การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2555

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW2003 

Advertisement

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยละเมิด จัดการงานนอกสั่ง ลาภมิควรได้

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  4  ข้อ  (คะแนนเต็มข้อละ  25  คะแนน)

ข้อ  1  เอกชัยเขียนอีเมล์ส่งไปให้สมศรีซึ่งเป็นลูกจ้างของตน  โดยเล่าว่าเฉิดโฉมเป็นคนทำลายชื่อเสียงของวิไลด้วยการนำภาพหลุดของวิไลไปอัพโหลดไว้บนอินเทอร์เน็ต  และได้ยุยงให้สมศรีไปแก้แค้นเฉิดโฉม  ดังนี้  หากว่าเฉิดโฉมได้ทำตามที่เอกชัยกล่าวไว้จริง  และทำให้สมศรีโกรธแทนวิไล  โดยได้นำสุนัขของวิไลไปเหยียบย่ำสวนดอกไม้ของเฉิดโฉม  ให้ท่านวินิจฉัยว่า

(ก)   เฉิดโฉมจะเรียกร้องให้เอกชัยรับผิดฐานหมิ่นประมาทต่อตนได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

(ข)  เฉิดโฉมจะเรียกร้องให้เอกชัย  สมศรี  และวิไล  ร่วมรับผิดจากการที่สุนัขเหยียบย่ำสวนดอกไม้เสียหายได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  420  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ  ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี  แก่ร่างกายก็ดี   อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี  ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี  ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

มาตรา  423  วรรคแรก  ผู้ใดกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง  เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของบุคคลอื่นก็ดี  หรือเป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของเขาโดยประการอื่นก็ดี  ท่านว่าผู้นั้นจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เขาเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ  อันเกิดแต่การนั้น  แม้ทั้งเมื่อตนมิได้รู้ว่าข้อความนั้นไม่จริง  แต่หากควรจะรู้ได้

มาตรา  425  นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด  ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น

มาตรา  432  ถ้าบุคคลหลายคนก่อให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นโดยร่วมกันทำละเมิด  ท่านว่าบุคคลเหล่านั้นจะต้องร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้น  ความข้อนี้ท่านให้ใช้ตลอดถึงกรณีที่ไม่สามารถสืบรู้ตัวได้แน่ว่าในจำพวกที่ทำละเมิดร่วมกันนั้น  คนไหนเป็นผู้ก่อให้เกิดเสียหายนั้นด้วย

อนึ่ง  บุคคลผู้ยุยงส่งเสริมหรือช่วยเหลือในการทำละเมิด  ท่านก็ให้ถือว่าเป็นผู้กระทำละเมิดร่วมกันด้วย

มาตรา  433  วรรคแรก  ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์  ท่านว่าเจ้าของสัตว์หรือบุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ  อันเกิดแต่สัตว์นั้น  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงการรักษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่นหรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นย่อมจะต้องเกิดมีขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้น

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  วินิจฉัยได้ดังนี้  คือ

(ก)   ตามบทบัญญัติมาตรา  423  วรรคแรกนั้น  การกล่าวหรือการไขข่าวอันจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท  จะต้องเป็นการกล่าวหรือไขข่าวข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง  หากเป็นการกล่าวหรือไขข่าวข้อความอันเป็นความจริงแล้ว  แม้จะทำให้แพร่หลายต่อบุคคลที่สาม  และเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงเกียรติคุณ  ทางทำมาหาได้  หรือทางเจริญของบุคคลอื่น  ผู้ที่กล่าวหรือไขข่าวข้อความนั้นย่อมไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

ตามข้อเท็จจริง  การที่เอกชัยส่งอีเมล์ไปให้สมศรีลูกจ้างของตน  ด้วยการเล่าว่าเฉิดโฉมเป็นคนทำลายชื่อเสียงของวิไลด้วยการนำภาพหลุดของวิไลไปอัพโหลดไว้บนอินเทอร์เน็ตนั้น  ถือว่าการกระทำของนายเอกชัยเข้าลักษณะของการไขข่าวต่อบุคคลที่สามแล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม  แม้ว่าการกระทำนั้นจะเป็นการไขข่าวต่อบุคคลที่สามและเข้าหลักเกณฑ์ข้ออื่นที่ว่าเป็นการทำให้แพร่หลาย  เพราะข้อความได้ล่วงรู้ถึงบุคคลที่สามคือสมศรีแล้ว  และข้อความนั้นทำให้เกิดความเสียหายแก่เฉิดโฉม  โดยทำให้เสียชื่อเสียงเกียรติคุณ  ทางทำมาหาได้  และความเจริญของเฉิดโฉมก็ตาม  แต่เมื่อปรากฏว่าการไขข่าวต่อบุคคลที่สามของเอกชัยนั้น  เป็นการไขข่าวข้อความอันเป็นความจริง  เอกชัยจึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามมาตรา  423  วรรคแรก  ดังนั้นเฉิดโฉมจะเรียกร้องให้เอกชัยรับผิดฐานหมิ่นประมาทต่อตนไม่ได้

