การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2553
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW2003
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยละเมิด จัดการงานนอกสั่ง ลาภมิควรได้
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)
ข้อ 1 ปุ้ยเป็นเจ้าของบ้านและที่ดิน กาละแมมาเช่าบ้านและที่ดินของปุ้ยเพื่ออยู่อาศัย บริเวณบ้านมีต้นไม้ใหญ่ปลูกอยู่เก่าแก่หลายปี กาละแมเป็นคนรักต้นไม้จึงหมั่นดูแลอยู่เสมอและเห็นว่าต้นไม้กำลังจะหักโค่นจึงแจ้งให้ปุ้ยมาจัดการ แต่ปุ้ยยังนิ่งเฉยอยู่ นอกจากนั้นกาละแมได้นำกระถางต้นไม้ไปวางเรียงรายอยู่ตามมุมบ้าน และนำไปตั้งอยู่ริมหน้าต่างให้สวยงามด้วย หากข้อเท็จจริงมีว่า
(ก) กระถางต้นไม้ของกาละแมหล่นมาถูกหัวของนีน่า ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นเป็นอัมพาต
(ข) ต้นไม้ใหญ่ของปุ้ย โค่นลงมาล้มทับไก่ซึ่งเดินอยู่ริมรั้วบ้านหลังนี้ ทำให้ไก่ถึงแก่ความตายทันที
ให้ท่านวินิจฉัยว่า ปุ้ยและกาละแมต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแก่นีน่าและไก่หรือไม่ เพราะเหตุใด และหากว่ามีป้าของไก่ได้มาช่วยจัดการศพให้ไก่โดยออกค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่าง เด็กชายเป็ดซึ่งเป็นบุตรของไก่จะไปเรียกร้องค่าปลงศพของไก่ต่อปุ้ยหรือกาละแมได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 434 วรรคแรกและวรรคสอง ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะเหตุที่โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นก่อสร้างไว้ชำรุดบกพร่องก็ดี หรือบำรุงรักษาไม่เพียงพอก็ดี ท่านว่าผู้ครองโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างนั้นๆจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน แต่ถ้าผู้ครองได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรเพื่อปัดป้องมิให้เกิดความเสียหายฉะนั้นแล้ว ท่านว่าผู้เป็นเจ้าของจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
บทบัญญัติที่กล่าวมาในวรรคก่อนนั้นให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงความบกพร่องในการปลูก หรือค้ำจุนต้นไม้หรือกอไผ่ด้วย
มาตรา 436 บุคคลผู้อยู่ในโรงเรือนต้องรับผิดชอบในความเสียหายอันเกิดเพราะของตกหล่นจากโรงเรือนนั้น หรือเพราะทิ้งขว้างของไปตกในที่อันมิควร
มาตรา 443 วรรคแรก ในกรณีทำให้เขาถึงตายนั้น ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ ค่าปลงศพรวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่นๆอีกด้วย
วินิจฉัย
(ก) กรณีตามอุทาหรณ์
การที่กระถางต้นไม้ที่กาละแมได้นำไปตั้งไว้ริมหน้าต่างได้หล่นมาถูกหัวของนีน่า จนทำให้เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นเป็นอัมพาตนั้น ไม่ได้เกิดจากการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อของกาละแม แต่อย่างไรก็ดีเมื่อมีการตกหล่นจากโรงเรือน กฎหมาย (ป.พ.พ. มาตรา 436) ได้กำหนดให้บุคคลผู้อยู่ในโรงเรือนนั้นต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วย ดังนั้น กาละแมซึ่งเป็นบุคคลผู้อยู่ในโรงเรือนจึงต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่นีน่า
(ข) กรณีตามอุทาหรณ์
