การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2552
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2009
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 3 ข้อ
ข้อ 1 สามย่านยืมมอเตอร์ไซค์ของแกลง โดยบอกว่าจะเอาใช้ขับขี่ไปทำงาน แกลงได้ส่งมอบมอเตอร์ไซค์ให้สามย่านไปใช้งานโดยไม่คิดค่าตอบแทน และไม่ได้กำหนดเวลาคืนไว้แต่สามย่านกลับนำไปดัดแปลงโดยมีการตัดต่อเป็นรถสามล้อ ต่อเติมหลังคากับที่นั่งสองแถวเพื่อรับขนคนโดยสาร วันหนึ่งขณะที่สามย่านขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ดัดแปลงแล้วหาผู้โดยสารนั้น ชะมวงขับรถยนต์มาชนท้ายทำให้รถมอเตอร์ไซค์ที่สามย่านยืมมาเสียหาย ถ้าจะซ่อมแซมให้กลับคืนสภาพเดิมจะต้องใช้เงิน 5 พันบาท ดังนี้ แกลงจะเรียกให้ชะมวงรับผิดชดใช้ค่าทดแทนที่เกิดกับมอเตอร์ไซค์ที่ยืมหรือไม่ อย่างไร
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 640 อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว
มาตรา 641 การให้ยืมใช้คงรูปนั้น ท่านว่าย่อมบริบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินซึ่งให้ยืม
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่สามย่านยืมมอเตอร์ไซค์ของแกลงโดยบอกว่าจะเอาไปใช้ขับขี่ไปทำงาน แกลงได้ส่งมอบมอเตอร์ไซค์ให้สามย่านไปใช้งานโดยไม่คิดค่าตอบแทนและไม่ได้กำหนดเวลาคืนไว้ กรณีถือว่าเป็นสัญญายืมใช้คงรูปที่มิได้กำหนดเวลาสิ้นสุดของสัญญาตามมาตรา 640 ประกอบมาตรา 641 ดังนั้น กรรมสิทธิ์ในมอเตอร์ไซค์ที่สามย่านยืมมานั้นยังเป็นของแกลง
เมื่อได้ความว่า ชะมวงขับรถยนต์มาชนท้ายทำให้รถมอเตอร์ไซค์ที่สามย่านยืมมาเสียหาย ถ้าจะซ่อมแซมให้กลับคืนสภาพเดิมจะต้องใช้เงิน 5 พันบาท กรณีเช่นนี้ แกลงในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ย่อมมีสิทธิเรียกให้ชะมวงรับผิดชดใช้ค่าทดแทนความเสียหายที่เกิดกับมอเตอร์ไซค์ที่ยืมได้
สรุป แกลงเรียกให้ชะมวงรับผิดชดใช้ค่าทดแทนความเสียหายที่เกิดกับมอเตอร์ไซค์ที่ยืมได้
ข้อ 2 นาย ก ยืมเงินนาย ข เป็นจำนวนเงิน 20,000 บาทถ้วน ในการนี้ นาย ก ได้รับมอบเงินยืมเป็นเงินสดจากนาย ข แล้ว นาย ข ได้ขอให้นาย ก ออกเช็คจำนวน 20,000 บาท ให้ตนยึดถือไว้เป็นประกันการชำระหนี้ ซึ่งนาย ก ก็ได้ออกเช็คตามที่นาย ข ร้องขอ ต่อมานาย ก ผิดนัดชำระหนี้ นาย ข จึงบอกให้นาย ก ชำระหนี้มิฉะนั้นจะฟ้องนาย ก เรื่องกู้ยืม นาย ก บอกว่าฟ้องไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ดังนี้ นาย ข ฟ้องนาย ก ได้หรือไม่
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 650 อันว่ายืมใช้สิ้นเปลืองนั้น คือสัญญาซึ่งผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชนิดใช้ไปสิ้นไปนั้น เป็นปริมาณมีกำหนดให้ไปแก่ผู้ยืม และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินเป็นประเภท ชนิด และปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ยืมนั้น
มาตรา 653 วรรคแรก การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่
วินิจฉัย
การกู้ยืมเงิน เป็นสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง ตามมาตรา 650
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตามมาตรา 653 วรรคแรก บังคับว่าในกรณีที่จะฟ้องร้องบังคับคดีในเรื่องเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินจะต้องมีพยานหลักฐานประกอบการฟ้องคดี คือ
1 หลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง และ
