การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2550
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW2005
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยซื้อขาย แลกเปลี่ยนให้
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 3 ข้อ
ข้อ 1 นายจันทร์ซื้อรถยนต์คันหนึ่งมาจากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีในราคา 300,000 บาท ต่อมานายจันทร์ทราบว่ารถยนต์คันนี้ไม่ใช่ของนายแดง (ลูกหนี้ตามคำพิพากษา) แต่เป็นของนายอาทิตย์ นายจันทร์ไม่อยากได้รถยนต์คันนี้ไว้และขายต่อให้นายอังคารในราคา 250,000 บาท
นายอังคารซื้อมาได้เพียง 1 เดือน ก็ถูกเจ้าพนักงานตำรวจยึดรถยนต์ไปเพื่อคืนให้นายอาทิตย์ตามที่ได้แจ้งความไว้ หลังจากนั้นอีก 6 เดือน นายอังคารมาขอให้นายจันทร์รับผิดในการรอนสิทธินายจันทร์กลับปฏิเสธความรับผิด
ดังนี้นายอังคารมาถามนักศึกษาว่า นายอังคารมีสิทธิเรียกร้องให้นายจันทร์รับผิดในการรอนสิทธิได้หรือไม่ นักศึกษาจะให้คำตอบนายอังคารอย่างไร เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 482 ผู้ขายไม่ต้องรับผิดในการรอนสิทธิเมื่อกรณีเป็นดังกล่าวต่อไปนี้คือ
(1) ถ้าไม่มีการฟ้องคดี และผู้ขายพิสูจน์ได้ว่าสิทธิของผู้ซื้อได้สูญไปโดยความผิดของผู้ซื้อเอง
มาตรา 1330 สิทธิของบุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินโดยสุจริตในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลหรือคำสั่งเจ้าพนักงานรักษาทรัพย์ในคดีล้มละลายนั้น ท่านว่ามิเสียไป ถึงแม้ภายหลังจะพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินนั้นมิใช่ของจำเลยหรือลูกหนี้โดยคำพิพากษาหรือผู้ล้มละลาย
วินิจฉัย
นายจันทร์ซื้อรถยนต์มาจากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี นายจันทร์ย่อมได้รับความคุ้มครองโดยมาตรา 1330 แม้รถยนต์คันนี้จะไม่ใช่ของนายแดงลูกหนี้ตามคำพิพากษาก็ตาม นายจันทร์ก็ไม่เสียสิทธิในรถยนต์คันนี้ นายจันทร์ขายต่อให้นายอังคาร นายอังคารก็มีสิทธิในรถยนต์คันนี้เช่นเดียวกับนายจันทร์ แม้รถยนต์คันนี้จะถูกเจ้าพนักงานตำรวจยึดไปเพื่อคืนให้นายอาทิตย์ นายจันทร์ย่อมพิสูจน์ได้ว่าสิทธิของนายอังคารได้สูญไปเพราะความผิดของนายอังคารเอง ตามมาตรา 482 (1) นายอังคารจะเรียกร้องให้นายจันทร์รับผิดในการรอนสิทธิไม่ได้
สรุป นายอังคารจะเรียกร้องให้นายจันทร์รับผิดในการรอนสิทธิไม่ได้
ข้อ 2 นายไก่นำรถยนต์ซึ่งตนเก็บสะสมไว้จำนวน 20 คัน ออกประมูลขายทอดตลาด ในการขายครั้งนี้นายไก่แจ้งให้ผู้เข้าประมูลซื้อทราบโดยทั่วกันว่า นายไก่ผู้ขายจะไม่รับผิดชอบในความชำรุดบกพร่องและการรอนสิทธิที่เกิดในรถยนต์ที่ผู้ซื้อประมูลได้ไป นายไข่ประมูลชนะได้รถยนต์ไป 2 คัน
ซึ่งคันหนึ่งนายไก่ทราบดีว่าเป็นรถยนต์ที่ตนได้มาจากรถที่ถูกขโมยมาขายให้ตน และอีกคันหนึ่งนั้นเครื่องยนต์ไม่ดีหลังจากนายไข่ซื้อรถยนต์ทั้ง 2 คัน จากการขายทอดตลาดไปแล้ว คันหนึ่งเจ้าของที่แท้จริงก็มาติดตามเอารถยนต์คืนโดยมีเอกสารแสดงชัดเจน อีกคันหนึ่งเครื่องยนต์ก็เสียต้องซ่อมแซมอย่างใหญ่