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ต้นไม้ใหญ่ของปุ้ยได้โค่นลงมาทับไก่ ซึ่งเดินอยู่ริมรั้วบ้านของปุ้ย ทำให้ไก่ถึงแก่ความตายทันที เห็นได้ว่า เมื่อกาละแมได้เช่าบ้านของปุ้ยจึงถือว่ากาละแมเป็นผู้ครอบครองโรงเรือนและต้นไม้ที่อยู่บริเวณที่เช่า และเมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นจากต้นไม้จนทำให้ไก่ถึงแก่ความตาย ซึ่งตาม ป.พ.พ. มาตรา 434 ได้กำหนดให้ผู้ครองต้องรับผิด ดังนั้นกาละแมต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ไก่
แต่อย่างไรก็ดี กาละแมสามารถแก้ตัวให้ตนพ้นผิดได้ เพราะได้หมั่นดูแลรักษาต้นไม้อยู่เสมอ โดยได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว กล่าวคือ ได้แจ้งให้ปุ้ยซึ่งเป็นเจ้าของให้มาจัดการเพื่อป้องกันความเสียหายแล้ว อันเป็นการป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแล้ว แต่ปุ้ยยังนิ่งเฉยอยู่ ดังนั้นกาละแมจึงไม่ต้องรับผิด ในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากต้นไม้นั้น ผู้ที่ต้องรับผิดคือปุ้ยซึ่งเป็นเจ้าของตาม ป.พ.พ. มาตรา 434
ส่วนกรณีที่มีผู้มาช่วยจัดการศพให้ไก่แล้ว เด็กชายเป็ดซึ่งเป็นบุตรของไก่จะเรียกร้องค่าปลงศพของไก่ได้หรือไม่นั้น เห็นว่าการเรียกค่าปลงศพเป็นสิทธิของทายาทในการเรียกร้องได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 443 วรรคแรก เมื่อปรากฏว่าเด็กชายเป็ดเป็นทายาทคนเดียวของไก่ เด็กชายเป็ดจึงมีสิทธิเรียกร้องได้โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะมีใครมาช่วยจัดการศพให้ไก่แล้วหรือไม่
สรุป
1 กาละแมต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแก่นีน่าแต่เพียงผู้เดียว
2 ปุ้ยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ไก่แต่เพียงผู้เดียว
3 เด็กชายเป็ดสามารถเรียกร้องค่าปลงศพของไก่ต่อปุ้ยได้ แต่จะไปเรียกร้องเอาจากกาละแมไม่ได้
ข้อ 2 อึ่งอ่างเลี้ยงสุนัขจรจัดไว้หลายตัวด้วยความรักและสงสาร บ้านของอึ่งอ่างอยู่ติดกับบ้านของโอ่งอ้วนที่โย่งยิ่งเช่าอยู่ วันหนึ่งมีสุนัขตัวหนึ่งเดินจากบ้านอึ่งอ่างเข้ามาลักปลาย่างของโอ่งอ้วนแล้วกินหมดไปหลายตัว โย่งยิ่งจึงร้องขอให้โอ่งอ้วนซึ่งแวะมาเที่ยวหาพอดีนั้นช่วยกันจับสุนัข จากนั้นโอ่งอ้วนได้นำสุนัขไปขังไว้เพื่อจะเรียกเอาค่าเสียหายจากอึ่งอ่าง ดังนี้ให้ท่านวินิจฉัยว่า
(ก) อึ่งอ่างจะเรียกร้องให้โอ่งอ้วนและโย่งยิ่งคืนสุนัขดังกล่าว และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายได้หรือไม่ อย่างไร
(ข) โย่งยิ่งจะเรียกร้องค่าเสียหายจากอึ่งอ่างโดยอ้างว่าสุนัขกินปลาย่างได้หรือไม่ อย่างไร
ธงคำตอบ
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 433 ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์ ท่านว่าเจ้าของสัตว์หรือบุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ อันเกิดแต่สัตว์นั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงการรักษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่นหรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นย่อมจะต้องเกิดมีขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้น
มาตรา 452 วรรคแรก ผู้ครองอสังหาริมทรัพย์ชอบที่จะจับสัตว์ของผู้อื่นอันเข้ามาทำความเสียหายในอสังหาริมทรัพย์นั้น และยึดไว้เป็นประกันค่าสินไหมทดแทน อันจะพึงต้องใช้แก่ตนได้ และถ้าจำเป็นโดยพฤติการณ์ แม้จะฆ่าสัตว์นั้นเสียก็ชอบที่จะทำได้
วินิจฉัย
(ก) กรณีตามอุทาหรณ์
