การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2555
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW2006 กฎหมายอาญา 1
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)
ข้อ 1 นายชัยและนางสมศรีเป็นสามีภริยามีบุตรด้วยกัน 3 คน นายชัยได้ไปราชการที่ชายแดน
เมื่อกลับบ้านนางสมศรีภริยาได้เล่าให้นายชัยฟังว่า เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนายโก๋ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันได้บุกรุกขึ้นมาบนบ้านและข่มขืนกระทำชำเราตน นายชัยได้ฟังดังนั้นก็โกรธมาก จึงพกปืนออกจากบ้านเพื่อจะไปฆ่านายโก๋ เมื่อนายชัยพบนายโก๋จึงยกปืนขึ้นเล็งเพื่อจะยิงนายโก๋ แต่นายโก๋เหลือบเห็นเข้าพอดี จึงชักปืนยิงถูกนายชัยได้รับบาดเจ็บ และกระสุนปืนยังเลยไปถูกนางสมศรีซึ่งตามนายชัยมาด้วยความเป็นห่วงถึงแก่ความตายอีกด้วย
ดังนี้ นายชัยและนายโก๋จะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไรหรือไม่
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 59 วรรคแรก วรรคสอง บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาทในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิด แม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา
กระทำโดยเจตนา ได้แก่ กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
มาตรา 60 ผู้ใดเจตนาที่จะกระทำต่อบุคคลหนึ่ง แต่ผลของการกระทำเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่งโดยพลาดไป ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำโดยเจตนาแก่บุคคลซึ่งได้รับผลร้ายจากการกระทำนั้น แต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ลงโทษหนักขึ้น เพราะฐานะของบุคคลหรือเพราะความสัมพันธ์ระหว่างผู้กระทำกับบุคคลที่ได้รับผลร้าย มิให้นำกฎหมายนั้นมาใช้บังคับเพื่อลงโทษผู้กระทำให้หนักขึ้น
มาตรา 72 ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
มาตรา 80 ผู้ใดลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายามกระทำความผิด
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ การกระทำของนายชัยและนายโก๋จะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่ แยกพิจารณาได้ดังนี้
กรณีของนายชัย
การที่นายชัยได้ยกปืนขึ้นเล็งเพื่อจะยิงนายโก๋ ถือว่านายชัยได้ลงมือกระทำความผิดแล้ว และการกระทำของนายชัยต่อนายโก๋ ถือว่าเป็นการกระทำโดยเจตนา เพราะเป็นการกระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ และในขณะเดียวกัน ผู้กระทำประสงค์ต่อผลของการกระทำนั้น ตามมาตรา 59 วรรคสอง แต่เมื่อการกระทำของนายชัยเป็นการลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด เนื่องจากนายชัยได้ถูกนายโก๋ยิงได้รับบาดเจ็บ จึงเป็นการพยายามกระทำความผิดตามมาตรา 80 วรรคแรก
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อนายชัยได้กระทำความผิดในขณะบันดาลโทสะ เนื่องจากถูกนายโก๋ข่มขืนกระทำชำเรานางสมศรีซึ่งเป็นภริยาของนายชัย ซึ่งถือว่าเป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และได้กระทำความผิดต่อนายโก๋ผู้ข่มเหงในขณะนั้น (ขณะที่ได้ทราบว่านายโก๋ข่มขืนกระทำชำเราภริยาของตน) ดังนั้นนายชัยจะได้รับโทษน้อยลงตามมาตรา 72
กรณีของนายโก๋
