การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2550
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW2001 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยทรัพย์
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 4 ข้อ
นายอ่ำจึงขยายพื้นที่ปลูกผักเข้าไปในที่ดินริมตลิ่งหน้าที่ดินของนายท้วม โดยนายท้วมไม่ทักท้วง หลังจากนั้น 3 ปี นายท้วมถึงแก่ความตาย นายเท่งบุตรของนายท้วมจดทะเบียนรับมรดกที่ดินของนายท้วม และไม่ยอมให้นายอ่ำปลูกผักในที่ดินริมตลิ่งหน้าที่ดินที่ตนรับมรดก และต้องการจะเข้าไปปลูกผักเอง นายอ่ำไม่ยอม อ้างว่าได้ครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่ามาเกิน 1 ปีแล้วนายเท่งจึงไม่มีสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครอง เช่นนี้ นายอ่ำจะได้กรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทนั้นอย่างไร หรือไม่ และนายเท่งจะให้นายอ่ำออกไปจากที่พิพาทได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 1304 สาธารณะสมบัติของแผ่นดินนั้น รวมทรัพย์สินทุกชนิดของแผ่นดิน ซึ่งใช้เพื่อสาธารณะประโยชน์ หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน เช่น
(2) ทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน เป็นต้นว่าที่ชายตลิ่ง ทางน้ำ ทางหลวง ทะเลสาบ
มาตรา 1306 ท่านห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับแผ่นดินในเรื่องทรัพย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
วินิจฉัย ที่พิพาทเป็นที่ดินริมตลิ่งหน้าที่ดินของนายท้วมและนายอ่ำ ซึ่งเวลาฤดูน้ำ น้ำท่วมถึงเต็มตลิ่งทุกปี เวลาฤดูแล้งน้ำลดลงไป ที่ดินริมตลิ่งทั้งสองแปลงดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าเป็นที่ชายตลิ่ง อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ตามมาตรา 1304 (2) ผู้ใดหามีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองไม่ ดังนั้นทั้งนายท้วมและนายอ่ำจึงไม่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิ์ครอบครองในที่ดินพิพาทแต่อย่างใด (ฎ. 2199/2515)
นอกจากนี้ แม้นายท้วมและนายอ่ำจะเข้าไปปลูกผักในที่ชายตลิ่งหน้าที่ดินของตนนานเท่าใด ก็ไม่สามารถยกอายุความการครอบครองปรปักษ์ (มาตรา 1382) หรือแม้แต่ในเรื่องสิทธิครอบครอง (มาตรา 1367) ขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับแผ่นดินได้ ตามมาตรา 1306
