การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2546
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2009
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 3 ข้อ
ข้อ 1 นิกรยืมรถยนต์ของนิยมเพื่อนบ้านเพื่อใช้ขับไปทำงานในกรุงเทพฯ แต่นิกรได้ใช้รถยนต์เพื่อขับไปทำงานเท่านั้น ในวันหยุดสุดสัปดาห์นิกรได้พาสุดสวยแฟนสาวไปเที่ยวชายทะเลที่หัวหิน ขณะที่นิกรขับรถยนต์ที่ยืมไปถึงชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เกิดฟ้าคะนองพายุพัดอย่างรุนแรงโดยฉับพลัน ต้นไม้ข้างทางล้มถูกรถยนต์เสียหาย ซึ่งถ้าจะซ่อมกลับคืนสภาพเดิมต้องใช้เงินสี่หมื่นบาท ดังนี้นิกรผู้ยืมจะต้องรับผิดในความเสียหายอันเกิดแก่รถยนต์นั้นอย่างไร หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 640 อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว
มาตรา 643 ทรัพย์สินซึ่งยืมนั้น ถ้าผู้ยืมเอาไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น หรือนอกจากการอันปรากฏในสัญญาก็ดี เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยก็ดี เอาไปไว้นานกว่าที่ควรจะเอาไว้ก็ดี ท่านว่าผู้ยืมจะต้องรับผิดในเหตุทรัพย์สินนั้นสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างหนึ่งอย่างใด แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรๆ ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องสูญหายหรือบุบสลายอยู่นั่นเอง
วินิจฉัย
สัญญายืมระหว่างนิกรกับนิยมจึงเป็นสัญญายืมใช้คงรูปตามมาตรา 640 นิกรผู้ยืมมีสิทธิครอบครองและใช้สอยรถยนต์ตามที่ตกลงกับนิยมไว้ กล่าวคือ ใช้ขับไปทำงานในกรุงเทพฯ เมื่อปรากฏว่าในวันหยุดสุดสัปดาห์นิกรผู้ยืมได้ใช้รถยนต์เป็นพาหนะเพื่อพาสุดสวยแฟนสาวไปเที่ยวที่หัวหิน ซึ่งมิได้มีการตกลงกับนิยมผู้ให้ยืมแต่อย่างใด จึงเป็นการใช้สอยทรัพย์สินที่ยืมนอกจากการอันปรากฏในสัญญาและเมื่อเกิดความเสียหายกับรถยนต์ เพราะต้นไม้ที่ถูกพายุพัดอย่างรุนแรงล้มทับ
นิกรผู้ยืมจะอ้างเหตุสุดวิสัยเพื่อให้ตนหลุดพ้นจากความรับผิดไม่ได้ เพราะเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นเมื่อนิกรทำผิดหน้าที่ของผู้ยืมเอาทรัพย์ที่ยืมไปใช้นอกจากการที่ปรากฏในสัญญาซึ่งผู้ยืมจะต้องรับผิดเพื่อเสียค่าทดแทนในเหตุทรัพย์สินที่ยืมนั้นสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างหนึ่งอย่างใดแม้เพราะเหตุสุดวิสัยก็ตาม เว้นแต่ผู้ยืมจะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรๆ ทรัพย์สินที่ยืมนั้นคงต้องสูญหายหรือบุบสลายอยู่นั้นเองตามมาตรา 643
สรุป นิกรจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้กับนิยม
