การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2552
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW1002 หลักกฎหมายเอกชน
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 3 ข้อ
ข้อ 1 จงอธิบายหลักในการใช้และตีความกฎหมายแพ่ง หรือกฎหมายเอกชน มาโดยถูกต้องและครบถ้วน
ธงคำตอบ
หลักกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 4 วรรคแรก กฎหมายนั้น ต้องใช้ในบรรดากรณีซึ่งต้องด้วยบทบัญญัติใดๆ แห่งกฎหมายตามตัวอักษร หรือตามความมุ่งหมายของบทบัญญัตินั้นๆ
อธิบาย
กฎหมายแพ่งหรือกฎหมายเอกชน เป็นกฎหมายที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับเอกชน ดังนั้น หลักในการใช้และการตีความกฎหมายแพ่งจึงต้องใช้หลักกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 4 วรรคแรก ที่บัญญัติว่า “กฎหมายนั้น ต้องใช้ในบรรดากรณีซึ่งต้องด้วยบทบัญญัติใดๆ แห่งกฎหมายตามตัวอักษร หรือตามความมุ่งหมายของบทบัญญัตินั้นๆ”
ดังนั้น การตีความกฎหมายแพ่งจึงใช้ทั้งตัวอักษรและเจตนารมณ์ของกฎหมายพร้อมๆกัน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่คู่กรณีทั้งสองฝ่าย
ตัวอย่างเช่น กฎหมายลักษณะมรดก มาตรา 1627 บัญญัติว่า “บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้วและบุตรบุญธรรมนั้น ให้ถือว่าเป็นผู้สืบสันดานเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย” ซึ่งคำว่า “บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว” เป็นถ้อยคำของกฎหมายที่มีความหมายกำกวมไม่ชัดเจน กล่าวคือ ไม่แน่ชัดว่าจะใช้ความหมายอย่างแคบ ซึ่งหมายถึงการรับรองโดยนิตินัย เช่น การจดทะเบียนรับรองบุตร หรือจะใช้ความหมายอย่างกว้าง
ซึ่งหมายถึงการรับรองโดยพฤตินัย เช่น การที่บิดาให้ใช้นามสกุล อุปการะเลี้ยงดูให้การศึกษาและเปิดเผยแก่บุคคลทั่วไปว่าเด็กเป็นบุตรของตน และเมื่อมีการตีความตามตัวอักษรประกอบกับความมุ่งหมาย หรือ เจตนารมณ์ของกฎหมายลักษณะมรดกแล้ว จะเห็นได้ว่ากฎหมายมรดกมีความประสงค์ที่จะให้บุตรที่จะเป็นผู้สืบสันดานและมีสิทธิรับมรดกนั้น หมายถึง บุตรตามความเป็นจริง กล่าวคือ แม้จะเป็นบุตรนอกกฎหมายแต่ถ้าหากบิดาได้รับรองโดยพฤตินัยแล้วก็มีสิทธิรับมรดกของบิดาได้เช่นเดียวกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อ 2 นายจอก นางจิก เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายและมีบุตรด้วยกันหนึ่งคนคือ นายเจี๊ยบ ในวันที่ 1 มกราคม 2550 นายจอกและนายเจี๊ยบไปเที่ยวทะเลที่จังหวัดตรัง ในวันนั้นเอง เรือที่พ่อลูกโดยสารไปเจอพายุ เรือล่ม มีคนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก วันที่ 5 มกราคม 2550 พบศพนายเจี๊ยบ แต่ไม่มีใครพบเห็นตัว หรือได้รับข่าวจากนายจอกเลย
1) นางจิก จะร้องขอให้นายจอกและนายเจี๊ยบ เป็นคนสาบสูญได้หรือไม่
2) เป็นคนสาบสูญกรณีใด และครบกำหนดเมื่อใด วันเริ่มมีสิทธิไปร้องขอต่อศาลเป็นวันใด จงอธิบาย
ธงคำตอบ
หลักกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 15 วรรคแรก สภาพบุคคลย่อมเริ่มแต่เมื่อคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารกและสิ้นสุดลงเมื่อตาย
มาตรา 61 ถ้าบุคคลใดไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ และไม่มีใครรู้แน่ว่าบุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ตลอดระยะเวลา 5 ปี เมื่อผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการร้องขอ ศาลจะสั่งให้บุคคลนั้นเป็นคนสาบสูญก็ได้
ระยะเวลาตามวรรคหนึ่งให้ลดเหลือ 2 ปี
(1) นับแต่วันที่การรบหรือสงครามสิ้นสุดลง ถ้าบุคคลนั้นอยู่ในการรบหรือสงคราม และหายไปในการรบหรือสงครามดังกล่าว
(2) นับแต่วันที่ยานพาหนะที่บุคคลนั้นเดินทาง อับปาง ถูกทำลาย หรือสูญหายไป
(3) นับแต่วันที่เหตุอันตรายแก่ชีวิตนอกจากที่ระบุไว้ใน (1) หรือ (2) ได้ผ่านพ้นไป ถ้าบุคคลนั้นตกอยู่ในอันตรายเช่นว่านั้น
วินิจฉัย
การที่ศาลจะสั่งให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นคนสาบสูญ ตามมาตรา 61 จะต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ์ ดังนี้คือ
1 ไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ และไม่มีใครรู้แน่ว่าบุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
2 ติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปี สำหรับกรณีสาบสูญธรรมดา นับจากวันที่บุคคลนั้นไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ หรือกรณีพิเศษ ติดต่อกันเป็นเวลา 2 ปีนับแต่(1) นับแต่วันที่การรบหรือสงครามสิ้นสุดลง ถ้าบุคคลนั้นอยู่ในการรบหรือสงคราม และหายไปในการรบหรือสงครามดังกล่าว
(2) นับแต่วันที่ยานพาหนะที่บุคคลนั้นเดินทาง อับปาง ถูกทำลาย หรือสูญหายไป
(3) นับแต่วันที่เหตุอันตรายแก่ชีวิตนอกจากที่ระบุไว้ใน (1) หรือ (2) ได้ผ่านพ้นไป ถ้าบุคคลนั้นตกอยู่ในอันตรายเช่นว่านั้น
3 ผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการร้องขอต่อศาล
4 ศาลมีคำสั่งให้บุคคลนั้นเป็นคนสาบสูญกรณีตามอุทาหรณ์
1) นางจิกจะร้องขอให้นายจอกและนายเจี๊ยบเป็นคนสาบสูญได้หรือไม่ เห็นว่าตามกฎหมายบุคคลที่จะร้องขอต่อศาลเพื่อสั่งให้บุคคลใดเป็นคนสาบสูญ บุคคลนั้นต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือเป็นพนักงานอัยการ
กรณีนายจอก เมื่อนางจิกและนายจอกเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย นางจิกจึงมีฐานะเป็นคู่สมรสอันถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียจึงมีสิทธิร้องขอต่อศาลให้สั่งให้นายจอกสามีเป็นคนสาบสูญได้
กรณีนายเจี๊ยบ เมื่อได้ความว่า ภายหลังจากที่เจอพายุ เรือล่ม ได้พบศพนายเจี๊ยบแล้ว กรณีจึงถือว่านายเจี๊ยบได้สิ้นสุดสภาพบุคคล คือ ตายแล้วตามมาตรา 15 นางจิกจึงร้องขอให้นายเจี๊ยบเป็นคนสาบสูญไม่ได้