(ข)   เฉิดโฉมจะเรียกร้องให้เอกชัย  สมศรี  และวิไลร่วมรับผิดจากการที่สุนัขเหยียบย่ำสวนดอกไม้เสียหายได้หรือไม่  แยกพิจารณาได้ดังนี้

กรณีเอกชัย  การที่นายเอกชัยเขียนอีเมล์ส่งไปให้สมศรี  และได้ยุยงให้สมศรีไปแก้แค้นเฉิดโฉมนั้น  ถือเป็นการยุยงให้ผู้อื่นกระทำละเมิดตามมาตรา  432  วรรคสอง  เมื่อปรากฏว่าสมศรีได้กระทำละเมิดต่อเฉิดโฉม  โดยการนำสุนัขของวิไลไปเหยียบย่ำสวนดอกไม้ของเฉิดโฉม  นายเอกชัยจึงถือเป็นผู้ร่วมกระทำละเมิดด้วย  ดังนั้น  เฉิดโฉมจึงเรียกร้องให้นายเอกชัยซึ่งเป็นนายจ้างของสมศรีรับผิดร่วมกับสมศรีได้ตามมาตรา  432  วรรคแรก  กรณีมิใช่ความผิดในฐานะนายจ้างตามมาตรา  425  เพราะกรณีนี้สมศรีซึ่งเป็นลูกจ้างมิได้กระทำละเมิดไปในทางการที่จ้าง

กรณีของสมศรี  การที่สมศรีเชื่อนายเอกชัยและโกรธแทนวิไลจึงให้สุนัขของวิไลไปเหยียบย่ำสวนดอกไม้ของเฉิดโฉมนั้น  ถือเป็นการกระทำโดยจงใจต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย  ทำให้เขาเสียหายแก่ทรัพย์สินและผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำดังกล่าว  จึงถือว่าสมศรีได้กระทำละเมิดต่อเฉิดโฉมตามมาตรา  420  โดยใช้สุนัขของวิไลเป็นเครื่องมือในการกระทำละเมิด  ดังนั้นเฉิดโฉมจึงเรียกให้สมศรีรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นได้  กรณีมิใช่มาตรา  433  อันจะถือว่าสมศรีผู้รับเลี้ยงรับรักษาสัตว์นั้นไว้จะต้องรับผิดแต่อย่างใด  เพราะกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องความเสียหายอันเกิดจากสัตว์  แต่เป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำของสมศรีโดยใช้สัตว์เป็นเครื่องมือในการทำละเมิดตามมาตรา  420

กรณีของวิไล  เมื่อปรากฏว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเฉิดโฉมนั้นไม่ใช่ความเสียหายอันเกิดจากสัตว์ซึ่งเจ้าของคือ  วิไลจะต้องรับผิดตามมาตรา  433  และเมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้  วิไลไม่ทราบเรื่องและไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย  วิไลจึงไม่ต้องร่วมรับผิดด้วยแต่อย่างใด

สรุป

(ก)    เฉิดโฉมจะเรียกร้องให้เอกชัยรับผิดฐานหมิ่นประมาทต่อตนไม่ได้

(ข)   เฉิดโฉมจะเรียกร้องให้เอกชัยและสมศรี  ร่วมรับผิดจากการที่สุนัขเหยียบย่ำสวนดอกไม้เสียหายได้  แต่จะเรียกร้องให้วิไลร่วมรับผิดด้วยไม่ได้

 

 

