การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2550
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW1002 หลักกฎหมายเอกชน
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ
ข้อ 1 จงอธิบายถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลสิทธิและทรัพยสิทธิ มาโดยถูกต้องและครบถ้วน
ธงคำตอบ
บุคคลสิทธิ คือ สิทธิที่มีอยู่เหนือบุคคล มีวัตถุแห่งสิทธิเป็นการกระทำหรืองดเว้นการกระทำการหรือส่งมอบทรัพย์สิน ซึ่งในกฎหมายลักษณะหนี้ เรียกว่า “สิทธิเรียกร้อง” สิทธิเหล่านี้เป็นสิทธิที่จะบังคับเอากับลุกหนี้ ทายาท หรือผู้สืบสิทธิของลูกหนี้เท่านั้น
ทรัพยสิทธิ คือ สิทธิที่มีวัตถุแห่งสิทธิเป็นทรัพย์สิน หรือ สิทธิที่มีอยู่เหนือทรัพย์สินโดยตรง เช่น กรรมสิทธิ์ สิทธิครอบครอง สิทธิอาศัย ภาระจำยอม ลิขสิทธิ์ สิทธิในเครื่องหมายการค้า เป็นต้น
ข้อแตกต่างระหว่างสิทธิและทรัพยสิทธิ มีดังนี้
ก) ทรัพยสิทธิมีวัตถุแห่งสิทธิเป็นทรัพย์สิน ส่วนบุคคลสิทธิมีวัตถุแห่งมิทธิที่เกิดจากนิติสัมพันธ์ตามกฎหมายลักษณะหนี้ กล่าวคือ เป็นสิทธิที่เจ้าหนี้สามารถเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้โดยการกระทำการ งดเว้น กระทำการหรือส่งมอบทรัพย์สินให้แก่เจ้าหนี้
ข) ทรัพยสิทธิเกิดขึ้นโดยผลแห่งบทบัญญัติของกฎหมาย ส่วนบุคคลสิทธิเกิดสิทธิขึ้นโดยผลของนิติกรรมสัญญาหรือนิติเหตุ
ค) ทรัพยสิทธิใช้ยันหรือก่อให้เกิดหน้าที่กับบุคคลทั่วไป ส่วนบุคคลสิทธิใช้ยันหรือก่อให้เกิดหน้าที่แก่บุคคลที่เป็นลูกหนี้เท่านั้น
ง) ทรัพย์ สิทธิที่เกิดขึ้นและมีอยู่อย่างถาวรไม่สิ้นสุดลงไปเพราะการไม่ใช้สิทธินั้น ส่วนบุคคลสิทธิย่อมสิ้นไปเพราะการไม่ใช้สิทธิภายในกำหนดเวลาหรืออายุความที่ กฎหมายกำหนด
ข้อ 2 นายไก่และนาไข่ เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ นายดำและนายแดง ปิดเทอมภาคฤดูร้อนนายแดงได้ไปบำเพ็ญประโยชน์ออกค่ายสร้างโรงเรียนกับชมรมรักถิ่นเกิดจังหวัดชุมพร ในวันที่ 1 เมษายน 2549 เกิดพายุโคลนถล่มหมู่บ้านซึ่งนายดำ นายแดง และเพื่อนๆไปออกค่ายมีคนสูญหายและตายไปหลายคนในวันเกิดเหตุนั้นเอง นายดำได้โทรศัพท์มาแจ้งบิดามารดาทราบว่า นายแดงน้องชายได้หายไป แต่นายไก่และนางไข่ไม่อยู่บ้าน จึงไม่ทราบข่าว ในวันที่ 5 เมษายน 2549 จึงทราบข่าว ติดต่อกับนายดำได้เพิ่งจะทราบว่านายแดงหายตัวไปกับโคลนถล่ม ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน หลังจากนั้นนายไก่และนางไข่ก็ไม่ได้รับข่าวคราวจากนายดำและนายแดงอีกเลย
1) นายไก่และนางไข่จะร้องขอต่อศาลให้สั่งให้นายดำและนายแดงเป็นคนสาบสูญได้หรือไม่เพราะเหตุใด
2) ถ้าได้ นายไก่และนางไข่จะไปร้องขอต่อศาลได้เมื่อใด จงอธิบาย
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตร 61 ถ้าบุคคลใดไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ และไม่มีใครรู้แน่ว่าบุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ตลอดระยะเวลา 5 ปี เมื่อผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการร้องขอ ศาลจะสั่งให้บุคคลนั้นเป็นคนสาบสูญก็ได้
