การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2555
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2009
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 3 ข้อ
ข้อ 1 ปลาม้ายืมรถยนต์ปิกอัพของปลาดาวเพื่อใช้บรรทุกสิ่งของ ระหว่างที่ปลาม้าใช้งานอยู่นั้น ปลาม้าได้เอารถให้ชะเมาเพื่อนบ้านใช้งานด้วย ระหว่างที่ชะเมาใช้รถอยู่นั้น เกิดน้ำท่วมทั้งตำบลเป็นเวลาสองเดือน ทำให้รถที่ปลาม้ายืมมาเสียหายต้องซ่อมแซมเป็นเงินห้าหมื่นบาท ดังนี้ ปลาดาวจะเรียกให้ปลาม้ารับผิดชดใช้เงินค่าซ่อมรถได้หรือไม่ อย่างไร
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 8 คำว่า “เหตุสุดวิสัย” หมายความว่า เหตุใดๆ อันจะเกิดขึ้นก็ดี จะให้ผลพิบัติก็ดี เป็นเหตุที่ไม่อาจป้องกันได้ แม้ทั้งบุคคลผู้ต้องประสบหรือใกล้จะต้องประสบเหตุนั้นได้จัดการระมัดระวังตามสมควร อันพึงคาดหมายได้จากบุคคลนั้นในฐานะและภาวะเช่นนั้น
มาตรา 640 อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว
มาตรา 643 ทรัพย์สินซึ่งยืมนั้น ถ้าผู้ยืมเอาไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น หรือนอกจากการอันปรากฏในสัญญาก็ดี เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยก็ดี เอาไปไว้นานกว่าที่ควรจะเอาไว้ก็ดี ท่านว่าผู้ยืมจะต้องรับผิดในเหตุทรัพย์สินนั้นสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างหนึ่งอย่างใด แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรๆ ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องสูญหายหรือบุบสลายอยู่นั่นเอง
มาตรา 646 วรรคแรก ถ้ามิได้กำหนดเวลากันไว้ ท่านให้คืนทรัพย์สินที่ยืมเมื่อผู้ยืมได้ใช้สอยทรัพย์สินนั้นเสร็จแล้วตามการอันปรากฏในสัญญา แต่ผู้ให้ยืมจะเรียกคืนก่อนนั้นก็ได้เมื่อเวลาได้ล่วงไปพอแก่การที่ผู้ยืมจะได้ใช้สอยทรัพย์สินนั้นเสร็จแล้ว
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ สัญญายืมรถยนต์ปิกอัพระหว่างปลาม้ากับปลาดาวเป็นสัญญายืมใช้คงรูปตามมาตรา 640 ที่มีกำหนดว่าจะเอาไปใช้เพื่อการใด แต่มิได้กำหนดเวลาส่งคืนไว้ ซึ่งปลาม้าผู้ยืมย่อมมีสิทธิครอบครองและใช้สอยรถยนต์ปิกอัพได้ตามสิทธิของผู้ยืมตามกฎหมาย แต่จะต้องสงวนรักษาทรัพย์สินที่ยืมรวมทั้งไม่ประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืมด้วย ดังนั้นเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าปลาม้าได้เอารถที่ยืมให้ชะเมาเพื่อนบ้านใช้งานด้วย ถือว่าเป็นกรณีที่ผู้ยืมเอาทรัพย์สินที่ยืมไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย จึงเป็นการประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืมตามมาตรา 643 ซึ่งผู้ยืมจะต้องรับผิดในเหตุที่ทรัพย์สินนั้นสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างหนึ่งอย่างใด แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย
