การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2557
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2006 กฎหมายอาญา 1
คําแนะนํา ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. นายโก๋ขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูงเข้ามาในถนนซอยในหมู่บ้านซึ่งมีคนอาศัยจํานวนมาก ปรากฏว่ามีเด็กวิ่งไล่จับกันมาวิ่งตัดหน้ารถยนต์ที่นายโก๋ขับมา นายโก๋ตกใจเหยียบห้ามล้อพร้อมกับหันพวงมาลัยหลบเด็กเป็นเหตุให้รถยนต์ไปกระแทกกับรถยนต์ของนายเฮงซึ่งจอดอยู่ริมถนนหน้าบ้านได้รับความเสียหาย และด้วยความแรงรถยนต์ของนายเฮงยังกระเด็นไปกระแทกรถยนต์ของนายโชคดีซึ่งจอดอยู่ถัดไปได้รับความเสียหายอีกด้วย ดังนี้ นายโก๋จะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่

Advertisement

ธงคําตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 59 วรรคแรก วรรคสองและวรรคสี่ “บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทํา โดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทําโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทําโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทําโดยไม่มีเจตนา

กระทําโดยเจตนา ได้แก่ กระทําโดยรู้สํานึกในการที่กระทํา และในขณะเดียวกันผู้กระทําประสงค์ ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทํานั้น

การกระทําโดยประมาท ได้แก่ กระทําความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทําโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทําอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่”

วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ นายโก๋มิได้มีเจตนากระทําต่อนายเฮงและนายโชคดี เนื่องจากไม่ได้ประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลที่จะเกิดขึ้นกับนายเฮงและนายโชคดีตามมาตรา 59 วรรคสอง แต่การที่นายโก๋ขับรถด้วยความเร็วสูงเข้าไปในถนนซอยในหมู่บ้าน ซึ่งมีผู้อาศัยอยู่มาก ถือเป็นการกระทําโดยปราศจากความระมัดระวัง ตามภาวะวิสัยของคนขับรถในพฤติการณ์เช่นนั้น ซึ่งนายโก๋อาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ การกระทําของนายโก๋จึงเป็นการกระทําโดยประมาทตามมาตรา 59 วรรคสี่ เป็นเหตุให้ทรัพย์สิน คือ รถยนต์ของนายเฮงและนายโชคดีเสียหาย แต่เนื่องจากกระทำโดยประมาททำให้ทรัพย์ผู้อื่นเสียหาย กฎหมายอาญามิได้บัญญัติเป็นความผิด นายโก๋จึงไม่ต้องรับผิดทางอาญาตามมาตรา 59 วรรคแรก

สรุป นายโก๋ไม่ต้องรับผิดทางอาญา

 

ข้อ 2. นายเอกใช้อาวุธปืนไปซุ่มเจตนาจะยิงนายดำคู่อริให้ตาย ในตอนค่ำเห็นนายโทน้องชายของนายเอกใส่เสื้อสีดำเดินมาด้วยความรีบร้อนไม่ดูให้ดี นายเอกเข้าใจว่าเป็นนายดำคู่อริ นายเอกใช้ปืนยิงไป กระสุนถูกนายโทถึงแก่ความตาย และลูกกระสุนปืนยังเลยไปถูกนางสาวชมพู ซึ่งขี่รถจักรยานจะกลับบ้านได้รับบาดเจ็บอีกด้วย ดังนี้ นายเอกจะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่

ธงคําตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 59 วรรคแรกและวรรคสอง “บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทําโดยไม่มีเจตนา

กระทําโดยเจตนา ได้แก่ กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น”

มาตรา 60 “ผู้ใดเจตนาที่จะกระทำต่อบุคคลหนึ่ง แต่ผลของการกระทำเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่ง โดยพลาดไป ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำโดยเจตนาแก่บุคคลซึ่งได้รับผลร้ายจากการกระทำนั้น แต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติ ให้ลงโทษหนักขึ้น เพราะฐานะของบุคคลหรือเพราะความสัมพันธ์ระหว่างผู้กระทำกับบุคคลที่ได้รับผลร้าย มิให้นำกฎหมายนั้นมาใช้บังคับเพื่อลงโทษผู้กระทำให้หนักขึ้น”