ระยะเวลาตามวรรคหนึ่งให้ลดเหลือ 2 ปี
1 นับแต่วันที่การรบหรือสงครามสิ้นสุดลง ถ้าบุคคลนั้นอยู่ในการรบหรือสงคราม และหายไปในการรบหรือสงครามดังกล่าว
2 นับแต่วันที่ยานพาหนะที่บุคคลนั้นเดินทาง อับปาง ถูกทำลาย หรือสูญหายไป
3 นับแต่วันที่เหตุอันตรายแก่ชีวิตนอกจากที่ระบุไว้ใน (1) หรือ (2) ได้ผ่านพ้นไป ถ้าบุคคลนั้นตกอยู่ในอันตรายเช่นว่านั้น
วินิจฉัย
กรณีของนายแดง
ตามอุทาหรณ์ นายดำพี่ชายของนายแดง ซึ่งร่วมเดินทางไปในครั้งนี้ด้วย ได้โทรศัพท์มาแจ้งให้นายไก่และนางไข่ซึ่งเป็นบิดามารดาทราบว่านายแดงน้องชายหายไป ในวันที่ 1 มกราคม 2549 แต่ทั้งสองไม่อยู่บ้าน จึงไม่ทราบข่าวในวันนั้น เพิ่งมาทราบข่าวจากนายดำเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2549 ว่านายแดงหายไปในเหตุการณ์โคลนถล่ม ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนต์ 2549 หลังจากนั้นก็ไม่ได้ข่าวคราวของนายดำและนายแดงอีกเลย ดังนี้ถือว่า เป็นการสาบสูญกรณีพิเศษ
การที่ศาลจะสั่งให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นคนสาบสูญกรณีพิเศษ ตามมาตรา 61 วรรคสอง จะต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ์ดังนี้คือ
1 ไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ และไม่มีใครรู้แน่ว่าบุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
2 ติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปี สำหรับกรณีสาบสูญธรรมดา ตามวรรคแรก หรือ 2 ปี สำหรับกรณีสาบสูญพิเศษในเห๖การณ์ที่ระบุไว้ในวรรคสอง (1) – (3)
3 ผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการร้องขอต่อศาล
4 ศาลมีคำสั่งให้บุคคลนั้นเป็นคนสาบสูญ
นายไก่และนางไข่จะร้องขอต่อศาลให้สั่งให้นายแดงเป็นคนสาบสูญได้หรือไม่ เห็นว่า ผู้มีสิทธิที่ร้องขอต่อศาลให้สั่งให้บุคคลใดเป็นคนสาบสูญได้นั้น จะต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการ เมื่อนายไก่และนางไข่เป็นบิดามารดาที่ชอบด้วยกฎหมาย ถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสีย จึงมีสิทธิร้องขอต่อศาลให้สั่งให้นายแดงเป็นคนสาบสูญได้
ส่วนจะร้องขอต่อศาลได้หรือไม่นั้น เห็นว่า เมื่อเป็นคนสาบสูญกรณีพิเศษ มีผลทำให้ผู้มีส่วนได้เสียสามารถร้องขอต่อศาลได้เมื่อครบ 2 ปี นับแต่วันที่โคลนถล่มมิใช่วันที่ผู้มีส่วนได้เสียได้ทราบข่าวการสูญหาย ดังนั้นนายไก่และนางไข่จะร้องขอต่อศาลให้สั่งให้นายแดงเป็นคนสาบสูญได้ในวันที่ 2 เมษายน 2551 ตามมาตรา 61 วรรคสอง(3)
กรณีของนายดำ
ตามอุทาหรณ์ ในวันที่ 5 เมษายน 2549 นายไข่และนางไก่ยังสามารถติดต่อกับนายดำได้ แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้รับข่าวคราวนายดำอีกเลย ดังนี้ไม่ถือว่านายดำอยู่ในเหตุอันตรายแก่ชีวิต แต่เป็นเหตุที่นายดำหายไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่และไม่มีใครทราบแน่ว่าบุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เป็นกรณีสาบสูญธรรมดา ตามมาตรา 61 วรรคแรก มิใช่การสาบสูญกรณีพิเศษเช่นเดียวกับนายแดง
