การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2555
ข้อสอบกระบวนวิชา ANT 3057 สังคมและวัฒนธรรมไทย
ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)
1. เพราะเหตุใดเราจึงต้องเรียนรู้สังคมและวัฒนธรรมไทย
(1) เราเป็นคนไทย
(2) วัฒนธรรมคือวิถีชีวิตของคนไทย
(3) สังคมและวัฒนธรรมไทยอยู่ในตัวตนของเรา
(4) ถูกทั้งหมด
ตอป 4 หน้า 1, (คำบรรยาย) การศึกษาสังคมและวัฒนธรรมไทยเป็นเรื่องที่คนไทยศึกษาได้ตลอดเวลา เพราะเราคือคนไทยที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคม และวัฒนธรรมก็คือวิถีชีวิตของคนไทยตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน ดังนั้นสังคมและวัฒนธรรมไทยจึงอยู่ทั้งในตัวตนของเราและอยู่ล้อมรอบตัว ซึ่งเราสามารถเรียนรู้ได้ทุกวัน เวลา และสถานที่ ในทุก ๆ ต้าน เช่น วิถีชีวิตหรือความเป็นอยู่ ของคนไทย พฤติกรรมความคิด ทัศนะในการมองโลก ค่านิยม ความเชื่อ ระบบการศึกษา ระบบยุติธรรม ประเพณีไทย โครงสร้างสังคมและระบบการควบคุมสังคม เป็นต้น
2. ข้อใดสะท้อนภาพสังคมและวัฒนธรรมไทย
(1) ระบบการศึกษา
(2) ระบบยุติธรรม
(3) ความเชื่อ
(4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ
3. ข้อใดคือความหมายของคำว่า “สังคม”
(1) คนที่มาอยู่รวมกันมีความสัมพันธ์กันตามที่สังคมกำหนด
(2) ประเทศไทยมีจำนวนเพศชายประมาณ 30 ล้านคนเศษ
(3) กลุ่มคนที่มาอยู่รวมกัน (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 1 หน้า 12, (คำบรรยาย) สังคม หมายถึง กลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่มาอยู่รวมกันและมีความสัมพันธ์กัน โดยที่รูปแบบความสัมพันธ์นั้นย่อมเป็นไปตามแบบแผนหรือวัฒนธรรมที่สังคมกำหนด เพราะคนในสังคมใดย่อมต้องไต้รับการถ่ายทอด อบรมขัดเกลา ให้ต้องปฏิบัติตามแบบแผน ของสังคมนั้น
4. สังคมไทยแตกต่างจากสังคมอื่นในด้านใด
(1) วัฒนธรรมการดำเนินชีวิต (2) ลักษณะอาชีพ
(3) การศึกษา (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 1 หน้า 13, 90, (คำบรรยาย) สังคมแต่ละแห่งจะมีวัฒนธรรมการดำเนินชีวิตของตนเองซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้ความแตกต่างระหว่างสังคมหนึ่งกับสังคมอื่น ๆ ดังที่พัทยา สายหู ได้กล่าวว่า วัฒนธรรมเป็นตราประจำสังคม คือ เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกให้รู้ว่าคนเหล่านั้นเป็นสมาชิกของ กลุ่มเดียวกันหรือต่างกลุ่มกัน
5. สังคมเมืองแตกต่างจากสังคมชนบทในด้านใด
(1) มีคนไม่มาก (2) มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทางสังคมสูง
(3) เจริญก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 3 หน้า 4-6, (คำบรรยาย) ลักษณะสังคมเมืองและสังคมชนบทมีความแตกต่างกัน ดังนี้
1. สังคมเมืองมีขนาดใหญ่ มืคนมาก ส่วนสังคมชนบทมีขนาดเล็ก มีคนน้อย
2. สังคมเมืองมีความสัมพันธ์แบบเป็นทางการ (ทุติยภูมิ) ส่วนสังคมชนบทมีความสัมพันธ์
แบบไม่เป็นทางการ (ปฐมภูมิ)
