดูแลรักษาทรัพย์สินตามหน้าที่ที่บัญญัติในมาตรา 644
อย่างไรก็ดีแม้ผู้ให้ยืมจะใช้สิทธิอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวแล้ว หากมีความเสียหายเกิดขึ้นเพราะการไม่สงวนทรัพย์สินของผู้ยืมนั้น ผู้ให้ยืมมีสิทธิที่จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ตามมาตรา 213 วรรคท้าย แม้ว่ามาตรา 644 จะมิได้กำหนดความรับผิดไว้ก็ตาม
กรณีตามอุทาหรณ์ เป็นกรณีที่นายแดงไม่สงวนรถยนต์ที่ยืมอย่างเช่นวิญญูชนตามมาตรา 644 เป็นผลให้รถยนต์ชำรุดทรุดโทรม ย่อมทำให้นายดำผู้ให้ยืมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ ตามมาตรา 645 และมีสิทธิเรียกร้องค่าทดแทนความเสียหายได้ตามมาตรา 213 วรรคท้าย
สรุป นายดำมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกร้อกเอาค่าทดแทนความเสียหายที่เกิดขึ้น
ข้อ 2 นาย ก. ยืมเงินนาย ข. 2,000 บาท โดยมีข้อตกลงว่าถ้าหากนาย ก. คืนเงินไม่ได้ภายใน 10 วัน นาย ข. จะยึดเอาสายสร้อยคอทองคำของนาย ก. มาชำระหนี้
ดังนี้เมื่อพ้น 10 วันแล้ว นาย ข. เจ้าหนี้จะยึดเอาสร้อยคอทองคำดังกล่าว เพื่อการชำระหนี้ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 650 อันว่ายืมใช้สิ้นเปลืองนั้น คือสัญญาซึ่งผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชนิดใช้ไปสิ้นไปนั้น เป็นปริมาณมีกำหนดให้ไปแก่ผู้ยืม และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินเป็นประเภท ชนิด และปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ยืมนั้น
สัญญานี้ย่อมบริบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ยืม
มาตรา 653 วรรคแรก การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่
มาตรา 656 ถ้าทำสัญญากู้ยืมเงินกัน และผู้กู้ยืมยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นแทนจำนวนเงินนั้นไซร้ ท่านให้คิดเป็นหนี้เงินค้างชำระโยจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแห่งสิ่งของหรือทรัพย์สินนั้นในเวลาและ ณ สถานที่ส่งมอบ
ถ้าทำสัญญากู้ยืมเงินกันและผู้ให้กู้ยืมยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืมไซร้ หนี้อันระงับไปเพราะการชำระเช่นนั้น ท่านให้คิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแห่งสิ่งของหรือทรัพย์สินนั้นในเวลาและ ณ สถานที่ส่งมอบ
ความตกลงกันอย่างใดๆ ขัดกับข้อความดังกล่าวมานี้ ท่านว่าเป็นโมฆะ
วินิจฉัย
การกู้ยืมเงินเป็นสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองประเภทหนึ่งตามมาตรา 650 และตามมาตรา 653 ได้กำหนดหลักเกณฑ์การกู้ยืมเงินไว้ดังนี้
1 ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งจึงจะฟ้องร้องคดีกันได้ กล่าวคือ หากเป็นกรณีการกู้ยืมเงิน 2,000 บาทหรือน้อยกว่านั้นหากไม่มีการทำหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งก็สามารถฟ้องร้องคดีกันได้ แต่หากเป็นจำนวนเงินมากกว่า 2,000 บาท ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้ และ
