การสอบซ่อมภาค 1 ปีการศึกษา 2549
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW2003
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยละเมิด จัดการงานนอกสั่ง ลาภมิควรได้
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 4 ข้อ
ข้อ 1 ไก่แก้วอายุ 12 ปี เป็นบุตรของแก้วใจ วันเกิดเหตุ ไก่แก้วไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนแห่งหนึ่งและเกิดความไม่พอใจไข่ขาว จึงเดินไปตบหน้าไข่ขาวซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ไข่ขาวหลบ จึงเสียหลักไปชนกุ้งแก้ว ทำให้กุ้งแก้วตกลงไปในเรือของปูนิ่ม เรือของปูนิ่มจึงคว่ำ และปูนิ่มจมน้ำตาย ดังนี้ให้ท่านวินิจฉัยว่าใครบ้างต้องรับผิดในความตายของปูนิ่ม
ธงคำตอบ
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 429 บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริตก็ยังต้องรับผิดในผลที่ตนทำละเมิด บิดามารดาหรือผู้อนุบาลของบุคคลเช่นว่านี้ย่อมต้องรับผิดร่วมกับเขาด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น
วินิจฉัย
ไก่แก้วมีความผิดฐานทำละเมิดต่อไข่ขาว เพราะเหตุว่าเข้าหลักเกณฑ์ของการกระทำอันเป็นการละเมิดตามมาตรา 420 ซึ่งมีหลักสำคัญว่าผู้ที่กระทำละเมิดนั้น
1 เป็นบุคคลที่มี “การกระทำ” โดยรู้สำนึกและได้กระทำโดยการเคลื่อนไหวร่างกายหรือโดยการงดเว้นก็ได้
2 ทำต่อผู้อื่นโดยผิดกฎหมาย
3 มีความเสียหาย (ชีวิต ร่างกาย อนามัย เสรีภาพ ทรัพย์สิน หรือสิทธิ)
4 ผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำ
ดังนั้น การที่ไข่ขาวหลบจากการตบหน้าของไก่แก้ว และทำให้เกิดผลตามมาคือปูนิ่มถึงแก่ความตายนั้น เป็นผลที่เกิดขึ้นจากการก่อเหตุแรกของไก่แก้วแล้ว ถือว่าผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำ (ถ้าอ้างเรื่องนิรโทษกรรมถูกหักคะแนน เพราะไม่ใช่เรื่องนิรโทษกรรม)
เมื่อไก่แก้วได้กระทำละเมิดต่อปูนิ่ม แก้วใจซึ่งเป็นมารดาของไก่แก้วบุตรผู้เยาว์ย่อมต้องร่วมรับผิดกับไก่แก้วด้วย ตามมาตรา 429 เพราะเหตุว่าบิดามารดามีหน้าที่ควบคุมเลี้ยงดูผู้เยาว์ อีกทั้งกฎหมายยังให้อำนาจบิดามารดาในการใช้อำนาจปกครอง ซึ่งทำให้ผู้เยาว์ต้องอยู่ในความเชื่อฟังคำสั่งด้วย อนึ่งคำว่า “บิดามารดา” ตามมาตรา 429 นี้หมายถึง บิดามารดาโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น และตามกฎหมาย มารดาย่อมเป็นมารดาโดยชอบด้วยกฎหมายของบุตรเสมอ ดังนั้นเมื่อไก่แก้วบุตรผู้เยาว์ทำละเมิดแล้ว แก้วใจมารดาจึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดนั้นด้วย
สรุป ไก่แก้วต้องรับผิดฐานละเมิดต่อปูนิ่ม ตามมาตรา 420 และแก้วใจต้องรับผิดร่วมกับไก่แก้วด้วย ตามมาตรา 429
ข้อ 2 นายชัยเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ วันเกิดเหตุนายชัยสั่งให้นายชิดน้องชายของตนขับรถจักรยานยนต์ไปส่งสินค้า ระหว่างทางกลับร้านค้าของนายชัย นายชิดขับรถด้วยความเร็วสูงจึงชนนายชอบขาหัก ดังนี้ให้ท่านวินิจฉัยว่า
(ก) นายชอบจะเรียกให้ใครรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้บ้าง
(ข) เด็กหญิงตุ๊กตา ซึ่งเป็นน้องสาวคนเดียวของนายชอบซึ่งเคยได้รับเงินอุปการะเลี้ยงดูจากนายชอบทุกๆเดือนๆละ 2,000 บาท จะเรียกค่าขาดไร้อุปการะจากใครได้บ้างหรือไม่ อย่างไร
ธงคำตอบ
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 425 นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น
มาตรา 427 บทบัญญัติในมาตราทั้งสองก่อนนั้น ท่านให้ใช้บังคับแก่ตัวการและตัวแทนด้วยโดยอนุโลม
