การสอบซ่อมภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2548
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW2005
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยซื้อขาย แลกเปลี่ยนให้
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 3 ข้อ
ข้อ 1 นายเอนกกับนายโกสินทำสัญญาเป็นหนังสือมีข้อความว่า “นายเอนกขายที่ดินมีโฉนดของตนหนึ่งแปลงในราคา 5,000,000 บาท พร้อมกับที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ) ของตน อีกหนึ่งแปลงราคา 700,000 บาท ให้นายโกสินทร์ นายโกสินตกลงซื้อ
นายเอนกส่งมอบที่ดินทั้งสองแปลงให้นายโกสินทร์แล้ว และนายโกสินทร์ชำระราคาค่าที่ดินทั้งสองแปลงเป็นเงิน 5,700,000 บาท ให้นายเอนกครบถ้วน ลงชื่อนายเอนกผู้ขาย นายโกสินทร์ผู้ซื้อ” ต่อมาอีก 3 ปี นายเอนกอยากได้ที่ดินทั้งสองแปลงคืนจากนายโกสินทร์เพราะที่ดินทั้งสองแปลงมีราคาสูงขึ้นมาก
นายเอนกจึงมาเรียกที่ดินทั้งสองแปลงคืนจากนายโกสินทร์และขอให้นายโกสินทร์ออกไปจากที่ดิน นายโกสินทร์ไม่ยอมคืนอ้างว่าเป็นที่ดินของตน ทั้งคู่ตกลงกันไม่ได้ นายเอนกยื่นฟ้องต่อศาลขอให้บังคับขับไล่นายโกสินทร์ออกไปจากที่ดินทั้งสองแปลง
ดังนี้ ถ้าท่านเป็นศาลพิจารณาแล้วได้ข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น ท่านจะมีคำพิพากษาให้ขับไล่นายโกสินทร์ออกไปจากที่ดินทั้งสองแปลงหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 456 วรรคแรก การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะ วิธีนี้ให้ใช้ถึงซื้อขายเรือมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป ทั้งซื้อขายแพและสัตว์พาหนะด้วย
วินิจฉัย
สัญญาระหว่างนายเอนกกับนายโกสินทร์เป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด และที่ดินทั้งสองแปลงที่ซื้อขายเป็นอสังหาริมทรัพย์ คู่สัญญาจะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 456 วรรคแรก แต่ทั้งคู่ทำกันเป็นเพียงหนังสือ สัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดย่อมตกเป็นโมฆะ การที่นายเอนกส่งมอบที่ดินทั้งสองแปลงให้นายโกสินทร์ ย่อมถือว่านายเอนกสละสิทธิครอบครอง และที่ดิน น.ส.3 มีเพียงสิทธิครอบครอง นายโกสินทร์ย่อมได้สิทธิครอบครอง ศาลจึงมีคำพิพากษาให้ขับไล่นายโกสินทร์ออกจากที่ดิน น.ส.3 แปลงนี้ไม่ได้ ส่วนที่ดินมีโฉนดเป็นที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์ แม้นายโกสินทร์จะมีสิทธิครอบครอง แต่กรรสิทธิ์ยังเป็นของนายเอนก ดังนั้น ถ้าข้าพเจ้าเป็นศาล ข้าพเจ้าจะมีคำพิพากษาให้ขับไล่นายโกสินทร์ออกไปจากที่ดินแปลงที่มีโฉนด
ข้อ 2 นายไก่นำนาฬิกาข้อมือมูลค่า 1 ล้านบาท ไปขายฝากไว้กับนายไข่ในราคาเพียง 3 แสนบาท มีกำหนดเวลาไถ่คืนภายใน 3 ปี และมีข้อตกลงกันว่าในระหว่างติดสัญญาขายฝากห้ามมิให้นายไข่นำนาฬิกาเรือนดังกล่าวไปจำหน่ายจ่ายโอน และเวลาไถ่คืนให้ประโยชน์ 15% ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้หลังจากรับซื้อฝากไว้แล้วนายไข่กลับนำนาฬิกาไปขายให้นายแดงในราคา 5 แสนบาท
หลังจากซื้อมาได้เพียง 1 เดือน นายแดงจึงทราบว่านาฬิกาเรือนนี้เป็นนาฬิกาซึ่งนายไก่นำมาขายฝากนายไข่ไว้หลังจากนั้นนายไก่ก็มาขอไถ่นาฬิกาคืนจากนายแดง นายแดงปฏิเสธไม่ให้ไถ่คืนถ้าอยากได้คืนก็ต้องไถ่คืนในราคา 6 แสนบาท
1) นายไก่มีสิทธิไถ่นาฬิกาคืนจากนายแดงได้หรือไม่ และข้ออ้างของนายแดงรับฟังได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
2) นายไก่จะฟ้องร้องให้นายไข่รับผิดต่อตนได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 493 ในการขายฝาก คู่สัญญาจะตกลงกันไม่ให้ผู้ซื้อจำหน่ายทรัพย์สินซึ่งขายฝากก็ได้ ถ้าและผู้ซื้อจำหน่ายทรัพย์สินนั้นฝ่าฝืนสัญญาไซร้ ก็ต้องรับผิดต่อผู้ขายในความเสียหายใดๆ อันเกิดแต่การนั้น
