การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2549
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW2003
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยละเมิด จัดการงานนอกสั่ง ลาภมิควรได้
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ
ข้อ 1 หนึ่งถูกฟ้องขับไล่ออกจากเขตที่ดินของสอง จึงได้ว่าจ้างให้สามไปลอบวางเพลิงเผาบ้านของสอง ทำให้สองถูกไฟลวกหน้าเสียโฉม สี่ซึ่งเป็นลูกจ้างของสองรู้สึกโกรธแทนนายจ้าง คืนวันหนึ่งสี่เห็นว่าหนึ่งขับรถอยู่ จึงได้ท้าให้ขับรถแข่งด้วย ขณะที่ทั้งสองแข่งกันอยู่นั้น หนึ่งได้พุ่งเข้าชนท้ายรถยนต์ของสามที่กำลังขับอยู่บนถนนและไม่ได้เปิดไฟหน้ารถและท้ายรถไว้ ทำให้เกิดเพลิงไหม้รถยนต์ของหนึ่งและของสามเสียหาย และทำให้สามบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นไม่สามารถทำงานต่อไปได้อีกตลอดชีวิต
ดังนี้ให้ท่านวินิจฉัยว่า
(ก) สองจะเรียกร้องให้สามและหนึ่งร่วมรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากการที่ตนต้องเสียบุคลิกภาพใบหน้าเสียโฉมอันเป็นความทุกข์ทรมานได้หรือไม่ อย่างไร
(ข) หนึ่งจะเรียกร้องให้สองร่วมรับผิดกับสี่ในความเสียหายอันเกิดกับรถยนต์ของตนได้หรือไม่ อย่างไร
ธงคำตอบ
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 425 นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น
มาตรา 428 ผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันผู้รับจ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอกในระหว่างทำการงานที่ว่าจ้างเว้นแต่ผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ หรือในคำสั่งที่ตนให้ไว้หรือในการเลือกหาผู้รับจ้าง
มาตรา 432 ถ้าบุคคลหลายคนก่อให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นโดยร่วมกันทำละเมิด ท่านว่าบุคคลเหล่านั้นจะต้องร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้น ความข้อนี้ท่านให้ใช้ตลอดถึงกรณีที่ไม่สามารถสืบรู้ตัวได้แน่ว่าในจำนวนพวกที่ทำละเมิดร่วมกันนั้น คนไหนเป็นผู้ก่อให้ให้เกิดเสียหายนั้นด้วย
อนึ่ง บุคคลผู้ยุยงส่งเสริมหรือช่วยเหลือต้องรับผิดร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น ท่านว่าต่างต้องรับผิดเป็นส่วนเท่าๆกัน เว้นแต่โดยพฤติการณ์ ศาลจะวินิจฉัยเป็นประการอื่น
มาตรา 446 วรรคแรก ในกรณีทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยก็ดี ในกรณีทำให้เขาเสียเสรีภาพก็ดี ผู้ต้องเสียหายจะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความที่เสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินด้วยอีกก็ได้ สิทธิเรียกร้องอันนี้ไม่โอนกันได้ และไม่ตกสืบไปถึงทายาท เว้นแต่สิทธินั้นจะได้รับสภาพกันไว้โดยสัญญาหรือได้เริ่มฟ้องคดีตามสิทธินั้นแล้ว
อนึ่ง หญิงที่ต้องเสียหายเพราะผู้ใดทำผิดสัญญาเป็นทุรศีลธรรมแก่ตนก็ย่อมมีสิทธิเรียกร้องทำนองเดียวกันนี้
วินิจฉัย
