การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2555

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW2003

Advertisement

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยละเมิด จัดการงานนอกสั่ง ลาภมิควรได้

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  4  ข้อ  (คะแนนเต็มข้อละ  25  คะแนน)

ข้อ  1  สุนัขของนายทองได้นำมาให้นางนาคเลี้ยงชั่วคราว  วันเกิดเหตุสุนัขตัวนี้ซึ่งมีความซุกซนมากได้วิ่งไปชนกระถางต้นไม้ที่วางอยู่ตรงระเบียงบ้านชั้นสองของนางพลอยซึ่งได้ให้นางมุกเช่าอยู่อาศัยทำให้กระถางตกหล่นใส่ศีรษะของนางสาวเพชรได้รับบาดเจ็บถึงขั้นสมองฟั่นเฟือน  ไม่สามารถประกอบการงานได้อีกต่อไป

ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยว่า  นายทอง  นางนาค  นางมุก  และนางพลอยจะต้องมีความรับผิดในความเสียหายต่อนางสาวเพชรหรือไม่  เพราะเหตุใด  และค่าสินไหมทดแทนที่นางสาวเพชรควรจะเรียกร้องได้มีอย่างไรบ้าง

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  433  วรรคแรก  ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์  ท่านว่าเจ้าของสัตว์หรือบุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ  อันเกิดแต่สัตว์นั้น  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงการรักษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่นหรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นย่อมจะต้องเกิดมีขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้น

มาตรา  436  บุคคลผู้อยู่ในโรงเรือนต้องรับผิดชอบในความเสียหายอันเกิดเพราะของตกหล่นจากโรงเรือนนั้น  หรือเพราะทิ้งขว้างของไปตกในที่อันมิควร

มาตรา  444  วรรคแรก  ในกรณีทำให้เสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยนั้น  ผู้เสียหายชอบที่จะได้ชดใช้ค่าใช้จ่ายอันตนต้องเสียไป  และค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วน  ทั้งในเวลาปัจจุบันนั้นและในเวลาอนาคตด้วย

มาตรา  446  วรรคแรก  ในกรณีทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยก็ดี  ในกรณีทำให้เขาเสียเสรีภาพก็ดี  ผู้ต้องเสียหายจะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความที่เสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินด้วยอีกก็ได้  สิทธิเรียกร้องอันนี้ไม่โอนกันได้  และไม่ตกสืบไปถึงทายาท เว้นแต่สิทธินั้นจะได้รับสภาพกันไว้โดยสัญญาหรือได้เริ่มฟ้องคดีตามสิทธินั้นแล้ว

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่สุนัขของนายทองได้วิ่งไปชนกระถางต้นไม้ตกหล่นใส่ศีรษะของนางสาวเพชรได้รับบาดเจ็บนั้น  ถือเป็นกรณีที่นางสาวเพชรได้รับความเสียหายอันเกิดจากสัตว์  ซึ่งตามมาตรา  433  วรรคแรก  กำหนดให้เจ้าของสัตว์หรือผู้รับเลี้ยงสัตว์ต้องรับผิด  เมื่อปรากฏว่าสัตว์ดังกล่าวได้ก่อความเสียหายในขณะที่อยู่ในความดูแลของนางสาวนาคซึ่งเป็นผู้รับเลี้ยงสัตว์นั้น  อย่างไรก็ดี  นางนาคอาจแก้ตัวให้พ้นผิดได้หากพิสูจน์ได้ว่าได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่ชนิด  และพฤติการณ์ของสัตว์นั้นแล้ว  แต่เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่านางนาคได้มีการใช้ความระมัดระวังดังกล่าว  นางนาคจึงต้องรับผิด

และเมื่อปรากฏว่า  ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากกระถางต้นไม้หล่นลงมาจากโรงเรือน  และเป็นโรงเรือนของนางพลอยซึ่งนางมุกเช่าอาศัยอยู่  จึงถือว่าเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะของตกหล่นจากโรงเรือนตามมาตรา  436  และเมื่อนางมุกเป็นบุคคลผู้อยู่ในโรงเรือน นางมุกจึงต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อนางสาวเพชร  ตามมาตรา  436  ส่วนนางพลอยไม่ต้องรับผิดชอบแต่อย่างใด

และเมื่อปรากฏว่านางสาวเพชรได้รับความเสียหายต่อร่างกายจนถึงขั้นสมองฟั่นเฟือน  ไม่สามารถประกอบการงานได้อีกต่อไป  นางสาวเพชรจึงสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้  ดังต่อไปนี้  คือ

1       ค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา  444  วรรคแรก  ได้แก่  ค่าใช้จ่ายที่ตนได้เสียไป  และค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิง  ทั้งในเวลาปัจจุบันและในเวลาอนาคต