ข้อ  2  นายจันเลี้ยงสุนัขไว้ตัวหนึ่ง  ซึ่งมีนิสัยโมโหดุร้ายมักกัดคนในบ้านเป็นประจำ  นายจันจึงไล่สุนัขออกจากบ้านไม่เลี้ยงอีกต่อไป  สุนัขดังกล่าวเมื่อถูกไล่ออกจากบ้านก็ยังคงวนเวียนอยู่ไม่ห่างจากรั้วบ้านของนายจัน  และคุ้ยหาเศษอาหารจากบริเวณที่ทิ้งขยะประจำซอย บ้านของนายจันมีต้นมะม่วงซึ่งนายจันได้ปลูกไว้นานแล้วอยู่ริมรั้วในบริเวณบ้าน  กิ่งก้านของมะม่วงซึ่งมีอายุมากแล้วจึงผุและยื่นล้ำออกมาจากรั้วบ้าน

ต่อมาวันหนึ่งนายเฮงเดินผ่านริมรั้วบ้านของนายจัน  ปรากฏว่ากิ่งมะม่วงที่ผุอยู่บ้างแล้วหล่นใสศีรษะของนายเฮงพอดีเป็นเหตุให้ศีรษะแตก  เย็บ  5  เข็ม  และในจังหวะเดียวกัน  สุนัขดังกล่าวก็วิ่งเข้ามากัดขานายเฮงเป็นแผลลึกต้องเย็บ  20  เข็ม  ดังนี้  จงวินิจฉัยว่า  นายเฮงจะเรียกร้องให้นายจันรับผิดทางละเมิดได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  420  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ  ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี  แก่ร่างกายก็ดี   อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี  ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี  ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

มาตรา  433  ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์  ท่านว่าเจ้าของสัตว์หรือบุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ  อันเกิดแต่สัตว์นั้น  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงการรักษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่นหรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นย่อมจะต้องเกิดมีขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้น

อนึ่ง  บุคคลผู้ต้องรับผิดชอบดังกล่าวมาในวรรคต้นนั้น  จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่บุคคลผู้ที่เร้าหรือยั่วสัตว์นั้นโดยละเมิด  หรือเอาแก่เจ้าของสัตว์อื่นอันมาเร้าหรือยั่วสัตว์นั้นๆก็ได้

มาตรา  434  วรรคแรกและวรรคสอง  ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะเหตุที่โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นก่อสร้างไว้ชำรุดบกพร่องก็ดี  หรือบำรุงรักษาไม่เพียงพอก็ดี  ท่านว่าผู้ครองโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างนั้นๆจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน  แต่ถ้าผู้ครองได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรเพื่อปัดป้องมิให้เกิดความเสียหายฉะนั้นแล้ว  ท่านว่าผู้เป็นเจ้าของจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน

บทบัญญัติที่กล่าวมาในวรรคก่อนนั้นให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงความบกพร่องในการปลูก  หรือค้ำจุนต้นไม้หรือกอไผ่ด้วย

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  นายเฮงจะเรียกร้องให้นายจันรับผิดทางละเมิดได้หรือไม่  เห็นว่า  การที่นายจันไล่สุนัขออกจากบ้าน  และต่อมาสุนัขดังกล่าวได้วิ่งเข้ามากัดขานายเฮงเป็นแผลลึกจนต้องเย็บ  20  เข็มนั้น  กรณีนี้นายจันไม่ต้องรับผิดต่อนายเฮงตามมาตรา  433  อันว่าด้วยความเสียหายที่เกิดจากสัตว์  เพราะเมื่อนายจันทร์ไล่สุนัขออกจากบ้านไม่เลี้ยงดูอีกต่อไปนั้น  สุนัขตัวดังกล่าวจึงเป็นสุนัขไม่มีเจ้าของ นายจันจึงมิใช่เจ้าของหรือผู้รับเลี้ยงรับรักษาสุนัขดังกล่าว  อันจะต้องรับผิดตามมาตรา  433  แต่อย่างใด

แต่อย่างไรก็ตาม  การที่นายจันไล่สุนัขออกจากบ้านโดยที่ตนเองรู้อยู่ว่าสุนัขดังกล่าวมีนิสัยดุร้ายกัดคนเป็นประจำ  และนายจันย่อมคาดหมายได้โดยวิญญูชนทั่วไปว่าสุนัขอาจเป็นอันตรายต่อผู้คนที่เดินผ่านไปมานั้น  การกระทำของนายจันถือเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย  ซึ่งทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกาย  และการกระทำของนายจันสัมพันธ์กับผลที่เกิดขึ้น  คือ  การบาดเจ็บของนายเฮง  ดังนั้นการกระทำของนายจันจึงเป็นการละเมิดตามมาตรา  420  นายจันจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายเฮง

ส่วนกรณีกิ่งมะม่วงที่ปลูกในบ้านของนายจันผุหล่นใส่ศีรษะของนายเฮงจนได้รับบาดเจ็บนั้น  ถือเป็นความเสียหายอันเกิดจากความบกพร่องในการดูแลหรือค้ำจุนกิ่งมะม่วงเพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น  ดังนั้น  นายจันผู้ซึ่งเป็นเจ้าของต้นมะม่วงต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อนายเฮงตามมาตรา  434

สรุป  นายเฮงจะเรียกร้องให้นายจันรับผิดทางละเมิดได้ตามมาตรา  420  และมาตรา  434

 

 

ข้อ  3  สมชายเป็นเจ้าของอาคารพาณิชย์สามชั้น  ได้แบ่งชั้นสองและสามให้ผู้อื่นเช่าอยู่อาศัย  และสมชายเลี้ยงลิงดุไว้ในอาคารชั้นล่าง วันหนึ่งลิงหลุดจากโซ่ที่ผูกล่ามไว้เป็นอย่างดี  แล้วได้ปีนป่ายขึ้นไปรื้อของในห้องของสมศักดิ์  ซึ่งพักอาศัยอยู่ในชั้นสามของอาคารนี้

ขณะลิงกำลังรื้อของกระจุยกระจายอยู่นั้น  สมศักดิ์ได้ใช้ไม้ไล่  แต่ลิงทำท่าจะกัด  สมศักดิ์จึงใช้ไม้ตีลิง  ลิงลอยออกจากหน้าต่างหล่นลงมาใส่หน้าสมศรีซึ่งเดินผ่านมาอยู่ชั้นล่างพอดี  ทำให้ลิงข่วนหน้าสมศรีจนได้รับบาดเจ็บ  ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยว่า

(ก)    สมชายและสมศักดิ์ต่างฝ่ายต่างจะเรียกร้องต่อกันให้รับผิดในเหตุละเมิดได้หรือไม่  อย่างไร

(ข)     สมศรีจะเรียกให้ใครรับผิดในการที่ตนต้องได้รับบาดเจ็บได้บ้าง  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  420  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ  ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี  แก่ร่างกายก็ดี   อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี  ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี  ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

มาตรา  433  ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์  ท่านว่าเจ้าของสัตว์หรือบุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ  อันเกิดแต่สัตว์นั้น  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงการรักษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่นหรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นย่อมจะต้องเกิดมีขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้น

มาตรา  436  บุคคลผู้อยู่ในโรงเรือนต้องรับผิดชอบในความเสียหายอันเกิดเพราะของตกหล่นจากโรงเรือนนั้น  หรือเพราะทิ้งขว้างของไปตกในที่อันมิควร

มาตรา  450  วรรคท้าย  ถ้าบุคคลทำบุบสลาย  หรือทำลายทรัพย์สิ่งหนึ่งสิ่งใด  เพื่อจะป้องกันสิทธิของตน  หรือของบุคคลภายนอกจากภยันตรายอันมีมาโดยฉุกเฉินเพราะตัวทรัพย์นั้นเองเป็นเหตุ  บุคคลเช่นว่านี้หาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่  หากว่าความเสียหายนั้นไม่เกินสมควรแก่เหตุ  แต่ถ้าภยันตรายนั้นเกิดขึ้นเพราะความผิดของบุคคลนั้นเองแล้ว  ท่านว่าจำต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  วินิจฉัยได้ดังนี้คือ

(ก)   การที่ลิงของสมชายเข้ามาทำความเสียหายรื้อของในห้องของสมศักดิ์นั้น  ถือว่าเป็นความเสียหายที่เกิดจากสัตว์ของสมชาย  ซึ่งตามหลักแล้วสมชายผู้เป็นเจ้าของสัตว์จะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่สมศักดิ์  ตามมาตรา  433  วรรคแรก  แต่อย่างไรก็ตาม  สมชายก็สามารถอ้างแก้ตัวเพื่อให้ตนพ้นผิดได้  เพราะได้ใช้ความระมัดระวังในการเลี้ยงดูสัตว์ตามชนิด  วิสัย  และพฤติการณ์ของสัตว์แล้ว  เนื่องจากสมชายได้มีการล่ามโซ่ลิงดุเอาไว้  ดังนั้น  สมศักดิ์จึงเรียกร้องให้สมชายรับผิดในเหตุละเมิดไม่ได้