แม้การยึดถือครอบครองสาธารณสมบัติของแผ่นดินจะไม่ก่อให้เกิดสิทธิใดๆ แก่ผู้ยึดถือครอบครอง หมายถึงใช้ยันต่อรัฐหรือแผ่นดินไม่ได้ แต่ในระหว่างเอกชนด้วยกันนั้นใช้ยันกันเองได้ โดยถือหลักว่าผู้ที่เป็นฝ่ายครอบครองที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ก่อนและยังคงครอบครองอยู่ ผู้นั้นย่อมมีสิทธิดีกว่า (ฎ. 3908/2535) ซึ่งสิทธิดังกล่าวจะมีอยู่ตลอดเวลาที่ครอบครองเท่านั้น ดังนั้นหากผู้ที่ครอบครองอยู่ก่อนแล้วสละการครอบคอรงที่พิพาทนั้นไป ผู้ครอบครองรายหลังซึ่งยังคงครอบครองทำประโยชน์อยู่ย่อมมีสิทธิดีกว่า
กรณีตามอุทาหรณ์ นายท้วมไม่ได้เข้าไปครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวเป็นเวลา 1 ปี แล้ว และการที่นายอ่ำขยายพื้นที่ปลูกผักเข้าไปในที่ดินริมตลิ่งหน้าที่ดินของนายท้วม นายท้วมก็ไม่ได้ทักท้วงแต่อย่างใด เช่นนี้ถือว่า นายท้วมสละการครอบคอรงแล้ว เมื่อนายอ่ำเข้าไปครอบครองทำประโยชน์ต่อ นายอ่ำจึงเป็นผู้มีสิทธิในที่พิพาทดีกว่านายท้วมและนายเท่ง ดังนั้นนายเท่งจึงไม่สามารถให้นายอ่ำออกไปจากที่ดินพิพาทได้ (ฎ. 279/2530)
สรุป นายอ่ำไม่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทแต่อย่างใด และนายเท่งจะให้นายอ่ำซึ่งเป็นผู้มีสิทธิดีกว่าตนออกไปจากที่ดินพิพาทไม่ได้เช่นกัน
ข้อ 2 นายพิภพเป็นเจ้าของที่ดินแปลงหนึ่งซึ่งถูกปิดล้อมโดยที่ดินของนายเขียว นายขำ และนายคง มีเพียงทิศตะวันออกเท่านั้นที่ติดคลองสาธารณะใช้เป็นทางเข้าออกทางน้ำ โดยใช้เรือในการสัญจรออกสู่แม่น้ำแต่สภาพคลองใช้เข้าออกไม่สะดวก โดยเฉพาะฤดูแล้งคลองตื้นเขินไม่สามารถใช้เรือสัญจรได้ คงมีเพียงเส้นทางเดียวที่จะสามารถผ่านออกสู่สาธารณะได้ คือการใช้ทางเดินผ่านที่ดินของนายเขียว ซึ่งอีกด้านหนึ่งติดทางสาธารณะ หลังจากนายพิภพใช้ทางเดินผ่านที่ดินของนายเขียวได้ 1 ปี นายเขียวก็ปิดกั้นทางเดินดังกล่าวไม่ให้นายพิภพใช้อีกต่อไป
ให้ท่านวินิจฉัยว่า นายพิภพจะฟ้องขอให้นายเขียวเปิดทางเดินนั้นให้ตนสามารถใช้ผ่านเข้าออกสู่ทางสาธารณะต่อไปได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 1349 ที่ดินแปลงใดมีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงสาธารณะได้ไซร้ ท่านว่าเจ้าของที่ดินแปลงนั้นจะผ่านที่ดินซึ่งล้อมอยู่ไปสู่ทางสาธารณะได้
ที่ดินแปลงใดมีทางออกได้แต่เมื่อต้องข้ามสระ บึง หรือทะเล หรือมีที่ชัน อันระดับที่ดินกับทางสาธารณะสูงกว่ากันมากไซร้ ท่านว่าให้ใช้ความในวรรคต้นบังคับ
ที่และวิธีทำทางผ่านนั้นต้องเลือกให้พอควรแก่ความจำเป็นของผู้มีสิทธิจะผ่าน กับทั้งให้คำนึงถึงที่ดินที่ล้อมอยู่ให้เสียหายแต่น้อยที่สุดที่จะเป็นได้ ถ้าจำเป็นผู้มีสิทธิจะผ่านสร้างถนนเป็นทางผ่านก็ได้