ข้อ 2 ดำมอบเงิน 5,000 บาทแก่ขาว เพื่อให้ขาวนำไปฝากธนาคารแทนตน แต่ขาวกลับนำเงินนั้นไปใช้ชำระค่าหอพักจนหมด ต่อมาดำทราบความจริงจึงขอให้ขาวนำเงินมาคืน และได้ให้ขาวเขียนหนังสือไว้ 1 ฉบับมีใจความว่า “ข้าพเจ้านายขาวค้างชำระเงินนายดำจำนวน 5,000 บาท ลงชื่อ ขาว” ต่อมาขาวพยายามหลบหน้าไม่นำเงินมาคืนดำ ดำจึงปรึกษาทนายความเพื่อขอให้ฟ้องขาวตามเอกสารที่ขาวทำไว้ให้ดำ ถ้าท่านเป็นทนายความท่านจะให้คำปรึกษาดำอย่างไร
ธงคำตอบ
มาตรา 653 วรรคแรก การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่
วินิจฉัย
การที่ดำมอบให้ขาวนำเงินไปฝากธนาคารแทนตนนั้น เป็นการที่ดำเป็นตัวการให้ขาวเป็นตัวแทนนำเงินไปฝาก
ธนาคาร ความรับผิดระหว่างดำกับขาวจึงเป็นเรื่องตัวการตัวแทน แต่ต่อมาทั้งคู่ได้เขียนเป็นหนังสือกู้ยืมเงินไว้แก่กัน จึงถือว่าหนี้เดิมได้ถูกแปลงใหม่เป็นหนี้กู้ยืมแล้ว จึงสามารถบังคับได้ในเรื่องกู้ยืม เมื่อขาวเขียนสัญญากู้ในหนังสือมีข้อความว่า “ข้าพเจ้านายขาวค้างชำระเงินนายดำจำนวน 5,000 บาท ลงชื่อ ขาว” ย่อมถือว่าหลักฐานเป็นหนังสือที่ขาวเขียนไว้ให้ดำ มีข้อความแสดงหลักฐานแห่งสัญญากู้ยืมเงินครบถ้วนตามมาตรา 653 วรรคแรก กล่าวคือ มีการระบุจำนวนเงินและรับว่าจะใช้หนี้ และลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ ดังนั้นดำจึงฟ้องขาวได้โดยอาศัยเอกสารนี้
สรุป ข้าพเจ้าจะให้คำปรึกษาว่า ให้นายดำฟ้องนายขาวโดยอาศัยเอกสารดังกล่าวได้
ข้อ 3 เอกนำหนังสือที่ตนพิมพ์เพื่อจำหน่ายจำนวน 500 เล่มไปฝากขายที่ร้านหนังสือของโท โดยแบ่งเงินที่ขายหนังสือได้ให้โทเล่มละ 20 บาท และจะฝากขายไปจนกว่าหนังสือจำหน่ายหมด โทนำหนังสือของเอกวางจำหน่ายเป็นเวลากว่าหกเดือนแล้วเพิ่งมียอดจำหน่ายเพียง 5 เล่ม โทจึงแจ้งให้เอกมารับหนังสือกลับไปเพื่อวางจำหน่ายที่อื่น เอกตกลงแต่ไม่ยอมรับหนังสือกลับจนเวลาล่วงไปอีกหกเดือน โทจึงตัดสินใจนำหนังสือของเอกไปเก็บไว้ในห้องเก็บของใต้ดินรวมกับหนังสืออื่นๆ ของโท ต่อมาเกิดน้ำท่วมบรรดาของที่เก็บไว้ในห้องเก็บของเสียหายหมด รวมทั้งหนังสือของเอกด้วย ดังนี้จงวินิจฉัยความรับผิดของโท
ธงคำตอบ
มาตรา 657 อันว่าฝากทรัพย์นั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ผู้ฝาก ส่งมอบทรัพย์สินให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้รับฝาก และผู้รับฝากตกลงว่าจะเก็บรักษาทรัพย์สินนั้นไว้ในอารักขาแห่งตนแล้วจะคืนให้
วินิจฉัย
การที่เอกนำหนังสือไปฝากโทขายมิใช่สัญญาฝากทรัพย์ตามมาตรา 657 เพราะการฝากทรัพย์ต้องเพื่อให้ผู้รับฝากเก็บรักษาที่ฝากไว้ในความดูแล แล้วจะคืนให้ในภายหลัง แต่กรณีนี้เป็นตัวแทนในการจำหน่ายความสัมพันธ์ทางกฎหมายระหว่างเอกกับโทจึงไม่ต้องพิจารณาตามสัญญาฝากทรัพย์ แต่ต้องพิจารณาตามสัญญาที่แท้จริงคือตัวการ ตัวแทน
เมื่อตัวแทนมิได้กระทำการประมาทเลินเล่อในการเป็นตัวแทน แม้หนังสือจะเสียหายก็มิต้องรับผิดแต่อย่างใด
สรุป นายโทไม่ต้องรับผิดต่อนายเอก