2 ลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ
สำหรับหลักฐานการกู้ยืมเงินนี้ ต้องมีสาระสำคัญให้เห็นว่ามีการกู้ยืมเงินกัน ซึ่งข้อความอันแสดงถึงการกู้ยืมไม่จำเป็นว่าจะต้องปรากฏในเอกสารฉบับเดียวกัน อาจจะปรากฏอยู่ในเอกสารหลายๆฉบับก็ได้ เมื่อนำเอาเอกสารเหล่านั้นมาอ่านประกอบเข้าด้วยกัน หากได้ความว่าเป็นการกู้ยืมเงินกันแล้ว ถือว่าเอกสารเหล่านั้นเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นาย ก ออกเช็คจำนวน 20,000 บาท ให้นาย ข ยึดถือไว้เป็นประกันการชำระหนี้นั้น ถือว่าเช็คดังกล่าวไม่ใช่หลักฐานการยืมเงินใช้ฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ ทั้งนี้เพราะไม่มีข้อความที่ชัดว่าเป็นการยืมเงินกันจริงๆ ดังนั้นนาย ข จึงฟ้องนาย ก ไม่ได้
สรุป นาย ข ฟ้องนาย ก ไม่ได้
ข้อ 3 นายหนึ่งเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯมหานคร โดยมีนายโทเป็นเจ้าสำนักโรงแรม โดยจอดรถไว้ที่ลานจอดรถหน้าโรงแรมในตอนกลางคืน ขณะที่นายหนึ่งนอนพักอยู่ในโรงแรมนายโทและเพื่อนมาเที่ยวฟังเพลงที่โรงแรมนี้แล้วได้ถอยรถชนรถของนายหนึ่งตัวถังรถบุบบริเวณข้างประตูด้านคนขับ แล้วรีบขับหนีไป ต่อมาตอนเช้านายหนึ่งลงมาหยิบของที่รถพบว่ารถถูกชนบุบแต่ด้วยความรีบร้อนจะไปทำธุระที่นายหนึ่งนัดหมายไว้ จึงยังไม่ได้แจ้งต่อนายโทผู้เป็นเจ้าสำนักให้ทราบถึงความเสียหาย ในตอนเย็นเมื่อนายหนึ่งกลับจากทำธุระและเข้ามาพักที่โรงแรม จึงแจ้งให้นายโทชดใช้ความเสียหายที่รถของนายหนึ่งถูกชน โดยเรียกช่างซ่อมรถมาประเมินค่าเสียหายคิดเป็นจำนวน 8,000 บาท
ดังนี้ ให้ท่านวินิจฉัยความรับผิดของนายโทเจ้าสำนักโรงแรมที่มีต่อนายหนึ่งแขกที่มาพักแรม
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 675 วรรคแรก เจ้าสำนักต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างใดๆ แม้ถึงว่าความสูญหาย หรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะผู้คนไปมาเข้าออก ณ โรงแรม โฮเต็ล หรือสถานที่เช่นนั้นก็คงต้องรับผิด
มาตรา 676 ทรัพย์สินซึ่งมิได้นำฝากบอกราคาชัดแจ้งนั้น เมื่อพบเห็นว่าสูญหายหรือบุบสลายขึ้น คนเดินทางหรือแขกอาศัยต้องแจ้งความนั้นต่อเจ้าสำนักโรงแรม โฮเต็ล หรือสถานที่เช่นนั้นทันที มิฉะนั้นท่านว่าเจ้าสำนักย่อมพ้นจากความรับผิดดังบัญญัติไว้ในมาตรา 674 และ 675
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ นายโทมีหน้าที่ต้องรับผิดต่อทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยที่สูญหายหรือเสียหายขณะเข้าพักในโรงแรมไม่ว่าความเสียหายจะเกิดขึ้นจากผู้คนไปมาเข้าออกยังโรงแรม โรงแรมก็ต้องรับผิด รถยนต์เป็นทรัพย์สินทั่วๆไปตามมาตรา 675 วรรคแรก ดังนั้น เมื่อรถของนายหนึ่งผู้พักแรมได้รับความเสียหาย เจ้าสำนักจึงต้องชดใช้ต่อนายหนึ่งตามราคาความเสียหายที่เกิดขึ้น
แต่เมื่อได้ความว่า นายหนึ่งทราบว่ารถถูกชนในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น แทนที่จะแจ้งให้โรงแรมทราบทันที แต่กลับออกจากโรงแรมเพื่อไปทำธุระอย่างอื่นและกลับมาแจ้งต่อโรงแรมในตอนเย็น จึงทำให้โรงแรมพ้นความรับผิดตามมาตรา 676 ซึ่งกำหนดให้ผู้พักแรมต้องแจ้งให้ทางโรงแรมทราบทันทีที่พบความสูญหายหรือเสียหายมิฉะนั้นทางโรมแรมพ้นผิด ดังนั้น ในกรณีนี้โรงแรมจึงไม่ต้องรับผิดต่อนายหนึ่งโดยยกมาตรา 676 ขึ้นต่อสู้ได้ว่า พฤติการณ์ของนายหนึ่งเท่ากับมิได้แจ้งให้โรงแรมทราบ
สรุป นายโทเจ้าสำนักโรงแรมไม่ต้องรับผิดต่อนายหนึ่ง