คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 3 ข้อ
ข้อ 1 การที่รัฐสภาตรากฎหมายขึ้นมาย่อมมีผลใช้บังคับในราชอาณาจักรไทย ให้นักศึกษาอธิบายคำว่า “ราชอาณาจักรไทย” ว่ามีความหมายเพียงใด มาโดยละเอียด
ธงคำตอบ
หลักทั่วไปมีว่า กฎหมายของประเทศใด ย่อมมีผลใช้บังคับในเขตแดนที่ตนเองมีอำนาจอธิปไตยเหนือเขตแดนนั้น ดังนั้น การที่รัฐสภาตรากฎหมายขึ้นมาย่อมมีผลใช้บังคับในราชอาณาจักรไทย ซึ่งคำว่า “ราชอาณาจักรไทย” หมายถึง
1 พื้นแผ่นดินในประเทศไทยซึ่งรวมถึง แม่น้ำ ลำคลอง ส่วนการจะกำหนดว่าบริเวณใดเป็นอาณาเขตประเทศไทยในกรณีที่มีเขตแดนติดต่อกับประเทศข้างเคียง ก็ต้องมีการทำข้อตกลงในเรื่องการปักปันเขตแดนร่วมกัน
3 ทะเลอันห่างจากชายฝั่งที่เป็นดินแดนของประเทศไทย ไม่เกิน 12 ไมล์ทะเล หรือเรียกกันว่าทะเลอาณาเขตของประเทศไทย 4 พื้นที่อากาศเหนือข้อ 1. 2 . และ 3.
หมายเหตุ
สถานทูตของต่างประเทศที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย เป็นการตั้งอยู่ในราชอาณาจักรไทย เพียงแต่สถานทูตของต่างประเทศเหล่านั้นได้รับเอกสิทธิ์และการคุ้มกันไม่ให้ผู้อื่นเข้าไปในสถานทูต ขณะเดียวกันสถานทูตไทยที่ตั้งอยู่ต่างประเทศก็ไม่ถือว่าตั้งอยู่ในราชอาณาจักรไทย
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 15 วรรคแรก สภาพบุคคลย่อมเริ่มแต่เมื่อคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารกและสิ้นสุดลงเมื่อตาย
มาตรา 61 ถ้าบุคคลใดไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ และไม่มีใครรู้แน่ว่าบุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ตลอดระยะเวลา 5 ปี เมื่อผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการร้องขอ ศาลจะสั่งให้บุคคลนั้นเป็นคนสาบสูญก็ได้
ระยะเวลาตามวรรคหนึ่งให้ลดเหลือ 2 ปี
(1) นับแต่วันที่การรบหรือสงครามสิ้นสุดลง ถ้าบุคคลนั้นอยู่ในการรบหรือสงคราม และหายไปในการรบหรือสงครามดังกล่าว
(2) นับแต่วันที่ยานพาหนะที่บุคคลนั้นเดินทาง อับปาง ถูกทำลาย หรือสูญหายไป
(3) นับแต่วันที่เหตุอันตรายแก่ชีวิตนอกจากที่ระบุไว้ใน (1) หรือ (2) ได้ผ่านพ้นไป ถ้าบุคคลนั้นตกอยู่ในอันตรายเช่นว่านั้น
วินิจฉัย
ตามมาตรา 61 กรณีที่บุคคลจะไปใช้สิทธิทางศาลโดยยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ศาลสั่งให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นคนสาบสูญนั้น ต้องปรากฏว่าบุคคลนั้นได้หายไปโดยไม่มีผู้ใดทราบว่าบุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และได้หายไปจนครบกำหนด 5 ปีหรือ 2 ปี แล้วแต่กรณี และผู้ที่มีสิทธิไปร้องขอต่อศาลได้นั้นต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียด้วย