มาตรา 61 “ผู้ใดเจตนาจะกระทำต่อบุคคลหนึ่ง แต่ได้กระทำต่ออีกบุคคลหนึ่งโดยสำคัญผิด ผู้นั้นจะยกเอาความสําคัญผิดเป็นข้อแก้ตัวว่ามิได้กระทำโดยเจตนาหาได้ไม่”

มาตรา 80 วรรคแรก “ผู้ใดลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด หรือกระทำไปตลอด แล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายามกระทำความผิด”

วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ นายเอกจะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่ แยกพิจารณาได้ดังนี้

ความรับผิดของนายเอกต่อนายโท
การที่นายเอกใช้อาวุธปืนยิงไปถูกนายโทถึงแก่ความตายนั้น ถือว่านายเอกได้กระทำต่อนายโท โดยเจตนา เพราะนายเอกได้กระทำโดยรู้สํานึกในการที่กระทำ และในขณะเดียวกันนายเอกได้ประสงค์ต่อผลของการกระทำนั้นตามมาตรา 59 วรรคสอง

และแม้ข้อเท็จจริงตามอุทาหรณ์นั้น นายเอกจะมีเจตนาฆ่านายดํา แต่ได้ลงมือกระทำต่อนายโท เพราะเข้าใจผิดคิดว่านายโทเป็นนายดำคนที่นายเอกต้องการฆ่า นายเอกจะยกเอาความสําคัญผิดดังกล่าว มาเป็นข้อแก้ตัวว่าไม่มีเจตนากระทำต่อนายโทไม่ได้ ดังนั้น จึงต้องถือว่านายเอกมีเจตนาฆ่านายโทด้วยตาม มาตรา 61 และเมื่อกระสุนถูกนายโทถึงแก่ความตาย นายเอกจึงต้องรับผิดทางอาญาฐานฆ่านายโทโดยสำคัญผิด ในตัวบุคคลตามมาตรา 59 วรรคแรก ประกอบมาตรา 61

ความรับผิดของนายเอกต่อนางสาวชมพู่
การที่นายเอกใช้อาวุธปืนยิงไปที่นายโท กระสุนถูกนายโทถึงแก่ความตาย และยังเลยไปถูก นางสาวชมพู่ได้รับบาดเจ็บนั้น ผลของการกระทำที่เกิดขึ้นกับนางสาวชมพู่เป็นผลที่เกิดขึ้นโดยพลาดไป จึงต้องถือว่านายเอกได้กระทำโดยเจตนาต่อนางสาวชมพู่ บุคคลซึ่งได้รับผลร้ายจากการกระทำนั้นด้วยตามมาตรา 60

ดังนั้น เมื่อนางสาวชมพูไม่ถึงแก่ความตายจึงถือว่านายเอกได้ลงมือกระทำความผิดและได้กระทำไปตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล นายเอกจึงต้องรับผิดทางอาญาฐานพยายามฆ่านางสาวชมพู่โดยเจตนาโดยพลาด ตามมาตรา 59 วรรคแรก ประกอบมาตรา 60

สรุป
นายเอกต้องรับผิดทางอาญาฐานฆ่านายโทตายโดยสำคัญผิดในตัวบุคคลตามมาตรา 59 วรรคแรก ประกอบมาตรา 61 และต้องรับผิดทางอาญาฐานพยายามฆ่านางสาวชมพูโดยเจตนาโดยพลาดตาม มาตรา 59 วรรคแรก ประกอบมาตรา 60

 