และขณะเดียวกัน  การที่สมศักดิ์ใช้ไม้ตีลิงของสมชายจนได้รับความเสียหายนั้น  การกระทำของสมศักดิ์ถือเป็นการกระทำโดยจงใจต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย  ทำให้เขาเสียหายแก่ทรัพย์สิน  และผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำของสมศักดิ์  จึงถือว่าสมศักดิ์ได้กระทำละเมิดต่อสมชายตามมาตรา  420  แต่อย่างไรก็ตาม  สมศักดิ์ก็สามารถอ้างเหตุนิรโทษกรรมตามมาตรา  450  วรรคสามได้  เนื่องจากเป็นการป้องกันภัยอันมีมาโดยฉุกเฉินเพราะตัวทรัพย์นั้นเอง  คือ  ลิงเป็นต้นเหตุให้ต้องป้องกัน  เมื่อปรากฏว่าความเสียหายอันเกิดแก่ลิงนั้นไม่สมควรเกินเหตุ  สมศักดิ์จึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่สมชาย  ดังนั้น  สมชายจึงเรียกร้องให้สมศักดิ์รับผิดในเหตุละเมิดไม่ได้เช่นเดียวกัน

(ข)   การที่สมศรีได้รับความเสียหายจากการที่ลิงได้ถูกเหวี่ยงลอยออกมาใส่หน้าตนนั้น  ไม่ถือเป็นกรณีความเสียหายอันเกิดจากสัตว์  ตามมาตรา  433  อันจะทำให้สมชายผู้เป็นเจ้าของสัตว์ต้องรับผิดแต่อย่างใด  เพราะถือเป็นการกระทำของสมศักดิ์  ดังนั้น สมศรีจะเรียกให้สมชายรับผิดในการที่ตนต้องได้รับบาดเจ็บไม่ได้  แต่กรณีนี้ถือเป็นกรณีที่มีความเสียหายอันเกิดจากของตกหล่นหรือทิ้งขว้างจากโรงเรือนตามมาตรา  436  ซึ่งผู้อยู่ในโรงเรือนคือ  สมศักดิ์จะต้องรับผิดต่อสมศรี

และการที่สมศักดิ์เหวี่ยงลิงหล่นลงมาทำให้สมศรีได้รับความเสียหายนั้น  จะเกิดจากการที่สมศักดิ์ได้ป้องกันภยันตรายซึ่งเกิดจากทรัพย์คือ  ลิงเป็นต้นเหตุให้ต้องป้องกันตามมาตรา  450  วรรคสาม  ก็ตาม  แต่การป้องกันอันถือเป็นเหตุนิรโทษกรรมนั้น  จะต้องเป็นเรื่องที่ทำให้ทรัพย์เสียหายเท่านั้น  เมื่อปรากฏว่าความเสียหายได้เกิดต่อร่างกายของสมศรี  สมศักดิ์จึงไม่อาจอ้างเหตุนิรโทษกรรมเพื่อไม่ต้องรับผิดต่อสมศรีได้  ดังนั้น  สมศรีจึงสามารถเรียกให้สมศักดิ์รับผิดในการที่ตนต้องได้รับบาดเจ็บได้

สรุป

(ก)   สมชายและสมศักดิ์ต่างฝ่ายต่างจะเรียกร้องต่อกันให้รับผิดในเหตุละเมิดไม่ได้

(ข)  สมศรีจะเรียกให้สมชายรับผิดในการที่ตนต้องได้รับบาดเจ็บไม่ได้  แต่จะเรียกให้สมศักดิ์รับผิดในการที่ตนต้องได้รับบาดเจ็บได้

 

 

ข้อ  4  นาย  ก  และนาง  ข  อยู่กินด้วยกันแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส  มีบุตรคนหนึ่งคือเด็กชายแดง  เมื่อนาง  ข  คลอดเด็กชายแดงแล้ว  ต่อมาถึงแก่ความตาย  นาย  ก  ได้อุปการะเลี้ยงดูเด็กชายแดงตลอดมา  นาย  ก  ยินยอมให้เด็กชายแดงใช้นามสกุลของนาย  ก  และนาย  ก  ส่งเสียเด็กชายแดงให้ได้เรียนหนังสือ  วันเกิดเหตุ  จำเลยขับรถโดยประมาทเลินเล่อชนนาย  ก  ถึงแก่ความตาย  ดังนี้  เด็กชายแดงจะเรียกร้องค่าปลงศพ  และค่าขาดไร้อุปการะจากจำเลยได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  443  ในกรณีทำให้เขาถึงตายนั้น  ค่าสินไหมทดแทนได้แก่  ค่าปลงศพ  รวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่นๆอีกด้วย