อึ่งอ่างจะเรียกร้องให้โย่งยิ่งคืนสุนัขของตนและให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายไม่ได้ เพราะโย่งยิ่งไม่ได้กระทำผิดกฎหมาย การที่โย่งยิ่งจับสุนัขขังไว้ไม่เป็นการละเมิดตามมาตรา 420 แต่ได้จับสุนัขไว้เป็นประกันค่าสินไหมทดแทน เพราะโย่งยิ่งได้รับความเสียหายจากการที่สุนัขของอึ่งอ่างที่เข้ามาในอสังหาริมทรัพย์ที่โย่งยิ่งครอบครองอยู่ โย่งยิ่งจึงอ้างนิรโทษกรรมตามมาตรา 452 ได้ และโย่งยิ่งไม่ต้องคืนสุนัขแก่อึ่งอ่างจนกว่าจะได้ค่าสินไหมทดแทน
อย่างไรก็ดี มาตรา 452 ให้สิทธินิรโทษกรรมแก่ผู้ครองอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น เมื่อปรากฏว่าโอ่งอ้วนเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ซึ่งได้ให้โย่งยิ่งเช่าไปแล้ว โอ่งอ้วนจึงไม่ใช่ผู้ครองอสังหาริมทรัพย์แต่อย่างใด การกระทำของโอ่งอ้วนจึงไม่ได้รับนิรโทษกรรมแต่อย่างใด ดังนั้นอึ่งอ่างจึงเรียกร้องให้โอ่งอ้วนคืนสุนัขของตน และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายได้
(ข) กรณีตามอุทาหรณ์
การที่สุนัขได้กินปลาย่างของโย่งยิ่งทำให้โย่งยิ่งได้รับความเสียหาย และถือว่าเป็นความเสียหายที่เกิดจากสัตว์ ซึ่งตามกฎหมายได้กำหนดให้เจ้าของสัตว์ต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น ดังนั้นโย่งยิ่งจึงสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากอึ่งอ่างได้ตามมาตรา 433
สรุป
(ก) อึ่งอ่างจะเรียกร้องให้โย่งยิ่งคืนสุนัขของตน และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายไม่ได้ แต่อึ่งอ่างสามารถเรียกร้องเอาจากโอ่งอ้วนได้
(ข) โย่งยิ่งสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากอึ่งอ่างโดยอ้างว่าสุนัขกินปลาย่างของตนได้
ข้อ 3 นายหนึ่งกับนายสองเป็นเพื่อนกัน วันเกิดเหตุนายหนึ่งขับรถไปที่บ้านของนายสองเพื่อแวะเยี่ยมนายสอง โดยนายหนึ่งจอดรถไว้ที่โรงรถบ้านของนายสอง ขณะเกิดเหตุลิงของนายแดงลอบเข้าไปในรถของนายหนึ่ง จากนั้นได้กัดเบาะรถของนายหนึ่งได้รับความเสียหาย คิดเป็นเงิน 5,000 บาท ดังนี้
(ก) นายหนึ่งจะจับลิงของนายแดงเพื่อยึดเป็นประกันค่าสินไหมทดแทนจากนายแดงได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
(ข) นายสองจะจับลิงของนายแดงเพื่อยึดเป็นประกันค่าสินไหมทดแทนจากนายแดงได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 452 วรรคแรก ผู้ครองอสังหาริมทรัพย์ชอบที่จะจับสัตว์ของผู้อื่นอันเข้ามาทำความเสียหายในอสังหาริมทรัพย์นั้น และยึดไว้เป็นประกันค่าสินไหมทดแทน อันจะพึงต้องใช้แก่ตนได้ และถ้าจำเป็นโดยพฤติการณ์ แม้จะฆ่าสัตว์นั้นเสียก็ชอบที่จะทำได้
วินิจฉัย
หลักเกณฑ์ที่จะสามารถจับหรือยึดสัตว์ หรือฆ่าสัตว์ ที่เข้ามาทำความเสียหายในอสังหาริมทรัพย์ได้ตามมาตรา 452 ประกอบด้วย
1 ผู้มีอำนาจกระทำต้องเป็นผู้ครองอสังหาริมทรัพย์ (ไม่รวมสังหาริมทรัพย์) ที่ได้รับความเสียหาย
2 ความเสียหายจะต้องเกิดจากสัตว์ของผู้อื่น
3 สัตว์เข้ามาทำความเสียหายในอสังหาริมทรัพย์ (ความเสียหายต่อบุคคล หรือต่อทรัพย์ก็ได้)
(ก) กรณีตามอุทาหรณ์
การที่ลิงของนายแดงกัดเบาะรถยนต์ของนายหนึ่งได้รับความเสียหาย นายหนึ่งจะจับลิงของนายแดงเพื่อยึดเป็นประกันค่าสินไหมทดแทนไม่ได้ เพราะแม้ความเสียหายจะเกิดจากสัตว์ของผู้อื่น ซึ่งเข้ามาทำความเสียหายในอสังหาริมทรัพย์ แต่เมื่อนายหนึ่งเป็นเพียงผู้ครองสังหาริมทรัพย์ (รถยนต์) มิใช่ผู้ครองอสังหาริมทรัพย์ กรณีจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 452 วรรคแรก
(ข) กรณีตามอุทาหรณ์
