การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2550
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW2003
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยละเมิด จัดการงานนอกสั่ง ลาภมิควรได้
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 4 ข้อ
ข้อ 1 สมัครว่าจ้างให้ชูวิทย์ตอกเสาเข็มปลูกสร้างอาคารโรงแรม 16 ชั้น ทำให้บรรหารซึ่งอยู่บ้านบนที่ดินติดต่อกับอาคารดังกล่าวได้รับความเดือดร้อน เพราะมีฝุ่นละอองจากการก่อสร้างทำให้บ้านเรือนสกปรก มีเสียงดังจากเครื่องจักร บ้านสั่นสะเทือนจากการตอกเสาเข็ม
มีหินและไม้ตกลงบนหลังคาบ้านของบรรหารทำให้ต้องหวาดระแวงว่าอาจจะเกิดอันตรายแก่บรรหารและคนในครอบครัวได้ บรรหารจึงได้ยื่นฟ้องสมัครและชูวิทย์ฐานละเมิด ทำให้ตนและครอบครัวต้องทนทุกขเวทนาแสนสาหัสนอนไม่หลับ และหวาดระแวงเป็นเวลานานติดต่อกันถึงสองเดือน
และเรียกค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าเสียหายแก่อนามัยและสิทธิส่วนตัวที่จะมีความเป็นอยู่อย่างสงบสุขทั้งร่างกายและจิตใจ จากการสืบพยานหลักฐานไม่ปรากฏว่าความทนทุกข์ทรมานดังกล่าวเป็นอันตรายและจิตใจของบรรหาร
ดังนี้ให้ท่านเป็นศาล ท่านจะวินิจฉัยคดีนี้อย่างไร เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 428 ผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันผู้รับจ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอกในระหว่างทำการงานที่ว่าจ้างเว้นแต่ผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ หรือในคำสั่งที่ตนให้ไว้หรือในการเลือกหาผู้รับจ้าง
มาตรา 438 ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดนั้น ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
อนึ่ง ค่าสินไหมทดแทนนั้นได้แก่ การคืนทรัพย์สินอันผู้เสียหายต้องเสียไปเพราะละเมิด หรือใช้ราคาทรัพย์สินนั้น รวมทั้งค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใดๆอันได้ก่อขึ้นนั้นด้วย
มาตรา 446 วรรคแรก ในกรณีทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยก็ดี ในกรณีทำให้เขาเสียเสรีภาพก็ดี ผู้ต้องเสียหายจะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความที่เสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินด้วยอีกก็ได้ สิทธิเรียกร้องอันนี้ไม่โอนกันได้ และไม่ตกสืบไปถึงทายาท เว้นแต่สิทธินั้นจะได้รับสภาพกันไว้โดยสัญญาหรือได้เริ่มฟ้องคดีตามสิทธินั้นแล้ว
วินิจฉัย
หลักเกณฑ์ของการกระทำอันเป็นการละเมิดตามมาตรา 420 ประกอบด้วย
1 เป็นบุคคลที่มี “การกระทำ” โดยรู้สำนึก และได้กระทำโดยการเคลื่อนไหวร่างกายหรือโดยการงดเว้นก็ได้ ซึ่งได้กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
2 ทำต่อผู้อื่นโดยผิดกฎหมาย
3 มีความเสียหาย
4 ผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำ
กรณีตามอุทาหรณ์ ชูวิทย์ตอกเสาเข็มปลูกสร้างอาคารโรงแรม 16 ชั้น ทำให้บรรหารทนทุกขเวทนาแสนสาหัสนอนไม่หลับเพราะหนวกหู ฝุ่นละอองจากการก่อสร้างทำให้บ้านเรือนสกปรก บ้านสั่นสะเทือนหินและไม้ตกลงบนหลังคาบ้านของบรรหารอันอาจจะเกิดอันตรายต่อบรรหารและครอบครัวได้ แม้การสืบพยานหลักฐานจะไม่ปรากฏว่าความทุกข์ทรมานสาหัสดังกล่าวเป็นอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจของบรรหาร แต่ก็เป็นเรื่องเสียหายต่ออนามัยและสิทธิจะอยู่อย่างสงบไม่ถูกรบกวน ถือได้ว่าการกระทำของชูวิทย์เป็นการกระทำละเมิดต่ออนามัย รวมทั้งต่อสิทธิส่วนตัวของบรรหารที่จะมีความเป็นอยู่อย่างสงบสุขทั้งร่างกายและจิตใจตามมาตรา 420
บรรหารผู้ถูกกระทำละเมิดมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในส่วนที่เป็นอันตรายแก่อนามัย รวมทั้งสิทธิส่วนตัวที่จะมีความเป็นอยู่อย่างสงบสุขทั้งร่างกายและจิตใจได้ ตามมาตรา 420 ประกอบมาตรา 438 และมาตรา 446 วรรคแรก (ฎ. 3407/2535)
ชูวิทย์เป็นผู้รับจ้างทำของ (ก่อสร้างอาคารโรงแรม) โดยหลักแล้วตามมาตรา 428 ผู้ว่าจ้างไม่ต้องรับผิดร่วมกับผู้รับจ้างในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอก เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นต่างๆตามกฎหมาย เมื่อปรากฏว่าสมัครผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิดในส่วนของการงานที่สั่งให้ทำ สมัครจึงต้องร่วมรับผิดกับชูวิทย์ด้วยตามมาตรา 428 (ฎ. 984/2531)
สรุป ถ้าข้าพเจ้าเป็นศาลจะวินิจฉัยให้ทั้งชูวิทย์และสมัครรับผิดต่อบรรหารตามฟ้อง
ข้อ 2 นายทองเป็นเจ้าของบ้านซึ่งใช้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าฯได้จำหน่ายกระแสไฟฟ้าแรงสูงจากต้นทางเพื่อไหลเข้าสู่ระบบไฟฟ้าภายในบ้านของผู้ใช้ไฟฟ้าตามบ้าน จึงทำให้กระแสไฟฟ้าแรงสูงเข้าสู่เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านของนายทองและเกิดการลัดวงจร ทำให้เกิดไฟไหม้บ้านนายทอง นายพงศ์ลูกจ้างของนายทองจึงได้พังฝาผนังบ้านของนายทองเพื่อไม่ให้ไฟลาม ทำให้ฝาผนังบ้านล้มไปทับนายพัฒน์ขาหัก
ดังนี้ ให้ท่านวินิจฉัยว่า นายทองจะฟ้องร้องให้การไฟฟ้าฯ รับผิดในความเสียหายต่อทรัพย์สินได้หรือไม่ เพราะเหตุใด และนายพัฒน์จะเรียกให้นายทองร่วมรับผิดกับนายพงศ์ลูกจ้างได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 425 นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น
มาตรา 437 บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะ อย่างใดๆอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลบุคคลนั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครองของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพหรือโดยความมุ่งหมายที่จะใช้หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้นด้วย
มาตรา 450 ถ้าบุคคลทำบุบสลาย หรือทำลายทรัพย์สิ่งหนึ่งสิ่งใด เพื่อจะบำบัดปัดป้องภยันตรายซึ่งมีมาเป็นสาธารณะ โดยฉุกเฉิน ท่านว่าไม่จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หากความเสียหายนั้นไม่เกินสมควรแก่เหตุภยันตราย
ถ้าบุคคลทำบุบสลาย หรือทำลายทรัพย์สิ่งหนึ่งสิ่งใด เพื่อจะบำบัดปัดป้องภยันตรายอันมีแก่เอกชนโดยฉุกเฉิน ผู้นั้นจะต้องใช้คืนทรัพย์นั้น
วินิจฉัย