มาตรา 437 บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะ อย่างใดๆอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลบุคคลนั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครองของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพหรือโดยความมุ่งหมายที่จะใช้หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้นด้วย
มาตรา 443 ในกรณีทำให้เขาถึงตายนั้น ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ ค่าปลงศพ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่นๆอีกด้วย
ถ้ามิได้ตายในทันที ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์ทำมาหาได้เพราะไม่สามารถประกอบการงานนั้นด้วย
ถ้าว่าเหตุที่ตายลงนั้นทำให้บุคคลหนึ่งคนใดต้องขาดไร้อุปการะตามกฎหมายไปด้วยไซร้ ท่านว่า บุคคลคนนั้นชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
วินิจฉัย
(ก) นายชิดขับรถชนนายชอบขาหัก เป็นการกระทำละเมิดต่อนายชอบตามมาตรา 420 ถือว่าเป็นความรับผิดเพื่อละเมิดอันเกิดจากการกระทำของตนเอง (ไม่ใช่กรณีที่เป็นความเสียหายอันเกิดจากยานพาหนะอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลตามมาตรา 437 ถ้าตอบมาให้หักคะแนน)
เมื่อนายชิดทำละเมิดต่อผู้อื่นในขอบอำนาจของตัวแทน กล่าวคือ ได้กระทำละเมิดโดยที่ไปทำการงานแทนผู้อื่นคือนายชัย นายชัยในฐานะตัวการจึงต้องร่วมรับผิดกับตัวแทนด้วยตามมาตรา 427 ประกอบมาตรา 425 ดังนั้นนายชอบจึงมีสิทธิเรียกร้องให้นายชัยและนายชิดร่วมกันรับผิดได้
(ข) เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้น ผู้เสียหายย่อมเป็นผู้มีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน คนอื่นไม่มีสิทธิ ยกเว้นกรณีที่ผู้เสียหายถึงแก่ความตายไปแล้วตามมาตรา 443 หรือกรณีที่เป็นการเรียกค่าขาดแรงงานตามมาตรา 445 ดังนั้นเด็กหญิงตุ๊กตาจึงไม่มีสิทธิแต่อย่างใด นอกจากนั้นการเรียกค่าขาดไร้อุปการะเป็นสิทธิตามมาตรา 443 ซึ่งกฎหมายกำหนดให้เรียกได้ในกรณีที่ผู้เสียหายถึงแก่ความตายเท่านั้น เมื่อนายชอบยังมีชีวิตอยู่แม้เด็กหญิงตุ๊กตาจะขาดการอุปการะเลี้ยงดูตามความเป็นจริง ก็ไม่มีสิทธิเรียกร้องแต่ประการใด อีกทั้งข้อเท็จจริงปรากฏว่าเด็กหญิงตุ๊กตาเป็นเพียงน้องสาวของนายชอบซึ่งกฎหมายครอบครัวมิได้กำหนดหน้าที่ให้พี่ต้องอุปการะเลี้ยงดูน้องแต่อย่างใด ดังนั้นถึงแม้ว่านายชอบจะถึงแก่ความตาย เด็กหญิงตุ๊กตาก็เรียกไม่ได้อยู่ดี
สรุป
(ก) นายชอบสามารถเรียกให้นายชิดรับผิดฐานละเมิด ตามมาตรา 420 และสามารถเรียกให้นายชัยร่วมรับผิดกับนายชิดได้ ตามมาตรา 427 ประกอบมาตรา 425
(ข) เด็กหญิงตุ๊กตาไม่สามารถเรียกค่าขาดไร้อุปการะได้
ข้อ 3 นายสิงห์ไม่พอใจนายสาด้วยเหตุหลายประการ นายสิงห์จึงเอารถยนต์ของนายแสงขับไล่ชนนายสา นายสาวิ่งหนี นายสิงห์ขับรถยนต์ไล่ตาม นายสาเห็นจวนตัวจะหลบก็หลบไม่ทัน จึงใช้ปืนยิงยางรถยนต์ที่นายสิงห์ขับอยู่เป็นเหตุให้ยางรถยนต์เสียหายต้องเสียค่าซ่อมไปเป็นจำนวน 1,000 บาท ดังนี้ นายสิงห์และนายสาจะต้องรับผิดต่อนายแสงหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 449 บุคคลใดเมื่อกระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายก็ดี กระทำตามคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายก็ดี หากก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นหาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่
ผู้ต้องเสียหายอาจเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้เป็นต้นเหตุให้ต้องป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือจากบุคคลผู้ให้คำสั่งโดยละเมิดนั้นก็ได้
