การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2555

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW2003  

Advertisement

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยละเมิด จัดการงานนอกสั่ง ลาภมิควรได้

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  4  ข้อ  (คะแนนเต็มข้อละ  25  คะแนน)

ข้อ  1  ตู่เป็นเพื่อนกับอู๋ซึ่งพักอาศัยอยู่ในห้องเช่าเดียวกัน  วันหนึ่งตู่ควงนางสาวอ้อยมาแนะนำแก่อู๋ว่า  “นางสาวอ้อยกับฉันเป็นแฟนกัน”  อู๋ไม่พอใจเพราะแอบชอบนางสาวอ้อยอยู่ก่อน  อู๋จึงไปกระซิบต่อนางต้อยซึ่งเป็นมารดาของนางสาวอ้อยโดยใส่ความว่า  “ตู่เป็นเกย์”  พร้อมกับอ้างว่านางต้อยเป็นมารดาต้องมีทางได้เสียโดยชอบในเรื่องเช่นนี้  ตนจึงได้นำความมาบอก  ต่อมานางต้อยซึ่งเชื่อข้อความดังกล่าว  จึงได้เล่าต่อให้นางสาวอ้อยว่าตู่เป็นเกย์

ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยว่า  ตู่จะเรียกร้องให้อู๋และนางต้อยรับผิดในความเสียหายต่อชื่อเสียงได้หรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  423  ผู้ใดกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง  เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของบุคคลอื่นก็ดี หรือเป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของเขาโดยประการอื่นก็ดี  ท่านว่าผู้นั้นจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เขาเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ  อันเกิดแต่การนั้น  แม้ทั้งเมื่อตนมิได้รู้ว่าข้อความนั้นไม่จริง  แต่หากควรจะรู้ได้

ผู้ใดส่งข่าวสารอันตนมิได้รู้ว่าเป็นความไม่จริง  หากว่าตนเองหรือผู้รับข่าวสารนั้นมีทางได้เสียโดยชอบในการนั้นด้วยแล้ว  ท่านว่าเพียงที่ส่งข่าวสารเช่นนั้นหาทำให้ผู้นั้นต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่

วินิจฉัย

หลักเกณฑ์ความรับผิดเพื่อละเมิดตามมาตรา  423  วรรคแรก  (หมิ่นประมาททางแพ่ง)  มีดังนี้

1       เป็นการกล่าวหรือไขข่าวข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง

2       ทำให้แพร่หลาย  กล่าวคือ  กระทำต่อบุคคลที่สามคนเดียวก็ถือว่าแพร่หลายแล้ว  โดยบุคคลที่สามต้องสามารถเข้าใจคำกล่าวหรือการไขข่าวนั้นได้

3       มีความเสียหายต่อชื่อเสียง  เกียรติคุณ  ทางทำมาหาได้  หรือทางเจริญของบุคคลอื่น

4       มีความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำและผล

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่อู๋ได้กล่าวข้อความต่อนางต้อยโดยใส่ความว่า  “ตู่เป็นเกย์”  ถือได้ว่าเป็นการกล่าวข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง ซึ่งจะทำให้บุคคลอื่นคือตู่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณ  หรือแก่ทางทำมาหาได้  และผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำของอู๋  ดังนั้นอู๋จึงต้องรับผิดต่อตู่ในผลแห่งการทำละเมิดนั้น  ตามมาตรา  423  วรรคแรก

ส่วนกรณีที่นางต้อยได้นำข้อความที่ไม่จริงดังกล่าวนั้นไปเล่าต่อให้นางสาวอ้อยฟัง  ดังนี้  แม้นางต้อยมิได้รู้ว่าข้อความนั้นไม่จริง  ก็ถือว่านางต้อยได้ทำละเมิดต่อตู่ตามมาตรา  423  วรรคแรกเช่นเดียวกัน  แต่อย่างไรก็ตาม  นางต้อยสามารถอ้างข้อยกเว้นความรับผิดตามมาตรา  423  วรรคสองได้  เพราะเป็นกรณีที่นางต้อยส่งข่าวสารอันตนมิได้รู้ว่าเป็นความไม่จริง  และนางต้อยมีทางได้เสียโดยชอบในข่าวสารนี้  เพราะนางต้อยเป็นมารดาของนางสาวอ้อย  ย่อมเป็นห่วงบุตรสาวของตนในเรื่องคู่ครองของบุตร  ดังนั้น  นางต้อยจึงไม่ต้องรับผิดต่อตู่

