การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2550
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW2003
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยละเมิด จัดการงานนอกสั่ง ลาภมิควรได้
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 4 ข้อ
ข้อ 1 นายรุจน์ได้นำเงินไปซุกซ่อนไว้ที่หัวเตียงเป็นจำนวนหนึ่งล้านบาท ต่อมาพี่ชายของนายรุจน์ได้นำเตียงนั้นไปบริจาคให้พระพยอมที่วัด โดยไม่ทราบว่าน้องชายได้นำเงินซ่อนไว้ ต่อมาเด็กหญิงแก้มอายุ 3 ขวบ ได้มารื้อเตียงเล่นและพบเงินดังกล่าว คิดว่าเป็นธนบัตรปลอมเพราะเก่ามาก จึงนำเงินนั้นไปเผาไฟเล่นกับเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน
ดังนี้ให้ท่านวินิจฉัยว่านายรุจน์ จะเรียกให้นายต้นบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของเด็กหญิงแก้มให้ร่วมกันรับผิดต่อตนได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 430 ครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถอยู่เป็นนิตย์ก็ดี ชั่วครั้งชั่วคราวก็ดี จำต้องรับผิดร่วมกับผู้ไร้ความสามารถในการละเมิด ซึ่งเขาได้กระทำลงในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของตน ถ้าหากพิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้นๆ มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร
วินิจฉัย
หลักเกณฑ์ของการกระทำอันเป็นการละเมิดตามมาตรา 420 ประกอบด้วย
1 เป็นบุคคลที่มี “การกระทำ” โดยรู้สำนึก และได้กระทำโดยการเคลื่อนไหวร่างกายหรือโดยการงดเว้นก็ได้ ซึ่งได้กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
2 ทำต่อผู้อื่นโดยผิดกฎหมาย
3 มีความเสียหาย
4 ผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำ
การกระทำของเด็กหญิงแก้มซึ่งมีอายุเพียง 3 ขวบ แม้จะรู้สำนึกในการกระทำแล้วก็ตาม แต่เป็นการกระทำที่ไม่ได้จงใจ และไม่ได้ประมาทเลินเล่อด้วย เพราะเด็กอายุ 3 ขวบย่อมมีความระมัดระวังได้ในภาวะและวิสัยของเด็ก อีกทั้งเมื่อได้นำไปเล่นกับเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน ทุกคนก็ไม่ได้คิดว่าเป็นธนบัตรจริง ไม่มีข้อเท็จจริงว่ามีการทักท้วงในกลุ่มเด็กๆ แต่อย่างใด ดังนั้น การกระทำของเด็กหญิงแก้มจึงยังไม่ถือว่าเป็นการกระทำละเมิดตามมาตรา 420
เมื่อเด็กหญิงแก้มไม่มีการกระทำอันเป็นละเมิด นายต้นบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งรับดูแลเด็กหญิงแก้มผู้ไร้ความสามารถอยู่นั้น ก็ย่อมไม่ต้องร่วมรับผิดกับผู้ไร้ความสามารถที่อยู่ในความดูแลของตนตามมาตรา 430
อย่างไรก็ดี นายต้นต้องรับผิดฐานกระทำละเมิดต่อนายรุจน์โดยตรง ตามมาตรา 420 เพราะถือว่านายต้นงดเว้นกระทำการโดยประมาทเลินเล่อ ในหน้าที่ที่ตนจะต้องกระทำการดูแลเด็กหญิงแก้มซึ่งเป็นบุตรที่อยู่ในความดูแลของตน เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายขึ้น
สรุป นายรุจน์จะเรียกให้นายต้นบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของเด็กหญิงแก้มร่วมรับผิดตามมาตรา 430 ไม่ได้ แต่เรียกให้นายต้นซึ่งงดเว้นกระทำโดยประมาทเลินเล่อรับผิดได้โดยตรงตามมาตรา 420
ข้อ 2 นายเก่งเป็นนักเตะฟุตบอล วันเกิดเหตุ นายเก่งเดินสวนทางกับนายสมเกียรติ จึงได้ท้าทายให้มาเตะฟุตบอลกัน แต่นายสมเกียรติไม่สนใจ ทำให้นายเก่งโกรธ จึงตั้งใจแกล้งด้วยการไปกระซิบต่อนายชัยซึ่งเป็นพ่อของนายสมเกียรติ กล่าวหาว่า “นายสมเกียรติเป็นกิ๊กกับผู้ชาย” โดยอ้างว่า นายชัยเป็นพ่อต้องมีทางได้เสียโดยชอบในเรื่องเช่นกัน ตนจึงได้นำความมาบอก