การที่นายโก๋ยิงนายชัยได้รับบาดเจ็บ ถือว่านายโก๋ได้กระทำความผิดต่อนายชัยโดยเจตนา เพราะเป็นการกระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผลของการกระทำนั้น ตามมาตรา 59 วรรคสอง แต่เมื่อการกระทำของนายโก๋ได้ลงมือกระทำไปตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล นายโก๋จึงต้องรับผิดฐานพยายามฆ่านายชัย ตามมาตรา 80 วรรคแรก และการที่นายโก๋ยิงนายชัยและกระสุนปืนเลยไปถูกนางสมศรีถึงแก่ความตายนั้น เป็นกรณีที่นายโก๋ได้กระทำโดยเจตนาต่อนายชัย แต่ผลของการกระทำเกิดแก่นางสมศรีโดยพลาดไป ให้ถือว่านายโก๋ได้กระทำโดยเจตนาแก่นางสมศรีบุคคลซึ่งได้รับผลร้ายจากการกระทำด้วยตามมาตรา 60 ดังนั้นนายโก๋จึงต้องรับผิดฐานฆ่านางสมศรีตายโดยเจตนา ตามมาตรา 59 วรรคแรก ประกอบมาตรา 60 โดยนายโก๋จะอ้างว่าการกระทำของตนเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายไม่ได้ เพราะนายโก๋เป็นผู้ก่อภัยขึ้นเอง
สรุป นายชัยต้องรับผิดทางอาญาฐานพยายามฆ่านายโก๋ แต่จะได้รับโทษน้อยลงตามมาตรา 59 วรรคแรก ประกอบมาตรา 80 และมาตรา 72
นายโก๋จะต้องรับผิดทางอาญาฐานพยายามฆ่านายชัย ตามมาตรา 59 วรรคแรก ประกอบมาตรา 80 และต้องรับผิดฐานฆ่านางสมศรีตายโดยเจตนาโดยพลาด ตามมาตรา 59 วรรคสอง ประกอบมาตรา 60
ข้อ 2 นายเอกใช้ปืนขู่ว่าจะยิงนางดวงดาวและ ด.ญ.ตุ๊กตาให้ตาย ถ้านายเชิดสามีของนางดวงดาวและบิดาของ ด.ญ.ตุ๊กตาไม่ยิงนายศักดิ์ให้ตาย นายเชิดไม่รู้จักนายศักดิ์เห็นนายสีเข้าใจว่าเป็นนายศักดิ์ จึงใช้ปืนยิงไปถูกนายสีถึงแก่ความตาย ดังนี้ นายเอกและนายเชิดจะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 59 วรรคแรก วรรคสอง บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาทในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิด แม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา
กระทำโดยเจตนา ได้แก่ กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
มาตรา 61 ผู้ใดเจตนาจะกระทำต่อบุคคลหนึ่ง แต่ได้กระทำต่ออีกบุคคลหนึ่งโดยสำคัญผิดผู้นั้นจะยกเอาความสำคัญผิดเป็นข้อแก้ตัวว่ามิได้กระทำโดยเจตนาหาได้ไม่
มาตรา 67 ผู้ใดกระทำผิดด้วยความจำเป็น
(1) เพราะอยู่ในที่บังคับ หรือภายใต้อำนาจซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้
(2) เพราะเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึงและไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นได้เมื่อภยันตรายนั้นตนมิได้ก่อให้เกิดขึ้นเพราะความผิดของตน
ถ้าการกระทำนั้นไม่เป็นการเกินสมควรแก่เหตุแล้ว ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
มาตรา 84 ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้าง วานหรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด
ถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ ถ้าความผิดมิได้กระทำลงไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำ ยังไม่ได้กระทำหรือเหตุอื่นใด ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสามของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ การกระทำของนายเอกและนายเชิดจะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่ แยกพิจารณาได้ดังนี้
กรณีของนายเอก
การที่นายเอกใช้ปืนขู่ว่าจะยิงนางดวงดาวและ ด.ญ.ตุ๊กตาให้ตาย ถ้านายเชิดสามีของนางดวงดาวและบิดาของ ด.ญ.ตุ๊กตา ไม่ยิงนายศักดิ์ให้ตายนั้น การกระทำของนายเอกถือว่าเป็นการก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดด้วยการบังคับ นายเอกจึงเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด และเมื่อนายเชิดผู้ถูกใช้ได้ลงมือกระทำความผิดแล้ว นายเอกผู้ใช้จึงต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการตามมาตรา 84
กรณีของนายเชิด
การที่นายเชิดใช้ปืนยิงนายสีถึงแก่ความตาย การกระทำของนายเชิดต่อนายสี ถือว่าเป็นการกระทำโดยเจตนา เพราะเป็นการกระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ และในขณะเดียวกัน ผู้กระทำประสงค์ต่อผลของการกระทำนั้นตามมาตรา 59 วรรคสอง และการที่นายเชิดต้องการยิงนายศักดิ์ แต่เห็นนายสีเข้าใจว่าเป็นนายศักดิ์ จึงยิงนายสีถึงแก่ความตายนั้น นายเชิดจะอ้างความสำคัญผิดเป็นข้อแก้ตัวว่ามิได้มีเจตนากระทำต่อนายสีไม่ได้ ตามมาตรา 61