มาตรา 450 วรรคท้าย ถ้าบุคคลทำบุบสลาย หรือทำลายทรัพย์สิ่งหนึ่งสิ่งใด เพื่อจะป้องกันสิทธิของตน หรือของบุคคลภายนอกจากภยันตรายอันมีมาโดยฉุกเฉินเพราะตัวทรัพย์นั้นเองเป็นเหตุ บุคคลเช่นว่านี้หาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่ หากว่าความเสียหายนั้นไม่เกินสมควรแก่เหตุ แต่ถ้าภยันตรายนั้นเกิดขึ้นเพราะความผิดของบุคคลนั้นเองแล้ว ท่านว่าจำต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้
วินิจฉัย
การที่นายสิงห็เอารถยนต์ของนายแสงขับไล่ชนนายสา ถือได้ว่านายสิงห์ใช้รถยนต์เป็นเครื่องมือทำละเมิด เมื่อนายสายิงยางรถยนต์จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์นิรโทษกรรมตามมาตรา 450 วรรคสาม เพราะภยันตรายนั้นมิใช่ภยันตรายที่เกิดขึ้นเพราะตัวทรัพย์นั้นเองเป็นเหตุ แต่ภยันตรายนั้นเกิดขึ้นจากการกระทำของบุคคลคอนายสิงห์
แต่การที่นายสายิงยางรถยนต์ของนายแสงเสียหาย เป็นการป้องกันสิทธิของตนให้พ้นจากภยันตราย ซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง การกระทำของนายสาจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย นายสาได้รับนิรโทษกรรมตามมาตรา 449 นายสาจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่นายแสง
นายแสงซึ่งเป็นผู้เสียหายเรียกค่าสินไหมทดแทนจากนายสิงห์ผู้เป็นต้นเหตุให้ต้องป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายได้ตามมาตรา 449 วรรคสอง
สรุป นายสาไม่ต้องรับผิด ได้รับนิรโทษกรรมตามมาตรา 449
นายสิงห์ต้องรับผิดในฐานะผู้เป็นต้นเหตุให้ต้องป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 449 วรรคสอง
ข้อ 4 นายมั่งมีได้ทำสัญญาจ้างนายอนาถามาเป็นพนักงานขับรถแบ็กโฮ และจ้างนายยากจนมาเป็นกรรมกรขนวัสดุก่อสร้างและฉาบปูน วันเกิดเหตุนายอนาถาป่วยไม่สามารถมาทำงานได้ นายมั่งมีจึงมีคำสั่งให้นายยากจนไปขับรถแบ็กโฮแทนนายอนาถา เพราะเห็นว่านายยากจนเคยขับรถแบ็กโฮมาก่อน ปรากฏว่าในขณะที่นายมั่งมีได้นั่งไปในรถแบ็กโฮที่นายยากจนเป็นคนขับนั้น หัวตักดินของรถแบ็กโฮได้เกิดหักและหล่นทับนายเงินลูกจ้างคนงานถึงแก่ความตาย ถ้าปรากฏว่าก่อนตายนายเงินต้องเข้ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งเสียค่าใช้จ่ายเป็นเงินถึง 200,000 บาท นายทองอายุ 21 ปี บุตรบุญธรรมนายเงินจะมีสิทธิเรียกเงินค่ารักษาพยาบาล ค่าปลงศพ และค่าขาดไร้อุปการะจากใครได้บ้างหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 425 นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น
มาตรา 437 บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะ อย่างใดๆอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลบุคคลนั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครองของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพหรือโดยความมุ่งหมายที่จะใช้หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้นด้วย
มาตรา 443 ในกรณีทำให้เขาถึงตายนั้น ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ ค่าปลงศพ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่นๆอีกด้วย
ถ้ามิได้ตายในทันที ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์ทำมาหาได้เพราะไม่สามารถประกอบการงานนั้นด้วย
ถ้าว่าเหตุที่ตายลงนั้นทำให้บุคคลหนึ่งคนใดต้องขาดไร้อุปการะตามกฎหมายไปด้วยไซร้ ท่านว่า บุคคลคนนั้นชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
วินิจฉัย