นายไข่จะฟ้องให้นายไก่ผู้ขายรับผิดในความชำรุดบกพร่อง และการรอนสิทธิที่เกิดแก่รถยนต์ 2 คันที่ซื้อทอดตลาดมาได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 472 ในกรณีที่ทรัพย์สินที่ขายนั้นชำรุดบกพร่องอย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นเหตุให้เสื่อมราคาหรือเสื่อมความเหมาะสมแก่ประโยชน์อันมุ่งจะใช้เป็นปกติก็ดี ประโยชน์ที่มุ่งหมายโดยสัญญาก็ดี ท่านว่า ผู้ขายต้องรับผิด
ความที่กล่าวมาในมาตรานี้ย่อมใช้ได้ ทั้งที่ผู้ขายรู้อยู่แล้วหรือไม่รู้ว่าความชำรุดบกพร่องมีอยู่
มาตรา 473 ผู้ขายย่อมไม่ต้องรับผิดในกรณีดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ
(1) ถ้าผู้ซื้อได้รู้อยู่แล้วแต่ในเวลาซื้อขายว่ามีความชำรุดบกพร่องหรือควรจะได้รู้เช่นนั้นหากได้ใช้ความระมัดระวังอันจะพึงคาดหมายได้แต่วิญญูชน
(2) ถ้าความชำรุดบกพร่องนั้นเป็นอันเห็นประจักษ์แล้วในเวลาส่งมอบ และผู้ซื้อรับเอาทรัพย์สินนั้นไว้โดยมิได้อิดเอื้อน
(3) ถ้าทรัพย์สินนั้นได้ขายทอดตลาด
มาตรา 475 หากว่ามีบุคคลผู้ใดมาก่อการรบกวนขัดสิทธิของผู้ซื้อในอันจะครองทรัพย์สินโดยปกติสุข เพราะบุคคลผู้นั้นมีสิทธิเหนือทรัพย์สินที่ได้ซื้อขายกันนั้นอยู่ในเวลาซื้อขายก็ดี เพราะความผิดของผู้ขายก็ดี ท่านว่าผู้ขายจะต้องรับผิดในผลอันนั้น
มาตรา 483 คู่สัญญาซื้อขายตกลงกันว่าผู้ขายจะไม่ต้องรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่องหรือเพื่อการรอนสิทธิก็ได้
มาตรา 485 ข้อสัญญาว่าจะไม่ต้องรับผิดนั้น ไม่อาจคุ้มครองรับผิดผู้ขายในผลของการอันผู้ขายได้กระทำไปเอง หรือผลแห่งข้อความจริงอันผู้ขายได้รู้อยู่แล้วและปกปิดเสีย
วินิจฉัย
ความรับผิดในความชำรุดบกพร่องของทรัพย์สินที่ขายตามมาตรา 472 นั้น ผู้ขายต้องรับผิด ถ้าทรัพย์สินที่ขายชำรุดบกพร่องอย่างหนึ่งอย่างใดเป็นเหตุให้เสื่อมราคาหรือเสื่อมความเหมาะสม และต้องเกิดขึ้นก่อนที่กรรมสิทธิ์จะตกเป็นของผู้ซื้อ
อย่างไรก็ดีผู้ขายก็ไม่จำต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่องได้ หากเข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 473
กรณีตามอุทาหรณ์ แม้รถยนต์ที่นายไข่ซื้อมาจะชำรุดบกพร่อง แต่นายไข่จะฟ้องร้องให้นายไก่ผู้ขายรับผิดในความชำรุดบกพร่องไม่ได้ เพราะเป็นการซื้อจากการขายทอดตลาด ตามมาตรา 473 (3) ประกอบมาตรา 472 ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการที่เปิดโอกาสให้ผู้ซื้อได้ตรวจดูทรัพย์สินก่อนซื้อขาย
ส่วนการรอนสิทธินั้นเป็นกรณีที่บุคคลภายนอกมีสิทธิเหนือทรัพย์สินที่ได้ซื้อขายกันอยู่ในเวลาซื้อขาย มาขัดสิทธิให้ผู้ซื้อไม่สามารถครองทรัพย์สิโดยปกติสุขได้ ตามมาตรา 475 กำหนดให้ผู้ขายต้องรับผิดเพราะเหตุการณ์รอนสิทธินั้น แต่ทั้งนี้ผู้ซื้อและผู้ขายอาจทำความตกลงกันว่าผู้ขายไม่ต้องรับผิดเพราะการรอนสิทธิก็ได้ ตามมาตรา 483
อย่างไรก็ตามข้อสัญญาว่าจะไม่ต้องรับผิดนั้น ไม่อาจคุ้มครองผู้ขายได้ หากการรอนสิทธินั้นเกิดขึ้นเพราะการกระทำของผู้ขายเอง หรือผู้ขายรู้ความจริงแห่งการรอนสิทธิแล้วปกปิดเสีย ตามมาตรา 485
ดังนั้นนายไข่สามารถฟ้องให้นายไก่รับผิดในกรณีฯรอนสิทธิได้ เพราะนายไก่ผู้ขายทราบว่าเป็นรถยนต์ที่ตนได้มาจากรถที่ถูกขโมยมาขายให้ตน แล้วปกปิดมิแจ้งให้ผู้ซื้อทราบ แล้วยังมาทำข้อตกลงยกเว้นว่าผู้ขายไม่ต้องรับผิดในการรอนสิทธิอีก ถือว่าผู้ขายไม่สุจริต จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