สรุป  ตู่สามารถเรียกร้องให้อู๋รับผิดในความเสียหายต่อชื่อเสียงได้  แต่จะเรียกให้นางต้อยรับผิดไม่ได้

 

 

ข้อ  2  นายกบอายุ  19  ปี  พักอาศัยอยู่กับนายเขียดบิดาซึ่งหย่ากับมารดาของนายกบแล้ว  นายกบเป็นลูกจ้างของนายโท  วันเกิดเหตุนายกบขี่จักรยานยนต์ของนายโทไปส่งอาหารกล่องให้แก่ลูกค้าของนายโท  และด้วยความประมาทจึงไปชนเด็กชายอึ่งถึงแก่ความตาย  ดังนี้ ให้ท่านวินิจฉัยว่า  นางแจ่มมารดาของเด็กชายอึ่งจะเรียกร้องให้ใครรับผิดได้บ้าง  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  420  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ  ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี  แก่ร่างกายก็ดี   อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี  ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี  ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

มาตรา  425  นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด  ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น

มาตรา  429  บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริตก็ยังต้องรับผิดในผลที่ตนทำละเมิด  บิดามารดาหรือผู้อนุบาลของบุคคลเช่นว่านี้ย่อมต้องรับผิดร่วมกับเขาด้วย  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น

วินิจฉัย

ตามอุทาหรณ์  การที่นายกบอายุ  19  ปี  ซึ่งเป็นผู้เยาว์  ได้ขี่รถจักรยานยนต์ชนเด็กชายอึ่งถึงแก่ความตายด้วยความประมาท  การกระทำของนายกบถือว่าเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย  ทำให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิต  และผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำของนายกบ  จึงถือว่านายกบได้กระทำละเมิดต่อเด็กชายอึ่งตามมาตรา  420  จึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นางแจ่มซึ่งเป็นมารดาของเด็กชายอึ่ง  และแม้ว่านายกบจะเป็นผู้เยาว์อันถือว่าเป็นผู้ไร้ความสามารถก็ตาม  ก็จะต้องรับผิดในผลที่ตนทำละเมิดนั้น  ตามมาตรา  429

และเมื่อปรากฏว่า  ในขณะที่นายกบทำละเมิดนั้น  นายกบได้ขี่รถจักรยานยนต์ของนายโท  ซึ่งเป็นนายจ้างไปส่งอาหารกล่องให้แก่ลูกค้าของนายโท  จึงถือว่านายกบได้ทำละเมิดในขณะที่อยู่ในระหว่างการปฏิบัติงานในทางการที่จ้าง  ดังนั้นนายโทซึ่งเป็นนายจ้างจึงต้องร่วมกันรับผิดกับนายกบลูกจ้างในผลแห่งละเมิด  ซึ่งนายกบได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้นด้วย  ตามมาตรา  425

ส่วนนายเขียดซึ่งเป็นบิดาของนายกบและเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย  แม้ว่าจะหย่ากับมารดาของนายกบแล้วก็ตาม  ก็จะต้องร่วมกันรับผิดในผลแห่งละเมิดที่นายกบได้กระทำด้วย  ตามมาตรา  429  แต่อย่างไรก็ดี  นายเขียดอาจพิสูจน์แก้ตัวได้ว่า  ตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลแล้ว  เพราะแม้ว่านายกบจะเป็นผู้เยาว์แต่ก็มีอายุ  19  ปีแล้ว  ย่อมสามารถทำอะไรได้โดยลำพังไม่จำต้องมีผู้ดูแลอยู่ตลอดเวลา  การที่นายกบไปทำงานจึงถือว่าอยู่นอกความสามารถที่นายเขียดจะดูแลได้ตลอดเวลา

สรุป  นางแจ่มมารดาของเด็กชายอึ่งสามารถเรียกร้องให้นายกบ  และนายโทซึ่งเป็นนายจ้างของนายกบ  รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้  แต่จะเรียกค่าสินไหมจากนายเขียดบิดาของนายกบไม่ได้ ถ้านายเขียดพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้นแล้ว

 

 