(ก) สองได้รับความเสียหายอันเกิดจากหนึ่งว่าจ้างสามให้วางเพลิงเผาบ้าน สองจึงเรียกร้องให้สามและหนึ่งร่วมรับผิดได้ในฐานะเป็นผู้ร่วมกันทำละเมิด ตามมาตรา 432 ข้อเท็จจริงไม่ใช่กรณีตามมาตรา 428 (อ้างว่าผิดมาตรานี้ให้หักคะแนน) เพราะเป็นเรื่องที่หนึ่งและสามร่วมใจร่วมกาย มีเจตนาหรือความมุ่งหมายร่วมกันในการทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นมาตั้งแต่ต้น และเมื่อสองได้รับความเสียหายถึงกับหน้าเสียโฉม ก็ย่อมมีสิทธิได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากการที่ตนต้องเสียบุคลิกภาพใบหน้าเสียโฉม อันเป็นความทุกข์ทรมานซึ่งเป็นความเสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินตามมาตรา 446
(ข) หนึ่งจะเรียกร้องให้สองร่วมรับผิดกับสี่ในความเสียหายอันเกิดกับรถยนต์ของตนไม่ได้เพราะข้อเท็จจริงเป็นกรณีที่หนึ่งสมัครใจรับความเสียหายด้วยการท้าแข่งรถ จึงถือว่าเป็นความยินยอมตามหลัก Volente Non Fit Injuria (ความยินยอมไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย หรือไม่ทำให้เป็นละเมิด) และเมื่อหนึ่งไม่อาจฟ้องร้องสี่ได้ หนึ่งก็ไม่อาจฟ้องร้องสองซึ่งเป็นนายจ้างของสี่ลูกจ้างให้ร่วมกันรับผิดตามมาตรา 425 ได้สรุป
(ก) สองสามารถเรียกให้หนึ่งและสามรับผิดในการที่หน้าเสียโฉมได้ในฐานะผู้ร่วมกันทำละเมิด ตามมาตรา 446 ประกอบ 432
(ข) หนึ่งเรียกร้องให้สองร่วมรับผิดกับสี่ไม่ได้ เพราะเป็นความยินยอมรับความเสียหายเอง
ข้อ 2 จากข้อเท็จจริงตามข้อ 1
(ก) สี่และหนึ่งต้องร่วมรับผิดต่อสามหรือไม่ อย่างไร
(ข) หากว่า “สาม” มีบุตรหนึ่งคน คือ เด็กชายห้าซึ่งเกิดจากภริยาที่อยู่กินกันมานานแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน และถึงแก่ความตายไปแล้ว สามจึงเป็นผู้เลี้ยงดูเด็กชายห้าแต่ผู้เดียว โดยให้ใช้นามสกุล ตลอดจนส่งเสียเลี้ยงดูให้เล่าเรียนและให้เงินใช้ทุกวันๆ ละ 100 บาท ให้ท่านวินิจฉัยว่าเด็กชายห้าจะสามารถเรียกร้อง “ค่าขาดไร้อุปการะ” และ “ค่าขาดการงานในครัวเรือน” จากใครได้บ้างหรือไม่ อย่างไรธงคำตอบ
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 432 ถ้าบุคคลหลายคนก่อให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นโดยร่วมกันทำละเมิด ท่านว่าบุคคลเหล่านั้นจะต้องร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้น ความข้อนี้ท่านให้ใช้ตลอดถึงกรณีที่ไม่สามารถสืบรู้ตัวได้แน่ว่าในจำนวนพวกที่ทำละเมิดร่วมกันนั้น คนไหนเป็นผู้ก่อให้ให้เกิดเสียหายนั้นด้วย
อนึ่ง บุคคลผู้ยุยงส่งเสริมหรือช่วยเหลือต้องรับผิดร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น ท่านว่าต่างต้องรับผิดเป็นส่วนเท่าๆกัน เว้นแต่โดยพฤติการณ์ ศาลจะวินิจฉัยเป็นประการอื่น
มาตรา 438 ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดนั้น ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
อนึ่ง ค่าสินไหมทดแทนนั้นได้แก่ การคืนทรัพย์สินอันผู้เสียหายต้องเสียไปเพราะละเมิด หรือใช้ราคาทรัพย์สินนั้น รวมทั้งค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใดๆอันได้ก่อขึ้นนั้นด้วย
มาตรา 442 ถ้าความเสียหายได้เกิดขึ้นเพราะความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดของผู้ต้องเสียหายประกอบด้วยไซร้ ท่านให้นำบทบัญญัติแห่งมาตรา 223 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา 443 ในกรณีทำให้เขาถึงตายนั้น ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ ค่าปลงศพ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่นๆอีกด้วย
ถ้ามิได้ตายในทันที ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์ทำมาหาได้เพราะไม่สามารถประกอบการงานนั้นด้วย
