การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2547
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW1002 หลักกฎหมายเอกชน
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ ข้อละ 25 คะแนน
ข้อ 1 จงอธิบายถึงหลักในการตีความกฎหมายแพ่งมาโดยถูกต้องและครบถ้วน พร้อมยกตัวอย่างประกอบคำอธิบายด้วย
ธงคำตอบ
การตีความกฎหมายแพ่ง (หรือการตีความกฎหมายเอกชน) มีหลักเกณฑ์เช่นเดียวกับการใช้กฎหมายแพ่ง คือ ต้องตีความตามตัวอักษรประกอบเจตนารมณ์ของกฎหมาย
ตัวอย่างเช่น กฎหมายลักษณะมรดก มาตรา 1627 บัญญัติว่า “บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้วและบุตรบุญธรรมนั้น ให้ถือว่าเป็นผู้สืบสันดานเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย” ซึ่งคำว่า “บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว” เป็นถ้อยคำของกฎหมายที่มีความหมายกำกวมไม่ชัดเจน กล่าวคือ ไม่แน่ชัดว่าจะใช้ความหมายอย่างแคบ ซึ่งหมายถึงการรับรองโดยนิตินัย เช่น การจดทะเบียนรับรองบุตร หรือจะใช้ความหมายอย่างกว้าง ซึ่งหมายถึงการรับรองโดยพฤตินัย
เช่น การที่บิดาให้ใช้นามสกุล อุปการะเลี้ยงดูให้การศึกษาและเปิดเผยแก่บุคคลทั่วไปว่าเด็กเป็นบุตรของตน และเมื่อมีการตีความตามตัวอักษรประกอบกับความมุ่งหมาย หรือเจตนารมณ์ของกฎหมายลักษณะมรดกแล้ว จะเห็นได้ว่ากฎหมายมรดกมีความประสงค์ที่จะให้บุตรที่จะเป็นผู้สืบสันดานและมีสิทธิรับมรดกนั้น หมายถึง บุตรตามความเป็นจริง กล่าวคือ แม้จะเป็นบุตรนอกกฎหมาย แต่ถ้าหากบิดาได้รับรองโดยพฤตินัยแล้วก็มีสิทธิรับมรดกของบิดาได้เช่นเดียวกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย
การตีความตามตัวอักษร แบ่งออกเป็น
1 ศัพท์ธรรมดา ที่มีความหมายเป็นธรรมดาทั่วไป เช่นคำว่า บุตร บิดามารดา ฯลฯ
2 ศัพท์เฉพาะ ที่มีความหมายทางเทคนิค หรือทางวิชาการ เช่น คำที่อยู่ในตำรา กฎหมาย บทความ ฯลฯการตีความตามเจตนา พิจารณาจาก
1 ที่มา หรือประวัติความเป็นมาของกฎหมาย
2 ตำแหน่งหรือหมวดหมู่ของกฎหมาย
3 ถ้อยคำของกฎหมาย
4 สถานการณ์ในขณะที่บัญญัติกฎหมายนั้น รวมทั้งรายงานการประชุมของฝ่ายนิติบัญญัติ
ข้อ 2 นายภาสกรเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของนายภานุมาศซึ่งหายไปจากบ้านที่อยู่โดยไม่มีใครพบเห็นหรือได้รับข่าวคราวเป็นเวลา 15 เดือนแล้ว นายภาสกรจึงทำการขายรถยนต์ยี่ห้อ HONDA ของนายภานุมาศและซื้อบ้านพร้อมที่ดินราคา 10 ล้านบาทให้แก่ภรรยานายภานุมาศด้วย อยากทราบว่าในการทำนิติกรรมทั้ง 2 อย่างของนายภาสกรมีผลในกฎหมายหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย
มาตรา 48 วรรค 2 เมื่อเวลาได้ล่วงเลยไป 1 ปี นับแต่วันที่ผู้ไม่อยู่นั้นไปเสียจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ และไม่มีผู้ใดได้รับข่าวเกี่ยวกับบุคคลนั้นประการใดเลยก็ดี หรือหนึ่งปีนับแต่วันมีผู้ได้พบเห็น หรือได้ทราบข่าวมาเป็นครั้งหลังสุดก็ดี เมื่อบุคคลตามวรรคหนึ่งร้องขอ ศาลจะตั้งผู้จัดการทรัพย์สินของผู้ไม่อยู่ขึ้นก็ได้
มาตรา 54 ผู้จัดการทรัพย์สินมีอำนาจหน้าที่อย่างเดียวกับตัวแทนผู้รับมอบอำนาจทั่วไป ตามมาตรา 801 และมาตรา 802
มาตรา 801 ถ้าตัวแทนได้รับมอบอำนาจทั่วไป ท่านว่าจะทำกิจใดๆในทางจัดการแทนตัวการก็ย่อมทำได้ทุกอย่าง
แต่การเช่นอย่างจะกล่าวต่อไปนี้ ท่านว่าหาอาจจะทำได้ไม่ คือ
(1) ขายหรือจำนองอสังหาริมทรัพย์
(2) ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์กว่าสามปีขึ้นไป
(3) ให้
