การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2549
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2008
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเช่าทรัพย์ เช่าซื้อ จ้างแรงงาน จ้างทำของ รับขน
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ
ข้อ 1 เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2540 แดงได้ทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือให้ขาวเช่าตึกแถวมีกำหนดเวลา 5 ปี แต่มิได้จดทะเบียนการเช่า ขาวเข้าไปอยู่ในตึกแถวได้เพียง 1 ปี แดงได้ยกตึกแถวนี้ให้กับมืดโดยเสน่หาเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2541 สัญญาเช่าที่แดงทำกับขาวไว้นั้นระบุชัดเจนว่าต้องชำระค่าเช่าทุกๆ 6 เดือน คือจะต้องชำระค่าเช่าตรงกับวันที่ 30 มิถุนายน และ 31 ธันวาคมของแต่ละปี
แม้สัญญาเช่าครบกำหนด 5 ปี ในวันที่ 1 มกราคม 2545 แต่ขาวก็ยังคงอยู่ในตึกแถวนี้มาจนถึงปัจจุบันและได้จ่ายค่าเช่าให้กับมืดมาตลอดโดยมืดมิได้ทำสัญญาเช่าฉบับใหม่กับขาวเลย แม้ว่าขาว จะไม่เคยผิดสัญญาแต่มืดต้องการตึกแถวคืน มืดจึงบอกเลิกสัญญาเช่ากับขาวในวันที่ 31 สิงหาคม 2549 และให้เวลาขาวส่งมอบตึกคืนในวันที่ 30 กันยายน 2549 ดังนี้ การบอกเลิกสัญญาของมืดชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 538 เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ ท่านว่า จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ถ้าเช่ามีกำหนดกว่าสามปีขึ้นไป หรือกำหนดตลอดอายุของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่าไซร้ หากมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ท่านว่าการเช่นนั้นจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้แต่เพียงสามปี
มาตรา 566 ถ้ากำหนดเวลาเช่าไม่ปรากฏในความที่ตกลงกันหรือไม่พึงสันนิษฐานได้ไซร้ ท่านว่าคู่สัญญาฝ่ายใดจะบอกเลิกสัญญาเช่าในขณะเมื่อสุดระยะเวลาอันเป็นกำหนดชำระค่าเช่าก็ได้ทุกระยะ แต่ต้องบอกกล่าวแก่อีกฝ่ายหนึ่งให้รู้ตัวก่อนชั่วกำหนดเวลาชำระค่าเช่าระยะหนึ่งเป็นอย่างน้อย แต่ไม่จำต้องบอกกล่าวล่วงหน้ากว่าสองเดือน
มาตรา 569 อันสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นย่อมไม่ระงับไป เพราะเหตุโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินซึ่งให้เช่า
ผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่านั้นด้วย
มาตรา 570 ในเมื่อสิ้นกำหนดเวลาเช่าซึ่งได้ตกลงกันไว้นั้น ถ้าผู้เช่ายังคงครองทรัพย์สินอยู่และผู้ให้เช่ารู้ความนั้นแล้วไม่ทักท้วงไซร้ ท่านให้ถือว่าคู่สัญญาเป็นอันได้ทำสัญญาใหม่ต่อไปไม่มีกำหนดเวลา
วินิจฉัย
สัญญาเช่าตึกแถวระหว่างแดงและขาวทำเป็นหนังสือแต่ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงฟ้องร้องบังคับคดีได้ 3 ปี ตามมาตรา 538 เมื่อเช่ามา 1 ปี แดงยกตึกแถวให้มืด สัญญาเช่าไม่ระงับ มืดต้องรับมาซึ่งสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่า ตามมาตรา 569 ส่วนการเช่าหลังจากครบ 3 ปี เป็นการเช่าไม่มีกำหนดเวลา ตามมาตรา 570 ข้อตกลงต่างๆ จึงเป็นไปตามสัญญาเดิม
มืดบอกเลิกสัญญาได้ตามมาตรา 566 แม้ขาวจะไม่ผิดสัญญา แต่การบอกเลิกจะต้องบอกกล่าวให้ขาวรู้ตัวก่อนกำหนดเวลาชำระค่าเช่าระยะหนึ่ง แต่ไม่จำต้องบอกกล่าวล่วงหน้ากว่าสองเดือน เมื่อมืดบอกเลิกวันที่ 31 สิงหาคม 2549 จะต้องให้เวลาถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2549 การที่มืดให้ขาวส่งมอบตึกคืนในวันที่ 30 กันยายน 2549 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