ถ้าว่าเหตุที่ตายลงนั้นทำให้บุคคลหนึ่งคนใดต้องขาดไร้อุปการะตามกฎหมายไปด้วยไซร้ ท่านว่า บุคคลคนนั้นชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 445 “ในกรณีทำให้เขาถึงตาย หรือให้เสียหายแก่ร่างกาย หรืออนามัยก็ดี ในกรณีทำให้เขาเสียเสรีภาพก็ดี ถ้าผู้ต้องเสียหายมีความผูกพันตามกฎหมายจะต้องทำการงานให้เป็นคุณแก่บุคคลภายนอกในครัวเรือนหรืออุตสาหกรรมของบุคคลภายนอกนั้นไซร้ ท่านว่าบุคคลผู้จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้นจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อที่เขาต้องขาดแรงงานอันนั้นไปด้วย”
วินิจฉัย
(ก) สามได้รับความเสียหายอันเกิดขึ้นต่อรถของตน โดยเป็นความเสียหายอันเกิดจากสี่และหนึ่งแข่งรถกัน จึงเรียกร้องให้ทั้งสองคนรับผิดต่อตนได้ตามมาตรา 420 แต่ไม่อาจเรียกให้รับผิดในฐานกระทำละเมิดร่วมกันตามมาตรา 432 ได้ เพราะทั้งสี่และหนึ่งไม่ได้ร่วมกันทำละเมิด อย่างไรก็ดี เมื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นความเสียหายอันไม่อาจแบ่งแยกกันได้ ก็ต้องให้ทั้งสองคนรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม โดยรับผิดในความเสียหายด้วยการใช้คืนทรัพย์ หรือใช้ราคาทรัพย์แทนตามมาตรา 438 วรรคสอง แต่เนื่องจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสามนั้น เป็นความเสียหายที่สามผู้เสียหายมีส่วนผิดอยู่ด้วย เพราะไม่ได้เปิดไฟหน้ารถและหลังรถไว้ การกำหนดค่าสินไหมทดแทนก็ต้องพิจารณาตามมาตรา 442 ประกอบมาตรา 223 กล่าวคือ ให้คำนึงถึงว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายก่อให้เกิดความเสียหายยิ่งหย่อนกว่ากันเพียงไรด้วย
(ข) เด็กชายห้า ไม่อาจเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในค่าขาดไร้อุปการะได้ เพราะเป็นค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา 443 ซึ่งเป็นกรณีที่ผู้เสียหายถึงแก่ความตายแล้วเท่านั้น จึงจะเกิดสิทธิเรียกร้องของผู้เสียหายทางอ้อมได้ และเด็กชายห้าก็ไม่อาจเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในค่าขาดการงานในครัวเรือนได้ เพราะเป็นค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา 445 ซึ่งเป็นกรณีที่ผู้เสียหายมีหน้าที่อยู่แต่เดิมในการทำการงานในครัวเรือนหรือในอุตสาหกรรมให้แก่ผู้อื่น จึงเกิดสิทธิเรียกร้องแก่ผู้ขาดการงานนั้นได้ แต่ข้อเท็จจริงตามโจทย์ สามไม่มีหน้าที่ทำการงานให้แก่เด็กชายห้า และกฎหมายก็มิได้บัญญัติว่าบุตรมีอำนาจให้บิดามารดาทำงานตามฐานานุรูป แต่กฎหมายบัญญัติให้เฉพาะสามีภริยา ผู้ใช้อำนาจปกครองต่อผู้เยาว์ ที่มีอำนาจที่จะให้บุตรผู้เยาว์ทำการงานตามฐานานุรูปแห่งตน ดังนั้นเด็กชายห้าจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าขาดแรงงานได้
สรุป
(ก) สี่และหนึ่งต้องรับผิดต่อสามตามมาตรา 420
(ข) เด็กชายห้าไม่อาจเรียกค่าขาดไร้อุปการะและค่าขาดแรงงานได้
ข้อ 3 นายแดงลอบเข้าไปในบ้านของนายเอกและขโมยโทรทัศน์ของนายเอกไป นายเอกนำเรื่องไปเล่าให้นายโทซึ่งเป็นเพื่อนฟังและขอให้นายโทช่วยหาเบาะแสของคนร้าย ส่วนนายแดงนำโทรทัศน์ที่ขโมยมาไปเก็บไว้ที่บ้าน หลังจากนั้นเจ็ดวันนายแดงยกโทรทัศน์ขึ้นรถกระบะเพื่อจะนำไปขายยังต่างจังหวัดระหว่างทางนายแดงแวะรับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ปรากฏว่านายโทซึ่งบังเอิญก็รับประทานอาหารในร้านนั้นเห็นโทรทัศน์วางอยู่ท้ายรถกระบะของนายแดงและจำได้ชัดเจนว่าเป็นโทรทัศน์ของนายเอก ขณะนั้นนายแดงกำลังจะขับรถหนี