ผู้มีสิทธิจะผ่าน ต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่เจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่เพื่อความเสียหาย อันเกิดแก่เหตุที่มีทางผ่านนั้น ค่าทดแทนนั้น นอกจากค่าเสียหายเพราะสร้างถนน ท่านว่าจะกำหนดเป็นเงินรายปีก็ได้
วินิจฉัย ทางจำเป็นนั้นเกิดขึ้นโดยผลของกฎหมายตามมาตรา 1349 ซึ่งมีหลักว่าที่ดินแปลงใดถูกปิดล้อมจนไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้ เจ้าของที่ดินแปลงนั้นมีสิทธิที่จะผ่านที่ดินซึ่งล้อมอยู่ออกไปสู่ทางสาธารณะได้
ดังนั้นถ้าที่ดินแปลงใดอยู่ติดกับคลองสาธารณะ แม่น้ำ จะอ้างขอทางจำเป็นผ่านที่ดินของบุคคลอื่นไม่ได้ เพราะถือว่ามีทางออกสู่สาธารณะอยู่แล้ว แต่คลองนั้นจะต้องใช้สัญจรไปมาได้ด้วย (ฎ. 2240/2525) ถ้าคลองนั้นตื้นเขินจนไม่สามารถเดินเรือ หรือใช้สัญจรไปมาได้หรือใช้ได้เป็นบางครั้งคราว หรือไม่มีน้ำที่จะใช้สัญจรได้ตลอดปี ก็ยังไม่พอถือว่าเป็นทางสาธารณะตามความหมายของมาตรา 1349 ถือว่าเป็นที่ดินที่ไม่มีทางออกสู่สาธารณะ ดังนี้เจ้าของที่ดินนั้นย่อมมีสิทธิใช้ทางจำเป็นผ่านที่ดินของผู้อื่นไปสู่ทางสาธารณะได้ (ฎ.800 – 801 /2544)
กรณีตามอุทาหรณ์ ที่ดินของนายพิภพแม้จะติดคลองสาธารณะ สามารถใช้เป็นทางเข้าออกโดยใช้เรือในการสัญจรออกสู่แม่น้ำได้ แต่สภาพคลองใช้เข้าออกไม่สะดวก โดยเฉพาะในฤดูแล้ง คลองตื้นเขินไม่สามารถใช้เรือสัญจรได้ ก็ยังไม่พอที่จะถือได้ว่าเป็นทางสาธารณะตามความหมายของมาตรา 1349 นายพิภพจึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินผ่านที่ดินของนายเขียวซึ่งล้อมอยู่ออกไปสู่ทางสาธารณะ ดังนั้นนายพิภพจึงฟ้องขอให้นายเขียวเปิดทางจำเป็นให้ตนสามารถใช้ผ่านเข้าออกสู่ทางสาธารณะต่อไปได้
สรุป นายพิภพฟ้องให้นายเขียวเปิดทางจำเป็นได้
ข้อ 3 นายส้มทำสัญญาเป็นหนังสือขายที่ดินมือเปล่าของนายส้มแปลงหนึ่งให้นายแสด ซึ่งที่ดินแปลงนั้นนายส้มได้ให้นายตาลบุตรชายนายส้มอาศัยทำไร่อยู่ นายแสดได้ตกลงกับนายส้มว่าตนยินดีที่จะให้นายตาลอยู่อาศัยบนที่ดินแปลงนั้นต่อไปโดยไม่ต้องเสียค่าเช่า หลังจากนั้นนายแสดซื้อที่ดินแปลงนั้นมาได้หนึ่งปี จึงได้ให้เจ้าพนักงานมารังวัดเพื่อออกเอกสารสิทธิในที่ดิน และให้นายตาลออกไปจากที่ดินแปลงนั้น แต่นายตาลไม่ยอมออกอ้างว่าตนมีสิทธิครอบครองที่ดินแปลงนั้นดีกว่านายแสด นายแสดไม่มีสิทธิขับไล่ตนเพราะเรียกคืนเกินหนึ่งปีหมดระยะเวลาฟ้องเอาคืนที่ดินแปลงนั้นแล้ว
ท่านคิดว่า ข้ออ้างของนายตาลรับฟังได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 1368 บุคคลอาจได้มาซึ่งสิทธิครอบครองโดยผู้อื่นยึดถือไว้ให้