แต่อย่างไรก็ตาม การที่นายเชิดใช้ปืนยิงนายสีนั้น เป็นการกระทำความผิดด้วยความจำเป็น เพราะเพื่อให้นางดวงดาวและ ด.ญ.ตุ๊กตา พ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึงและไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นใดได้ และเป็นภยันตรายที่ตนมิได้ก่อให้เกิดขึ้น ดังนั้นนายเชิดจึงได้รับการยกเว้นโทษตามมาตรา 67(2)
สรุป นายเอกต้องรับผิดทางอาญาฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดและต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ ตามมาตรา 84
นายเชิดต้องรับผิดทางอาญาฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตามมาตรา 59 วรรคแรก ประกอบมาตรา 61 แต่นายเชิดไม่ต้องรับโทษตามมาตรา 67(2)
ข้อ 3 นายหล่อใช้นางสุดสวยภริยาให้ไปหยิบอาวุธปืนซึ่งตนบรรจุลูกกระสุนปืนไว้แล้วมาให้ตน เพื่อจะใช้ยิงนายดำคู่อริกันซึ่งเดินผ่านเข้ามาในซอยพอดี นางสุดสวยสงสารนายดำ แต่ก็ไม่กล้าขัดใจนายหล่อ จึงไปหยิบปืนแต่แอบเอาลูกกระสุนปืนออกหมด นายหล่อเมื่อได้ปืนจากนางสุดสวยแล้ว ได้ใช้ปืนนั้นยิงนายดำ นายดำไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด
ดังนี้ นายหล่อและนางสุดสวยจะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 59 วรรคแรก วรรคสอง บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาทในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิด แม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา
กระทำโดยเจตนา ได้แก่ กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
มาตรา 81 วรรคแรก ผู้ใดกระทำการโดยมุ่งต่อผลซึ่งกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด แต่การกระทำนั้นไม่สามารถจะบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำหรือเหตุแห่งวัตถุที่มุ่งหมายกระทำต่อ ให้ถือว่าผู้นั้นพยายามกระทำความผิด แต่ให้ลงโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
มาตรา 86 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อน หรือขณะกระทำความผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ นายหล่อและนางสุดสวยจะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่ แยกพิจารณาได้ดังนี้
กรณีของนายหล่อ
การที่นายหล่อใช้ปืนยิงนายดำ การกระทำของนายหล่อเป็นการกระทำโดยเจตนา ตามมาตรา 59 วรรคสอง เพราะเป็นการกระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ และในขณะเดียวกัน ผู้กระทำประสงค์ต่อผลของการกระทำนั้น และเมื่อนายหล่อได้ลงมือกระทำความผิดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำ คือปืนที่ใช้ยิงนายดำนั้นไม่มีลูกกระสุน ดังนั้นนายหล่อจึงต้องรับผิดฐานพยายามกระทำความผิดซึ่งไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ โดยจะต้องรับโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้ สำหรับความผิดนั้น ตามมาตรา 81 วรรคแรก
กรณีของนางสุดสวย
การที่นางสุดสวยได้ไปหยิบปืนให้แก่นายหล่อ แต่ได้แอบเอาลูกกระสุนปืนออกหมดนั้น ถือได้ว่า นางสุดสวยไม่มีเจตนาที่จะช่วยเหลือให้นายหล่อกระทำความผิด จึงไม่เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา 86 ดังนั้นนางสุดสวยจึงไม่ต้องรับผิดทางอาญา
สรุป นายหล่อต้องรับผิดทางอาญาฐานพยายามกระทำความผิด (พยายามฆ่า) ซึ่งไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ตามมาตรา 81 ส่วนนางสุดสวยไม่ต้องรับผิดทางอาญา