และกรณีตามอุทาหรณ์ ในระหว่างที่ปลาม้าได้เอารถให้ชะเมาใช้งานอยู่นั้น ได้เกิดน้ำท่วมทั้งตำบลเป็นเวลาสองเดือน ทำให้รถที่ปลาม้ายืมมาเสียหายต้องซ่อมแซมเป็นเงินห้าหมื่นบาท ซึ่งกรณีเช่นนี้ปลาม้าผู้ยืมจะต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นแม้ว่าการเกิดน้ำท่วมจะเป็นเหตุสุดวิสัย ตามมาตรา 8 ก็ตาม ทั้งนี้เพราะตามมาตรา 643 ได้บัญญัติให้ผู้ยืมต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในกรณีที่เกิดกับทรัพย์สินที่ยืม หากผู้ยืมได้ประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืม แม้ความเสียหายดังกล่าวจะมิได้เกิดขึ้นเพราะความผิดของผู้ยืม หรือความเสียหายนั้นจะได้เกิดขึ้นเพราะแหตุสุดวิสัย
แต่อย่างไรก็ตาม มาตรา 643 ตอนท้าย ได้กำหนดเป็นข้อยกเว้นไว้ว่า ผู้ยืมอาจหลุดพ้นความรับผิดได้หากผู้ยืมพิสูจน์ได้ว่า ถึงอย่างไรๆ ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องสูญหายหรือบุบสลายอยู่นั้นเอง กล่าวคือ หากปลาม้าพิสูจน์ได้ว่า แม้ตนจะไม่ได้เอารถให้ชะเมาใช้งาน หรือได้คืนรถให้แก่ปลาดาวแล้ว รถยนต์คันดังกล่าวก็คงจะได้รับความเสียหายเนื่องจากถูกน้ำท่วมอยู่ดี เช่นนี้ปลาม้าอาจหลุดพ้นจากความรับผิดได้
สรุป ปลาดาวสามารถเรียกให้ปลาม้ารับผิดชดใช้เงินค่าซ่อมรถได้ตามมาตรา 643 เว้นแต่ปลาม้าจะพิสูจน์ได้ว่า ถึงอย่างไรๆ ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องได้รับความเสียหายอยู่นั่นเอง
ข้อ 2 นายจันทร์ยืมเงินนายอังคารเป็นเงิน 2,000.01 บาท โดยทำเป็นหนังสือการยืมเงินที่ลงลายมือชื่อนายจันทร์แต่เพียงผู้เดียว และไม่มีใครลงลายมือชื่อรับรองหรือเป็นพยานแต่อย่างใด ต่อมานายอังคารได้นำหลักฐานหนังสือดังกล่าวไปไว้ในลิ้นชักที่บ้านของตน หลังจากนั้นได้มีนางอินญาติของนายจันทร์เข้าไปทำงานในบ้านของนายอังคารมาพบหนังสือการยืมเงินแล้วได้ขโมยไปเพื่อช่วยนายจันทร์ ดังนี้ ขอให้ท่านวินิจฉัยว่า
(ก) การยืมเงินดังกล่าวถูกต้องหรือไม่
(ข) เจ้าหนี้สามารถฟ้องร้องได้หรือไม่
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 650 อันว่ายืมใช้สิ้นเปลืองนั้น คือสัญญาซึ่งผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชนิดใช้ไปสิ้นไปนั้น เป็นปริมาณมีกำหนดให้ไปแก่ผู้ยืม และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินเป็นประเภท ชนิด และปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ยืมนั้น
สัญญานี้ย่อมบริบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ยืม
มาตรา 653 วรรคแรก การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่
วินิจฉัย
การกู้ยืมเงินเป็นสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองประเภทหนึ่ง และจะมีผลสมบูรณ์เมื่อผู้ให้กู้ได้ส่งมอบเงินที่ยืมให้แก่ผู้ยืมตามมาตรา 650 เพียงแต่ตามมาตรา 653 วรรคแรก ได้บัญญัติไว้ว่าถ้าเป็นการกู้ยืมเงินเกินกว่า 2,000 บาทขึ้นไป จะฟ้องร้องบังคับคดีกันได้จะต้องมีหลักฐานประกอบการฟ้องร้องบังคับคดี คือ
1 มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง และ
