การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2552
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW2003
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยละเมิด จัดการงานนอกสั่ง ลาภมิควรได้
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)
ข้อ 1 มุกเช่ารถยนต์มาจากป้องเพื่อใช้ในงานบวชลูกชาย ป้องวานให้ป่านน้องชายช่วยขับรถเช่าคันนี้ไปส่งมอบให้มุกที่บ้าน ระหว่างทางป่านขับรถโดยประมาทชนสร้อยฟ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนี้สร้อยฟ้าจะฟ้องให้มุก ป้อง และป่าน ร่วมกันรับผิดได้หรือไม่ และมารดาของสร้อยฟ้าจะเรียกร้องค่ารถและค่าที่พักระหว่างมาดูแลบุตร รวมทั้งค่าขาดรายได้ของตนในระหว่างไปดูแลบุตรได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 425 นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น
มาตรา 427 บทบัญญัติในมาตราทั้งสองก่อนนั้น ท่านให้ใช้บังคับแก่ตัวการและตัวแทนด้วยโดยอนุโลม
มาตรา 444 วรรคแรก ในกรณีทำให้เสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยนั้น ผู้เสียหายชอบที่จะได้ชดใช้ค่าใช้จ่ายอันตนต้องเสียไป และค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วน ทั้งในเวลาปัจจุบันนั้นและในเวลาอนาคตด้วย
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่ป่านได้ขับรถโดยประมาทชนสร้อยฟ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น การกระทำของป่านถือว่าเป็นการกระทำโดยประมาทต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย ทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกาย และผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำของป่าน ดังนั้นจึงถือว่าป่านได้กระทำละเมิดต่อสร้อยฟ้าตามมาตรา 420 จึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่สร้อยฟ้า
การที่ป้องได้วานให้ป่านเป็นผู้ขับรถยนต์คันดังกล่าวไปส่งมอบให้มุก ถือว่าป่านได้กระทำในฐานะตัวแทนของป้องที่เป็นตัวการ และเมื่อป่านได้กระทำละเมิดภายในขอบอำนาจของตัวแทน ป้องซึ่งเป็นตัวการจึงต้องร่วมกันรับผิดกับป่านด้วยตามมาตรา 427 ซึ่งให้นำบทบัญญัติในมาตรา 425 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ส่วนมุกซึ่งมิได้มีความสัมพันธ์ใดๆกับป่านซึ่งเป็นผู้กระทำละเมิด จึงไม่ต้องรับผิดต่อสร้อยฟ้า
สำหรับมารดาของสร้อยฟ้า สามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนเป็นค่ารถ และค่าที่พักระหว่างมาดูแลบุตรได้ เพราะเป็นค่าใช้จ่ายอันจำเป็นที่ต้องเสียไปตามมาตรา 444 วรรคแรก แต่จะเรียกค่าขาดรายได้ของมารดาในระหว่างไปดูแลบุตรซึ่งเป็นผู้เสียหายไม่ได้ เทียบฎีกาที่ 3345/38
สรุป
1 สร้อยฟ้าสามารถฟ้องให้ป้องและป่านร่วมกับรับผิดได้ แต่จะฟ้องมุกไม่ได้
2 มารดาของสร้อยฟ้าสามารถเรียกร้องค่ารถและค่าที่พักระหว่างมาดูแลบุตรได้ แต่จะเรียกค่าขาดรายได้ของตนไม่ได้
ข้อ 2 เด็กชายจตุพร อายุ 14 ปี มีนิสัยเกเร ชอบพกระเบิดขวดไปโรงเรียนเป็นประจำ นายวีระซึ่งเป็นบิดาก็ทราบเรื่องได้ว่ากล่าวตักเตือนหลายครั้งมิให้พกไปโรงเรียน แต่เด็กชายจตุพรไม่เชื่อฟัง ยังคงพกพาระเบิดขวดอยู่เสมอ วันเกิดเหตุ เด็กชายจตุพรเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงและทะเลาะกับเด็กชายณัฐวุฒิเพื่อแย่งที่นั่งกัน ทำให้เด็กชายจตุพนโกรธ หยิบระเบิดขวดขึ้นมาขว้างใส่คู่อริ สะเก็ดระเบิดถูกนายซวยถึงแก่ความตายทันที
