การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2555
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2007 กฎหมายอาญา 2
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)
ข้อ 1 อย่างไรเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานรับสินบน (มาตรา 149) จงอธิบายหลักกฎหมาย (พอสังเขป) และยกตัวอย่างประกอบ
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 149 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกนิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ หรือกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ในตำแหน่งไม่ว่าการนั้น จะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ต้องระวางโทษ
วินิจฉัย
ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานรับสินบน ตามมาตรา 149 สามารถแยกองค์ประกอบความผิดได้ดังนี้
1 เป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล
2 เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ
3 เพื่อกระทำการ หรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่
4 โดยเจตนา
เรียก หมายถึง การที่เจ้าพนักงานฯแสดงเจตนาให้บุคคลอื่นส่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดให้
รับ หมายถึง การที่บุคคลอื่นให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์แก่เจ้าพนักงานฯ และเจ้าพนักงานฯได้รับเอาทรัพย์สินหรือประโยชน์นั้นไว้แล้ว
ยอมจะรับ หมายถึง การที่บุคคลอื่นเสนอจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์แก่เจ้าพนักงานฯ และเจ้าพนักงานฯ ตกลงยอมจะรับในขณะนั้นหรือในอนาคต แต่ยังไม่ได้รับ
การเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด จะเป็นความผิดตามมาตรานี้ ผู้กระทำจะต้องมีเจตนาพิเศษอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ
(ก) เพื่อกระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่
ตัวอย่าง ร.ต.อ.แดง ออกตรวจท้องที่พบเห็นนายดำฆ่าคนตายโดยเจตนา แต่ ร.ต.อ.แดงไม่ยอมจับกุมนายดำ นายขาวจึงยื่นเงินให้ ร.ต.อ.แดง 10,000 บาท เพื่อให้จับกุมนายดำ ร.ต.อ.แดงรับเงินมาแล้ว จึงจับกุมนายดำส่งสถานีตำรวจเพื่อดำเนินคดี ดังนี้ ร.ต.อ.แดงย่อมมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานรับสินบนตามมาตรา 149
(ข) เพื่อไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่
ตัวอย่าง นายเอกเป็นตำรวจจราจร กำลังตั้งด่านตรวจ พบเห็นนายโทขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกกันน็อค จึงเรียกให้จอด แล้วบอกกับนายโทว่า “ถ้าไม่อยากถูกออกใบสั่ง ขอเงินให้ตน 500” ดังนี้ แม้นายโทจะไม่ได้ให้เงินตามที่นายเอกบอก นายเอกก็มีความผิดฐานเจ้าพนักงานเรียกรับสินบนตามมาตรา 149 แล้ว
ข้อ 2 ก ตำรวจตรวจค้นตัว ข โดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายในตัว ข คุมตัว ข จากที่เกิดเหตุเดินข้ามสะพานข้ามคลองไปฝั่งตรงข้ามประมาณ 30 เมตร จึงปล่อยตัว ข ไป ดังนี้ ก ตำรวจจะมีความผิดอาญาฐานใดหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษ
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
1 เป็นเจ้าพนักงาน
2 ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
3 เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
4 โดยเจตนา
เป็นเจ้าพนักงาน หมายถึง เป็นข้าราชการที่ได้รับการแต่งตั้งตามกฎหมาย โดยได้รับเงินเดือนจากงบประมาณแผ่นดินประเภทเงินเดือน หรือบุคคลที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษให้มีฐานะเป็นเจ้าพนักงาน
ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หมายถึง การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งตามหน้าที่ แต่เป็นการอันมิชอบ เช่น เจ้าพนักงานตำรวจทำการสอบสวนผู้ต้องหา ผู้ต้องหาไม่ยอมรับสารภาพ ตำรวจจึงใช้กำลังชกต่อยให้รับสารภาพ เป็นต้น
ความผิดตามมาตรานี้จะต้องประกอบด้วยเจตนาพิเศษ คือ ต้องเป็นการกระทำ “เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด” ซึ่งไม่จำกัดเฉพาะความเสียหายในทางทรัพย์สินเท่านั้น แต่รวมถึงความเสียหายในทางอื่นด้วย เช่น ต่อชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียง เป็นต้น และอาจเป็นความเสียหายต่อบุคคลใดก็ได้ ทั้งนี้ไม่จำเป็นว่าต้องเกิดความเสียหายขึ้นแล้วจริงๆจึงจะเป็นความผิด เพียงแต่การกระทำนั้นเพื่อให้เกิดความเสียหายก็เพียงพอที่จะถือเป็นความผิดแล้ว
โดยเจตนา หมายความว่า ผู้กระทำต้องรู้ถึงหน้าที่ของตนที่ชอบ และผู้กระทำต้องปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่นั้นโดยมิชอบ