อย่างไรก็ดี นายชัยไม่ได้เชื่อถ้อยคำที่นายเก่งพูดแต่อย่างไร เพราะรู้จักบุตรชายของตนเป็นอย่างดีว่าไม่ได้เป็นเช่นที่นายเก่งพูดและคิดว่านายเก่งเป็นคนขี้โกหก
วันรุ่งขึ้น นายชัยได้พูดคุยกับนายเฉลิมซึ่งเป็นเพื่อน เล่าว่านายเก่งได้กล่าวข้อความเช่นว่านั้นซึ่งไม่จริงเป็นเรื่องเหลวไหล แต่นายเฉลิมกลับเชื่อตามที่นายเก่งพูดและได้บอกต่อไปยังนายชวน
ดังนี้ ให้ท่านวินิจฉัยว่า นายสมเกียรติจะเรียกร้องให้นายเก่งและนายเฉลิมรับผิดต่อตนในคดีหมิ่นประมาทได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 423 ผู้ใดกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของบุคคลอื่นก็ดี หรือเป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของเขาโดยประการอื่นก็ดี ท่านว่าผู้นั้นจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เขาเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ อันเกิดแต่การนั้น แม้ทั้งเมื่อตนมิได้รู้ว่าข้อความนั้นไม่จริง แต่หากควรจะรู้ได้
ผู้ใดส่งข่าวสารอันตนมิได้รู้ว่าเป็นความไม่จริง หากว่าตนเองหรือผู้รับข่าวสารนั้นมีทางได้เสียโดยชอบในการนั้นด้วยแล้ว ท่านว่าเพียงที่ส่งข่าวสารเช่นนั้นหาทำให้ผู้นั้นต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่
วินิจฉัย
หลักเกณฑ์ความรับผิดของการกระทำที่เป็นละเมิดโดยการหมิ่นประมาททางแพ่งตามมาตรา 423 ประกอบด้วย
1 ผู้ใดกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลาย
2 ข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง
3 มีความเสียหายต่อชื่อเสียง เกียรติคุณ ทางทำมาหาได้ หรือทางเจริญ
4 ผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำ
การกระทำของนายเก่งที่ได้กระซิบต่อนายชัย ถือเป็นการกล่าวหรือไขข่าวข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง ทำให้แพร่หลายคือล่วงรู้ถึงบุคคลที่สามคือ นายชัย เพราะนายชัยไม่ใช่คู่กรณีที่เป็นผู้ใส่ความและไม่ใช่ผู้ถูกใส่ความ แม้ว่านายชัยจะเป็นบิดาของนายสมเกียรติ ก็เป็นบุคคลที่สาม และแม้ว่านายชัยจะไม่เชื่อข้อความที่นายเก่งกล่าวก็ตาม เมื่อข้อความที่นายเก่งกล่าวได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายสมเกียรติ นายเก่งต้องรับผิดต่อนายสมเกียรติตามมาตรา 423 โดยนายเก่งจะอ้างว่าได้กล่าวต่อนายชัยเพราะนายชัยเป็นผู้มีส่วนได้เสียในข่าวนั้นเพื่อแก้ตัวให้พ้นผิดตามมาตรา 423 วรรคสอง ก็ไม่ได้ เพราะเหตุว่าข้อยกเว้นนี้จะต้องเป็นกรณีที่ผู้กล่าวไม่รู้ว่าข้อความนั้นไม่จริง แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่านายเก่งรู้ว่าข้อความไม่จริงแต่ตั้งใจใส่ความนายสมเกียรติ
ส่วนนายเฉลิมก็ต้องรับผิดต่อนายสมเกียรติเช่นเดียวกัน เพราะเป็นการกล่าวต่อบุคคลที่สาม คือ นายชวน แม้ว่าจะไม่ได้คิดข้อความขึ้นมาเอง แต่กล่าวข้อความตามที่นายเก่งพูดและตามที่ได้ยินมาโดยไม่รู้ว่าเป็นความไม่จริงก็ตาม เมื่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายสมเกียรติ นายเฉลิมต้องรับผิดต่อนายสมเกียรติตามาตรา 423
สรุป นายสมเกียรติสามารถเรียกร้องให้นายเก่งและนายเฉลิมรับผิดต่อตนในคดีหมิ่นประมาททางแพ่งได้
ข้อ 3 นายสมหมายขว้างก้อนหินใส่กระจกรถของนายโชคร้าย ทำให้นายโชคร้ายตาบอด นายวัชระซึ่งเป็นน้องชายของนายโชคร้าย รู้สึกโกรธแค้นแทนนายโชคร้ายที่ถูกนายสมหมายทำละเมิด จึงขับรถพุ่งไปชนรถของนายสมหมาย ดังนี้ให้ท่านวินิจฉัยว่า