นายไก่และนางไข่ไม่สามารถร้องขอต่อศาลให้สั่งให้นายดำเป็นคนสาบสูญได้ เพราะเป็นผู้มีส่วนได้เสียและจะร้องขอต่อศาลได้เมื่อครบ 5 ปี นับแต่วันที่นายดำหายไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ และไม่มีใครพบตัวหรือได้รับข่าวคราวเลยกล่าวคือ ครบ 5 ปีในวันที่ 5 เมษายน 2554 จึงร้องขอได้ในวันที่ 6 เมษายน 2554
สรุป 1 ) นายไก่และนางไข่ร้องขอได้ เพราะเป็นผู้มีส่วนได้เสียในฐานะบิดามารดา
2 ) กรณีนายแดง ร้องขอได้ในวันที่ 2 เมษายน 2551
กรณีนายดำ ร้องขอได้ในวันที่ 6 เมษายน 2554
ข้อ 3 บุคคลต่อไปนี้ทำนิติกรรม ดังกล่าวต่อไปนี้ จะมีผลในทางกฎหมายอย่างไร1) นายไก่อายุ 15 ปีบริบูรณ์ถอนเงินส่วนตัวจำนวน 1 ล้านบาท ซื้อรถยนต์ 1 คันจากนายไข่ โดย ลำพัง
2) นายไก่อายุ 20 ปีบริบูรณ์ คนเสมือนไร้ความสามารถ ให้เพื่อนชาวฝรั่งเศสยืมเครื่องบินเล็กมูลค่า 12 ล้านบาทไปใช้ในระหว่างท่องเที่ยวอยู่ในประเทศไทย โดยไม่ได้รับความยินยอมจากนางไข่ผู้พิทักษ์
3) นายไก่อายุ 20 ปี บริบูรณ์ คนไร้ความสามารถทำพินัยกรรมยกที่ดิน 1 แปลงให้แก่มูลนิธิหญิงชราโดยได้รับความยินยอมจากนางไข่ผู้อนุบาล
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 21 ผู้เยาว์จะทำนิติกรรมใดๆต้องได้รับความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน การใดๆที่ผู้เยาว์ได้ทำลงปราศจากความยินยอมเช่นว่านั้นเป็นโมฆียะ เว้นแต่จะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น
มาตรา 29 การใดๆอันบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถได้กระทำลง การนั้นเป็นโมฆียะ
มาตรา 34 คนเสมือนไร้ความสามารถนั้น ต้องได้รับความยินยอมของผู้พิทักษ์ก่อนแล้วจึงจะกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ได้
(3) กู้ยืมเงินหรือให้กู้ยืมเงิน ยืมหรือให้ยืมสังหาริมทรัพย์อันมีค่า
มาตรา 1704 วรรคแรก พินัยกรรม ซึ่งบุคคลผู้ถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถทำขึ้นนั้นเป็นโมฆะ
วินิจฉัย
1) เป็นโมฆะ เพราะผู้เยาว์จะทำนิติกรรมใดๆ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน หากฝ่าฝืน ผลทางกฎหมายคือ เป็นโมฆียะ ตามมาตรา 21
2) คนเสมือนไร้ความสามารถทำนิติกรรมใดๆย่อมสมบูรณ์ เว้นแต่การทำนิติกรรมตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 34 ซึ่งจำกัดไว้ 11 ประการ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์ก่อนจึงจะสมบูรณ์ การที่นายไก่คนเสมือนไร้ความสามารถให้เพื่อนยืมเครื่องบินเล็กมูลค่า 12 ล้านบาท อันเป็นสังหาริมทรัพย์ธรรมดา ไม่ใช่การยืมสังหาริมทรัพย์อันมีค่าตามมาตรา 34 (3) นิติกรรมดังกล่าวของนายไก่จึงมีผลสมบูรณ์
3) โดยหลักกฎหมายแล้ว คนไร้ความสามารถทำนิติกรรมใดๆ ย่อมตกเป็นโมฆียะทั้งสิ้นตามมาตรา 29 แม้จะได้รับความยินยอมจากผู้อนุบาลก็ตาม เว้นแต่การทำพินัยกรรม ซึ่งจะมีผลเป็นโมฆะ ตามมาตรา 1704 วรรคแรก ดังนั้นพินัยกรรมที่นายไก่ทำขึ้นมาจึงตกเป็นโมฆะ