2 ต้องลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ หากมีการทำหลักฐานกู้ยืมเป็นหนังสือ แต่ไม่มีการลงลายมือชื่อผู้ยืม จะฟ้องร้องบังคับคดีตามสัญญากู้ยืมเงินไม่ได้เลย
กรณีตามอุทาหรณ์ นาย ก. กู้ยืมเงินนาย ข. 2,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 2,000 บาท จึงไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้กู้ยืม ก็สามารถฟ้องร้องบังคับคดีได้ ตามมาตรา 653 วรรคแรก
สำหรับการชำระหนี้เงินกู้นั้น โดยหลักแล้วเมื่อกู้ยืมเงิน การชำระหนี้ก็ต้องชำระด้วยเงินเท่านั้น จะชำระหนี้เป็นอย่างอื่นไม่ได้ เว้นแต่จะมีข้อตกลงให้ชำระหนี้เป็นอย่างอื่นได้ ซึ่งตามมาตรา 656 วรรคสองได้วางหลักในเรื่องนี้ไว้ด้วยว่า ถ้าทำสัญญากู้ยืมเงินกันและผู้ให้กู้ยอมรับเอาทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นการชำระหนี้แทนเงินกู้ คิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดของทรัพย์สินนั้นในเวลาและสถานที่ส่งมอบ หนี้ก็เป็นอันระงับไป และหากมีข้อตกลงที่แตกต่างไปจากนี้ ข้อตกลงนั้นก็จะตกเป็นโมฆะตามมาตรา 656 วรรคสาม
ข้อตกลงที่ว่าถ้าหากนาย ก. คืนเงินไม่ได้ภายใน 10 วัน นาย ข. จะยึดเอาสร้อยคอทองคำมาใช้หนี้นั้น ถือว่าเป็นข้อตกลงให้ผู้กู้ยืมสามารถชำระหนี้เป็นอย่างอื่นแทนเงินได้ ตามมาตรา 656 วรรคสอง แต่นาย ข. จะยึดเอาสร้อยคอทองคำทันทีไม่ได้ เพราะตามหลักกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้ตีราคาสร้อยคอทองคำตามราคาท้องตลาดในเวลาและสถานที่ส่งมอบก่อน ดังนั้นเมื่อไม่มีการตีราคาทรัพย์สินก่อนชำระหนี้ ผู้ให้กู้ยืมจะยึดทรัพย์สินตามที่ตกลงกันทันที่ไม่ได้
สรุป นาย ข. จะยึดสร้อยคอทองคำเพื่อชำระหนี้เงินกูทันทีไม่ได้
ข้อ 3 นางสมศรีเป็นเจ้าสำนักโรงแรมแห่งหนึ่งได้ต้อนรับนายเข้มเข้าพักในโรงแรมของตน ในระหว่างพักอยู่ในโรงแรมของนางสมศรี นายเข้มได้ชวนนางสุดสวยมานอนเป็นเพื่อนเพื่อคลายความเหงา เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้านางสุดสวยกลับออกไปโดยขโมยเงินสดไปด้วยห้าพันบาท นายเข้มจึงรีบลงไปแจ้งให้นางสมศรีทราบ แต่ระหว่างลงไปได้แวะเข้าห้องน้ำชั้นล่างในโรงแรมและถอดนาฬิกาข้อมือราคา 2,500 บาท ลืมทิ้งไว้ที่อ่างล้างหน้า ปรากฏว่านาฬิกาหายไป
ดังนี้ นางสมศรีจะต้องรับผิดต่อทรัพย์สินของนายเข้มอย่างไรบ้าง หรือไม่ จงอธิบาย
ธงคำตอบ
มาตรา 675 วรรคสาม แต่เจ้าสำนักไม่ต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือแต่สภาพแห่งทรัพย์สินนั้น หรือแต่ความผิดของคนเดินทางหรือแขกอาศัยผู้นั้นเอง หรือบริวารของเขา หรือบุคคลซึ่งเขาได้ต้อนรับ
วินิจฉัย
นางสมศรีไม่ต้องรับผิดชอบเงิน 5,000 บาท ของนายเข้มเพราะความเสียหายเกิดจากคนที่แขกต้อนรับเข้ามาในห้องพักเอง ซึ่งเป็นข้อยกเว้นในความผิดของโรงแรม ตามมาตรา 675 วรรคสาม
ส่วนนาฬิกาข้อมือราคา 2,500 บาท หายไปขณะเข้าห้องน้ำชั้นล่างของโรงแรม ก็เกิดจากความผิดของนายเข้มเองที่ประมาทเลินเล่อลืมทิ้งไว้ จึงเป็นข้อยกเว้นที่โรงแรมไม่ต้องรับผิดเช่นกัน
สรุป นางสมศรีไม่ต้องรับผิดต่อทรัพย์สินของนายเข้มทั้งสองกรณี