ข้อ  3  นายหล่อไม่ชอบนายเหลี่ยม  จึงยุให้ลิงของนายเหล่ไปไล่กัดนายเหลี่ยม  นายเหลี่ยมได้รับบาดเจ็บจึงวิ่งหนีกลับเข้าบ้าน  แต่เนื่องจากยังโกรธนายหล่ออยู่  นายเหลี่ยมจึงได้ไปยุให้สุนัขของตนกัดลิงของนายเหล่  ลิงของนายเหล่ได้รับบาดเจ็บ  จึงร้องโหยหวนและวิ่งหนีไปบนหลังคารถยนต์ของยายแหยมที่จอดอยู่หน้าบ้าน  ยายแหยมตกใจเสียงลิงร้อง  และเห็นลิงมาอยู่ที่หลังคาจึงช็อกและขาดใจตายทันที  ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยว่า  ใครจะต้องรับผิดในความตายของยายแหยมและลิงของนายเหล่ที่ได้รับบาดเจ็บ

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  420  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ  ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี  แก่ร่างกายก็ดี   อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี  ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี  ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

มาตรา  433  ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์  ท่านว่าเจ้าของสัตว์หรือบุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ  อันเกิดแต่สัตว์นั้น  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงการรักษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่นหรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นย่อมจะต้องเกิดมีขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้น

อนึ่ง  บุคคลผู้ต้องรับผิดชอบดังกล่าวมาในวรรคต้นนั้น  จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่บุคคลผู้ที่เร้าหรือยั่วสัตว์นั้นโดยละเมิด  หรือเอาแก่เจ้าของสัตว์อื่นอันมาเร้าหรือยั่วสัตว์นั้นๆก็ได้

วินิจฉัย

หลักเกณฑ์ของการกระทำอันเป็นการละเมิดตามมาตรา  420  ประกอบด้วย

1       เป็นบุคคลที่มี  การกระทำ  โดยรู้สำนึก  และได้กระทำโดยการเคลื่อนไหวร่างกายหรือโดยการงดเว้นก็ได้  ซึ่งได้กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ

2       ทำต่อผู้อื่นโดยผิดกฎหมาย

3       มีความเสียหายต่อชีวิต  ร่างกาย  อนามัย  เสรีภาพ  ทรัพย์สิน  หรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใด

4       ผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำ

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่นายเหลี่ยมยุให้สุนัขของตนกัดลิงของนายเหล่จนได้รับบาดเจ็บนั้น  การกระทำของนายเหลี่ยมถือว่าเป็นการกระทำโดยจงใจต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย  ทำให้เขาเสียหายแก่ทรัพย์สิน  โดยใช้สัตว์เป็นเครื่องมือ  และผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำของนายเหลี่ยม  จึงถือว่านายเหลี่ยมได้กระทำละเมิดต่อนายเหล่ตามมาตรา  420  จึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายเหล่

และการที่ลิงของนายเหล่ได้วิ่งหนีไปบนหลังคารถยนต์ของยายแหยม  และส่งเสียงร้องจนทำให้ยายแหยมตกใจช็อคถึงแก่ความตายนั้น  ก็เป็นผลมาจากการกระทำของนายเหลี่ยมที่ยุสุนัขให้กัดลิงในตอนแรก  เมื่อผลที่เกิดขึ้นกับยายแหยมสัมพันธ์กับการกระทำของนายเหลี่ยม ดังนั้น  จึงถือว่านายเหลี่ยมกระทำละเมิดต่อยายแหยมและต้องรับผิดในความตายของยายแหยมด้วย  ตามมาตรา  420  ซึ่งทั้งสองกรณีดังกล่าวไม่ใช่ความรับผิดในความเสียหายอันเกิดขึ้นเพราะสัตว์  เนื่องจากความรับผิดตามมาตรา  433  จะต้องเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสัตว์นั้นเอง  มิใช่มนุษย์ใช้สัตว์เป็นเครื่องมือ

ส่วนการที่นายหล่อยุให้ลิงของนายเหล่ไปไล่กัดนายเหลี่ยมจนได้รับบาดเจ็บนั้น  แม้จะถือว่านายหล่อกระทำละเมิดต่อนายเหลี่ยมและต้องรับผิดต่อนายเหลี่ยม  ตามมาตรา  420  แต่เนื่องจากภัยดังกล่าวได้ผ่านพ้นไปแล้ว  นายเหลี่ยมจึงได้ยุให้สุนัขกัดลิงของนายเหล่เพราะความโกรธ  ดังนั้น  ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับยายแหยมและลิงของนายเหล่จึงไม่เกี่ยวกับความรับผิดของนายหล่อที่มีต่อนายเหลี่ยม

สรุป  นายเหลี่ยมจะต้องรับผิดในความตายของยายแหยมและลิงของนายเหล่ที่ได้รับบาดเจ็บ   

 

 