2       ค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา  446  วรรคแรก  ได้แก่  ค่าที่นางสาวเพชรต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการบาดเจ็บ  จากการไม่สามารถประกอบการงานได้อีก  ซึ่งถือว่าเป็นค่าเสียหายอย่างอื่นอันมิอาจตีราคาเป็นเงินได้

สรุป  นางนาคและนางมุกจะต้องรับผิดในความเสียหายต่อนางสาวเพชร  ส่วนนายทองและนางพลอยไม่ต้องรับผิดในความเสียหายต่อนางสาวเพชร  และค่าสินไหมทดแทนที่นางสาวเพชรควรจะเรียกร้อง  ได้แก่ค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา  444  วรรคแรก  และมาตรา  446  วรรคแรก

 

 

ข้อ  2  นายแดงจ้างนายเก่งวิศวกรชื่อดังให้สร้างอาคาร  4  ชั้นลงในที่ดินของตน  นายเก่งได้สร้างอาคาร  4  ชั้นดังกล่าวจนเสร็จโดยมิได้ทำฐานรากอาคารให้มั่นคงแข็งแรงตามแบบพิมพ์เขียว  เพราะนายเก่งหวังจะได้กำไรมากๆ  และนายแดงรับมอบอาคารไปโดยไม่ทราบถึงการไม่สร้างอาคารตามแบบพิมพ์เขียว  ต่อมาปรากฏว่าตัวอาคารบางส่วนร้าวและพังทลายลงมาเพราะฐานรากไม่มั่นคงทับนายโชคที่กำลังเดินผ่านอาคารพอดีเป็นเหตุให้นายโชคขาหัก

ดังนี้  จงวินิจฉัยว่า  นายแดงและนายเก่งจะต้องรับผิดทางละเมิดหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  420  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ  ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี  แก่ร่างกายก็ดี   อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี  ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี  ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

มาตรา  434  วรรคแรก  ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะเหตุที่โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นก่อสร้างไว้ชำรุดบกพร่องก็ดี  หรือบำรุงรักษาไม่เพียงพอก็ดี  ท่านว่าผู้ครองโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างนั้นๆจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน  แต่ถ้าผู้ครองได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรเพื่อปัดป้องมิให้เกิดความเสียหายฉะนั้นแล้ว  ท่านว่าผู้เป็นเจ้าของจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  นายแดงและนายเก่งจะต้องรับผิดทางละเมิดหรือไม่  วินิจฉัยได้ดังนี้  คือ

1       กรณีของนายแดง  ตามข้อเท็จจริง  ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อนายโชคเป็นเพราะอาคารบางส่วนพังทลายลงมาทับขานายโชคด้วยเหตุฐานรากของอาคารไม่มั่นคงแข็งแรง  เนื่องจากการไม่สร้างตามแบบพิมพ์เขียว  ถือได้ว่าเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะเหตุโรงเรือนดังกล่าวก่อสร้างไว้ชำรุดบกพร่อง  ดังนั้น  นายแดงซึ่งเป็นทั้งเจ้าของและผู้ครอบครองโรงเรือนดังกล่าว  จึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายโชค  ตามมาตรา  434  วรรคแรก

2       กรณีของนายเก่ง  ตามข้อเท็จจริง  การที่นายเก่งวิศวกรชื่อดังได้สร้างอาคาร  4  ชั้น  แต่ไม่ทำฐานรากอาคารให้มั่นคงเพราะหวังจะได้กำไรมากๆนั้น  นายเก่งย่อมเห็นได้ว่าอาคารอาจทรุดร้าวและพังทลายลงมาได้  เมื่อปรากฏว่าอาคารบางส่วนพังทลายลงมาทับขานายโชค  การกระทำดังกล่าวของนายเก่งจึงถือว่าเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย  ทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกาย  และผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำของนายเก่งดังกล่าว  จึงถือว่านายเก่งได้กระทำละเมิดต่อนายโชคตามมาตรา  420  จึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายโชค

สรุป  นายแดงต้องรับผิดทางละเมิดตามมาตรา  434  วรรคแรก  ส่วนนายเก่งจะต้องรับผิดทางละเมิดตามมาตรา  420

 

 

ข้อ  3  นายกระรอกได้นำรถยนต์ไปทำสีใหม่ที่อู่ของนายกระต่าย  โดยนายกระรอกได้ให้นายกระต่ายขับรถยนต์คันที่นาย