มาตรา 498 สิทธิในการไถ่ทรัพย์สินนั้น จะพึงใช้ได้เฉพาะบุคคลเหล่านี้ คือ
(1) ผู้ซื้อเดิม หรือทายาทของผู้ซื้อเดิม หรือ
(2) ผู้รับโอนทรัพย์สิน หรือรับโอนสิทธิเหนือทรัพย์สินนั้น แต่ในข้อนี้ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์จะใช้สิทธิได้ต่อเมื่อผู้รับโอนได้รู้ในเวลาโอน ว่าทรัพย์สินตกอยู่ในบังคับแห่งสิทธิไถ่คืน
วินิจฉัย
1) นายไก่มีสิทธิไถ่นาฬิกาคืนจากนายแดงได้ตามมาตรา 498 เพราะนายแดงเป็นผู้รับโอนมีหน้าที่ต้องรับไถ่ แต่นาฬิกาเป็นสังหาริมทรัพย์ นายไก่จะใช้สิทธิไถ่คืนจากนายแดงได้ต่อเมื่อในขณะหรือก่อนนายแดงซื้อนาฬิกาเรือนดังกล่าวมาจากนายไข่นั้น นายแดงรู้ว่านาฬิกาเรือนดังกล่าวติดสัญญาขายฝาก แต่ตามข้อเท็จจริงนายไข่ไม่ได้แจ้งให้นายแดงทราบและนายแดงมาทราบภายหลังจากซื้อมาแล้ว นายแดงจึงมีสิทธิปฏิเสธไม่ให้นายไก่ไถ่คืนได้ตามมาตรา 498(2) ข้ออ้างของนายแดงที่ว่าถ้าอยากได้คืนก็ต้องไถ่คืนในราคา 6 แสนบาทนั้น รับฟังได้ เพราะเมื่อเขาเป็นเจ้าของนาฬิกาเขาจะขายคืนราคาเท่าใดก็ได้
2) นายไก่สามารถฟ้องให้นายไข่ต้องรับผิดต่อตนได้ในความเสียหายใดๆอันเกิดจากการที่นายไข่นำนาฬิกาไปขายให้นายแดง เพราะนายไก่และนายไข่มีข้อตกลงกันไม่ให้นายไข่จำหน่ายนาฬิกาซึ่งรับซื้อฝากไว้จากนายไก่ และการกระทำของนายไข่ก็เป็นการฝ่าฝืนสัญญาซึ่งได้ตกลงกันไว้แล้วตามมาตรา 493
สรุป
(1) ข้ออ้างของนายแดงรับฟังได้
(2) นายไก่ฟ้องให้นายไข่รับผิดต่อตนได้
ข้อ 3 นายใจได้ซื้อเครื่องซักผ้าเครื่องหนึ่งจากห้างของนายแจ่ม โดยเครื่องซักผ้าเครื่องนั้นเป็นเครื่องที่ห้างไว้สำหรับตั้งโชว์และทดลองให้ลูกค้าดู เมื่อตกรุ่นห้างจึงนำมาลดราคาโดยถือเป็นของที่ใช้แล้วไว้กลางห้าง จากเดิมของใหม่ราคา ห้าพันบาท เหลือเพียงสามพันบาท
เมื่อทดลองเครื่องที่ห้างก็พบว่าเครื่องทำงานได้เป็นปกติ นายใจจึงตกลงซื้อแต่เมื่อพนักงานของห้างนำเครื่องมาส่งที่บ้านและทดลองดูกลับพบว่าบางระบบของเครื่องไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ ปั่นแห้งไม่ได้ เดินเครื่องไประยะหนึ่งเครื่องจะหยุดทำงานไปเฉยๆ นายใจจะเรียกร้องให้ห้างรับผิดในความชำรุดบกพร่องได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 472 ในกรณีที่ทรัพย์สินที่ขายนั้นชำรุดบกพร่องอย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นเหตุให้เสื่อมราคาหรือเสื่อมความเหมาะสมแก่ประโยชน์อันมุ่งจะใช้เป็นปกติก็ดี ประโยชน์ที่มุ่งหมายโดยสัญญาก็ดี ท่านว่า ผู้ขายต้องรับผิด
ความที่กล่าวมาในมาตรานี้ย่อมใช้ได้ ทั้งที่ผู้ขายรู้อยู่แล้วหรือไม่รู้ว่าความชำรุดบกพร่องมีอยู่
วินิจฉัย
นายใจได้ซื้อเครื่องซักผ้าเครื่องหนึ่งจากห้างของนายแจ่ม โดยเครื่องซักผ้าเครื่องนั้นเป็นเครื่องที่ห้างไว้สำหรับตั้งโชว์และทดลองให้ลูกค้าดู เมื่อตกรุ่นห้างจึงนำมาลดราคาโดยถือเป็นของที่ใช้แล้วไว้กลางห้าง จากเดิมของใหม่ราคา ห้าพันบาท เหลืองเพียงสามพันบาท เมื่อทดลองเครื่องที่ห้างก็พบว่าเครื่องทำงานได้เป็นปกติ นายใจจึงตกลงซื้อแต่เมื่อพนักงานของห้างนำเครื่องมาส่งที่บ้านและทดลองดูกลับพบว่าบางระบบของเครื่องไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ ปั่นแห้งไม่ได้ เดินเครื่องไประยะหนึ่งเครื่องจะหยุดทำงานไปเฉยๆ ดังนั้นนายใจจะเรียกร้องให้ห้างรับผิดในความชำรุดบกพร่องได้เพราะเป็นการเสื่อมความเหมาะสมแก่ประโยชน์อันมุ่งจะใช้เป็นปกติตามมาตรา 472
สรุป นายใจสามารถเรียกร้องให้ห้างรับผิดในความชำรุดบกพร่องได้