2) เมื่อได้ความว่า ในวันที่ 1 มกราคม 2550 นายจอกได้ไปเที่ยวทะเลที่จังหวัดตรัง ระหว่างเดินทางเรือที่นายจอกโดยสารเจอพายุเรือล่ม มีคนบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีใครพบเห็นตัวหรือได้รับข่าวหรือได้รับการติดต่อจากนายจอกอีกเลย กรณีจึงถือว่านายจอกได้หายไปจากถิ่นที่อยู่ และไม่มีใครรู้แน่ว่าบุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ นับแต่วันที่เรือซึ่งเป็นยานพาหนะที่นายจอกนั้นเดินทางอับปาง อันเป็นเรื่องของการร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเป็นคนสาบสูญกรณีพิเศษตามมาตรา 61 วรรคสอง (2)
สำหรับวันครบกำหนด เมื่อเป็นการสาบสูญกรณีพิเศษ มีผลทำให้ผู้มีส่วนได้เสียสามารถร้องขอต่อศาลได้เมื่อครบ 2 ปี นับแต่วันที่ยานพาหนะที่บุคคลนั้นเดินทางอับปาง เมื่อปรากฏว่าเรือเจอพายุอับปางในวันที่ 1 มกราคม 2550 วันที่ครบกำหนด 2 ปี คือวันที่ 1 มกราคม 2552 และเริ่มมีสิทธิไปร้องขอต่อศาลได้ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2552 เป็นต้นไป
สรุป
1) นางจิกร้องขอให้นายเจี๊ยบเป็นคนสาบสูญไม่ได้ แต่ร้องขอให้นายจอกเป็นคนสาบสูญได้
2) เป็นการสาบสูญกรณีพิเศษ วันครบกำหนด คือ วันที่ 1 มกราคม 2552 และเริ่มมีสิทธิไปร้องขอต่อศาลได้ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2552 เป็นต้นไป
ข้อ 3 บุคคลดังจะกล่าวต่อไปนี้ทำนิติกรรมจะมีผลในทางกฎหมายอย่างไร
1) ไก่อายุ 18 ปีบริบูรณ์ ถอนเงินส่วนตัว 6 แสนบาทเพื่อไปซื้อรถยนต์ 1 คัน มีวิธีการอย่างไรที่จะทำให้นิติกรรมที่ทำขึ้นสมบูรณ์
2) ไข่คนเสมือนไร้ความสามารถให้เพื่อนยืมแหวนไปใช้ในงานแต่งงานโดยลำพัง การให้ยืมแหวนเพชร มีผลอย่างไร
3) ขวดคนไร้ความสามารถ ได้รับอนุญาตจากนางขิมผู้อนุบาลให้ไปซื้อโทรทัศน์จากร้านนายดำ มูลค่า 4 หมื่นบาท
4) นางขิงคนวิกลจริตไปซื้อตู้เย็นจากนายข่าในขณะกำลังวิกลจริต แต่นายข่าไม่ทราบว่านางขิงวิกลจริต
ธงคำตอบ
หลักกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 21 ผู้เยาว์จะทำนิติกรรมใดๆต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน การใดๆที่ผู้เยาว์ได้ทำลงไปโดยปราศจากความยินยอมเช่นว่านั้นเป็นโมฆียะ เว้นแต่จะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น
มาตรา 29 การใดๆอันบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถได้กระทำลง การนั้นเป็นโมฆียะ
มาตรา 30 การใดๆอันบุคคลวิกลจริตซึ่งศาลยังมิได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถได้กระทำลง การนั้นจะเป็นโมฆียะต่อเมื่อได้กระทำในขณะที่บุคคลนั้นจริตวิกลอยู่ และคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งรู้แล้วด้วยว่าผู้กระทำเป็นคนวิกลจริต
มาตรา 34 คนเสมือนไร้ความสามารถนั้น ต้องได้รับความยินยอมของผู้พิทักษ์ก่อนแล้วจึงจะกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ได้
(3) กู้ยืมเงินหรือให้กู้ยืมเงิน ยืมหรือให้ยืมสังหาริมทรัพย์อันมีค่าวินิจฉัย
