การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2548

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW  1003  กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยนิติกรรมและสัญญา

Advertisement

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  4  ข้อ

ข้อ  1  สมบัติเป็นผู้เยาว์ทำสัญญาซื้อรถจักรยานยนต์คันหนึ่งจากร้านของสุเทพราคา  40,000  บาทโดยไม่ได้บอกให้สมชายซึ่งเป็นบิดาของตนทราบ  หลังจากซื้อรถจักรยานยนต์มาได้  10  วัน  สมชายทราบเรื่องจึงแสดงเจตนาบอกล้างสัญญาซื้อขายรถจักรยานยนต์ดังกล่าวโดย

ก.      สมชายไปที่ร้านของสุเทพและพูดบอกล้างสัญญาซื้อขายรถจักรยานยนต์ต่อสุเทพ  กรณีหนึ่ง


ข.      
สมชายทำหนังสือบอกล้างสัญญาซื้อขายรถจักรยานยนต์ดังกล่าวแล้วมอบให้นิตยาถือไปส่งให้สุเทพที่ร้านของสุเทพ  แต่ปรากฏว่าสุเทพไม่อยู่  นิตยาจึงส่งหนังสือบอกล้างสัญญาซื้อขายรถจักรยานยนต์นั้นให้ไว้แก่ กิมแชเจ้าของร้านขายของชำซึ่งอยู่ติดกับร้านของสุเทพรับไว้แทนอีกกรณีหนึ่ง

ในแต่ละกรณีดังกล่าว  การแสดงเจตนาบอกล้างสัญญาซื้อขายรถจักรยานยนต์ซึ่งสมชายกระทำต่อสุเทพมีผลในกฎหมายประการใด  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

ก 

มาตรา  168  การแสดงเจตนาที่กระทำต่อบุคคลซึ่งอยู่เฉพาะหน้า  ให้ถือว่ามีผลนับแต่ผู้รับการแสดงเจตนาได้ทราบการแสดงเจตนานั้น

วินิจฉัย

สมชายไปที่ร้านของสุเทพและพูดบอกล้างสัญญาซื้อขายรถจักรยานยนต์ต่อสุเทพ  เป็นการแสดงเจตนาต่อบุคคลซึ่งอยู่เฉพาะหน้า  และถือได้ว่าสุเทพได้ทราบการแสดงเจตนาบอกล้างของสมชายแล้ว  ดังนั้นการแสดงเจตนาบอกล้างสัญญาซื้อขายรถจักรยานยนต์ซึ่งสมชายกระทำต่อสุเทพดังกล่าวจึงมีผลสมบูรณ์แล้ว

มาตรา  169  วรรคหนึ่ง  การแสดงเจตนาที่กระทำต่อบุคคลซึ่งมิได้อยู่เฉพาะหน้า  ให้ถือว่ามีผลนับแต่เวลาที่การแสดงเจตนานั้นไปถึงผู้รับการแสดงเจตนา

วินิจฉัย

สมชายทำหนังสือบอกล้างสัญญาซี้อขายรถจักรยานยนต์ระหว่างสมบัติกับสุเทพ  แล้วมอบให้นิตยาถือไปส่งให้สุเทพที่ร้านของสุเทพ  เป็นการแสดงเจตนาต่อบุคคลซึ่งมิได้อยู่เฉพาะหน้า  กรณีปรากฏว่าสุเทพไม่อยู่  นิตยาจึงส่งหนังสือบอกล้างสัญญาซื้อขายนั้นให้ไว้แก่กิมแชเจ้าของร้านขายของชำซึ่งอยู่ติดกับร้านของสุเทพรับไว้แทน  ยังถือไม่ได้ว่าการแสดงเจตนาของสมชายได้ถูกส่งไปอยู่ในเงื้อมมือของ สุเทพซึ่งตามพฤติการณ์ปกติสุเทพย่อมรู้หรือควรจะรู้ว่ามีการแสดงเจตนาส่งมา ที่ตน  กรณีเช่นนี้ถือว่าการแสดงเจตนาของสมชายยังไม่ไปถึงสุเทพ  ดังนั้นการแสดงเจตนาบอกล้างสัญญาซื้อขายรถจักรยานยนต์ซึ่งสมชายกระทำต่อสุเทพจึงยังไม่มีผลสมบูรณ์

 