นายโทจะขอให้ตำรวจช่วยก็ไม่ได้เพราะไม่มีตำรวจอยู่เลย นายโทตัดสินใจใช้ปืนยิงยางรถยนต์ของนายแดงแตกหนึ่งเส้นเพื่อไม่ให้นายแดงขับรถหนี
ดังนี้นายโทจะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายแดงหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 451 บุคคลใช้กำลังเพื่อป้องกันสิทธิของตน ถ้าตามพฤติการณ์จะขอให้ศาล หรือเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือให้ทันท่วงทีไม่ได้ และถ้ามิได้ทำในทันที ภัยมีอยู่ด้วยการที่ตนจะได้สมดังสิทธินั้นจะต้องประวิงไปมาก หรือถึงแก่สาบสูญไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นหาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่
วินิจฉัย
การที่นายโทใช้ปืนยิงยางรถยนต์ของนายแดงแตกหึ่งเส้นเพื่อให้นายแดงขับรถหนีถือได้ว่าเป็นการใช้กำลังป้องกันสิทธิของผู้อื่นคือนายเอก การกระทำของนายโทจึงไม่ได้รับนิรโทษกรรมตามมาตรา 451 เพราะการที่จะได้รับนิรโทษกรรมตามมาตรา 451 จะต้องเป็นการใช้กำลังป้องกันสิทธิของตนเองเท่านั้น เมื่อนายโทไม่ได้รับนิรโทษกรรม การกระทำของนายโทจึงเป็นการละเมิดตามมาตรา 420 ดังนั้น นายโทต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายแดง
สรุป นายโทต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายแดง
ข้อ 4 นายสมควรอายุ 21 ปี เป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง วันเกิดเหตุนายสมรักษ์หัวหน้างานได้สั่งให้นายสมควรไปส่งของให้ลูกค้า ปรากฏว่าระหว่างทางรถจักรยานยนต์ที่นายสมควรขับมาเครื่องยนต์เสีย นายสมควรจึงจอดอยู่ข้างฟุตบาทถนนศรีนครินทร์ ซึ่ง ณ จุดดังกล่าวได้มีน้ำท่วมขัง นายจิ๋วได้ขับรถมาอย่างเร็วไปดูให้ดี เป็นเหตุให้ขับรถชนนายสมควรสลบไม่ได้สติ นำตัวส่งโรงพยาบาลสมิติเวช แพทย์ที่ทำการรักษาลงความเห็นว่า นายสมควรจะต้องเป็นเจ้าชายนิทราไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไปเช่นนี้
(1) นายจิ๋วจะต้องรับผิดเพื่อละเมิดหรือไม่ เพราะเหตุใด
(2) นายสมบัติบิดานายสมควรจะฟ้องเรียกค่าขาดไร้อุปการะเลี้ยงดูได้หรือไม่ เพราะเหตุใด และถ้านายสมบัติจะต้องเสียค่ารักษาพยาบาลไปเป็นเงิน 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นอัตราค่ารักษาพยาบาลที่สูงกว่าโรงพยาบาลเอกชนอื่นถึง 2 เท่า เช่นนี้นายสมบัติจะเรียกค่ารักษาพยาบาลดังกล่าวได้หรือไม่ เพราะเหตุใดธงคำตอบ
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 437 บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะ อย่างใดๆอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลบุคคลนั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
มาตรา 443 ในกรณีทำให้เขาถึงตายนั้น ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ ค่าปลงศพ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่นๆอีกด้วย
ถ้ามิได้ตายในทันที ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์ทำมาหาได้เพราะไม่สามารถประกอบการงานนั้นด้วย