ดังนี้ บุตรชายอายุ 10 ปี ของนายซวยจะฟ้องให้นายวีระและเด็กชายจตุพรรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอะไรได้บ้าง
ธงคำตอบ
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 429 บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริตก็ยังต้องรับผิดในผลที่ตนทำละเมิด บิดามารดาหรือผู้อนุบาลของบุคคลเช่นว่านี้ย่อมต้องรับผิดร่วมกับเขาด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น
มาตรา 443 ในกรณีทำให้เขาถึงตายนั้น ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ ค่าปลงศพ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่นๆอีกด้วย
ถ้ามิได้ตายในทันที ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์ทำมาหาได้เพราะไม่สามารถประกอบการงานนั้นด้วย
ถ้าว่าเหตุที่ตายลงนั้นทำให้บุคคลหนึ่งคนใดต้องขาดไร้อุปการะตามกฎหมายไปด้วยไซร้ ท่านว่า บุคคลคนนั้นชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
วินิจฉัย
ตามอุทาหรณ์ การที่เด็กชายจตุพรซึ่งเป็นผู้เยาว์ได้หยิบระเบิดขวดขว้างใส่อริ ทำให้สะเก็ดระเบิดถูกนายซวยถึงแก่ความตายทันทีนั้น การกระทำของเด็กชายจตุพรเป็นการกระทำโดยจงใจต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย (คือให้ถือว่าเป็นการจงใจกระทำต่อนายซวย) เป็นเหตุให้นายซวยถึงแก่ความตาย และผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำของเด็กชายจตุพร ดังนั้นจึงถือว่าเด็กชายจตุพรได้กระทำละเมิดต่อนายซวยตามมาตรา 420 จึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทน และแม้ว่าเด็กชายจตุพรจะเป็นผู้เยาว์ ก็ยังคงต้องรับผิดในผลที่ตนทำละเมิดตามมาตรา 429
และเมื่อเด็กชายจตุพรต้องรับผิด นายวีระผู้เป็นบิดาก็ต้องรับผิดร่วมกับเด็กชายจตุพรด้วย ตามมาตรา 429 เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลผู้เยาว์แล้ว แต่กรณีตามอุทาหรณ์ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า นายวีระกระทำเพียงได้ว่ากล่าวตักเตือนมิให้เด็กชายจตุพรพกระเบิดไปโรงเรียนเท่านั้น ยังถือไม่ได้ว่านายวีระได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลเด็กผู้เยาว์ นายวีระจึงต้องร่วมกับเด็กชายจตุพรรับผิดต่อบุตรของนายซวยในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
และเมื่อข้อเท็จจริงตามอุทาหรณ์ปรากฏว่านายซวยได้ถึงแก่ความตายทันที ดังนั้นค่าสินไหมทดแทนจึงเป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา 443 วรรคแรก คือค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่น รวมทั้งค่าที่บุตรชายของนายซวยต้องขาดไร้อุปการะตามมาตรา 443 วรรคสาม
สรุป บุตรของนายซวยสามารถฟ้องให้นายวีระและเด็กชายจตุพรรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน คือ ค่าปลงศพ ค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่น และค่าขาดไร้อุปการะตามกฎหมายได้