ข้อ  2  ก.  เป็นพนักงานการเงินของบริษัท  ข.  ถูกผู้จัดการบริษัทฯ เรียกเข้าพบ  เพื่อว่ากล่าวกรณีตรวจพบการทุจริตเกี่ยวกับการเงินของ  ก.   พร้อมแจ้งให้  ก.  ลาออกจากบริษัทฯ  มิเช่นนั้นจะแจ้งความดำเนินคดีกับ  ก.  ด้วยความกลัว  ก.  ได้ลาออกจากบริษัทฯ  หลังจากนั้น  ก.  ได้กลับมาเรียกร้องเงินชดเชยจำนวน  6  เดือนจากบริษัทฯ  บริษัทฯปฏิเสธโยอ้างว่า  ก.  ลาออกเอง  ก.  ต่อสู้ว่าถูกขู่ให้ออกมิได้สมัครใจลาออกแต่อย่างใด  ก.  จึงมีสิทธิได้รับเงินชดเชยดังกล่าว

ดังนี้ข้อต่อสู้ของ  ก.  ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  165  วรรคหนึ่ง  การขู่ว่าจะใช้สิทธิตามปกตินิยม  ไม่ถือว่าเป็นการข่มขู่

วินิจฉัย

เมื่อผู้จัดการบริษัท  ตรวจพบการทุจริตเกี่ยวกับการเงินของ  ก  พร้อมแจ้งให้  ก  ลาออกจากบริษัท  มิฉะนั้นจะแจ้งความดำเนินคดีกับ  ก  กรณีเป็นการใช้สิทธิตามปกตินิยมของผู้จัดการบริษัท  แม้ต่อมา  ก  จะลาออกด้วยความกลัว  ก็ไม่ถือว่าเป็นการข่มขู่

ดังนั้น  ข้อต่อสู้ของ  ก  ว่าถูกขู่ให้ลาออกจึงมิชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด  เพราะการขู่ว่าจะใช้สิทธิตามปกตินิยมของผู้จัดการบริษัท  ไม่ถือว่าเป็นการข่มขู่

 

ข้อ  3  นายเอกได้ทำสัญญาซื้อเชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์จากร้านของนายโท  1  เครื่อง  ราคา  80,000  บาท  เมื่อวันที่  15  กุมภาพันธ์  2546  มีกำหนดชำระหนี้ภายในวันที่  15  มีนาคม  2546  ในวันทำสัญญาขายเชื่อ  นายเอกได้เขียนหนังสือให้นายโทไว้  1  ฉบับ  มีใจความว่า  ข้าพเจ้านายเอกขอสละประโยชน์แห่งอายุความ  หนี้รายนี้ถ้าถึงกำหนดแล้วนายเอกไม่นำเงินมาชำระ  นายโทจะทวงถามหรือนำคดีไปฟ้องร้องต่อศาลในเวลาใดก็ได้  แม้จะเกินกำหนดอายุความแล้วก็ตาม  หลังจากหนี้ครบกำหนดนายเอกไม่นำเงินมาชำระให้แก่นายโทเลย  นายโทได้ทวงถามตลอดมาแต่ก็ไม่ได้รับชำระหนี้  จนกระทั่งวันที่  10  กันยายน  2548  นายโทจึงได้นำคดีมาฟ้องร้องต่อศาล  นายเอกต่อสู้ว่าคดีขาดอายุความแล้ว  นายโทอ้างว่ายังไม่ขาดอายุความเพราะนายเอกได้สละประโยชน์แห่งอายุความแล้ว  ข้ออ้างของนายโทฟังขึ้นหรือไม่  เพราะเหตุใด

หมายเหตุ  มาตรา  193/34  สิทธิเรียกร้องดังต่อไปนี้ให้มีกำหนดอายุความสองปี

(1) ผู้ประกอบการค้า…  เรียกเอาค่าของที่ได้ส่งมอบ…

ธงคำตอบ

มาตรา  193/24  เมื่ออายุความครบกำหนดแล้วลูกหนี้จะสละประโยชน์แห่งอายุความนั่นเสียก็ได้

วินิจฉัย

นายเอกได้ทำสัญญาซื้อเชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์จากร้านของนายโทไป  1  เครื่อง  ราคา  80,000  บาท  เมื่อวันที่  15  กุมภาพันธ์  2546  มีกำหนดชำระหนี้ภายในวันที่  15  มีนาคม  2546  เมื่อหนี้ถึงกำหนดนายเอกไม่นำเงินมาชำระ  หนี้รายนี้มีกำหนดอายุความ  2  ปี  ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่  15  มีนาคม  2548  การที่นายโทนำคดีมาฟ้องร้องต่อศาลในวันที่  10  กันยายน  2548  ซึ่งครบกำหนดอายุความ  2  ปีไปแล้ว  คดีจึงขาดอายุความ  แม้นายเอกจะเขียนหนังสือขอสละประโยชน์แห่งอายุความให้ไว้แก่นายโทก็ตาม  ก็ไม่มีผลตามกฎหมาย  เพราะการสละประโยชน์แห่งอายุความจะต้องสละเมื่ออายุความครบกำหนดแล้ว  แต่กรณีนี้นายเอกได้สละประโยชน์ในวันทำสัญญาซื้อขายเชื่อ  การสละประโยชน์จึงไม่มีผลเพราะขัดต่อมาตรา  193/24