สรุป นายไข่ฟ้องนายไก่ให้รับผิดในความชำรุดบกพร่องไม่ได้ แต่ฟ้องให้รับผิดในกรณีรอนสิทธิได้
ข้อ 3 นายมดนำบ้านและที่ดินไปทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนขายฝากไว้กับนายปลวก มีกำหนดไถ่คืนภายใน 1 ปี ในราคา 1 ล้านบาท และกำหนดสินไถ่ไว้เป็นราคา 2 ล้านบาท เมื่อเวลาผ่านไปได้เพียง 5 เดือน นายมดเห็นว่าคงไม่มีความสามารถไถ่คืนได้ในเวลา 7 เดือนที่เหลือ
จึงขอขยายระยะเวลาออกไปอีก 1 ปี นายปลวกก็ยินยอมตกลงตามที่นายมดร้องขอ เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี 10 เดือน นับแต่ทำสัญญาขายฝากกัน นายมดก็ไปขอไถ่บ้านและที่ดินคืนจากนายปลวกพร้อมนำเงินสินไถ่เป็นเงินหนึ่งล้านสามแสนบาทไปไถ่ นายปลวกปฏิเสธไม่ให้ไถ่คืนโดยอ้างว่า (1) เลยกำหนดระยะเวลาแล้ว และ (2) สินไถ่ไม่ครบถ้วนตามสัญญา
นายมดจะฟ้องบังคับให้นายปลวกรับไถ่โดยอ้างว่า (1) มีการตกลงขยายระยะเวลาในการไถ่ และ (2) สินไถ่ครบถ้วนแล้ว จะได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 494 ท่านห้ามมิให้ใช้สิทธิไถ่ทรัพย์สินซึ่งขายฝากเมื่อพ้นเวลาดังจะกล่าวต่อไปนี้
(1) ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ กำหนดสิบปีนับแต่เวลาซื้อขาย
มาตรา 496 การกำหนดเวลาไถ่นั้น อาจทำสัญญาขยายกำหนดเวลาไถ่ได้ แต่กำหนดเวลาไถ่รวมกันทั้งหมด ถ้าเกินกำหนดเวลาตามมาตรา 494 ให้ลดลงมาเป็นกำหนดเวลาตามมาตรา 494
การขยายกำหนดเวลาไถ่ตามวรรคหนึ่งอย่างน้อยต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้รับไถ่ ถ้าเป็นทรัพย์สินซึ่งการซื้อขายกันจะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ห้ามมิให้ยกการขยายเวลาขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว เว้นแต่จะได้นำหนังสือหรือหลักฐานเป็นหนังสือดังกล่าวไปจดทะเบียนหรือจดแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
มาตรา 499 สินไถ่นั้น ถ้าไม่ได้กำหนดกันว่าเท่าใดไซร้ ท่านให้ไถ่ตามราคาที่ขายฝาก
ถ้าปรากฏในเวลาไถ่ว่าสินไถ่หรือราคาขายฝากที่กำหนดไว้สูงกว่าราคาขายฝากที่แท้จริงเกินอัตราร้อยละสิบห้าต่อปี ให้ไถ่ได้ตามราคาขายฝากที่แท้จริงรวมประโยชน์ตอบแทนร้อยละสิบห้าต่อปี
วินิจฉัย
(1) มีการตกลงขยายระยะเวลาในการไถ่จริง และไม่เกินกำหนดเวลาตามมาตรา 494 (1) แต่จะฟ้องร้องบังคับคดีบังคับให้ผู้รับไถ่ปฏิบัติตามสัญญานั้นอย่างน้อยต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ และลงลายมือชื่อผู้รับไถ่เป็นสำคัญจึงจะยกการขยายเวลาขึ้นเป็นข้อต่อสู้ผู้รับไถ่ได้ ดังนั้นนายมดจึงฟ้องให้นายปลวกรับไถ่ไม่ได้ตามมาตรา 496 วรรคสอง
(2) สินไถ่นั้นเมื่อมีการกำหนดเกินกว่าราคาขายฝาก กฎหมายให้สิทธิผู้รับซื้อฝากกำหนดได้ไม่เกินราคารับซื้อฝากบวกกับประโยชน์อีก 15% เมื่อตกลงไว้ 1 ปี ขยายเป็น 2 ปี ราคาขายฝาก 1 ล้านบาท สินไถ่ก็ต้องเป็น 1 ล้าน 3 แสนบาท นายปลวกจะอ้างว่าสินไถ่ไม่ครบเมื่อนายมดนำเงิน 1 ล้าน 3 แสนบาทไปขอไถ่บ้านและที่ดินคืนไม่ได้ ตามมาตรา 499 วรรคสอง