ถ้ามิได้ตายในทันที  ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่ารักษาพยาบาล  รวมทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์ทำมาหาได้เพราะไม่สามารถประกอบการงานนั้นด้วย

ถ้าว่าเหตุที่ตายลงนั้นทำให้บุคคลหนึ่งคนใดต้องขาดไร้อุปการะตามกฎหมายไปด้วยไซร้  ท่านว่า  บุคคลคนนั้นชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่จำเลยขับรถด้วยความประมาทเลินเล่อชนนาย  ก  ถึงแก่ความตาย  การกระทำของจำเลยเป็นละเมิดตามมาตรา 420  เพราะเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย  ซึ่งทำให้เขาเสียหายแก่ชีวิตและการกระทำของจำเลยสัมพันธ์กับผลของการกระทำ  คือ  ความตายของนาย  ก  จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยคือ  เด็กชายแดงจะเรียกร้องค่าปลงศพ  และค่าขาดไร้อุปการะจากจำเลยได้หรือไม่  เห็นว่าตามบทบัญญัติมาตรา  443  วรรคแรก  ผู้ที่มีสิทธิเรียกเอาค่าปลงศพจะต้องเป็นทายาทของผู้ตาย  ซึ่งกรณีที่บุตรเรียกเอาค่าปลงศพของบิดานั้น  บุตรดังกล่าวจะต้องเป็นผู้สืบสันดานของบิดาตามกฎหมายด้วย  (ป.พ.พ.  มาตรา  1629 (1))  กล่าวคือ  จะต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของบิดา  หรือเป็นบุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้รับรองแล้ว

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่นาย  ก  และนาง  ขอยู่กินด้วยกันแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส  และมีบุตรด้วยกันคนหนึ่งคือ  เด็กชายแดงนั้น  ดังนี้ถือว่าเด็กชายแดงเป็นบุตรนอกกฎหมายของนาย  ก  แต่เมื่อนาย  ก  ยินยอมให้เด็กชายแดงใช้นามสกุล  และส่งเสียเด็กชายแดงให้ได้เรียนหนังสือ  ย่อมถือว่าเด็กชายแดงเป็นบุตรนอกกฎหมายที่บิดาให้การรับรองโดยพฤติการณ์แล้ว  จึงส่งผลให้เด็กชายแดงเป็นผู้สืบสันดานและเป็นทายาทของนาย  ก  ผู้ตาย  (ตาม  ป.พ.พ.  มาตรา  1627  และมาตรา  1629 (1))  ดังนั้น  เมื่อจำเลยกระทำละเมิดโดยการขับรถด้วยความประมาทเลินเล่อชนนาย  ก  ถึงแก่ความตาย  เด็กชายแดงจึงเรียกร้องค่าปลงศพจากจำเลยได้ตามมาตรา  443  วรรคแรก

ส่วนค่าขาดไร้อุปการะนั้น  บทบัญญัติมาตรา  443  วรรคท้าย  กำหนดไว้โดยเฉพาะว่าผู้ที่มีสิทธิในการเรียกร้องค่าขาดไร้อุปการะจากผู้กระทำละเมิดจะต้องเป็นผู้ขาดไร้อุปการะตามกฎหมายครอบครัว  เมื่อปรากฏว่านาย  ก  มิได้เป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายของเด็กชายแดงผู้เยาว์  นาย  ก  (ผู้ตาย)  จึงไม่มีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูเด็กชายแดงซึ่งเป็นบุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา  1564  ดังนั้น  เด็กชายแดงจะเรียกร้องค่าขาดไร้อุปการะตามมาตรา  443  วรรคท้าย  จากจำเลยผู้กระทำละเมิดไม่ได้

สรุป  เด็กชายแดงจะเรียกร้องค่าปลงศพจากจำเลยได้  แต่จะเรียกร้องค่าขาดไร้อุปการะจากจำเลยไม่ได้

Advertisement