ถ้าว่าเหตุที่ตายลงนั้นทำให้บุคคลหนึ่งคนใดต้องขาดไร้อุปการะตามกฎหมายไปด้วยไซร้ ท่านว่า บุคคลคนนั้นชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 444 วรรคแรก ในกรณีทำให้เสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยนั้น ผู้เสียหายชอบที่จะได้ชดใช้ค่าใช้จ่ายอันตนต้องเสียไป และค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วน ทั้งในเวลาปัจจุบันนั้นและในเวลาอนาคตด้วย
วินิจฉัย
(1) การที่นายจิ๋วขับรถมาบริเวณที่มีน้ำขังโดยไม่ดูให้ดีว่านายสมควรกำลังจอดรถจักรยานยนต์อยู่ที่ริมฟุตบาท เป็นเหตุให้รถยนต์นายจิ๋วขับชนนายสมควรล้มสลบไป เป็นกรณีที่นายจิ๋วกระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายแก่ร่างกาย จึงเป็นการกระทำละเมิด ดังนั้นนายจิ๋วจึงต้องรับผิดในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา 420
อักทั้งกรณีดังกล่าวมิใช่เป็นความผิดเพื่อละเมิดตามมาตรา 437 วรรคแรก ที่เป็นความเสียหายที่เกิดจากยานพาหนะที่เดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล เพราะเมื่อความเสียหายเกิดจากการกระทำโดยประมาทเลินเล่อแล้วตามมาตรา 420 จึงมิอาจเป็นละเมิดตามมาตรา 437 ได้อีก
ดังนั้นนายจิ๋วต้องรับผิดเพื่อละเมิดฐานกระทำโดยประมาทตามมาตรา 420 มิใช่กรณีตามมาตรา 437 วรรคแรก
(2) ส่วนกรณีที่นายสมบัติบิดาของนายสมควรจะฟ้องเรียกค่าขาดไร้อุปการะเลี้ยงดูเพราะเหตุละเมิดในการนี้มิอาจเรียกได้ เพราะถึงแม้ว่านายสมควรจะสลบหมดสติไปจนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา แต่นายสมควรก็ยังไม่ถึงแก่ความตาย ดังนั้นนายสมบัติบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายสมควรก็มิอาจจะฟ้องเรียกค่าขาดไร้อุปการะจากนายจิ๋วผู้กระทำละเมิดได้ ตามมาตรา 443 วรรคท้ายกรณีการเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลสมิติเวชเป็นเงิน 3 ล้านบาทนั้น เห็นว่าแม้นายสมควรผู้ถูกกระทำละเมิดจะมีอายุ 21 ปีแล้วก็ตาม แต่นายสมบัติบิดาชอบด้วยกฎหมายก็ยังต้องมีหน้าที่ที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูตามมาตรา 1564 วรรคสอง เพราะนายสมควรบุตรทุพพลภาพและไม่สามารถหาเลี้ยงตนเองได้ เนื่องจากนายสมควรเป็นเจ้าชายนิทรา สมองพิการไม่ทำงาน ดังนั้น เมื่อนายสมบัติมีหน้าที่ต้องอุปการะเลี้ยงดู และได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลไป ก็มีสิทธิเรียกค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลจากนายจิ๋วผู้กระทำละเมิดได้ ถือเป็นค่าใช้จ่ายอันตนต้องเสียไป ตามมาตรา 444 วรรคแรก
ส่วนประเด็นที่ว่าค่ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลสมิติเวช มีอัตราแพงกว่าโรงพยาบาลเอกชนอื่นถึง 21 เท่า ก็ไม่จำต้องพิจารณาเนื่องจากกฎหมายมิได้พิจารณาถึงฐานะของผู้ถูกกระทำละเมิด ดังนั้นนายสมบัติก็มีสิทธิเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลดังกล่าวจากนายจิ๋วได้เต็มจำนวน 3 ล้านบาท
สรุป
(1) นายจิ๋วจะต้องรับผิดเพื่อละเมิดตามมาตรา 420
(2) นายสมบัติบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายสมควร มีสิทธิเรียกค่ารักษาพยาบาลจากนายจิ๋วผู้กระทำละเมิดได้ ตามมาตรา 444 วรรคแรก (ประกอบมาตรา 1564 วรรคสอง)ส่วนค่าขาดไร้อุปการะเลี้ยงดู นายสมบัติไม่อาจเรียกร้องได้ เพราะนายสมบัติผู้ถูกกระทำละเมิดยังไม่ถึงแก่ความตาย ตามมาตรา 443 วรรคท้าย