นายสองก็จะจับลิงของนายแดงเพื่อยึดเป็นประกันค่าสินไหมทดแทนจากนายแดงไม่ได้เช่นกัน เพราะแม้นายสองจะเป็นผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ แต่นายสองก็ไม่ได้รับความเสียหายที่เกิดจากลิงของนายแดงแต่อย่างใด ผู้ที่จะจับหรือยึดสัตว์ตามมาตรา 452 วรรคแรก หมายความเฉพาะผู้ครองอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับความเสียหายเท่านั้น
สรุป
(ก) นายหนึ่งจะจับลิงของนายแดงเพื่อยึดเป็นประกันค่าสินไหมทดแทนไม่ได้
(ข) นายสองจะจับลิงของนายแดงเพื่อยึดเป็นประกันค่าสินไหมทดแทนไม่ได้
ข้อ 4 นายหนึ่งบิดานอกกฎหมายของนางสาวบี วัย 16 ปี โดยนายหนึ่งได้ให้ใช้นามสกุลและอุปการะเลี้ยงดูบุตรของตนมาโดยตลอด นายหนึ่งทราบดีว่าบุตรนั้นชอบแอบเอารถยนต์ของตนไปขับ จึงนำกุญแจรถยนต์ไปเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะ ในวันเกิดเหตุ นางสาวบีได้แอบหยิบกุญแจรถที่นายหนึ่งได้เก็บซ่อนไว้ในลิ้นชักโต๊ะโดยไม่ได้ล็อกกุญแจไว้ ไปไขนำรถยนต์ของนายหนึ่งออกมาขับ ต่อมาปรากฏว่านางสาวบีได้ขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูงจึงเสียหลักพุ่งชนรถตู้โดยสารเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก จงวินิจฉัยว่า
(ก) นางสาวบีต้องรับผิดในทางละเมิดหรือไม่ เพราะเหตุใด
(ข) นายหนึ่งต้องร่วมรับผิดในทางละเมิดด้วยหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 429 บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริตก็ยังต้องรับผิดในผลที่ตนทำละเมิด บิดามารดาหรือผู้อนุบาลของบุคคลเช่นว่านี้ย่อมต้องรับผิดร่วมกับเขาด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น
มาตรา 430 ครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถอยู่เป็นนิตย์ก็ดี ชั่วครั้งชั่วคราวก็ดี จำต้องรับผิดร่วมกับผู้ไร้ความสามารถในการละเมิด ซึ่งเขาได้กระทำลงในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของตน ถ้าหากพิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้นๆ มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร
วินิจฉัย
(ก) กรณีตามอุทาหรณ์
การที่นางสาวบีได้ขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูง จึงเสียหลักพุ่งชนรถตู้โดยสารเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมากนั้น ถือว่าเป็นการกระทำละเมิดต่อบุคคลอื่นโดยประมาทเลินเล่อตามมาตรา 420 และแม้ว่านางสาวบีจะเป็นผู้เยาว์ก็ยังคงต้องรับผิดในผลที่ตนได้กระทำละเมิดนั้นตามมาตรา 429
(ข) กรณีตามอุทาหรณ์
กรณีของนายหนึ่งซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏว่าเป็นบิดานอกกฎหมายของนางสาวบี และแม้ว่านายหนึ่งได้ให้นางสาวบีใช้นามสกุลและอุปการะเลี้ยงดูบุตรของตนมาโดยตลอด ก็เป็นเพียงการรับรองโดยพฤตินัยซึ่งมิใช่การรับรองโดยนิตินัยตาม ป.พ.พ. มาตรา 1547 ดังนั้นนายหนึ่งจึงมิใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของนางสาวบีแต่อย่างใด
แต่อย่างไรก็ดี กรณีดังกล่าวนี้ถือได้ว่านายหนึ่งเป็นบุคคลซึ่งรับดูแลนางสาวบีผู้เยาว์ และตามข้อเท็จจริงนายหนึ่งก็มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรในการเก็บล็อกกุญแจรถยนต์ ดังนั้นนายหนึ่งจึงต้องรับผิดในทางละเมิดร่วมกับนางสาวบีด้วยตามมาตรา 430
สรุป
(ก) นางสาวบีต้องรับผิดในทางละเมิดตามมาตรา 420 และ 429
(ข) นายหนึ่งต้องร่วมรับผิดในทางละเมิดด้วยตามมาตรา 430