สรุป การบอกเลิกสัญญาของมืดไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อ 2 ก. เขียวทำสัญญาเป็นหนังสือให้ดำเช่าโกดังเก็บสินค้ามีกำหนดเวลา 3 ปี สัญญาเช่าระบุไว้ว่า “ห้ามนำวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิงเข้ามาเก็บไว้ในโกดัง ถ้าหากผู้เช่าฝ่าฝืนผู้ให้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทันที” การเช่าดำเนินมาเพียง 6 เดือนเท่านั้น ดำฝ่าฝืนข้อสัญญานำน้ำมันเบนซินจำนวนมากเข้าไปเก็บไว้ในโกดังเก็บสินค้า เขียวทราบจึงบอกเลิกสัญญาทันที ดังนี้เขียวมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่ากับดำได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ข ถ้าข้อเท็จจริงตามข้อ ก. เป็นสัญญาเช่าซื้อ คำตอบของท่านจะแตกต่างไปหรือไม่ เพียงใด
ธงคำตอบ
มาตรา 552 อันผู้เช่าจะใช้ทรัพย์สินที่เช่าเพื่อการอย่างอื่นนอกจากที่ใช้กันตามประเพณีนิยมปกติ หรือการดังกำหนดไว้ในสัญญานั้น ท่านว่าหาอาจจะทำได้ไม่
มาตรา 554 ถ้าผู้เช่ากระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติในมาตรา 552 มาตรา 553 หรือฝ่าฝืนข้อสัญญา ผู้ให้เช่าจะ
บอกกล่าวให้ผู้เช่าปฏิบัติให้ถูกต้องตามบทกฎหมายหรือข้อสัญญานั้นๆก็ได้ ถ้าและผู้เช่าละเลยเสียไม่ปฏิบัติตามท่านว่า ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้
ก
วินิจฉัย
เขียวทำสัญญาเช่ากับดำโดยให้ดำเช่าโกดังเก็บสินค้ามีกำหนดเวลา 3 ปี และสัญญาเช่าระบุไว้ว่า “ห้ามนำวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิงเข้ามาเก็บไว้ในโกดัง ถ้าหากผู้เช่าฝ่าฝืนผู้ให้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทันที” การที่ดำฝ่าฝืนข้อสัญญานำน้ำมันเบนซินจำนวนมากเข้าไปเก็บไว้ในโกดัง เขียวย่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทันทีตามสัญญา ไม่ต้องบอกกล่าวให้ผู้เช่าต้องปฏิบัติตามสัญญาก่อนตามมาตรา 554 แต่อย่างใด เพราะมาตรา 554 ไม่ใช่กฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย คู่สัญญาสามารถตกลงยกเว้นได้
ข
มาตรา 574 ในกรณีผิดนัดไม่ใช้เงินสองคราวติดๆกัน หรือกระทำผิดสัญญาในข้อที่เป็นส่วนสำคัญ เจ้าของทรัพย์สินจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้ ถ้าเช่นนั้นบรรดาเงินที่ได้ใช้มาแล้วแต่ก่อน ให้ริบเป็นเจ้าของทรัพย์สินและเจ้าของทรัพย์สินชอบที่จะกลับเข้าครองทรัพย์สินนั้นได้ด้วย
อนึ่งในกรณีกระทำผิดสัญญาเพราะผิดนัดไม่ใช้เงินซึ่งเป็นคราวที่สุดนั้น ท่านว่าเจ้าของทรัพย์สินชอบที่จะริบบรรดาเงินที่ได้ใช้มาแล้วแต่ก่อนและกลับเข้าครองทรัพย์สินได้ต่อเมื่อระยะเวลาใช้เงินได้พ้นกำหนดไปอีกงวดหนึ่ง
วินิจฉัย
ถ้าข้อเท็จจริงตามข้อ ก เป็นสัญญาเช่าซื้อจะไม่ถือว่าดำผิดสัญญาในข้อที่เป็นส่วนสำคัญตามมาตรา 574 คำตอบจึงแตกต่างกัน เขียวจะบอกเลิกสัญญายังไม่ได้
สรุป ก เขียวบอกเลิกสัญญาได้
ข เขียวบอกเลิกสัญญาไม่ได้