ในกรณีที่มีความเสียหายเกิดขึ้นจากยานพาหนะอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล บุคคลผู้ครอบครองและหรือผู้ควบคุมยานพาหนะในขณะนั้นจะต้องรับผิดในความเสียหายนั้น เว้นแต่ความเสียหายนั้นเกิดขึ้นจากเหตุสุดวิสัยหรือเกิดจากความผิดของผู้เสียหายเอง
กรณีที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า นายยากจนต้องรับผิดในความเสียหายต่อนายเงินหรือไม่ เห็นว่า ขณะเกิดเหตุนายยากจนเป็นผู้ขับรถแบ็กโฮถือว่าเป็นผู้ควบคุมยานพาหนะในขณะที่เกิดความเสียหาย แม้ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าความเสียหายเกิดจากการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อของนายยากจน ตามมาตรา 420 ดังนั้นนายยากจนในฐานะผู้ขับเป็นผู้ควบคุมจึงต้องรับผิดตามบทสันนิษฐานของกฎหมายตามมาตรา 437 วรรคแรก
กรณีที่ต้องวินิจฉัยในประการที่สองมีว่า นายมั่งมีนายจ้างและเป็นเจ้าของรถแบ็กโฮต้องร่วมรับผิดกับนายยากจนลูกจ้างหรือไม่ เห็นว่า วันเกิดเหตุ นายมั่งมีได้ออกคำสั่งให้นายยากจนลูกจ้างไปขับรถแบ็กโฮแทนนายอนาถา ถือว่าการขับรถแบ็กโฮของนายยากจนเป็นการกระทำในทางการที่จ้าง ดังนั้นเมื่อนายยากจนต้องรับผิดฐานละเมิดในทางการที่จ้าง นายมั่งมีนายจ้างจึงต้องเข้ามาร่วมรับผิดกับนายยากจนลูกจ้าง ตามมาตรา 425 และเมื่อปรากฏว่านายมั่งมีได้ร่วมนั่งไปในรถแบ็กโฮด้วย นายมั่งมีเจ้าของรถเป็นผู้ครอบครองก็ต้องร่วมรับผิดตามมาตรา 437 วรรคแรก อีกสถานะหนึ่งด้วย
กรณีที่ต้องวินิจฉัยประการสุดท้ายมีว่า นายทองอายุ 21 ปี บุตรบุญธรรมของนายเงินผู้ตายมีสิทธิฟ้องเรียกค่ารักษาพยาบาล ค่าปลงศพ และค่าขาดไร้อุปการะหรือไม่ เห็นว่า ผู้มีสิทธิในการเรียกค่ารักษาพยาบาลก่อนตายได้แก่ผู้ที่มีหน้าที่ในการอุปการะเลี้ยงดูผู้ป่วยที่ถูกกระทำละเมิดถึงตาย ตาม ป.พ.พ. ว่าด้วยครอบครัว กรณีตามปัญหานายทองเป็นบุตรบุญธรรมมีหน้าที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูนายเงินผู้รับบุตรบุญธรรม ตามมาตรา 1598/28 วรรคสอง ที่ให้นำบทบัญญัติลักษณะ 2 หมวด 2 ว่าด้วยบิดามารดากับบุตรมาใช้ระหว่างบุตรบุญธรรมและผู้รับบุตรบุญธรรม ตามมาตรา 1563 ดังนั้นนายทองจึงมีสิทธิฟ้องเรียกค่ารักษาพยาบาล 200,000 บาท จกนายยากจนและนายมั่งมีได้ตามมาตรา 443 วรรคสอง กรณีค่าปลงศพ ผู้มีสิทธิเรียกร้องได้แก่ทายาทของผู้ตายและ ตามมาตรา 1627 ให้สิทธิแก่บุตรบุญธรรมในการรับมรดกของผู้รับบุตรบุญธรรมในฐานะผู้สืบสันดานตามมาตรา 1629 (1) ดังนั้นนายทองบุตรบุญธรรมจึงมีสิทธิเรียกค่าปลงศพได้ เพราะเป็นทายาทนายเงินผู้ตายตามมาตรา 443 วรรคแรก ส่วนกรณีของค่าขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย ผู้มีสิทธิเรียกคือผู้ที่ขาดไร้อุปการะตามกฎหมายครอบครัว กรณีตามปัญหา เมื่อนายทองเป็นบุตรบุญธรรมแต่มีอายุ 21 ปี ซึ่งบรรลุนิติภาวะตามกฎหมายแล้ว นายเงินผู้ถูกกระทำละเมิดถึงแก่ความตายซึ่งเป็นผู้รับบุตรบุญธรรม จึงหาได้มีหน้าที่ที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูนายทองบุตรบุญธรรมอีกต่อไป เว้นแต่จะปรากฏว่านายทองทุพพลภาพ และไม่สามารถหาเลี้ยงตนเองได้ตามมาตรา 1564 ประกอบมาตรา 1598/28 วรรคสอง ดังนั้นนายทองบุตรบุญธรรมจึงเรียกค่าขาดไร้อุปการะไม่ได้เพราะบรรลุนิติภาวะแล้ว
สรุป
(1) นายยากจน ต้องรับผิดในฐานะผู้ควบคุมยานพาหนะอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลตามมาตรา 437
(2) นายมั่งมีนายจ้างและเจ้าของรถต้องรับผิดในฐานะนายจ้างตามมาตรา 425 และฐานะผู้ครอบครองยานพาหนะตามาตรา 437 ด้วย
(3) นายทองบุตรบุญธรรมนายเงินผู้ถูกกระทำละเมิดถึงตาย มีสิทธิฟ้องเรียกค่ารักษาพยาบาลค่าปลงศพได้ แต่เรียกค่าขาดไร้อุปการะไม่ได้ตามมาตรา 443