กระแสไฟฟ้าถือได้ว่าเป็นทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ การไฟฟ้าฯซึ่งเป็นผู้จำหน่ายไฟฟ้า จึงถือว่าเป็นผู้ครอบครองทรัพย์อันตรายต้องรับผิดชอบเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่ทรัพย์นั้นตามมาตรา 437 วรรคสอง และความเสียหายดังกล่าวเกิดจากการไฟฟ้าฯ จ่ายกระแสไฟฟ้าแรงสูงโดยมิได้ปรับให้เป็นกระแสไฟฟ้าแรงต่ำเพื่อไหลเข้าสู่ระบบไฟฟ้าภายในบ้านของผู้ใช้ไฟฟ้า จึงมิใช่เกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายเอง การไฟฟ้าฯ จึงไม่อาจอ้างข้อยกเว้นความรับผิดดังกล่าวได้ (ฎ. 3478/2523)
การที่นายพงษ์พังฝาผนังบ้านของนายทองและฝาผนังล้มทำให้นายพัฒน์ได้รับความเสียหายต่อร่างกายนั้น เป็นการกระทำละเมิดต่อนายพัฒน์ตามมาตรา 420 และนายพงษ์ไม่อาจอ้างเหตุนิรโทษกรรมตามมาตรา 450 วรรคสอง เพื่อให้พ้นความรับผิด เพราะแม้ว่าจะเป็นการกระทำเพื่อป้องกันภัยฉุกเฉินที่มีมาต่อเอกชนแต่เมื่อเป็นการกระทำให้บุคคลใดได้รับบาดเจ็บ ไม่ใช่เป็นกรณีที่ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย จึงอ้างนิรโทษกรรมตามหลักกฎหมายดังกล่าวไม่ได้ (จะอ้างได้ก็ต่อเมื่อความเสียหายเกิดขึ้นแก่ทรัพย์สินเท่านั้น) ดังนั้น นายพงษ์จึงต้องรับผิดต่อนายพัฒน์ และนายทองซึ่งเป็นนายจ้าง จึงต้องร่วมรับผิดกับนายพงษ์ด้วย ตามมาตรา 425 เพราะนายพงษ์ได้ช่วยดับไฟเพื่อประโยชน์ของนายทองซึ่งเป็นนายจ้าง จึงถือว่านายพงษ์ได้ทำละเมิดในทางการที่จ้าง นายจ้างจึงต้องร่วมรับผิดกับลูกจ้าง
สรุป นายทองฟ้องให้การไฟฟ้าฯ รับผิดต่อความเสียหายแก่ทรัพย์สินได้ และนายพัฒน์สามารถเรียกให้นายทองนายจ้างร่วมรับผิดกับนายพงษ์ลูกจ้างได้
ข้อ 3 นายสุรินทร์เป็นเจ้าของฟาร์มเลี้ยงช้างแห่งหนึ่ง นายสุรินทร์ออกคำสั่งให้นายสุขุมนำช้างชื่อพลายไข่นำไปเลี้ยงที่ป่าหลังฟาร์มเลี้ยงช้างของนายสุรินทร์ เนื่องจากพลายไข่กำลังตกมัน ปรากฏว่านายสุขุมนำเจ้าพลายไข่ไปผูกล่ามโซ่เอาไว้อย่างเดียว
โดยไม่ได้ใส่อุปกรณ์ล่ามขาช้างที่ใช้สำหรับช้างตกมัน แล้วนายสุขุมก็นอนหลับไปทำให้เจ้าพลายไข่วิ่งหนีออกไปจากป่าเข้าไปในหมู่บ้าน ไปเหยียบนางสาวดวงดีถึงแก่ความตาย และยังเหยียบรถจักรยานยนต์ของนายเฮงที่ใช้ขี่รับจ้างในหมู่บ้านพังเสียหายเสียค่าซ่อมรถ 8,000 บาท
ให้นักศึกษาวินิจฉัยว่า
(1) บุคคลใดจะต้องรับผิดในความเสียหายในเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นบ้างหรือไม่ เพราะเหตุใด
(2) นายดำเนินผู้รับ น.ส.ดวงดีเป็นบุตรบุญธรรมโดยชอบด้วยกฎหมาย จะฟ้องเรียกค่าปลงศพได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
(3) นายเฮงมีรถจักรยานยนต์อีก 1 คัน แต่ไม่ใช้ขับรับจ้าง กลับไปเช่ารถจักรยานยนต์คันอื่นจากนายกิมมาขับรับจ้างเสียค่าเช่าไป 3,000 บาท (ในระหว่างที่ซ่อมรถคันที่เสียหาย) นายเฮงจะเรียกร้องค่าเช่ารถจักรยานยนต์ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 425 นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น
มาตรา 433 ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์ ท่านว่าเจ้าของสัตว์หรือบุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ อันเกิดแต่สัตว์นั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงการรักษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่นหรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นย่อมจะต้องเกิดมีขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้น
อนึ่ง บุคคลผู้ต้องรับผิดชอบดังกล่าวมาในวรรคต้นนั้น จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่บุคคลผู้ที่เร้าหรือยั่วสัตว์นั้นโดยละเมิด หรือเอาแก่เจ้าของสัตว์อื่นอันมาเร้าหรือยั่วสัตว์นั้นๆก็ได้
มาตรา 438 ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดนั้น ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
อนึ่ง ค่าสินไหมทดแทนนั้นได้แก่ การคืนทรัพย์สินอันผู้เสียหายต้องเสียไปเพราะละเมิด หรือใช้ราคาทรัพย์สินนั้น รวมทั้งค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใดๆอันได้ก่อขึ้นนั้นด้วย
มาตรา 443 ในกรณีทำให้เขาถึงตายนั้น ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ ค่าปลงศพ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่นๆอีกด้วย
วินิจฉัย
(1) กรณีที่จะปรับเข้าบทสันนิษฐานความรับผิดตามกฎหมายละเมิดใน มาตรา 433 จะต้องปรากฏว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น มิได้เกิดขึ้นจากการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ตามอุทาหรณ์ การที่นายสุขุมลูกจ้างของนายสุรินทร์นอนหลับไปในระหว่างเลี้ยงช้างพลายไข่ซึ่งกำลังตกมัน โดยใช้แต่เพียงโซ่ล่ามผูกเอาไว้เท่านั้น ไม่ได้ใช้อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับล่ามขาช้างที่กำลังตกมัน ถือว่านายสุขุมงดเว้นหน้าที่โดยเฉพาะเจาะจงในการป้องกันผลที่จะเกิดขึ้น ด้วยความประมาทเลินเล่อ ปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ ซึ่งนายสุขุมอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่ เมื่อพลายไข่ไปเหยียบ น.ส. ดวงดีถึงแก่ความตาย และทำให้รถจักรยานยนต์ของนายเฮงพังเสียหาย นายสุขุมจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา 420 ไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา 433
เมื่อนายสุขุมลูกจ้างกระทำละเมิดและเป็นการกระทำละเมิดไปในทางการที่จ้าง นายสุรินทร์นายจ้างจึงต้องร่วมรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วย ตามมาตรา 425
(2) เมื่อนายสุขุมงดเว้นโดยประมาทเป็นเหตุให้ น.ส.ดวงดีถึงแก่ความตาย ทายาทโดยธรรมของ น.ส.ดวงดีจึงมีสิทธิเรียกค่าปลงศพได้ ตามมาตรา 443 วรรคแรก แต่นายดำเนินผู้รับบุตรบุญธรรมไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าปลงศพ เพราะนายดำเนินไม่มีสิทธิรับมรดกของ น.ส.ดวงดี ในฐานะทายาทโดยชอบธรรม นายดำเนินจึงมิใช่ทายาทของ น.ส.ดวงดี อันจะมีสิทธิเรียกร้องค่าปลงศพได้ตามมาตรา 443 วรรคแรก
(3) ค่าเช่ารถยนต์ 3,000 บาท ที่นายเฮงต้องจ่ายไปในระหว่างที่นำรถจักรยานยนต์ที่เสียหายไปซ่อม ถือว่าเป็นค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใดๆ อันได้ก่อให้เกิดขึ้น เพราะค่าซ่อมรถเป็นค่าเสียหายที่เป็นผลโดยตรงจากการกระทำละเมิด และไม่ไกลกว่าเหตุ นายเฮงจึงมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในส่วนนี้ได้ ตามมาตรา 438 วรรคท้าย แม้จะปรากฏว่านายเฮงจะมีรถจักรยานยนต์อีก 1 คัน ที่สามารถนำมาใช้รับจ้างได้ก็ตาม (ฎ. 945/2533)
สรุป
(1) นายสุขุมต้องรับผิดตามมาตรา 420 นายสุรินทร์นายจ้างต้องรับผิดตามมาตรา 425
(2) นายดำเนินผู้รับบุตรบุญธรรมไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าปลงศพตามมาตรา 443 วรรคแรก
(3) นายเฮงมีสิทธิเรียกค่าเช่าตามมาตรา 438 วรรคท้าย
ข้อ 4 จากข้อเท็จจริงตามข้อ 3 พวกชาวบ้านได้ขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์เพื่อไล่ต้อนเจ้าพลายไข่ (ช้าง) ให้เข้าไปในป่า แต่ปรากฏว่านายชอบใช้ปืนลูกซองยาวยิงไปที่หัวของเจ้าพลายไข่ (ช้าง) เป็นจำนวน 20 นัด เพราะโกรธแค้นและต้องการฆ่าเจ้าพลายไข่ให้ตาย ทำให้เจ้าพลายไข่ (ช้าง) ล้ม (ตาย) ในคืนวันนั้น ให้นักศึกษาวินิจฉัยว่า นายชอบจะได้รับนิรโทษกรรมหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 449 บุคคลใดเมื่อกระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายก็ดี กระทำตามคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายก็ดี หากก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นหาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่
ผู้ต้องเสียหายอาจเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้เป็นต้นเหตุให้ต้องป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือจากบุคคลผู้ให้คำสั่งโดยละเมิดนั้นก็ได้
มาตรา 450 วรรคท้าย ถ้าบุคคลทำบุบสลาย หรือทำลายทรัพย์สิ่งหนึ่งสิ่งใด เพื่อจะป้องกันสิทธิของตน หรือของบุคคลภายนอกจากภยันตรายอันมีมาโดยฉุกเฉินเพราะตัวทรัพย์นั้นเองเป็นเหตุ บุคคลเช่นว่านี้หาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่ หากว่าความเสียหายนั้นไม่เกินสมควรแก่เหตุ แต่ถ้าภยันตรายนั้นเกิดขึ้นเพราะความผิดของบุคคลนั้นเองแล้ว ท่านว่าจำต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้
วินิจฉัย
การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 68 ผู้กระทำการป้องกันไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา 449 ตามอุทาหรณ์ การที่นายชอบใช้ปืนลูกซองยิงไปที่หัวของพลายไข่ (ช้าง) จำนวน 20 นัด ในขณะที่กำลังไล่ต้อนช้างนั้นเข้าไปในป่า จนเป็นเหตุให้ช้างล้ม (ตาย) ถือว่าเป็นการป้องกันที่เกินสมควรแก่เหตุไม่ได้สัดส่วนกับภยันตราย เนื่องจากสามารถกระทำโดยวิธีการอื่นเช่น ยิงยาสลบเพื่อทำให้ช้างหมดสติ เพื่อให้พ้นจากภยันตรายได้ การกระทำของนายชอบจึงไม่ได้รับนิรโทษกรรมตามมาตรา 449
ส่วนการที่จะได้รับนิรโทษกรรมตามมาตรา 450 วรรคท้าย การทำลายทรัพย์ที่เป็นต้นเหตุแห่งภยันตรายนั้นจะต้องกระทำไม่เกินสมควรแก่เหตุเช่นเดียวกัน ในกรณีเช่นนี้ นายชอบกระทำเกินสมควรแก่เหตุ จึงไม่ได้รับนิรโทษกรรมตามมาตรา 450 วรรคท้าย
สรุป นายชอบไม่ได้รับนิรโทษกรรมตามมาตรา 449 และมาตรา 450 วรรคท้าย