ข้อ 3 นายชายและนายอ๊อดเป็นลูกจ้างของนายเคี๊ยง นายชายมีหน้าที่ขนสินค้าเพื่อส่งให้ลูกค้า นายอ๊อดมีหน้าที่ขับรถขนสินค้า ตามปกตินายชายก็จะนั่งรถไปด้วยกับรถขนสินค้าที่นายอ๊อดขับ วันเกิดเหตุนายอ๊อดขับรถไปส่งสินค้าที่ร้านของนางสาวก้อย และได้จอดรถไว้ที่หน้าร้านเพื่อเข้าห้องน้ำ ระหว่างนั้น นายชายได้ขึ้นไปติดเครื่องยนต์เพื่อเลื่อนรถออกจากตำแหน่ง แต่นายชายไม่มีความชำนาญในการขับรถ จึงทำให้รถแล่นไปชนนางสาวก้อยได้รับบาดเจ็บสาหัส
ดังนี้ ให้ท่านวินิจฉัยว่า นางสาวก้อยจะเรียกร้องให้นายเคี๊ยงร่วมกันรับผิดกับนายชายได้หรือไม่ เพราะเหตุใด และนางสาวก้อยจะเรียกร้องค่าทนทุกข์ทรมานจากบาดแผลผ่าตัด จากการขาดเรียนและจากการสอบตกได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 425 นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น
มาตรา 444 วรรคแรก ในกรณีทำให้เสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยนั้น ผู้เสียหายชอบที่จะได้ชดใช้ค่าใช้จ่ายอันตนต้องเสียไป และค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วน ทั้งในเวลาปัจจุบันนั้นและในเวลาอนาคตด้วย
มาตรา 446 วรรคแรก ในกรณีทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยก็ดี ในกรณีทำให้เขาเสียเสรีภาพก็ดี ผู้ต้องเสียหายจะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความที่เสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินด้วยอีกก็ได้ สิทธิเรียกร้องอันนี้ไม่โอนกันได้ และไม่ตกสืบไปถึงทายาท เว้นแต่สิทธินั้นจะได้รับสภาพกันไว้โดยสัญญาหรือได้เริ่มฟ้องคดีตามสิทธินั้นแล้ว
อนึ่ง หญิงที่ต้องเสียหายเพราะผู้ใดทำผิดอาญาเป็นทุรศีลธรรมแก่ตน ก็ย่อมมีสิทธิเรียกร้องทำนองเดียวกันนี้
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายชายได้ขึ้นไปติดเครื่องยนต์เพื่อเลื่อนรถออกจากตำแหน่ง โดยที่ไม่มีความชำนาญในการขับรถ จึงทำให้รถแล่นไปชนนางสาวก้อย ได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น การกระทำของนายชายถือว่าเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อทำให้เกิดความเสียหายต่อร่างกายของนางสาวก้อย จึงต้องรับผิดฐานละเมิดตามมาตรา 420
และแม้นายชายซึ่งเป็นลูกจ้างของนายเคี๊ยงมีหน้าที่ขนวัสดุก่อสร้างไม่มีหน้าที่ขับรถ แต่การที่นายชายได้ขึ้นไปติดเครื่องยนต์ในระหว่างการทำงานให้แก่นายจ้าง โดยผู้มีหน้าที่ขับรถมิได้ควบคุมดูแลทำให้รถแล่นไปชนนางสาวก้อย เห็นได้ว่าขณะเกิดเหตุความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างลูกจ้างยังคงมีอยู่ จึงถือว่าการกระทำของนายชายเป็นการละเมิดในทางการที่จ้าง นายเคี๊ยงจึงต้องร่วมรับผิดกับนายชายตามมาตรา 425
สำหรับค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายแก่ร่างกายนั้น นอกจากนางสาวก้อยจะเรียกร้องได้ตามมาตรา 443 วรรคแรกแล้ว นางสาวก้อยยังสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเป็นค่าทนทุกข์ทรมานจากบาดแผลผ่าตัด จากการขาดเรียนและจากการสอบตกได้ตามมาตรา 446 ซึ่งถือว่าเป็นค่าเสียหายอย่างอื่นอันมิอาจตีราคาเป็นเงินได้
สรุป นางสาวก้อยสามารถเรียกร้องให้นายเคี๊ยงร่วมรับผิดกับนายชายได้ และสามารถเรียกร้องค่าทนทุกข์ทรมานจากบาดแผลผ่าตัด จากการขาดเรียนและจากการสอบตก ซึ่งเป็นค่าเสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินได้