ก. หากว่าทำให้ภริยาของนายสมหมายซึ่งเป็นนักร้องได้รับบาดเจ็บสาหัสเลือดคั่งในสมองกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราตลอดชีวิต ถามว่านายสมหมายจะเรียกร้องให้นายวัชระรับผิดชดใช้ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ของภริยาจากการร้องเพลงคืนละ 5,000 บาท ได้หรือไม่
ข. หากว่าทำให้เด็กหญิงนารีนุชบุตรบุญธรรมของนายสมหมายถึงแก่ความตาย และนายสมหมายได้จัดการทำศพเด็กหญิงนารีนุชเรียบร้อยแล้ว นายสมหมายจะมาเรียกค่าขาดไร้อุปการะและค่าปลงศพจากนายวัชระได้หรือไม่ อย่างไร
ธงคำตอบ
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 443 ในกรณีทำให้เขาถึงตายนั้น ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ ค่าปลงศพ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่นๆอีกด้วย
ถ้ามิได้ตายในทันที ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์ทำมาหาได้เพราะไม่สามารถประกอบการงานนั้นด้วย
ถ้าว่าเหตุที่ตายลงนั้นทำให้บุคคลหนึ่งคนใดต้องขาดไร้อุปการะตามกฎหมายไปด้วยไซร้ ท่านว่า บุคคลคนนั้นชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 444 วรรคแรก ในกรณีทำให้เสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยนั้น ผู้เสียหายชอบที่จะได้ชดใช้ค่าใช้จ่ายอันตนต้องเสียไป และค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วน ทั้งในเวลาปัจจุบันนั้นและในเวลาอนาคตด้วย
มาตรา 446 วรรคแรก ในกรณีทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยก็ดี ในกรณีทำให้เขาเสียเสรีภาพก็ดี ผู้ต้องเสียหายจะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความที่เสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินด้วยอีกก็ได้ สิทธิเรียกร้องอันนี้ไม่โอนกันได้ และไม่ตกสืบไปถึงทายาท เว้นแต่สิทธินั้นจะได้รับสภาพกันไว้โดยสัญญาหรือได้เริ่มฟ้องคดีตามสิทธินั้นแล้ว
วินิจฉัย
ประเด็นตามข้อ ก. นายวัชระได้กระทำละเมิดอันเป็นความผิดตามมาตรา 420 โดยทำให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกายภริยานายสมหมาย ซึ่งต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา 444 วรรคแรก คือค่าใช้จ่ายอันต้องเสียไป ค่าเสียความสามารถประกอบการงาน และยังต้องรับผิดในค่าเสียหายอันไม่อาจตีราคาเป็นเงินได้ตามมาตรา 446 วรรคแรกอีกด้วย อย่างไรก็ดี นายสมหมายจะเรียกร้องให้นายวัชระรับผิดชดใช้ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้จากการร้องเพลงคืนละ 5,000 บาทไม่ได้ เพราะนายสมหมายไม่ใช่ผู้เสียหาย ผู้ที่จะมีสิทธิเรียกร้องได้คือ ภริยาของนายสมหมายซึ่งเป็นผู้เสียหายเท่านั้น
ประเด็นตามข้อ ข. การกระทำของนายวัชระที่ทำให้เด็กหญิงนารีนุชบุตรบุญธรรมของนายสมหมายถึงแก่ความตายนั้น เป็นการกระทำละเมิดให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายแก่ชีวิตตามมาตรา 420 ซึ่งต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา 443 คือค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันเกี่ยวเนื่องกับการปลงศพ ค่ารักษาพยาบาลและค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ก่อนตาย รวมทั้งค่าขาดไร้อุปการะ อย่างไรก็ดี แม้ว่านายสมหมายได้จัดการทำศพให้แก่เด็กหญิงนารีนุช นายสมหมายก็จะเรียกค่าปลงศพจากนายวัชระไม่ได้ เพราะผู้รับบุตรบุญธรรมไม่มีสิทธิในการเป็นทายาทของบุตรบุญธรรมตามกฎหมายมรดก ดังนั้น จึงเรียกไม่ได้ แต่นายสมหมายจะเรียกร้องให้นายวัชระรับผิดชดใช้ค่าขาดไร้อุปการะได้ เพราะบุตรบุญธรรมมีฐานะอย่างเดียวกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายตามกฎหมายครอบครัว มาตรา 1598/28