ข้อ  4  นายเอกชัยอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับนางสาวตั๊กแตน  มีบุตรด้วยกันหนึ่งคนชื่อนางสาวไฮ  โดยนายเอกชัยได้ให้นางสาวไฮใช้นามสกุลของตน  เมื่อนางสาวไฮมีอายุได้  15  ปี  1  เดือน  นายมนสิทธิ์ได้จดทะเบียนรับนางสาวไฮไปเป็นบุตรบุญธรรมโดยถูกต้องตามกฎหมาย  วันเกิดเหตุนายบันเทิงได้รับคำสั่งจากนายบรรเลงนายจ้างให้ขับรถบรรทุกเครื่องดนตรีจากกรุงเทพฯไปที่จังหวัดนครสวรรค์  เมื่อส่งเครื่องดนตรีเสร็จแล้วระหว่างเดินทางกลับนายบันเทิงได้ขับรถด้วยความเร่งรีบเกรงว่าจะกลับไปส่งรถที่กรุงเทพฯไม่ทัน  เป็นเหตุทำให้นายบันเทิงขับรถไปชนนางสาวไฮซึ่งขณะเกิดเหตุอายุ  21  ปี  สลบไป  นายบันเทิงคิดว่านางสาวไฮถึงแก่ความตายไปแล้ว  นายบันเทิงต้องการปกปิดการกระทำความผิดของตนจึงได้นำผ้าขาวม้าผูกคอนางสาวไฮไว้กับต้นไม้เป็นเหตุให้นางสาวไฮถึงแก่ความตาย  ให้นักศึกษาวินิจฉัยว่า

(1)  นายบันเทิงและนายบรรเลง  จะต้องรับผิดในทางละเมิดเพื่อความเสียหายแก่ชีวิตของนางสาวไฮหรือไม่  เพราะเหตุใด

(2) นายเอกชัยและนายมนต์สิทธิ์  จะมีสิทธิฟ้องเรียกค่าขาดไร้อุปการะเลี้ยงดูได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  420  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ  ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี  แก่ร่างกายก็ดี   อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี  ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี  ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

มาตรา  425  นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด  ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น

มาตรา  443  ในกรณีทำให้เขาถึงตายนั้น  ค่าสินไหมทดแทนได้แก่  ค่าปลงศพ  รวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่นๆอีกด้วย

ถ้ามิได้ตายในทันที  ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่ารักษาพยาบาล  รวมทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์ทำมาหาได้เพราะไม่สามารถประกอบการงานนั้นด้วย

ถ้าว่าเหตุที่ตายลงนั้นทำให้บุคคลหนึ่งคนใดต้องขาดไร้อุปการะตามกฎหมายไปด้วยไซร้  ท่านว่า  บุคคลคนนั้นชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

วินิจฉัย

(1)    กรณีตามอุทาหรณ์  ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่า  นายบันเทิงและนายบรรเลงจะต้องรับผิดในทางละเมิดเพื่อความเสียหายแก่ชีวิตของนางสาวไฮหรือไม่  เห็นว่า  การที่นายบันเทิงขับรถด้วยความเร็วไปชนนางสาวไฮสลบไปเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับความเสียหายแก่ร่างกาย  นายบันเทิงจำต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา  420

ในระหว่างที่นางสาวไฮสลบไป  นายบันเทิงต้องการปกปิดการกระทำความผิดของตนได้นำผ้าขาวม้าผูกคอนางสาวไฮติดไว้กับต้นไม้เป็นเหตุให้นางสาวไฮถึงแก่ความตาย  เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุแทรกแซงที่เกิดจากการกระทำของผู้กระทำละเมิดในตอนแรก  ซึ่งเป็นเหตุแทรกแซงที่วิญญูชนสามารถคาดหมายได้  จึงไม่ตัดความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำในตอนแรกออกจากผลของการกระทำก็คือความตายของนางสาวไฮนั้น  นายบันเทิงจึงต้องรับผิดเพื่อละเมิดในความเสียหายแก่ชีวิตของนางสาวไฮตามมาตรา  420