ข้อ 3 มานะทำสัญญาจ้างเป็นหนังสือกับนิพรซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างให้ทำการก่อสร้างอาคาร 5 ชั้น ตกลงใช้เวลาก่อสร้าง 10 เดือน และตกลงจะชำระสินจ้างเป็นงวดๆ รวมทั้งหมด เป็นจำนวนเงิน 6 ล้านบาท นิพรเห็นว่ามีงานที่ต้องก่อสร้างมากขึ้นจึงทำสัญญาจ้างหนึ่งเป็นหัวหน้าคนงาน มีกำหนดเวลา 2 ปี ตกลงจ่ายค่าจ้างเดือนละ 9,000 บาท และทำสัญญาจ้างสองและสามเป็นลูกจ้างทั่วไปไม่มีกำหนดเวลา ตกลงจ่ายค่าจ้างเดือนละ 7,000 บาท ทุกๆวันสิ้นเดือน จากข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้
ก. ถ้าหากนิพรก่อสร้างอาคารไปแล้ว 3 เดือน มานะประสบปัญหาทางการเงินจึงบอกเลิกสัญญาจ้างก่อสร้างอาคาร แต่นิพรต่อสู้ว่าสัญญาจ้างมีหลักฐานชัดเจนเป็นหนังสือให้ก่อสร้างอาคารในระยะเวลา 10 เดือน จึงต้องปฏิบัติตามสัญญา เช่นนี้ท่านเห็นว่านิพรจะต่อสู้ได้หรือไม่เพราะเหตุใด จงอธิบาย
ข. ถ้าหากนิพรเห็นว่าการงานลดน้อยลง จึงบอกกล่าวสองและสามว่าจะบอกเลิกสัญญาในวันที่ 15 กันยายน และบอกเลิกสัญญาจ้างในวันที่ 25 ตุลาคม แต่สองและสามต่อสู้ว่าการบอกเลิกสัญญาจ้างเช่นนี้ทำไม่ได้ เช่นนี้ ท่านเห็นว่าสองและสามจะต่อสู้ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด จงอธิบาย
ธงคำตอบ
มาตรา 582 ถ้าคู่สัญญาไม่ได้กำหนดลงไว้ในสัญญาว่าจะจ้างกันนานเท่าไร ท่านว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเลิกสัญญาด้วยการบอกกล่าวล่วงหน้าในเมื่อถึงหรือก่อนจะถึงกำหนดจ่ายสินจ้างคราวใดคราวหนึ่งเพื่อให้เป็นผลเลิกสัญญากันเมื่อถึงกำหนดจ่ายสินจ้างคราวถัดไปข้างหน้าก็อาจทำได้ แต่ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้ากว่าสามเดือน
อนึ่ง ในเมื่อบอกกล่าวดั่งว่านี้ นายจ้างจะจ่ายสินจ้างแก่ลูกจ้างเสียให้ครบจำนวนที่จะต้องจ่ายจนถึงเวลาเลิกสัญญาตามกำหนดที่บอกกล่าวนั้นทีเดียว แล้วปล่อยลูกจ้างจากงานเสียในทันทีก็อาจทำได้
มาตรา 587 อันว่าจ้างทำของนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ผู้รับจ้าง ตกลงรับจะทำการงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสำเร็จให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า ผู้ว่าจ้าง และผู้ว่าจ้างตกลงจะให้สินจ้างเพื่อผลสำเร็จแห่งการที่ทำนั้น
มาตรา 605 ถ้าการที่จ้างยังทำไม่แล้วเสร็จอยู่ตราบใด ผู้ว่าจ้างอาจบอกเลิกสัญญาได้ เมื่อเสียค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้รับจ้างเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ อันเกิดแต่การเลิกสัญญานั้น
วินิจฉัย
ก
มานะทำสัญญาจ้างนิพรให้ก่อสร้างอาคาร 5 ชั้น ภายในกำหนดเวลา 10 เดือน เป็นสัญญาจ้างทำของตามมาตรา 587 เมื่อก่อสร้างได้เพียง 3 เดือน ซึ่งการจ้างยังทำไม่เสร็จ ตามมาตรา 605 นั้น ให้สิทธิผู้ว่าจ้าง (มานะ) ที่จะบอกเลิกสัญญาได้ แต่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้นิพรที่จะได้รับความเสียหายจากการเลิกสัญญานี้ ดังนั้นนิพรต่อสู้ไม่ได้
ข
สัญญาจ้างสองและสามเป็นสัญญาจ้างแรงงานไม่มีกำหนดเวลา จึงสามารถบอกเลิกสัญญาได้ตามมาตรา 582 กำหนดไว้ คือต้องบอกกล่าวล่วงหน้าในเมื่อถึงหรือก่อนจะถึงกำหนดจ่ายสินจ้าง เพื่อให้เป็นผลเลิกสัญญากันเมื่อถึงกำหนดจ่ายสินจ้างคราวถัดไป ดังนั้นการที่มานะบอกกล่าววันที่ 15 กันยายน และบอกเลิกสัญญาจ้างในวันที่ 25 ตุลาคม จึงไม่ถูกต้อง ที่ถูกต้องคือการบอกกล่าววันที่ 15 กันยายน ถือว่าเป็นการบอกกล่าวของงวดวันที่ 30 กันยายน และมีผลบอกเลิกสัญญาจ้างในวันที่ 31 ตุลาคม ดังนั้นสองและสามต่อสู้ได้
สรุป ก นิพรต่อสู้ไม่ได้
ข สองและสามต่อสู้ได้