ข้อ 3. นายโก๋ต้องการจะฉุด น.ส.ชมพูสาวที่ตนหลงรัก นายโก๋ขอร้องนายก้านให้ขับรถยนต์มาส่งและจอดรออยู่หน้าประตูรั้วบ้าน น.ส.ชมพู นายโก๋คนเดียวได้เดินเข้าไปในบ้านฉุดข้อมือลาก น.ส.ชมพู เพื่อจะพามาขึ้นรถยนต์ที่จอดรออยู่ น.ส.ชมพู่ร้องให้มารดาช่วย นางเชยมารดาได้ยินเสียงร้องวิ่ง ออกมาจากหลังบ้านตรงเข้าทุบตีนายโก๋ กลับถูกนายโก๋ถีบจนล้มลง นางเชยจึงไปหยิบปืนในห้อง ออกมายิงไป 2 นัด ถูกนายโก๋ขณะกําลังฉุดลาก น.ส.ชมพู่ ลูกกระสุนปืนถูกนายโก๋ถึงแก่ความตาย และลูกปืนยังเลยไปถูกนายก้านซึ่งนั่งรออยู่ในรถยนต์ถึงแก่ความตายอีกด้วย ดังนี้ นางเชยจะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคําตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 59 วรรคแรกและวรรคสอง “บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา

กระทำโดยเจตนา ได้แก่ กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทํานั้น”

มาตรา 60 “ผู้ใดเจตนาที่จะกระทำต่อบุคคลหนึ่ง แต่ผลของการกระทำเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่ง โดยพลาดไป ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำโดยเจตนาแก่บุคคลซึ่งได้รับผลร้ายจากการกระทํานั้น…”

มาตรา 68 “ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตน หรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตราย ซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด”

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ นางเชยจะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่ วินิจฉัยได้ดังนี้
การที่นางเชยใช้อาวุธปืนยิงนายโก๋ตาย ขณะที่นายโก๋กําลังฉุดลาก น.ส.ชมพูอยู่นั้น การกระทำของนางเชยเป็นการกระทําโดยรู้สำนึกในการที่กระทํา และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผลของการกระทำนั้น การกระทำของนางเชยจึงเป็นการกระทำโดยเจตนาตามมาตรา 59 วรรคสอง ซึ่งโดยหลักแล้วนางเชยจะต้องรับผิด ทางอาญาตามมาตรา 59 วรรคแรก

แต่อย่างไรก็ตาม การกระทำของนางเชยถือได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของ น.ส.ชมพู่ ให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง อีกทั้งนางเชย ได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำของนางเซยจึงเป็นการกระทำที่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น นางเชยจึงไม่ต้องรับผิดทางอาญาต่อนายโก๋ตามมาตรา 68

และเมื่อการที่นางเชยใช้อาวุธปืนยิงนายโก๋นั้น ลูกปืนยังเลยไปถูกนายก้านซึ่งนั่งรออยู่ในรถยนต์ ถึงแก่ความตายอีกด้วย การกระทำของนางเชยต่อนายก้านนั้นถือว่าเป็นการกระทำโดยเจตนาโดยพลาดไปตาม มาตรา 60 แต่เมื่อเจตนาตอนแรกของนางเชยเป็นการกระทำเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น ผลที่เกิดขึ้น โดยพลาดจึงเป็นผลที่เกิดจากการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายด้วยตามมาตรา 60 ประกอบมาตรา 68 นางเชย จึงไม่ต้องรับผิดทางอาญาต่อนายก้านเช่นกัน

สรุป
นางเชยไม่ต้องรับผิดทางอาญาต่อนายโก๋และนายก้าน เพราะเป็นการกระทำเพื่อ ป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

 