ส่วนนายบรรเลงนายจ้างจะต้องรับผิดร่วมกับนายบันเทิงลูกจ้างเพื่อละเมิดในความเสียหายแก่ชีวิตของนางสาวไฮหรือไม่  เห็นว่า  เมื่อนายบันเทิงขับรถไปในทางการที่จ้างไปชนนางสาวไฮสลบไป  เช่นนี้  นายบรรเลงต้องร่วมรับผิดกับนายบันเทิงตามมาตรา  425  ซึ่งเป็นการร่วมรับผิดกับลูกจ้างในความเสียหายแก่ร่างกายเท่านั้น  ส่วนความเสียหายแก่ชีวิตของนางสาวไฮนั้น  นายบรรเลงนายจ้างไม่ต้องร่วมรับผิดด้วย  เพราะการตายเป็นคนละเรื่องคนละตอนกับเหตุที่ลูกจ้างขับรถชนนางสาวไฮ  และเห็นได้ว่าการนำผ้าขาวม้าผูกคอนางสาวไฮติดไว้กับต้นไม้นั้นเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของนายบันเทิงลูกจ้างโดยเฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษ  คือเพื่อปกปิดและเพื่อให้ตนพ้นอาญาในความผิดที่ตนได้กระทำขึ้น  หาเกี่ยวกับการที่นายบรรเลงได้จ้างให้นายบันเทิงกระทำไม่  จึงเป็นการกระทำละเมิดนอกทางการที่จ้าง  นายบรรเลงนายจ้างจึงไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ชีวิตของนางสาวไฮตามมาตรา  425  (ฎ. 2060/2524)

(2)    นายเอกชัยและนายมนต์สิทธิ์จะมีสิทธิฟ้องเรียกค่าขาดไร้อุปการะเลี้ยงดูได้หรือไม่  เห็นว่า  บทบัญญัติมาตรา  443  วรรคท้าย  กำหนดไว้โดยเฉพาะว่า  ผู้มีสิทธิในการเรียกร้องค่าขาดไร้อุปการะจากผู้กระทำละเมิดจะต้องเป็นผู้ขาดไร้อุปการะตามกฎหมายครอบครัว  ดังนั้นการที่นายเอกชัยอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับนางสาวตั๊กแตน  มีบุตรด้วยกันหนึ่งคนคือ  นางสาวไฮ  โดยนายเอกชัยได้ให้นางสาวไฮใช้นามสกุลของตนเป็นแค่เพียงการรับรองบุตรนอกกฎหมายโดยพฤติการณ์  ไม่ใช่เป็นการรับรองบุตรโดยนิตินัยตามมาตรา  1547  นายเอกชัยจึงเป็นบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของนางสาวไฮ  นางสาวไฮ  (ผู้ตาย)  จึงไม่มีหน้าที่ในการอุปการะเลี้ยงดูนายเอกชัย  ดังนั้นนายเอกชัยย่อมไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าขาดไร้อุปการะตามมาตรา  443  วรรคท้าย  จากนายบันเทิงผู้กระทำละเมิด  (ฎ.  7458/2543)

ส่วนกรณีนายมนต์สิทธิ์เมื่อนางสาวไฮมีอายุได้  15  ปี  1  เดือน  นายมนต์สิทธิ์ได้จดทะเบียนรับนางสาวไฮไปเป็นบุตรบุญธรรมโดยถูกต้องตามกฎหมาย  ตามมาตรา  1598/28  วรรคท้าย  บัญญัติให้นำบทบัญญัติในลักษณะ  2  หมวด  2  แห่งบรรพ  5  มาใช้บังคับระหว่างบุตรบุญธรรมกับผู้รับบุตรบุญธรรมด้วย  กล่าวคือ  บุตรบุญธรรมย่อมมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูผู้รับบุตรบุญธรรมตามมาตรา  1563  ประกอบมาตรา  1598/28  วรรคท้าย  ดังนั้น  เมื่อนางสาวไฮถูกกระทำละเมิดถึงแก่ความตาย  นายมนต์สิทธิ์ย่อมขาดไร้อุปการะเลี้ยงดูตามกฎหมาย  นายมนต์สิทธิ์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าขาดไร้อุปการะเลี้ยงดูได้ตามมาตรา  443  วรรคท้าย  (ฎ.  713/2517)

สรุป

(1)    นายบันเทิงต้องรับผิดเพื่อละเมิดในความเสียหายแก่ชีวิตของนางสาวไฮตามมาตรา  420  แต่นายบรรเลงนายจ้างไม่ต้องรับผิดเพื่อละเมิดในความเสียหายแก่ชีวิตของนางสาวไฮ  เพราะเป็นการกระทำละเมิดนอกทางการที่จ้างตามมาตรา  425

(2)   นายเอกชัยไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าขาดไร้อุปการะ  แต่นายมนต์สิทธิ์มีสิทธิเรียกร้องค่าขาดไร้อุปการะได้ตามมาตรา  443  วรรคท้าย

Advertisement