มาตรา 1375 ถ้าผู้ครอบครองถูกแย่งการครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายไซร้ ท่านว่าผู้ครอบครองมีสิทธิจะได้คืนซึ่งการครอบครอง เว้นแต่อีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิเหนือทรัพย์สินดีกว่า ซึ่งจะเป็นเหตุให้เรียกคืนจากผู้ครอบครองได้
การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองนั้น ท่านว่าต้องฟ้องภายในหนึ่งปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง
มาตรา 1380 การโอนไปซึ่งการครอบครองย่อมเป็นผลแม้ ผู้โอนยังยึดถือทรัพย์สินอยู่ ถ้าผู้โอนแสดงเจตนาว่าต่อไปจะยึดถือทรัพย์สินนั้นแทนผู้รับโอน
ถ้าทรัพย์สินนั้นผู้แทนของผู้โอนยึดถืออยู่ การโอนไปซึ่งการครอบครองจะทำโดยผู้โอนสั่งผู้แทนว่า ต่อไปให้ยึดถือทรัพย์สินไว้แทนผู้รับโอนก็ได้
มาตรา 1381 บุคคลใดยึดถือทรัพย์สินอยู่ในฐานะเป็นผู้แทนผู้ครอบครอง บุคคลนั้นจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือได้ก็แต่โดยบอกกล่าวไปยังผู้ครอบครองว่า ไม่เจตนาจะยึดถือทรัพย์สินแทนผู้ครอบครองต่อไป หรือตนเองเป็นผู้ครอบครองโดยสุจริต อาศัยอำนาจใหม่อันได้จากบุคคลภายนอก
วินิจฉัย นายส้มทำสัญญาเป็นหนังสือขายที่ดินมือเปล่าของนายส้มแปลงหนึ่งให้นายแสด ซึ่งที่ดินแปลงนั้นนายส้มได้ให้นายตาลบุตรชายนายส้มอาศัยทำไร่อยู่ ถือว่านายตาลครอบครองที่ดินแปลงนั้นแทนนายส้ม (ฎ.1579/2514) เมื่อนายแสดซื้อที่ดินแปลงนั้นมาจากนายส้ม จึงถือว่านายตาลครอบครองที่ดินแปลงนั้นแทนนายแสดต่อไป ตามมาตรา 1368 ประกอบมาตรา 1380 หลังจากนายแสดซื้อที่ดินแปลงนั้นมาได้หนึ่งปี จึงได้ให้เจ้าพนักงานมารังวัดเพื่อออกเอกสารสิทธิในที่ดิน และให้นายตาลออกไปจากที่ดินแปลงนั้น แต่นายตาลไม่ยอมออกอ้างว่า ตนมีสิทธิครอบครองที่ดินแปลงนั้นดีกว่านายแสด ดังนี้เมื่อนายตาลยึดถือที่ดินแปลงนั้นแทนนายแสด นายตาลต้องเปลี่ยนลักษณะการยึดถือ โดยบอกกล่าวไปยังผู้ครอบครอง (เจ้าของ) ว่าตนไม่เจตนาจะยึดถือทรัพย์สินแทนผู้ครอบครองต่อไป ตามมาตรา 1381 ก่อนจึงจะถือว่านายตาลยึดถือเพื่อตน ซึ่งจะทำให้ได้และมีสิทธิครอบครองดีกว่านายแสด ระยะเวลาการฟ้องเอาคืน ซึ่งการครอบครองภายใน 1 ปี ตามมาตรา 1375 จึงยังไม่ได้เกิดขึ้นเพราะยังไม่ได้มีการบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะการยึดถือ (แย่งการครอบครอง) นั่นเอง ข้ออ้างของนายตาลรับฟังไม่ได้
สรุป ข้ออ้างของนายตาลรับฟังไม่ได้