ข้อ 4. นายแก้วทำธุรกิจถูกนายโดมคู่แข่งกลั่นแกล้งช่วงชิงผลประโยชน์ทำให้นายแก้วขาดทุนเกิดความแค้น จึงว่าจ้างนายโก๋ให้ฆ่านายโดมด้วยเงินห้าแสนบาท นายโก๋รับเงินค่าจ้างแล้วได้ไปขอยืมปืนจากนายกว้าง นายกว้างให้ยืมปืนโดยรู้ว่านายโก๋จะเอาไปยิงนายโดม นายโก๋ได้ปืนแล้วไปดักลอบจะยิงนายโดมที่บริเวณหน้าบ้านนายโดม เห็นนายโดมเดินออกมาจําได้ว่าเป็นเพื่อนนักเรียนเก่าที่เคยเรียนมาด้วยกัน จึงเปลี่ยนใจไม่ชักปืนออกมายิง นายโก๋ได้นําปืนไปคืนนายกว้างและนําเงินไปคืนนายแก้ว

ดังนี้ นายแก้ว นายกว้าง และนายโก๋จะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่

ธงคําตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 59 วรรคแรก “บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาทหรือเว้นแต่ในกรณี ที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา”

มาตรา 84 “ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้างวาน หรือยุยง ส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด

ถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ ถ้าความผิดมิได้กระทำลง ไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำ ยังไม่ได้กระทำหรือเหตุอื่นใด ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสามของโทษ ที่กำหนดไว้สําหรับความผิดนั้น”

มาตรา 86 “ผู้ใดกระทําด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการ ที่ผู้อื่นกระทําความผิดก่อน หรือขณะกระทําความผิด แม้ผู้กระทําความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือ หรือให้ความ สะดวกนั้นก็ตาม ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทําความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กําหนดไว้ สําหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น”

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ นายแก้ว นายกว้าง และนายโก๋ จะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่ แยกพิจารณาได้ดังนี้

ความรับผิดของนายโก๋
ตามบทบัญญัติมาตรา 59 วรรคแรก จะเห็นได้ว่าโดยปกติบุคคลจะต้องรับผิดทางอาญา ก็ต่อเมื่อ ได้มีการกระทําการซึ่งกฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิด ซึ่งคําว่าได้มีการกระทํานี้ จะต้องเลยขั้นตระเตรียมการมา จนถึงขั้นลงมือกระทําแล้ว แต่กรณีตามข้อเท็จจริงนายโก๋เพียงแต่ไปดักลอบจะยิงนายโดม แต่ยังไม่ได้ชักปืนออกมาจ้องยิงไปที่นายโดม การกระทําของนายโก๋จึงอยู่เพียงขั้นตระเตรียมการเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นลงมือกระทําความผิด เพราะยังไม่ถือว่าใกล้ชิดกับความสําเร็จ ดังนั้น นายโก๋จึงไม่ต้องรับผิดทางอาญาต่อนายโดม

ความรับผิดของนายแก้ว
การที่นายแก้วได้ว่าจ้างนายโก๋ให้ฆ่านายโดมด้วยเงินห้าแสนบาทนั้น ถือเป็นการ “ก่อ” ให้ ผู้อื่นกระทําผิดแล้ว นายแก้วจึงต้องรับผิดฐานเป็นผู้ใช้ตามมาตรา 84 วรรคแรก และเมื่อปรากฏว่าความผิดที่ใช้ ยังมิได้กระทําลงเพราะนายโก๋ผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทํา นายแก้วจึงต้องรับโทษหนึ่งในสามของโทษที่กําหนดไว้สําหรับ ความผิดนั้นตามมาตรา 84 วรรคสอง

ความรับผิดของนายกว้าง
การที่นายกว้างให้นายโก๋ยืมปืนโดยรู้ว่านายโก๋จะเอาไปยิงนายโดมนั้น ถึงแม้จะเป็นการกระทํา อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ผู้อื่นในการกระทําความผิด แต่เมื่อปรากฏว่านายโก๋ยังไม่ได้ลงมือกระทําความผิด นายกว้างจึงไม่ต้องรับผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา 86

สรุป
นายแก้วจะต้องรับผิดทางอาญาฐานเป็นผู้ใช้และรับโทษหนึ่งในสามตามมาตรา 84 ส่วนนายกว้างและนายโก๋ไม่ต้องรับผิดทางอาญา

Advertisement