ตามอุทาหรณ์ การที่นายแสนได้สูญหายไปเนื่องจากน้ำป่าไหลหลาก ซึ่งเป็นเหตุอันตรายถึงแก่ชีวิตนั้น ถือเป็นการสูญหายในกรณีพิเศษตามมาตรา 61 วรรคสอง (3) เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่านางสมใจเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายแสน จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสีย และมีสิทธิไปร้องขอให้ศาลสั่งให้สามีของตนเป็นคนสาบสูญได้
และเมื่อเป็นการสูญหายไปในกรณีพิเศษ จึงมีผลทำให้ผู้มีส่วนได้เสียสามารถร้องขอต่อศาลได้เมื่อครบ 2 ปี นับแต่วันที่เหตุอันตรายแก่ชีวิตได้ผ่านพ้นไป จากข้อเท็จจริงดังกล่าวได้เกิดน้ำป่าไหลหลากและนายแสนได้สูญหายไปในวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 จึงครบกำหนด 2 ปี ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2552 ดังนั้น นางสมใจจะเริ่มไปใช้สิทธิร้องขอต่อศาลได้ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2552 ตามมาตรา 61 วรรคสอง (3)
ส่วนกรณีของนางสมจิตภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายสมนั้น ไม่สามารถจะไปร้องขอต่อศาลเพื่อสั่งให้สามีของตนเป็นคนสาบสูญได้ เพราะเมื่อมีการพบศพนายสมย่อมถือว่านายสมได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดสภาพบุคคลโดยการตายธรรมดา ตามมาตรา 15 วรรคแรก
สรุป นางสมใจมีสิทธิไปร้องขอให้ศาลสั่งให้สามีของตนเป็นคนสาบสูญได้ โดยจะเริ่มไปใช้สิทธิทางศาลได้ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2552 ส่วนนางสมจิตไม่มีสิทธิไปร้องขอให้ศาลสั่งให้สามีของตนเป็นคนสาบสูญ
ข้อ 3 จงอธิบายโดยยกหลักกฎหมายประกอบคำอธิบายมาโดยชัดเจนว่า บุคคลดังจะกล่าวต่อไปนี้ทำนิติกรรมได้หรือไม่ และมีผลในทางกฎหมายอย่างไร
1) ไก่อายุ 18 ปีบริบูรณ์ ซื้อรถยนต์ด้วยเงินของตนเอง ซึ่งมีมูลค่า 5 ล้านบาทจากนายดำคนสะสมรถหรูใช้แล้ว
2) ไข่คนไร้ความสามารถ ได้รับอนุญาตจากนางแดงผู้อนุบาล ให้ไปซื้อรถจักรยานยนต์จากร้านนายขวดในราคา 7 หมื่นบาท และอนุญาตให้จดทะเบียนสมรสกับนางสาวปลา ซึ่งมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์เท่ากัน
3) เป็ดคนวิกลจริตไปซื้อโทรทัศน์จากร้านนายห่าน ในราคา 5 หมื่นบาท ในขณะกำลังวิกลจริต แต่นายห่านไม่ทราบว่านายเป็ดเป็นคนวิกลจริต
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 21 ผู้เยาว์จะทำนิติกรรมใดๆต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน การใดๆที่ผู้เยาว์ได้ทำลงไปโดยปราศจากความยินยอมเช่นว่านั้นเป็นโมฆียะ เว้นแต่จะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น
มาตรา 29 การใดๆอันบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถได้กระทำลง การนั้นเป็นโมฆียะ
มาตรา 30 การใดๆอันบุคคลวิกลจริตซึ่งศาลยังมิได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถได้กระทำลง การนั้นจะเป็นโมฆียะต่อเมื่อได้กระทำในขณะที่บุคคลนั้นจริตวิกลอยู่ และคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งรู้แล้วด้วยว่าผู้กระทำเป็นคนวิกลจริต
มาตรา 1449 การสมรสจะกระทำมิได้ถ้าชายหรือหญิงเป็นบุคคลวิกลจริต หรือเป็นบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ
มาตรา 1495 การสมรสที่ฝ่าฝืน มาตรา 1449 มาตรา 1450 มาตรา 1452 และมาตรา 1458 เป็นโมฆะ
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ วินิจฉัยได้ดังนี้ คือ
1) โดยหลัก ผู้เยาว์จะทำนิติกรรมใดๆ จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน มิฉะนั้นนิติกรรมที่ผู้เยาว์ทำขึ้นจะตกเป็นโมฆียะตามมาตรา 21 เว้นแต่นิติกรรมบางประเภทที่กฎหมายกำหนดให้ผู้เยาว์สามารถทำเองได้โดยลำพังตนเองและมีผลสมบูรณ์ เช่น นิติกรรมที่ผู้เยาว์ต้องทำเองเฉพาะตัว นิติกรรมที่จำเป็นในการดำรงชีพของผู้เยาว์ หรือนิติกรรมที่ทำให้ผู้เยาว์ได้ไปซึ่งสิทธิอันใดอันหนึ่งหรือหลุดพ้นจากหน้าที่อันใดอันหนึ่ง เป็นต้น ตามปัญหา การที่นายไก่อายุ 18 ปีบริบูรณ์ ซึ่งยังเป็นผู้เยาว์ นำเงินส่วนตัวไปซื้อรถยนต์นั้น ไม่ถือเป็นนิติกรรมที่จำเป็นในการดำรงชีพของผู้เยาว์ หรือนิติกรรมที่ผู้เยาว์ต้องทำเองเฉพาะตัว หรือนิติกรรมที่ผู้เยาว์จะได้ไปซึ่งสิทธิหรือเพื่อให้หลุดพ้นจากหน้าที่อันใดอันหนึ่ง ซึ่งเป็นข้อยกเว้นที่ผู้เยาว์สามารถทำได้เองโดยลำพังแต่อย่างใด ดังนั้นเมื่อปรากฏว่านายไก่ไม่ได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม สัญญาซื้อขายรถยนต์ดังกล่าวจึงมีผลเป็นโมฆียะ ตามมาตรา 21
2) ตามมาตรา 29 กฎหมายได้บัญญัติห้ามมิให้คนไร้ความสามารถทำนิติกรรมใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าคนไร้ความสามารถฝ่าฝืนไปทำนิติกรรม ไม่ว่าจะได้รับความยินยอมจากผู้อนุบาลหรือไม่ก็ตาม นิติกรรมนั้นจะตกเป็นโมฆียะ
ตามปัญหา การที่นายไข่คนไร้ความสามารถได้ทำนิติกรรมโดยการไปซื้อรถจักรยานยนต์จากร้านของนายขวดนั้น ถึงแม้การทำนิติกรรมดังกล่าวของนายไข่จะได้รับอนุญาต คือได้รับความยินยอมจากนางแดงผู้อนุบาลก็ตาม
นิติกรรมดังกล่าวก็ย่อมตกเป็นโมฆียะ ตามมาตรา 29
ส่วนการสมรสของนายไข่นั้นเป็นโมฆะ เพราะบุคคลวิกลจริตหรือบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถนั้น กฎหมายห้ามมิให้ทำการสมรส (มาตรา 1449) เมื่อมีการฝ่าฝืนจึงตกเป็นโมฆะ (มาตรา 1495)
3) โดยหลักของมาตรา 30 คนวิกลจริตซึ่งศาลยังมิได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถทำนิติกรรมใดๆ นิติกรรมนั้นมีผลสมบูรณ์ เว้นแต่จะตกเป็นโมฆียะก็ต่อเมื่อได้ทำนิติกรรมนั้นในขณะจริตวิกล และคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้รู้อยู่แล้วว่าผู้ทำนิติกรรมเป็นคนวิกลจริต
ตามปัญหา การที่นายเป็ดคนวิกลจริตไปซื้อโทรทัศน์จากร้านของนายห่านในขณะกำลังวิกลจริต แต่เมื่อนายห่านไม่ทราบว่านายเป็ดเป็นคนวิกลจริต ดังนั้นนิติกรรมการซื้อขายโทรทัศน์ระหว่างนายเป็ดกับนายห่านจึงมีผลสมบูรณ์ไม่ตกเป็นโมฆียะ
สรุป
1) สัญญาซื้อขายรถยนต์มีผลเป็นโมฆียะ
2) สัญญาซื้อขายรถจักรยานยนต์มีผลเป็นโมฆียะ ส่วนการสมรสมีผลเป็นโมฆะ
3) สัญญาซื้อขายโทรทัศน์มีผลสมบูรณ์