1) ตามมาตรา 21 นั้น กฎหมายได้วางหลักไว้ว่าผู้เยาว์จะทำนิติกรรมใดๆ จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน มิฉะนั้นนิติกรรมที่ผู้เยาว์ได้ทำขึ้นจะตกเป็นโมฆียะ เว้นแต่นิติกรรมบางประเภทที่ผู้เยาว์สามารถทำได้โดยลำพังตนเอง และมีผลสมบูรณ์โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม
ตามปัญหา การที่ไก่ซึ่งเป็นผู้เยาว์ได้ถอนเงินส่วนตัว 6 แสนบาท เพื่อไปซื้อรถยนต์นั้น เมื่อนิติกรรมซื้อขายรถยนต์ ไม่ใช่นิติกรรมที่เข้าข้อยกเว้นที่ผู้เยาว์สามารถทำได้โดยลำพังตนเอง เพราะไม่ใช่นิติกรรมที่จำเป็นในการดำรงชีพของผู้เยาว์ หรือนิติกรรมที่ผู้เยาว์ต้องทำเองเฉพาะตัว ดังนั้นถ้าจะให้นิติกรรมดังกล่าวมีผลสมบูรณ์ ไก่จะต้องขอความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมเสียก่อน จึงจะทำนิติกรรมนั้นได้
2) โดยทั่วไป คนเสมือนไร้ความสามารถทำนิติกรรมใดๆ ได้โดยลำพังตนเอง และมีผลสมบูรณ์ เว้นแต่นิติกรรมที่สำคัญบางอย่างที่บัญญัติไว้ในมาตรา 34 ที่คนเสมือนไร้ความสามารถจะทำต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์ก่อน มิฉะนั้นจะตกเป็นโมฆียะ
ตามปัญหา การที่ไข่คนเสมือนไร้ความสามารถได้ให้เพื่อนยืมแหวนเพชรโดยลำพังคือ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์นั้น เมื่อการให้ยืมแหวนเพชรเป็นนิติกรรมที่ไม่เข้าข้อยกเว้นของมาตรา 34(3) เพราะไม่ใช่การให้ยืมสังหาริมทรัพย์อันมีค่า (สังหาริมทรัพย์ที่เมื่อมีการจำหน่ายจ่ายโอน ต้องมีการทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่) ดังนั้น ไข่คนเสมือนไร้ความสามารถจึงสามารถทำได้โดยลำพังตนเองและมีผลสมบูรณ์ ไม่ตกเป็นโมฆียะ
3) ตามมาตรา 29 กฎหมายได้บัญญัติห้ามมิให้คนไร้ความสามารถทำนิติกรรมใดๆทั้งสิ้น ถ้าคนไร้ความสามารถฝ่าฝืนไปทำนิติกรรม ไม่ว่าจะได้รับความยินยอมจากผู้อนุบาลหรือไม่ก็ตาม นิติกรรมนั้นจะตกเป็นโมฆียะ
ตามปัญหา การที่ขวดคนไร้ความสามารถไปทำนิติกรรมโดยการไปซื้อโทรทัศน์จากร้านของนายดำ ดังนี้แม้การทำนิติกรรมดังกล่าวของขวดคนไร้ความสามารถจะได้รับอนุญาต คือได้รับความยินยอมจากนางขิมผู้อนุบาลก็ตาม นิติกรรมนั้นก็จะตกเป็นโมฆียะ
4) โดยหลักของมาตรา 30 คนวิกลจริตซึ่งศาลยังมิได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถทำนิติกรรมใดๆ นิติกรรมนั้นมีผลสมบูรณ์ เว้นแต่จะตกเป็นโมฆียะก็ต่อเมื่อได้ทำนิติกรรมนั้นในขณะจริตวิกล และคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้รู้อยู่แล้วว่าผู้ทำนิติกรรมเป็นคนวิกลจริต
ตามปัญหา การที่นางขิงคนวิกลจริตได้ไปซื้อตู้เย็นจากนายข่าในขณะกำลังวิกลจริต แต่เมื่อนายข่าไม่ทราบว่านางขิงเป็นคนวิกลจริต ดังนั้นนิติกรรมการซื้อขายตู้เย็นระหว่างนางขิงและนายข่าจึงมีผลสมบูรณ์ไม่ตกเป็นโมฆียะ
สรุป
1) ไก่จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน นิติกรรมการซื้อขายรถยนต์ที่ทำขึ้นจึงจะมีผลสมบูรณ์
2) นิติกรรมการให้ยืมแหวนเพชรมีผลสมบูรณ์
3) นิติกรรมการซื้อขายโทรทัศน์ระหว่างขวดกับนายดำมีผลเป็นโมฆียะ
4) นิติกรรมการซื้อขายตู้เย็นระหว่างนางขิงกับนายข่ามีผลสมบูรณ์