ดังนั้น  ข้ออ้างของนายโทจึงฟังไม่ขึ้น

 

ข้อ  4  ก.  ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดหลักเกณฑ์การชำระหนี้ตามสัญญาต่างตอบแทนไว้อย่างไร  ให้อธิบายพอสังเขป

ข  นายพิชิตตกลงขายรถยนต์ของตนคันหนึ่งแก่นายพิชัยราคาสองแสนบาท  กำหนดชำระเงินราคารถยนต์กันในวันที่  20  เมษายนต์  2546  แต่เมื่อวันที่  10  เมษายนต์  2546  เกิดไฟไหม้อาคารในบริเวณใกล้เคียงกับบ้านของนายพิชิต  แล้วลุกลามมาไหม้บ้านของนายพิชิตรวมทั้งรถยนต์ที่นายพิชิตเตรียมส่งมอบให้แก่นายพิชัยด้วยเสียหายทั้งหมด  นายพิชิตจึงไม่สามารถส่งมอบรถยนต์ให้แก่นายพิชัยได้  เช่นนี้  นายพิชัยต้องชำระราคารถยนต์ให้แก่นายพิชิตหรือไม่เพียงใด  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  369  ในสัญญาต่างตอบแทนนั้น  คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งจะไม่ยอมชำระหนี้จนกว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะชำระหนี้หรือขอปฏิบัติการชำระหนี้ได้  แต่ข้อความนี้ท่านมิให้ใช้บังคับถ้าหนี้ของคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งยังไม่ถึงกำหนด

อธิบาย  จากหลักกฎหมายดังกล่าว  จะเห็นได้ว่า  ป.พ.พ.  กำหนดหลักเกณฑ์การชำระหนี้ตามสัญญาต่างตอบแทนไว้ดังนี้

หลักทั่วไป  คู่สัญญาแต่ละฝ่ายต้องชำระหนี้ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งเป็นการตอบแทนซึ่งกันและกันในเวลาเดียวกัน  ถ้าคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งชำระหนี้หรือไม่ขอปฏิบัติการชำระหนี้  คู่สัญญาฝ่ายแรกมีสิทธิที่จะยังไม่ชำระหนี้ก็ได้

ข้อยกเว้น  หลักทั่วไปดังกล่าวมิให้ใช้บังคับ  ถ้าหนี้ของคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งยังไม่ถึงกำหนด

ข 

มาตรา  370  วรรคหนึ่ง  ถ้าสัญญาต่างตอบแทนมีวัตถุประสงค์เป็นการก่อให้เกิดหรือโอนทรัพย์ สิทธิในทรัพย์เฉพาะสิ่งและทรัพย์นั้นสูญหรือเสียหายไปด้วยเหตุอย่างใดอย่าง หนึ่ง  อันจะโทษลูกหนี้มิได้ไซร้  ท่านว่า  การสูญหรือเสียหายนั้นตกเป็นพับแก่เจ้าหนี้

วินิจฉัย

การทำสัญญาซื้อขายรถยนต์ระหว่างนายพิชิตกับนายพิชัยเป็นการทำสัญญาต่างตอบแทนมีวัตถุประสงค์เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์เฉพาะสิ่ง  เมื่อปรากฏว่ารถยนต์ที่นายพิชิตเตรียมส่งมอบให้แก่นายพิชัยถูกไฟไหม้เสียหายหมด  โดยไฟนั้นลุกลามมาจากอาคารในบริเวณใกล้เคียงกับบ้านของนายพิชิต  จึงเป็นกรณีที่ทรัพย์นั้นสูญหรือเสียหายไปด้วย  เหตุอันจะโทษนายพิชิต  (ลูกหนี้ในอันที่จะต้องส่งมอบรถยนต์)  มิได้  การสูญหรือเสียหายนั้นจึงตกเป็นพับแก่นายพิชัย  (เจ้าหนี้ในอันที่จะได้รับมอบรถยนต์)

ดังนั้น  ถึงแม้นายพิชิตไม่สามารถส่งมอบรถยนต์ให้แก่นายพิชัยได้  นายพิชัยก็ยังต้องชำระราคารถยนต์ให้แก่นายพิชิตเต็มจำนวน  คือ  สองแสนบาท

Advertisement