กระรอกจะนำมาทำสีใหม่ไปส่งนายกระรอกที่บ้าน  หลังจากส่งนายกระรอกเรียบร้อยแล้ว  นายกระต่ายจึงขับรถยนต์คันดังกล่าวกลับไปที่อู่ซ่อมรถของตน  ระหว่างเดินทางกลับนายกระต่ายขับรถด้วยความเร็วสูง  ปรากฏว่านายกระทิงซึ่งขับรถยนต์มาด้วยความเร็วสูงเช่นเดียวกันและได้ขับตีคู่ขนาบข้างกันมา  ทั้งสองจึงเกิดความคึกคะนองขับแข่งท้าทายกันด้วยความเร็วสูงตลอดทาง  จนถึงจุดเกิดเหตุบริเวณทางม้าลายซึ่งนางสาวกระแตกำลังเดินข้ามอยู่นั้น  ทั้งนายกระต่ายและนาย

กระทิงต่างหยุดรถไม่ทัน  เป็นเหตุให้รถทั้งสองเข้าพุ่งชนนางสาวกระแตเป็นเหตุให้นางสาวกระแตได้รับบาดเจ็บสาหัส  ดังนี้  จงวินิจฉัยว่า นางสาวกระแตจะมีสิทธิฟ้องใครให้รับผิดทางละเมิดได้บ้าง  และจะฟ้องให้นายกระรอกร่วมรับผิดกับนายกระต่ายได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  291  ถ้าบุคคลหลายคนจะต้องทำการชำระหนี้โดยทำนองซึ่งแต่ละคนจำต้องชำระหนี้สิ้นเชิงไซร้  แม้ถึงว่าเจ้าหนี้ชอบที่จะได้รับชำระหนี้สิ้นเชิงได้แต่เพียงครั้งเดียว  (กล่าวคือลูกหนี้ร่วมกัน)  ก็ดี  เจ้าหนี้จะเรียกชำระหนี้จากลูกหนี้แต่คนใดคนหนึ่งสิ้นเชิงหรือแต่โดยส่วนก็ได้ตามแต่จะเลือก  แต่ลูกหนี้ทั้งปวงก็ยังคงต้องผูกพันอยู่ทั่วทุกคนจนกว่าหนี้นั้นจะได้ชำระเสร็จสิ้นเชิง

มาตรา  301  ถ้าบุคคลหลายคนเป็นหนี้อันจะแบ่งกันชำระมิได้  ท่านว่าบุคคลเหล่านั้นต้องรับผิดเช่นอย่างลูกหนี้ร่วมกัน

มาตรา  420  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ  ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี  แก่ร่างกายก็ดี   อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี  ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี  ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

มาตรา  428  ผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันผู้รับจ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอกในระหว่างทำการงานที่ว่าจ้างเว้นแต่ผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ  หรือในคำสั่งที่ตนให้ไว้หรือในการเลือกหาผู้รับจ้าง

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า  นายกระต่ายและนายกระทิงได้ชื่อว่าเป็นผู้ร่วมกันทำละเมิดหรือไม่  เห็นว่า  การจะถือว่าเป็นการ  “ร่วมกันทำละเมิด”  ตามบทบัญญัติมาตรา  432  นั้น  จะต้องเป็นกรณีที่ผู้กระทำร่วมมือร่วมใจกันกระทำมาตั้งแต่ต้น  เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าการที่นางสาวกระแตได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นผลโดยตรงจากการขับรถด้วยความคึกคะนองปราศจากซึ่งความระมัดระวัง  ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ของนายกระต่ายและนายกระทิง  ซึ่งถือเป็นกรณีที่ต่างคนต่างประมาทเลินเล่อ  จนทำให้เกิดความเสียหายแก่นางสาวกระแต  จึงไม่อาจถือได้ว่าทั้งสองมีเจตนาร่วมกันในการกระทำ  หรือได้ร่วมมือร่วมใจกันในการกระทำ  อันจะเป็นการร่วมกันกระทำละเมิดตามมาตรา  432  ดังนั้นนายกระต่ายและนายกระทิงจึงมีความผิดฐานต่างคนต่างกระทำละเมิดต่อนางสาวกระแตโดยประมาทเลินเล่อตามมาตรา  420

อย่างไรก็ดี  แม้นายกระต่ายและนายกระทิงจะไม่ต้องร่วมกันรับผิดตามมาตรา  432  แต่เมื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับนางสาวกระแตนั้นเป็นความเสียหายที่ไม่อาจแบ่งแยกความรับผิดกันได้ว่านายกระต่ายและนายกระทิงก่อให้เกิดความเสียหายในส่วนใดอย่างไร  ความรับผิดของนายกระต่ายและนายกระทิงจึงต้องเป็นความรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมตามมาตรา  301  และมาตรา  291

ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยประการต่อมามีว่า  นายกระรอกจะต้องร่วมรับผิดกับนายกระต่ายหรือไม่  เห็นว่า  การที่นายกระรอกได้ให้นายกระต่ายขับรถยนต์คันที่นายกระรอกจะนำมาทำสีใหม่ไปส่งนายกระรอกที่บ้านจนเกิดเรื่องขึ้นนั้น  ไม่ใช่กิจการจ้างทำของอันจะทำให้ผู้ว่าจ้างทำของจะต้องรับผิดตามมาตรา  428  แต่อย่างใด  แต่เป็นเรื่องเหตุที่เกิดขึ้นในระหว่างที่นาย

กระต่ายเดินทางกลับอู่โดยเจ้าของรถไม่ได้นั่งมาด้วย  ดังนั้น  เจ้าของรถยนต์คือนายกระรอกจึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับนาย

กระต่ายแต่อย่างใด  (ฎ.  1176/2510) 

สรุป นางสาวกระแตสามารถฟ้องให้นายกระต่ายและนายกระทิงรับผิดทางละเมิดได้ตามมาตรา  420  แต่จะฟ้องให้นายกระรอกร่วมรับผิดกับนายกระต่ายไม่ได้

 

 

ข้อ  4  จำเลยขับรถโดยประมาทเลินเล่อชนนาย  ก  ถึงแก่ความตาย  ข้อเท็จจริงได้ความว่า  บิดามารดาของนาย  ก  ถึงแก่ความตายไปหมดแล้ว  นาย  ก  เหลือญาติที่มีอยู่เพียงคนเดียวคือป้าของนาย  ก  ปรากฏว่าก่อนที่นาย  ก  จะถูกรถชนถึงแก่ความตาย  นาย  ก  ได้อุปการะเลี้ยงดูป้า  เนื่องจากป้าอายุมากแล้วไม่สามารถประกอบอาชีพหาเลี้ยงตนเองได้  ดังนี้  ป้าของนาย  ก  จะเรียกร้องค่าปลงศพและค่าขาดไร้อุปการะจากจำเลยได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  443  ในกรณีทำให้เขาถึงตายนั้น  ค่าสินไหมทดแทนได้แก่  ค่าปลงศพ  รวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่นๆอีกด้วย

ถ้ามิได้ตายในทันที  ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่ารักษาพยาบาล  รวมทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์ทำมาหาได้เพราะไม่สามารถประกอบการงานนั้นด้วย

ถ้าว่าเหตุที่ตายลงนั้นทำให้บุคคลหนึ่งคนใดต้องขาดไร้อุปการะตามกฎหมายไปด้วยไซร้  ท่านว่า  บุคคลคนนั้นชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

 วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่จำเลยขับรถด้วยความประมาทเลินเล่อชนนาย  ก  ถึงแก่ความตาย  การกระทำของจำเลยเป็นละเมิดตามมาตรา 420  เพราะเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อต่อบุคลอื่นโดยผิดกฎหมาย  ซึ่งทำให้เขาเสียหายแก่ชีวิตและการกระทำของจำเลยสัมพันธ์กับผลของการกระทำ  คือ  ความตายของนาย  ก  จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยคือ  ป้าของนาย  ก  จะเรียกร้องค่าปลงศพและค่าขาดไร้อุปการะจากจำเลยได้หรือไม่  เห็นว่า  ตามบทบัญญัติมาตรา  443  วรรคแรก  ผู้ที่มีสิทธิเรียกเอาค่าปลงศพจะต้องเป็นทายาทของผู้ตาย  ดังนั้น  ป้าของนาย  ก  ซึ่งถือเป็นทายาทตามมาตรา  1629(6)  จึงมีสิทธิเรียกร้องค่าปลงศพจากจำเลยผู้ทำละเมิดได้

ส่วนกรณีค่าขาดไร้อุปการะนั้นตามบทบัญญัติมาตรา  443  วรรคท้าย  ได้กำหนดไว้โดยเฉพาะว่า  ผู้มีสิทธิในการเรียกร้องค่าขาดไร้อุปการะจากผู้กระทำละเมิด  จะต้องเป็นผู้ขาดไร้อุปการะตามกฎหมายครอบครัวเท่านั้น  (สามีกับภริยาหรือบิดามารดากับบุตร)  เมื่อนาย  ก  (ผู้ตาย)  ไม่มีหน้าที่ที่จะต้องให้การอุปการะเลี้ยงดูป้าของนาย  ก  ตามกฎหมายแต่อย่างใด  ดังนั้นป้าของนาย  ก  จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าขาดไร้อุปการะตามมาตรา  443  วรรคท้าย  จากจำเลยผู้ทำละเมิด

สรุป  ป้าของนาย  ก  จะเรียกร้องค่าปลงศพจากจำเลยได้  แต่จะเรียกร้องค่าขาดไร้อุปการะจากจำเลยไม่ได้

Advertisement