2 ลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ
สำหรับหลักฐานการกู้ยืมเงินนั้น กฎหมายไม่ได้บังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเท่านั้น เพียงแต่มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง และมีข้อความปรากฏในเอกสารว่าผู้กู้ยืมเป็นหนี้สินในเรื่องการกู้ยืมเงินกัน และมีการระบุถึงจำนวนเงินที่กู้ยืมกันโดยชัดแจ้งก็ใช้เป็นหลักฐานการกู้ยืมเงินได้ แต่ที่สำคัญจะต้องมีการลงลายมือชื่อของผู้ยืมเป็นสำคัญ ส่วนผู้ให้ยืมและพยานจะลงลายมือชื่อในหลักฐานนั้นหรือไม่ ไม่ใช่สาระสำคัญ
กรณีตามอุทาหรณ์ วินิจฉัยได้ดังนี้
ก. เมื่อการกู้ยืมเงินระหว่างนายจันทร์กับนายอังคารได้ทำเป็นหนังสือการยืมเงินโดยได้ระบุจำนวนเงินไว้ชัดเจนคือ 2.000.01 บาท แม้นายจันทร์จะลงลายมือชื่อแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่มีใครลงลายมือชื่อรับรองเป็นพยานแต่อย่างใด การกู้ยืมเงินดังกล่าวก็มีผลถูกต้องและสมบูรณ์ทุกประการ
ข. เมื่อการกู้ยืมเงินนั้นได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ และมีการลงลายมือชื่อของนายจันทร์ผู้ยืมถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นแม้ต่อมาหลักฐานการกู้ยืมเงินจะถูกขโมยไป เจ้าหนี้ก็สามารถฟ้องร้องผู้กู้ยืมได้โดยการนำพยานบุคคลมาสืบว่าเคยมีหลักฐานการกู้ยืมจริง (ฎ. 34/2476)
สรุป
ก. การยืมเงินดังกล่าวถูกต้อง
ข. เจ้าหนี้สามารถฟ้องร้องได้
ข้อ 3 นายอาทิตย์เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง โดยนำกระเป๋าเดินทางและเงินสดจำนวน 10,000 บาท และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 ตัว ราคาหนึ่งหมื่นห้าพันบาท เข้าไปในห้องพัก ต่อมานายอาทิตย์ออกไปทำธุระนอกห้อง เมื่อกลับมาพบว่าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กหายไป นายอาทิตย์รีบแจ้งนายจันทร์ผู้เป็นเจ้าสำนักทราบทันทีเพื่อให้รับผิดตามราคาทรัพย์ที่สูญหาย คือหนึ่งหมื่นห้าพันบาท แต่นายจันทร์ต่อสู้ว่าโรงแรมได้ปิดประกาศไว้ในห้องพักทุกห้องว่าหากเกิดความเสียหายใดๆแก่ทรัพย์สินของผู้เข้าพัก ทางโรงแรมจะรับผิดชอบไม่เกินราคาของห้องพักคือห้องละ 1,000 บาท เมื่อผู้เข้าพักอ่านข้อความดังกล่าวแล้ว ย่อมถือได้ว่ายินยอมตกลงในข้อจำกัดความรับผิดของโรงแรม ดังนี้ให้ท่านวินิจฉัยความรับผิดของเจ้าสำนักโรงแรมที่มีต่อทรัพย์ของนายอาทิตย์
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 674 เจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ล หรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านั้น จะต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใดๆ อันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัย หากได้พามา
มาตรา 675 เจ้าสำนักต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างใดๆ แม้ถึงว่าความสูญหาย หรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะผู้คนไปมาเข้าออก ณ โรงแรม โฮเต็ล หรือสถานที่เช่นนั้นก็คงต้องรับผิด