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่ ก ตำรวจซึ่งเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ตำรวจตรวจค้นตัว ข แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แล้วไม่ยอมปล่อยตัว ข ทันที แต่กลับคุมตัวไปอีกสถานที่หนึ่งดังกล่าวนั้น ย่อมถือเป็นการกระทำที่ไม่มีสิทธิทำได้ตามกฎหมาย หรืออีกนัยหนึ่งถือเป็นการกลั่นแกล้ง ข ดังนั้น จึงถือได้ว่า ก ตำรวจซึ่งเป็นเจ้าพนักงานกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งตามหน้าที่ แต่เป็นการอันมิชอบ อันถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบแล้ว โดยมีเหตุจูงใจพิเศษเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ข และได้กระทำไปโดยมีเจตนาประสงค์ต่อผลของการกระทำนั้น การกระทำของ ก ตำรวจจึงครบองค์ประกอบความผิดตามหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้นทุกประการ ดังนั้น ก ตำรวจจึงมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157
สรุป ก ตำรวจมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157
ข้อ 3 ชาวบ้าน 20 คน ได้จัดขบวนแห่นาคจะไปอุปสมบทที่วัดแห่งหนึ่ง ระหว่างทางที่ขบวนแห่นาคมาถึงหน้าตลาด จำเลยเมาสุราได้ยิงปืนขึ้นฟ้า 2 นัด เป็นเหตุให้ขบวนแห่นาคเกิดความโกลาหลวุ่นวาย ดังนี้ จำเลยมีความผิดเกี่ยวกับศาสนาหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 207 ผู้ใดก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในที่ประชุมศาสนิกชนเวลาประชุมกัน นมัสการหรือกระทำพิธีกรรมตามศาสนาใดๆ โดยชอบด้วยกฎหมาย ต้องระวางโทษ
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานก่อให้เกิดความวุ่นวายในที่ประชุมศาสนิกชนตามมาตรา 207 ประกอบด้วย
1 ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในที่ประชุมศาสนิกชน
2 เวลาประชุมกัน นมัสการ หรือกระทำพิธีกรรมตามศาสนาใดๆ
3 โดยชอบด้วยกฎหมาย
4 โดยเจตนา
สำหรับการก่อให้เกิดความวุ่นวายที่จะมีความผิดดังกล่าวข้างต้นนั้น จะต้องเกิดในเวลาประชุมกันในเวลานมัสการ หรือในเวลากระทำพิธีกรรมและต้องเป็นเรื่องตามศาสนาด้วย เช่น เวลาสวดมนต์ไหว้พระ เวลาทำพิธีบรรพชาอุปสมบท และไม่จำกัดสถานที่ว่าจะต้องทำในสถานที่ใด อาจจะเป็นในบ้านก็ได้ ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับศาสนาแล้ว ย่อมไม่มีความผิดตามมาตรานี้
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่จำเลยยิงปืนขึ้นฟ้า แม้จะทำให้ขบวนแห่นาคเกิดความโกลาหลวุ่นวาย แต่เมื่อปรากฏว่าการแห่นาคเป็นเพียงการกระทำตามประเพณีนิยม ไม่ใช่พิธีกรรมตามศาสนา การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 207 เพราะการจะเป็นความผิดตามมาตรา 207 ได้นั้น จะต้องเป็นการก่อให้เกิดการวุ่นวายในที่ประชุมศาสนิกชนเวลาประชุมกัน นมัสการ หรือกระทำพิธีกรรมทางศาสนา
สรุป จำเลยไม่มีความผิดเกี่ยวกับศาสนาตามมาตรา 207
ข้อ 4 นายแดงยื่นคำขอออกโฉนดที่ดิน จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานที่ดินได้ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้ประกาศแจกโฉนดให้ราษฎรที่ยื่นคำขอไว้มารับ นายแดงมาขอรับแต่จำเลยยังไม่ได้มอบโฉนดให้นายแดงไป ต่อมามีผู้มาขออายัดการออกโฉนด จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานที่ดินที่ออกโฉนดจึงไม่แจกโฉนด จากการที่มีผู้มาขออายัด จำเลยเกรงว่าโฉนดที่ออกไปแล้วนั้นจะเป็นโฉนดที่สมบูรณ์ จำเลยจึงได้ทำการลบ วัน เดือน ปี และลายเซ็นชื่อของจำเลยเอง ซึ่งได้เซ็นไว้ในฐานะเจ้าพนักงานที่ดินออกเสีย ดังนี้ จำเลยมีความผิดเกี่ยวกับเอกสารประการใดหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 264 วรรคแรก ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใดเติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอมหรือลงลายมือชื่อปลอมเอกสารโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารต้องระวางโทษ
วินิจฉัย
องค์ประกอบความผิดฐานปลอมเอกสารตามมาตรา 264 วรรคแรก ประกอบด้วย
1 กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(ก) ทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด
(ข) เติมหรือตัดทอนข้อความหรือแก้ไขด้วยประการใดๆในเอกสารที่แท้จริง หรือ
(ค) ประทับตราปลอมหรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร
2 โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
3 ได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง
4 โดยเจตนา
การเติม ตัดทอน หรือแก้ไข ข้อความในเอกสารที่แท้จริงจะเป็นความผิดก็ต่อเมื่อ ผู้กระทำไม่มีอำนาจที่จะกระทำได้ ถ้าหากว่าผู้กระทำมีอำนาจที่จะกระทำได้แล้ว ย่อมไม่มีความผิดตามมาตรานี้
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่จำเลยลบวัน เดือน ปี และลายเซ็นของจำเลยเองนั้นไม่ถือเป็นการปลอมเอกสาร เพราะว่าเมื่อยังไม่ได้ส่งมอบโฉนดให้นายแดงไป จึงถือไม่ได้ว่าที่ดินรายนี้ออกโฉนดแล้ว และโฉนดรายนี้ยังเป็นเอกสารที่อยู่ในความยึดถือหรือในความรับผิดชอบของจำเลยซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่อยู่ และถือว่ายังอยู่ในระหว่างการดำเนินการของพนักงานเจ้าหน้าที่ ดังนั้น เมื่อมีเหตุเปลี่ยนแปลง จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานที่ดินที่ดำเนินการออกโฉนด ย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขเสียได้ ไม่ถือเป็นการปลอมเอกสารแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารตามมาตรา 264 วรรคแรก
สรุป จำเลยไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสาร