การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2554
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW2003
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยละเมิด จัดการงานนอกสั่ง ลาภมิควรได้
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)
ข้อ 1 นายเอ อายุ 16 ปี ซื้อหนูนามาเลี้ยงดูเล่นหนึ่งตัว และนำไปใส่ไว้ในกรง แต่ไม่ได้คล้องกุญแจที่ประตูกรง เด็กชายบี อายุ 14 ปี เห็นดังนั้นจึงแกล้งปล่อยหนูออกมาจากกรง หนูจึงวิ่งหนีไปหลบอยู่ในตู้เสื้อผ้าของนายซี ต่อมานายซีเปิดตู้จึงเห็นหนูและตกใจจนเป็นลมสิ้นสติศีรษะฟาดพื้นได้รับบาดเจ็บสาหัส
ดังนี้ ให้ท่านวินิจฉัยว่าใครจะเรียกร้องให้ใครรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นได้บ้าง หากว่านายเอเป็นเด็กกำพร้าที่ซุกซนและอยู่ในความดูแลของยายเพียงคนเดียว และเด็กชายบีเป็นบุตรของนางดี
ธงคำตอบ
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 429 บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริตก็ยังต้องรับผิดในผลที่ตนทำละเมิด บิดามารดาหรือผู้อนุบาลของบุคคลเช่นว่านี้ย่อมต้องรับผิดร่วมกับเขาด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น
มาตรา 430 ครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถอยู่เป็นนิตย์ก็ดี ชั่วครั้งชั่วคราวก็ดี จำต้องรับผิดร่วมกับผู้ไร้ความสามารถในการละเมิด ซึ่งเขาได้กระทำลงในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของตน ถ้าหากพิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้นๆ มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร
มาตรา 433 ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์ ท่านว่าเจ้าของสัตว์หรือบุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ อันเกิดแต่สัตว์นั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงการรักษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่นหรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นย่อมจะต้องเกิดมีขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้น
อนึ่ง บุคคลผู้ต้องรับผิดชอบดังกล่าวมาในวรรคต้นนั้น จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่บุคคลผู้ที่เร้าหรือยั่วสัตว์นั้นโดยละเมิด หรือเอาแก่เจ้าของสัตว์อื่นอันมาเร้าหรือยั่วสัตว์นั้นๆก็ได้
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายซีเห็นหนูและตกใจเป็นลมสิ้นสติศีรษะฟาดพื้นได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น ถือเป็นเรื่องความเสียหายที่เกิดจากสัตว์ คือ หนูของนายเอ ซึ่งตามมาตรา 433 กำหนดให้มีผู้รับผิดคือ เจ้าของสัตว์หรือบุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของสัตว์ เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายเอเป็นเจ้าของหนูและไม่ได้ใช้ความระมัดระวังในการเลี้ยงดูตามชนิด วิสัย และพฤติการณ์ของสัตว์นั้นที่ต้องระวังด้วยการคล้องกุญแจที่ประตูกรงไว้ด้วย เพราะหนูย่อมดันตัวเองออกมานอกกรงได้ง่าย ดังนั้น เมื่อหนูหลุดออกมาจากกรง และทำให้นายซีเสียหาย นายเอจึงต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดจากหนูของตนเองต่อนายซีตามมาตรา 433 วรรคแรก
และเมื่อปรากฏว่า นายเอซึ่งเป็นคนไร้ความสามารถ (ผู้เยาว์) อยู่ในความดูแลของยายเพียงคนเดียวของตน นายซีจึงสามารถเรียกร้องให้ยายของนายเอร่วมรับผิดกับนายเอในการละเมิดที่เกิดขึ้นจากสัตว์ของนายเอได้ เพราะถือเป็นผู้รับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถ ตามมาตรา 430
แต่อย่างไรก็ดี ทั้งนายเอและยายมีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่เด็กชายบีซึ่งเป็นผู้เร้าหรือยั่วสัตว์โดยละเมิด โดยการแกล้งปล่อยหนูออกมาจากกรง เป็นเหตุให้หนูไปก่อความเสียหายขึ้นต่อนายซีได้ตามมาตรา 433 วรรคสอง
นอกจากนี้เมื่อปรากฏว่า เด็กชายบีเป็นบุตรของนางดี ดังนั้นนายเอและยายจึงสามารถเรียกร้องให้นางดี มารดาของเด็กชายบีซึ่งเป็นคนไร้ความสามารถ (ผู้เยาว์) รับผิดร่วมกับเด็กชายบีได้อีกด้วย ตามมาตรา 439
สรุป นายซีสามารถเรียกร้องให้นายเอและยายร่วมกันรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตนได้ และนายเอและยายก็สามารถใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่เด็กชายบีและนางดีได้
ข้อ 2 นางอมราขอให้นางอ้วนช่วยไปซื้อกาแฟร้อนให้ตนดื่ม ระหว่างที่เดินกลับจากซื้อกาแฟ นางอ้วนไม่พอใจนางผอมที่เดินผ่านมาพอดี จึงสาดกาแฟที่ร้อนจัดมากใส่นางผอม ทำให้นางผอมหน้าเสียโฉม รักษาไม่หาย เพราะความร้อนมากของกาแฟ ดังนี้ ให้ท่านวินิจฉัย
(ก) นางผอมจะเรียกให้ใครรับผิดในความเสียหายได้หรือไม่ อย่างไร
(ข) นางผอมจะเรียกค่าเสียโฉม ทำให้ไม่สามารถไปประกวดนางงามประจำคณะได้หรือไม่ อย่างไร
(ค) หากนางผอมต้องขาดการงานเป็นเวลาหลายเดือน นางผอมจะเรียกค่าขาดแรงงานตามมาตรา 445 ได้หรือไม่ อย่างไร
ธงคำตอบ
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 425 นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น
มาตรา 427 บทบัญญัติในมาตราทั้งสองก่อนนั้น ท่านให้ใช้บังคับแก่ตัวการและตัวแทนด้วยโดยอนุโลม
มาตรา 445 “ในกรณีทำให้เขาถึงตาย หรือให้เสียหายแก่ร่างกาย หรืออนามัยก็ดี ในกรณีทำให้เขาเสียเสรีภาพก็ดี ถ้าผู้ต้องเสียหายมีความผูกพันตามกฎหมายจะต้องทำการงานให้เป็นคุณแก่บุคคลภายนอกในครัวเรือนหรืออุตสาหกรรมของบุคคลภายนอกนั้นไซร้ ท่านว่าบุคคลผู้จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้นจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อที่เขาต้องขาดแรงงานอันนั้นไปด้วย”
มาตรา 446 วรรคแรก ในกรณีทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยก็ดี ในกรณีทำให้เขาเสียเสรีภาพก็ดี ผู้ต้องเสียหายจะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความที่เสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินด้วยอีกก็ได้ สิทธิเรียกร้องอันนี้ไม่โอนกันได้ และไม่ตกสืบไปถึงทายาท เว้นแต่สิทธินั้นจะได้รับสภาพกันไว้โดยสัญญาหรือได้เริ่มฟ้องคดีตามสิทธินั้นแล้ว
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ วินิจฉัยได้ดังนี้ คือ
(ก) นางผอมจะเรียกให้ใครรับผิดในความเสียหายได้หรือไม่ อย่างไร เห็นว่า การที่นางอ้วนสาดน้ำกาแฟที่ร้อนจัดมากใส่นางผอม จนทำให้นางผอมหน้าเสียโฉมนั้น การกระทำของนางอ้วนถือว่าเป็นการกระทำโดยจงใจต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย ทำให้เขาเสียหายต่อร่างกาย และผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำของนางอ้วน จึงถือว่านางอ้วนได้กระทำละเมิดต่อนางผอมตามมาตรา 420 จึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นางผอม ดังนั้น นางผอมจึงเรียกให้นางอ้วนรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม นางผอมจะเรียกให้นางอมรารับผิดร่วมกับนางอ้วนไม่ได้ เพราะถึงแม้นางอ้วนจะมีฐานะเป็นตัวแทนของนางอมราในการไปซื้อกาแฟ แต่การที่นางอ้วนสาดน้ำกาแฟใส่นางผอมนั้น เป็นเรื่องนอกเหนือไปจากขอบอำนาจตัวแทน ดังนั้น เมื่อไม่ได้เป็นเรื่องการทำละเมิดในขอบอำนาจตัวแทน นางอมราตัวการจึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับนางอ้วนตามมาตรา 427 ประกอบมาตรา 425
(ข) ตามบทบัญญัติมาตรา 446 วรรคแรก ได้กำหนดไว้ว่า บุคคลผู้ถูกกระทำละเมิดจนต้องได้รับความเสียหายแก่ร่างกาย จะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินอีกก็ได้
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า นางผอมได้รับความเสียหายถึงกับหน้าเสียโฉม จนไม่สามารถไปประกวดนางงามประจำคณะได้ อันถือเป็นความเสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงิน ดังนั้น นางผอมจึงสามารถเรียกค่าเสียโฉมทำให้ไม่สามารถไปประกวดนางงามที่คณะได้ตามมาตรา 446 วรรคแรก
(ค) ตามบทบัญญัติมาตรา 445 นั้น เป็นกรณีที่กฎหมายให้สิทธิแก่บุคคลภายนอกซึ่งเป็นนายจ้าง ในการที่จะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนจากผู้ที่กระทำละเมิดต่อลูกจ้างของตน จนเป็นเหตุให้ตนต้องขาดแรงงานเพราะการกระทำละเมิดนั้น ดังนั้นตามข้อเท็จจริง แม้นางผอมจะต้องขาดการงานเป็นเวลาหลายเดือน นางผอมก็ไม่สามารถเรียกค่าขาดแรงงานตามมาตรา 445 จากนางอ้วนได้ เพราะผู้ที่มีสิทธิเรียกค่าขาดแรงงานตามมาตรา 445 ในกรณีนี้ ก็คือนายจ้างของนางผอม
สรุป
(ก) นางผอมเรียกให้นางอ้วนรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นได้ แต่จะเรียกให้นางอมราร่วมรับผิดในความเสียหายดังกล่าวไม่ได้
(ข) นางผอมสามารถเรียกค่าเสียโฉม ทำให้ไม่สามารถไปประกวดนางงามประจำคณะได้
(ค) นางผอมจะเรียกค่าขาดแรงงานตามมาตรา 445 ไม่ได้
ข้อ 3
(ก) นายบุญถึงผู้เยาว์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายบุญมาและนางบุญมี มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดสุโขทัย นายบุญมาและนางบุญมีได้ส่งนายบุญถึงมาเรียนหนังสือที่จังหวัดนครสวรรค์ โดยฝากให้พักอาศัยอยู่กับนายบุญมากตาของนายบุญถึง นายบุญถึงชอบเล่นปืนลูกกรดของนายบุญมาก และนำปืนไปยิงนกเล่นอยู่เป็นประจำ โดยนายบุญมากมิได้ว่ากล่าวห้ามปราม วันหนึ่งนายบุญถึงเอาปืนลูกกรดดังกล่าวไปยิงนกเล่นในทุ่งนา กระสุนปืนพลาดเลยไปถูกวัวของนายบุญหนัก ซึ่งกำลังกินหญ้าอยู่กลางทุ่งนาถึงแก่ความตาย
ดังนี้ นายบุญหนักจะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากผู้ใดได้บ้าง อย่างไร
(ข) นาย ก และนาง ข อยู่กินด้วยกันแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส มีบุตรคนหนึ่งคือเด็กชายแดง เมื่อนาง ข คลอดเด็กชายแดงแล้ว ต่อมาถึงแก่ความตาย นาย ก ยินยอมให้เด็กชายแดงใช้นามสกุลของนาย ก แต่นาย ก ไม่เคยอุปการะเลี้ยงดูเด็กชายแดงเลย วันเกิดเหตุจำเลยขับรถด้วยความประมาทเลินเล่อชนนาย ก ถึงแก่ความตาย
ดังนี้ เด็กชายแดงจะฟ้องเรียกค่าปลงศพจากจำเลยได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
ข้อ (ก)
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 429 บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริตก็ยังต้องรับผิดในผลที่ตนทำละเมิด บิดามารดาหรือผู้อนุบาลของบุคคลเช่นว่านี้ย่อมต้องรับผิดร่วมกับเขาด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น
มาตรา 430 ครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถอยู่เป็นนิตย์ก็ดี ชั่วครั้งชั่วคราวก็ดี จำต้องรับผิดร่วมกับผู้ไร้ความสามารถในการละเมิด ซึ่งเขาได้กระทำลงในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของตน ถ้าหากพิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้นๆ มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายบุญถึงเอาปืนลูกกรดไปยิงนกเล่นในทุ่งนา แต่กระสุนพลาดไปถูกวัวของนายบุญหนักถึงแก่ความตายนั้น การกระทำของนายบุญถึงถือว่าเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย ทำให้เขาเสียหายแก่ทรัพย์สิน และผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำของนายบุญถึง จึงถือว่านายบุญถึงได้กระทำละเมิดต่อนายบุญหนักตามมาตรา 420 จึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายบุญหนัก แม้นายบุญถึงจะเป็นผู้เยาว์อันถือเป็นผู้ไร้ความสามารถก็ตาม ตามมาตรา 429
และเมื่อปรากฏว่า ในขณะที่นายบุญถึงทำละเมิดนั้น นายบุญถึงอยู่ในความดูแลของนายบุญมาก คุณตาของตน นายบุญมากจึงถือเป็นผู้รับดูแลตามมาตรา 430 และเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่านายบุญมากได้รู้ว่า นายบุญถึงหลานของตนชอบเล่นปืน และเอาปืนไปยิงนกเล่นเป็นประจำ แต่กลับมิได้ว่ากล่าวห้ามปราม นายบุญมากจึงเป็นผู้ที่ขาดความระมัดระวังในการดูแลหลานซึ่งเป็นผู้เยาว์และผู้ไร้ความสามารถ จึงต้องรับผิดร่วมกับนายบุญถึง ตามมาตรา 430
ส่วนกรณีของนายบุญมาและนางบุญมี บิดามารดาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายบุญถึงนั้น แม้จะมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องอบรมดูแลว่ากล่าวสั่งสอนบุตรผู้เยาว์ก็ตาม แต่ขณะเกิดเหตุนั้น นายบุญถึงซึ่งเป็นบุตรได้อยู่ในความดูแลของนายบุญมากซึ่งเป็นคุณตา นายบุญมาและนางบุญมีมิได้ปกครองดูแลอยู่ ดังนั้น จะถือว่านายบุญมาและนางบุญมีขาดความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้นมิได้ นายบุญมาและนางบุญมีจึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับนายบุญถึงในผลแห่งละเมิดนั้น ตามมาตรา 429
สรุป
นายบุญหนักสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากนายบุญถึงและนายบุญมากได้ แต่จะเรียกร้องจากนายบุญมาและนางบุญมีไม่ได้
ข้อ (ข)
มาตรา 443 ในกรณีทำให้เขาถึงตายนั้น ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ ค่าปลงศพ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่นๆอีกด้วย
วินิจฉัย
ตามบทบัญญัติมาตรา 443 วรรคแรก ผู้ที่มีสิทธิเรียกเอาค่าปลงศพจะต้องเป็นทายาทของผู้ตาย ซึ่งกรณีที่บุตรเรียกเอาค่าปลงศพของบิดานั้น บุตรดังกล่าวจะต้องเป็นผู้สืบสันดานของบิดาตามกฎหมายด้วย (ป.พ.พ. มาตรา 1629 (1)) กล่าวคือ จะต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของบิดา หรือเป็นบุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้รับรองแล้ว
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นาย ก และนาง ข อยู่กินด้วยกันแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส และมีบุตรคนหนึ่งคือ เด็กชายแดงนั้น กรณีนี้ย่อมถือว่าเด็กชายแดงเป็นบุตรนอกกฎหมายของนาย ก แต่เมื่อนาย ก ยินยอมให้เด็กชายแดงใช้นามสกุลของตน ย่อมถือว่าเด็กชายแดงเป็นบุตรนอกกฎหมายที่บิดาให้การรับรองโดยพฤติการณ์แล้ว จึงส่งผลให้เด็กชายแดงเป็นผู้สืบสันดานและเป็นทายาทของนาย ก ผู้ตาย (ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1629(1)) ดังนั้น เมื่อจำเลยกระทำละเมิดโดยการขับรถด้วยความประมาทเลินเล่อชนนาย ก ถึงแก่ความตาย เด็กชายแดงจึงฟ้องเรียกค่าปลงศพจากจำเลยได้ตามมาตรา 443 วรรคแรก
สรุป เด็กชายแดงฟ้องเรียกค่าปลงศพจากจำเลยได้
ข้อ 4 นายหนึ่งเจ้าของฟาร์มม้าแข่งสายพันธุ์ดีแห่งหนึ่งได้รับนายเม้ย อายุ 16 ปี เข้าทำงานเป็นลูกจ้าง มีหน้าที่ทำความสะอาดคอกม้า โดยนายหนึ่งได้ให้นายเม้ยกินอยู่พักกับตน อีกทั้งผู้ปกครองของนายเม้ยยังได้ฝากฝังนายเม้ยไว้ในความดูแลของนายหนึ่ง ต่อมาวันหนึ่งในตอนค่ำหลังเวลาเลิกงานแล้ว นายเม้ยได้แอบนำม้าในคอกออกไปทดลองขี่บริเวณทุ่งแถวฟาร์ม เมื่อนายเม้ยได้ขึ้นขี่ม้าแล้ว นายเม้ยยังได้พยายามกระทุ้งสีข้างม้าให้วิ่งเร็วๆ ด้วยความคึกคะนองทั้งที่ตนเองไม่เคยมีประสบการณ์ในการขี่ม้าเลย ปรากฏว่าขณะที่นายเม้ยซึ่งกำลังควบม้าด้วยความเร็วสูงอยู่นั้น นายเม้ยไม่สังเกตเห็นนางสาวริน จึงควบม้าพุ่งเข้าชนนางสาวรินโดยแรงเป็นเหตุให้นางสาวรินตกลงไปในบึงน้ำ นางสาวรินได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ นายเก่งซึ่งเป็นนักกีฬาว่ายน้ำเหรียญทองตัวแทนเขตที่เห็นเหตุการณ์แต่มิได้ลงไปช่วยเหลือนางสาวรินแต่อย่างใด นางสาวรินจมน้ำถึงแก่ความตาย ดังนี้ จงวินิจฉัยว่านายเม้ย นายหนึ่ง นายเก่ง ต้องรับผิดทางละเมิดหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 425 นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น
มาตรา 430 ครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถอยู่เป็นนิตย์ก็ดี ชั่วครั้งชั่วคราวก็ดี จำต้องรับผิดร่วมกับผู้ไร้ความสามารถในการละเมิด ซึ่งเขาได้กระทำลงในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของตน ถ้าหากพิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้นๆ มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร
มาตรา 433 ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์ ท่านว่าเจ้าของสัตว์หรือบุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ อันเกิดแต่สัตว์นั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงการรักษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่นหรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นย่อมจะต้องเกิดมีขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้น
อนึ่ง บุคคลผู้ต้องรับผิดชอบดังกล่าวมาในวรรคต้นนั้น จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่บุคคลผู้ที่เร้าหรือยั่วสัตว์นั้นโดยละเมิด หรือเอาแก่เจ้าของสัตว์อื่นอันมาเร้าหรือยั่วสัตว์นั้นๆก็ได้
วินิจฉัย
หลักเกณฑ์ของการกระทำอันเป็นการละเมิดตามมาตรา 420 ประกอบด้วย
1 เป็นบุคคลที่มี “การกระทำ” โดยรู้สำนึก และได้กระทำโดยการเคลื่อนไหวร่างกายหรือโดยการงดเว้นก็ได้ ซึ่งได้กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
2 ทำต่อผู้อื่นโดยผิดกฎหมาย
3 มีความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย เสรีภาพ ทรัพย์สิน หรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใด
4 ผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำ
กรณีตามอุทาหรณ์ นายเม้ย นายหนึ่ง และนายเก่ง จะต้องรับผิดในทางละเมิดหรือไม่ แยกวินิจฉัยได้ดังนี้ คือ
1 กรณีของนายเม้ย
ตามข้อเท็จจริง การที่นายเม้ยควบม้าด้วยความเร็วสูงทั้งที่ตนเองไม่เคยมีประสบการณ์ในการขี่ม้ามาก่อน จนเป็นเหตุให้ม้าพุ่งเข้าชนนางสาวรินตกลงไปในบึงน้ำ และจมน้ำถึงแก่ความตายนั้น การกระทำของนายเม้ยถือว่าเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย ทำให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิต และผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำของนายเม้ย จึงถือว่านายเม้ยได้กระทำละเมิดต่อนางสาวริน ตามมาตรา 420 จึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นางสาวริน และกรณีนี้ไม่ใช่ความรับผิดในความเสียหายอันเกิดขึ้นเพราะสัตว์ เนื่องจากความรับผิดตามมาตรา 433 จะต้องเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสัตว์นั้นเอง ที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดความเสียหายขึ้น
2 กรณีของนายหนึ่ง
ตามข้อเท็จจริง แม้ว่านายหนึ่งจะเป็นนายจ้างของนายเม้ย แต่ตอนที่นายเม้ยแอบนำม้าออกไปขี่นั้น เป็นเวลาหลังเลิกงานแล้ว จึงถือเป็นการกระทำละเมิดนอกทางการที่จ้าง นายหนึ่งผู้เป็นนายจ้างจึงไม่ต้องร่วมกับนายเม้ยตามมาตรา 425
แต่อย่างไรก็ตาม การที่นายหนึ่งได้ให้นายเม้ยกินอยู่พักอาศัยกับตน อีกทั้งผู้ปกครองของนายเม้ยยังได้ฝากฝังนายเม้ยไว้ให้อยู่ในความดูแลของนายหนึ่งนั้น ย่อมทำให้นายหนึ่งมีฐานะเป็นนายจ้าง ผู้รับดูแลนายเม้ยลูกจ้างผู้เยาว์ (ผู้ไร้ความสามารถ) ดังนั้น นายหนึ่งจึงต้องร่วมรับผิดกับนายเม้ยซึ่งได้กระทำละเมิดในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของตนตามมาตรา 430 หากพิสูจน์ได้ว่านายหนึ่งมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร
3 กรณีของนายเก่ง
ตามข้อเท็จจริง การที่นายเก่งซึ่งเป็นนักกีฬาว่ายน้ำเหรียญทองตัวแทนเขตเห็นนางสาวรินกำลังจะจมน้ำแต่งดเว้นมิได้เข้าช่วยเหลือ ซึ่งนายเก่งสามารถช่วยได้โดยไม่ควรกลัวอันตรายนั้น กรณีนี้เมื่อปรากฏว่านายเก่งไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องช่วยเหลือนางสาวรินแต่อย่างใด ดังนั้น การที่นายเก่งงดเว้นไม่เข้าช่วยเหลือนางสาวริน จึงไม่ถือว่าเป็นการกระทำละเมิดต่อนางสาวรินตามมาตรา 420 นายเก่งจึงไม่ต้องรับผิดในทางละเมิด (แต่อาจมีความผิดลหุโทษ ตาม ป.อ. มาตรา 374)
สรุป นายเม้ย และนายหนึ่งต้องรับผิดในทางละเมิดต่อนางสาวริน ส่วนนายเก่งไม่ต้องรับผิดในทางละเมิดต่อนางสาวริน