ข้อ 4 สุขโกรธแค้นกรด สูขอยู่ระหว่างตัดสินใจว่าจะฆ่ากรดหรือไม่ โจก็ต้องการฆ่ากรด โจไม่ทราบว่าสุขโกรธแค้นกรดอยู่ โจได้ว่าจ้างให้สุขไปฆ่ากรด สุขตกลงใจไปฆ่ากรดตามที่โจจ้าง สุขไปหาจอนที่บ้าน เพื่อขอยืมอาวุธปืนไปยิงกรด สุขเห็นจอนกำลังทำความสะอาดอาวุธปืนอยู่พอดี สุขได้บอกวัตถุประสงค์กับจอน แต่จอนไม่ให้สุขยืมปืนและได้วางปืนไว้บนโต๊ะ แล้วเดินเข้าไปข้างในบ้านเพื่อหยิบของ สุขจึงหยิบเอาอาวุธปืนนั้นเพื่อไปยิงกรด ระหว่างทางพบจุ๋ม จุ๋มทราบว่าสุขจะไปยิงกรด จึงพาสุขไปส่งที่บ้านกรด และคอยสังเกตการณ์อยู่หน้าบ้านกรด เมื่อสุขยิงกรดตายแล้วได้หลบหนีไปพร้อมกับจุ๋ม ดังนี้ การกระทำของโจ จอน และจุ๋มได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของสุขในฐานะใด และต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 59 วรรคแรก วรรคสอง บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาทในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิด แม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา
กระทำโดยเจตนา ได้แก่ กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
มาตรา 83 ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
มาตรา 84 ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้าง วานหรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด
ถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ ถ้าความผิดมิได้กระทำลงไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำ ยังไม่ได้กระทำหรือเหตุอื่นใด ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสามของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
มาตรา 86 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อน หรือขณะกระทำความผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น
วินิจฉัย
ตามอุทาหรณ์ การที่สุขใช้ปืนยิงกรดตาย ถือว่าสุขได้กระทำต่อกรดโดยเจตนาตามมาตรา 59 วรรคสอง เพราะเป็นการกระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผลของการกระทำนั้น สุขจึงต้องรับผิดทางอาญาฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตามมาตรา 59 วรรคแรก
สำหรับการกระทำของโจ จอน และจุ๋มได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของสุขในฐานะใด และต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่ แยกพิจารณาได้ดังนี้
กรณีของโจ
การที่โจต้องการฆ่ากรด แม้โจจะไม่ทราบว่าสุขโกรธแค้นกรดอยู่และอยู่ในระหว่างตัดสินใจว่าจะฆ่ากรดหรือไม่ เมื่อโจได้ว่าจ้างสุขให้ไปฆ่ากรด และสุขตกลงใจไปฆ่ากรดตามที่โจจ้าง ถือว่าโจได้ก่อให้สุขกระทำความผิดโดยการจ้าง โจจึงต้องรับผิดทางอาญาฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดตามมาตรา 84 และเมื่อสุขได้กระทำความผิดแล้ว โจจึงต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ
กรณีของจอน
การที่สุขได้ไปขอยืมอาวุธปืนของจอน แต่จอนไม่ให้ยืมปืนและได้วางปืนไว้บนโต๊ะ เมื่อจอนเดินเข้าไปในบ้านสุขได้เอาอาวุธปืนไปยิงกรด ดังนี้ถือได้ว่าจอนไม่มีเจตนาช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่สุขก่อน หรือขณะกระทำความผิด จอนจึงไม่ต้องรับผิดทางอาญาฐานเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา 86
กรณีของจุ๋ม
การที่จุ๋มทราบว่าสุขจะไปยิงกรด จึงได้พาสุขไปส่งที่บ้านกรด และเมื่อสุขยิงกรดตายแล้วได้หลบหนีไปพร้อมกับจุ๋ม การกระทำของจุ๋ม ถือว่า จุ๋มได้มีเจตนาที่จะยิงกรดร่วมกันกับสุข ดังนั้นจุ๋มจึงต้องรับผิดทางอาญาฐานเป็นตัวการ ตามมาตรา 83
สรุป โจต้องรับผิดทางอาญาฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดและต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการตามมาตรา 84
จอนไม่ต้องรับผิดทางอาญาฐานเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา 86
จุ๋มต้องรับผิดทางอาญาฐานเป็นตัวการ ตามมาตรา 83