ข้อ 4 นายสำลีมีอาชีพทำไร่และเลี้ยงปลาขาย ที่ดินของสำลีที่ใช้ทั้งอาศัยปลูกบ้านและทำไร่เลี้ยงปลาอยู่ตรงข้ามกับที่ดินของนายสายมีทางเดินเท้าสาธารณะคั่นอยู่ ที่ดินของนายสายมีสระน้ำอยู่ในที่ดินนั้น นายสำลีทำท่อฝังใต้ถนนสาธารณะสูบน้ำข้ามถนนเข้ามาในที่ดินของนายสำลีโดยไม่ได้ขออนุญาตนายสายแต่อย่างใด เพื่อใช้ทำไร่เลี้ยงปลาประจำมาได้แปดปี ต่อมานายสำลีได้ยกท่อน้ำขึ้นมาวางไว้บนถนน ทำให้ชาวบ้านซึ่งใช้ถนนเส้นนั้นเข้าออกไม่สะดวก ชาวบ้านจึงได้บอกกับกำนันให้มาบอกให้นายสำลีรื้อท่อน้ำนั้นออกไปจากถนน แต่นายสำลีไม่ยอมรื้อ หลังจากนั้นมาได้สองปีครึ่งนายสายทราบจึงห้ามไม่ให้นายสำลีสูบน้ำจากที่ดินของตนและให้รื้อท่อน้ำนั้นออกไป แต่นายสำลีไม่ยอม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นายสำลีจะได้ภาระจำยอมโดยการครอบครองปรปักษ์ในการใช้น้ำในบ่อนั้นหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 1382 บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบคอรงติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ได้ครอบคอรงติดต่อกันเป็นเวลาห้าปีไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์
มาตรา 1387 อสังหาริมทรัพย์อาจต้องตกอยู่ในภาระจำยอมอันเป็นเหตุให้เจ้าของต้องยอมรับกรรมบางอย่างซึ่งกระทบถึงทรัพย์สินของตน หรือต้องงดเว้นการใช้สิทธิบางอย่างอันมีอยู่ในกรรมสิทธิ์นั้นเพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่น
มาตรา 1401 ภาระจำยอมอาจได้มาโดยอายุความ ท่านให้นำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความได้สิทธิอันกล่าวไว้ในลักษณะ 3 แห่งบรรพนี้มาใช้บังคับโดยอนุโลม
วินิจฉัย
นายสำลีมีอาชีพทำไร่และเลี้ยงปลาขาย ที่ดินของสำลีที่ใช้ทั้งอาศัยปลูกบ้านและทำไร่เลี้ยงปลาอยู่ตรงข้ามกับที่ดินของนายสายมีทางเดินเท้าสาธารณะขั้นอยู่ ที่ดินของนายสายมีสระน้ำอยู่ในที่ดินนั้นนายสำลีทำท่อฝังใต้ถนนสาธารณะสูบน้ำเข้ามาในที่ดินของนายสำลีโดยไม่ได้ขออนุญาตจากนายสายแต่อย่างใด เพื่อใช้ทำไร่เลี้ยงปลาเป็นการใช้เพื่อประโยชน์อสังหาริมทรัพย์ทำให้ที่ดินของนายสำลีเข้าลักษณะภาระจำยอมโดยการครอบครองปรปักษ์แล้ว เมื่อใช้มาได้ประจำแปดปีนายสำลีได้ยกท่อน้ำนั้นขึ้นมาบนถนน ทำให้ชาวบ้านซึ่งใช้ถนนเส้นนั้นเข้าออกไม่สะดวก ชาวบ้านจึงได้บอกกับกำนันให้มาบอกให้นายสำลีรื้อถอนท่อน้ำนั้นออกไปจากถนน แต่นายสำลีก็ยังไม่ยอมรื้อออก หลังจากนั้นมาได้สองปีครึ่งนายสายทราบจึงห้ามไม่ให้นายสำลีสูบน้ำจากที่ดินของตนและรื้อท่อน้ำนั้นออกไป แต่นายสำลีไม่ยอม ดังนี้นายสำลีได้ภาระจำยอมโดยการครอบครองปรปักษ์ในการใช้น้ำในบ่อนั้นอันได้มาโดยอายุความแล้ว ตามมาตรา 1387 ประกอบมาตรา 1382 และมาตรา 1401
สรุป นายสำลีย่อมได้ภาระจำยอมโดยการครอบครองปรปักษ์ในการใช้น้ำในบ่อน้ำนั้นแล้ว