สรุป
ก. นายสมหมายจะเรียกค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ของภริยาจากการร้องเพลงไม่ได้
ข. นายสมหมายเรียกค่าขาดไร้อุปการะได้ แต่เรียกค่าปลงศพไม่ได้
ข้อ 4 กิติพงษ์เป็นลูกจ้างของกนกพร วันเกิดเหตุ ขณะที่กิติพงษ์กำลังฝึกซ้อมมวยอยู่ที่สนามหน้าบ้านได้เห็นเมธาพรกำลังด่าเพ็ญพรอย่างหยาบคายว่า “นังคนชั้นต่ำ กระจอก” พร้อมกับยกเท้าขึ้นสูงชี้หน้าเพ็ญพร ในขณะนั้น กิติพงษ์อยู่ในเหตุการณ์แต่กลับนิ่งเฉยเสียมิได้เข้าช่วยเหลือแต่อย่างใด เพราะไม่ชอบหน้าเพ็ญพรอยู่แล้ว ดังนี้ ให้ท่านวินิจฉัยว่าเพ็ญพรจะเรียกร้องให้เมธาพร กิติพงษ์ และกนกพร ร่วมกันรับผิดฐานละเมิดได้หรือไม่ เพราะเหตุใด ให้วินิจฉัยพร้อมยกหลักกฎหมายประกอบเหตุผล
ธงคำตอบ
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 423 ผู้ใดกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของบุคคลอื่นก็ดี หรือเป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของเขาโดยประการอื่นก็ดี ท่านว่าผู้นั้นจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เขาเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ อันเกิดแต่การนั้น แม้ทั้งเมื่อตนมิได้รู้ว่าข้อความนั้นไม่จริง แต่หากควรจะรู้ได้
ผู้ใดส่งข่าวสารอันตนมิได้รู้ว่าเป็นความไม่จริง หากว่าตนเองหรือผู้รับข่าวสารนั้นมีทางได้เสียโดยชอบในการนั้นด้วยแล้ว ท่านว่าเพียงที่ส่งข่าวสารเช่นนั้นหาทำให้ผู้นั้นต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่
มาตรา 425 นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น
วินิจฉัย
เมธาพรด่าเพ็ญพรไม่ถือว่าเป็นการกระทำละเมิดโดยการหมิ่นประมาทตามมาตรา 423 เพราะไม่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงในเรื่องที่จะทำให้เพ็ญพรเสียชื่อเสียงแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี เพ็ญพรได้รับความเสียหายต่อสิทธิที่จะไม่ให้มีใครมาว่ากล่าว ซึ่งเป็นความเสียหายอันเกิดจากการกระทำของเมธาพร เข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา 420
กิติพงษ์ไม่มีความผิดฐานกระทำละเมิดต่อเพ็ญพร เพราะเหตุว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ของการกระทำอันเป็นการละเมิดตามมาตรา 420 ซึ่งมีหลักสำคัญว่าผู้ที่กระทำละเมิดได้นั้น ต้องมี “การกระทำ” โดยรู้สำนึกและได้กระทำโดยการเคลื่อนไหวร่างกายหรือโดยการงดเว้นก็ได้ แต่การงดเว้นที่จะถือเป็นการกระทำตามกฎหมายนั้นต้องเป็นการงดเว้นการกระทำตามหน้าที่ที่ตนจักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลมิให้เกิดขึ้นตามหลักเกณฑ์ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคท้าย
ดังนั้น การที่เมธาพรกำลังด่าเพ็ญพร แต่กิติพงษ์กลับนิ่งเฉยเสียมิได้เข้าช่วยเหลือแต่อย่างใดนั้น ย่อมไม่ถือว่ากิติพงษ์ “มีการกระทำ” แต่อย่างใด เพราะไม่มีหน้าที่ต่อเพ็ญพรที่จะต้องกระทำเพื่อป้องกันมิให้เกิดผลเสียหายเกิดขึ้นแก่เพ็ญพร ด้วยเหตุนี้ กิติพงษ์จึงไม่มีความผิดฐานกระทำละเมิดตามมาตรา 420
เมื่อกิติพงษ์ไม่ได้กระทำละเมิด กนกพรซึ่งเป็นนายจ้างของกิติพงษ์จึงไม่ต้องรับผิดแต่อย่างใด เพราะความรับผิดของนายจ้างตามมาตรา 425 นั้น จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อลูกจ้างได้มีการกระทำละเมิดต่อผู้อื่นและกระทำละเมิดในทางการที่จ้างเท่านั้น
สรุป เพ็ญพรสามารถเรียกร้องให้เมธาพรรับผิดฐานละเมิดได้ แต่จะเรียกให้กิติพงษ์และกนกพรรับผิดไม่ได้