ข้อ 4 นายแดงลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. โดยใช้ใบสุทธิปลอมในการแสดงคุณสมบัติผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และนายแดงได้รับการเลือกตั้ง แต่ต่อมา กกต. ตรวจพบ ผลสุดท้ายจึงต้องคำวินิจฉัยให้สมาชิกภาพสิ้นสุดลง ทำให้ กกต. ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งใหม่แทนตำแหน่งที่ว่าง และหากว่านายแดงได้พาพรรคพวกจำนวน 10 คน บุกเข้าไปยัง กกต. แต่ถูกนายขาวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของ กกต. ปิดประตูไม่ให้เข้าไป นายแดงและพรรคพวกจึงพังประตูรั้วเข้าไป และจะทำร้ายนายขาว นายขาวจึงวิ่งหนีกลุ่มชนนั้นเข้าไปในร้านค้าของนายเขียวที่อยู่ติดกัน แต่ประตูปิดอยู่ นายขาวจึงพังประตูเข้าไป ทำให้ประตูแตกเสียหาย และนายขาวหลุดพ้นจากอันตรายจากกลุ่มคนนั้นได้ ดังนี้ ให้ท่านวินิจฉัยว่า
(ก) นายแดงจะต้องรับผิดฐานละเมิดต่อ กกต. ในค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียจากการจัดเลือกตั้งใหม่หรือไม่ เพราะเหตุใด
(ข) นายขาวต้องรับผิดต่อนายเขียวเจ้าของร้านค้าที่ประตูแตกเสียหายได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 449 บุคคลใดเมื่อกระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายก็ดี กระทำตามคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายก็ดี หากก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นหาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่
ผู้ต้องเสียหายอาจเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้เป็นต้นเหตุให้ต้องป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือจากบุคคลผู้ให้คำสั่งโดยละเมิดนั้นก็ได้
วินิจฉัย
(ก) ข้อเท็จจริงตามอุทาหรณ์
การที่นายแดงได้ใช้ใบสุทธิปลอมสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และได้รับเลือกตั้ง เมื่อต่อมา กกต. ตรวจพบและได้มีคำวินิจฉัยให้สมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของนายแดงสิ้นสุดลง และทำให้ กกต. ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่นั้น การกระทำของนายแดงเป็นการกระทำโดยจงใจต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย และทำให้ กกต. ต้องเสียหาย คือ ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่แทนตำแหน่งที่ว่าง จึงเป็นการกระทำละเมิดตามมาตรา 420 และเมื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลโดยตรงจากการทำละเมิดของนายแดงและไม่ไกลกว่าเหตุ ดังนั้นนายแดงจึงต้องรับผิดต่อ กกต ในค่าใช้จ่ายที่ กกต ต้องเสียไปจากการจัดเลือกตั้งใหม่ เทียบฎีกาที่ 4174/2529
(ข) กรณีตามอุทาหรณ์
การที่นายแดงและพรรคพวกจะทำร้ายนายขาว ทำให้นายขาวต้องหนีและได้พังประตูร้านค้าของนายเขียวจนทำให้ประตูร้านค้าแตกเสียหายนั้น การกระทำของนายขาวเป็นการกระทำเพื่อป้องกันภยันตรายที่มีคนมาทำละเมิดต่อตน จึงถือว่าเป็นการกระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงได้รับนิรโทษกรรมตามมาตรา 449 คือไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อนายเขียวเจ้าของร้านค้าที่ประตูแตกเสียหาย
สรุป
(ก) นายแดงจะต้องรับผิดฐานละเมิดต่อ กกต. ในค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปจากการจัดเลือกตั้งใหม่
(ข) นายขาวไม่ต้องรับผิดต่อนายเขียวเจ้าของร้านค้า