ความรับผิดนี้ ถ้าเกี่ยวด้วยเงินทองตรา ธนบัตร ตั๋วเงิน พันธบัตร ใบหุ้น ใบหุ้นกู้ ประทวนสินค้า อัญมณี หรือของมีค่าอื่นๆไซร้ ท่านจำกัดไว้เพียงห้าพันบาท เว้นแต่จะได้ฝากของมีค่าเช่นนี้ไว้แก่เจ้าสำนักและได้บอกราคาแห่งของนั้นชัดแจ้ง
แต่เจ้าสำนักไม่ต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือแต่สภาพแห่งทรัพย์สินนั้น หรือแต่ความผิดของคนเดินทางหรือแขกอาศัยผู้นั้นเอง หรือบริวารของเขา หรือบุคคลซึ่งเขาได้ต้อนรับ
มาตรา 677 ถ้ามีคำแจ้งความปิดไว้ในโรงแรม โฮเต็ล หรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านี้ เป็นข้อความยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของเจ้าสำนักไซร้ท่านว่าความนั้นเป็นโมฆะ เว้นแต่คนเดินทางหรือแขกอาศัยจะได้ตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดดังว่านั้น
วินิจฉัย
ตามกฎหมาย เจ้าสำนักโรงแรมหรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านั้น ต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายที่เกิดแก่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยซึ่งได้นำมาด้วย แม้ความสูญหายหรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะคนที่ไปมาเข้าออก ณ โรงแรมหรือสถานที่เช่นนั้นตามมาตรา 674 ประกอบมาตรา 675 วรรคแรก ดังนั้น กรณีตามอุทาหรณ์ เมื่อคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กราคา 15,000 บาท ของนายอาทิตย์ซึ่งได้เข้าพักที่โรงแรมนั้นได้สูญหายไป และนายอาทิตย์ก็ได้แจ้งให้นายจันทร์เจ้าสำนักโรงแรมทราบทันที ดังนี้นายจันทร์เจ้าสำนักโรงแรมจึงต้องรับผิดต่อนายอาทิตย์ในความสูญหายของทรัพย์สินดังกล่าว
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อมาคือ ความรับผิดของโรงแรมที่มีต่อทรัพย์สินของนายอาทิตย์นั้น ทางโรงแรมจะต้องรับผิดตามราคาทรัพย์สิน คือ 15,000 บาท หรือจะต้องรับผิดจำกัดเพียง 5,000 บาท ตามมาตรา 675 วรรคสอง กรณีนี้เห็นว่าเมื่อทรัพย์สินที่สูญหายไปเพราะถูกขโมยคือคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กนั้นไม่ใช่ทรัพย์สินตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 675 วรรคสอง ดังนั้น ทางโรงแรมจึงต้องรับผิดตามราคาทรัพย์สินที่สูญหายไปนั้นคือ 15,000 บาท
ส่วนกรณีที่นายจันทร์เจ้าสำนักโรงแรมจะรับผิดชอบไม่เกินราคาของห้องพักคือ 1,000 บาท โดยอ้างข้อความที่ประกาศในห้องพักว่า โรงแรมได้ปิดประกาศให้แขกรับทราบถึงข้อจำกัดความรับผิดของโรงแรมแล้วนั้น ข้ออ้างของนายจันทร์ฟังไม่ขึ้น ทั้งนี้เพราะตามมาตรา 677 ได้บัญญัติไว้ว่าในกรณีที่โรงแรมได้มีข้อความปิดประกาศไว้ในทำนองเป็นข้อจำกัดความรับผิดของโรงแรมนั้น ข้อความดังกล่าวเป็นโมฆะ และกรณีตามอุทาหรณ์ ก็ไม่ปรากฏว่านายอาทิตย์ได้ตกลงด้วยกับข้อความรับผิดนั้นแต่อย่างใด
สรุป เจ้าสำนักโรงแรมต้องรับผิดต่อทรัพย์สินของนายอาทิตย์ที่สูญหายไปตามราคาทรัพย์สินนั้นคือ 15,000 บาท