(4) ประนีประนอมยอมความ
(5) ยื่นฟ้องต่อศาล
(6) มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการพิจารณาวินิจฉัย
หลักกฎหมายเรื่องตัวแทนเกี่ยวกับผู้รับมอบอำนาจทั่วไป ซึ่งหมายความรวมถึงผู้จัดการทรัพย์สินของผู้ไม่อยู่ด้วยนั้น ตามปกติผู้จัดการทรัพย์สินย่อมมีสิทธิจัดการทรัพย์สินแทนผู้ไม่อยู่ได้ทุกประการ ยกเว้นกิจการบางอย่างที่ต้องขออนุญาตต่อศาลก่อนจึงจะมีสิทธิทำได้ ตามมาตรา 801 ประกอบกับมาตรา 54 โดยนายภาสกร เป็นผู้จัดการทรัพย์สินของนายภานุมาศ ซึงตามกฎหมายเรื่องสาบสูญยังถือว่านายภานุมาศเป็นเพียงผู้ไม่อยู่เท่านั้น เนื่องจากระยะเวลายังอยู่ในกำหนดมาตรา 48 วรรค 2 อยู่ ดังนั้นตามปัญหาดังกล่าวนายภาสกรสามารถขายรถยนต์ยี่ห้อ HONDA ของนายภานุมาศได้เพราะเป็นการขายสังหาริมทรัพย์ (ไม่ใช่ขายอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 801(1) ) อีกทั้งยังสามารถซื้อบ้านพร้อมที่ดินราคา 10 ล้านบาท ให้ภรรยานายภานุมาศได้เช่นกันเพราะกฎหมายไม่ได้ห้ามไว้
สรุป การขายรถยนต์ยี่ห้อ HONDA และการซื้อบ้านพร้อมที่ดินที่นายภาสกรได้กระทำลงไปนั้นมีผลสมบูรณ์ทุกประการ
ข้อ 3 นายไก่อายุ 17 ปีบริบูรณ์ ได้รับอนุญาตจากนายเป็ดและนางปลาให้ประกอบธุรกิจรับถ่ายเอกสาร หลังจากนั้นการทำธุรกิจของนายไก่รุ่งเรืองดี จึงต้องการจะทำนิติกรรมดังจะกล่าวต่อไปนี้โดยลำพัง นายไก่มีสิทธิจะทำได้หรือไม่ และมีผลในทางกฎหมายอย่างไร
1 ซื้อบ้านและที่ดินเพื่อใช้เป็นเรือนหอ
2 จดทะเบียนสมรสกับนางสาวจุ๋มจิ๋มแฟนสาว
3 ซื้อเครื่องถ่ายเอกสารประสิทธิภาพสูง ราคา 1 ล้านบาท
ธงคำตอบ
มาตรา 19 บุคคลย่อมพ้นจากภาวะผู้เยาว์ และบรรลุนิติภาวะเมื่ออายุยี่สิบปีบริบูรณ์
มาตรา 21 ผู้เยาว์จะทำนิติกรรมใดๆ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน การใดๆที่ผู้เยาว์ได้กระทำลงโดยปราศจากความยินยอมเช่นว่านั้นเป็นโมฆียะ เว้นแต่จะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น
มาตรา 27 ผู้แทนโดยชอบธรรมอาจให้ความยินยอมแก่ผู้เยาว์ในการประกอบธุรกิจทางการค้าหรือธุรกิจอื่น หรือในการทำสัญญาเป็นลูกจ้างในสัญญาจ้างแรงงานได้
ในความเกี่ยวพันกับการประกอบธุรกิจ หรือการจ้างแรงงานตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้เยาว์มีฐานะเสมือนดังบุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว
วินิจฉัย
นายไก่อายุ 17 ปี ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จึงเป็นผู้เยาว์อยู่เพราะอายุยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ (มาตรา 19 ) โดยหลักแล้วจะทำนิติกรรมต่างๆต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม (มาตรา 21 ดังนั้น)
1 หากนายไก่ต้องการจะซื้อบ้านและที่ดิน ต้องได้รับความยินยอมจากนายเป็ดและนางปลา บิดามารดาซึ่งเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน สัญญาซื้อขายบ้านและที่ดินจึงจะสมบูรณ์ ถ้าฝ่าฝืนผลจะเป็นโมฆียะ (มาตรา 21)
2 การจดทะเบียนสมรส เมื่อนายไก่อายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ จะสมรสก็ต้องได้รับความความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมก่อนจึงจะจดทะเบียนสมรสได้ (มาตรา 19 , 21)
3 นายไก่ได้รับอนุญาตจากนายเป็ดและนางปลาซึ่งเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมให้เปิดร้านรับถ่ายเอกสาร ทำให้นายไก่บรรลุนิติภาวะในเรื่องรับถ่ายเอกสาร ดังนั้นเมื่อนายไก่จะซื้อเครื่องถ่ายเอกสาร 1 ล้านบาทนายไก่ก็มีสิทธิทำได้โดยลำพัง (มาตรา 27)