3. สังคมเมืองมีความหลากหลายในทุกด้าน ส่วนสังคมชนบท มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทางสังคมสูง 4. สังคมเมืองมีความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่วนสังคมชนบทมีวิถีซีวิตพึ่งพิงธรรมชาติ ฯลฯ
6. สังคมประเพณีและสังคมทันสมัย เป็นรูปแบบสังคมที่ใซ้เกณฑ์อะไรเป็นตัวกำหนด
(1) สิ่งแวดล้อม (2) ระบบความสัมพันธ์ (3) วัฒนธรรม (4) ระบบเศรษฐกิจ
ตอบ 3 หน้า 3 – 4, 6 – 7 นักวิชาการแบ่งรูปแบบของสังคมตามตัวกำหนดที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่ง ดังนี้
1. แบ่งตามสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิต คือ สังคมชนบทกับสังคมเมือง
2. แบ่งตามระบบความสัมพันธ์ คือ สังคมง่าย ๆ (สังคมพื้นบ้าน) กับสังคมซับซ้อน
3. แบ่งตามวัฒนธรรม คือ สังคมดั้งเดิม (สังคมประเพณี) กับสังคมทันสมัย
4. แบ่งตามเทคโนโลยีที่ใช้ หรือวัฒนธรรมด้านเศรษฐกิจของคน คือ สังคมเกษตรกรรม กับสังคมอุตสาหกรรม
7. โครงสร้างทางสังคมคืออะไร
(1) คนที่มาอยู่รวมกัน (2) ความสัมพันธ์ของคนที่มาอยู่รวมกัน
(3) กฎเกณฑ์ทางสังคม (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 2 หน้า 8-9 โครงสร้างทางสังคม คือ ระบบเครือข่ายความสัมพันธ์ของคนที่มาอยู่รวมกันในสังคม ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มสังคมต่าง ๆ ที่มีฐานะและคุณค่าที่แตกต่างกัน เช่น ความสัมพันธ์ ระหว่างเครือญาติ, กลุ่มนายทุน-กรรมกร, คนรวย-คนจน, ขุนนาง-ไพร่, เด็ก-ผู้ใหญ่ ฯลฯ
8. ข้อใดคือองค์ประกอบของโครงสร้างสังคม
(1) สถาบันต่าง ๆ (2) กลุ่มคน (3) สถานภาพและบทบาท (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 หน้า 8-9 องค์ประกอบของโครงสร้างทางสังคม ได้แก่
1. กลุ่มทางสังคม (Social Groups) ที่มีฐานะและคุณค่าแตกต่างกัน เช่น กลุ่มคนชาติพันธุ์ต่าง ๆ กลุ่มผู้ปกครอง กลุ่มประชาชน กลุ่มผู้มีอิทธิพล กลุ่มแรงงาน ฯลฯ
2. สถาบันทางสังคม (Social Institution) ซึ่งสถาบันหลัก ๆ ได้แก่ ครอบครัว ศาสนา การศึกษา เศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง ฯลฯ
3. สถานภาพและบทบาท (Status and Roles) คือ ตำแหน่งและหน้าที่ในกลุ่มสังคม
9. ข้อใดคือลักษณะสำคัญของวัฒนธรรม
(1) เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ (2) เกิดจากการเรียนรู้
(3) เกิดจากสัญชาตญาณ (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 2 หน้า 10-11, (คำบรรยาย) ลักษณะสำคัญซองวัฒนธรรม ได้แก่
1. เป็นผลผลิตจากระบบความคิดของมนุษย์ หรือเกิดจากการสร้างสรรค์ของมนุษย์
2. มีองค์ประกอบซองความคิด โลกทัศน์ ค่านิยมทางสังคม ซึ่งเป็นตัวกำหนดมาตรฐานของพฤติกรรม
3. เป็นแบบแผนของพฤติกรรมที่เกิดจากการเรียนรู้ หรือเกิดจากการกระทำโต้ตอบกัน ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ
4. เป็นมรดกทางสังคมที่ส่งต่อจากชนรุ่นหนี่งไปสู่ชนอีกรุ่นหนึ่ง
5. มีพื้นฐานมาจากการใช้สัญลักษณ์ คือ ภาษา ซึ่งเป็นเครืองมือที่มนุษย์ใช้สื่อสาร และส่งทอดความรู้ต่าง ๆ
6. มีลักษณะเป็นสากล ใช้ในระดับกว้าง หรืออาจใช้ในระดับแคบเฉพาะกลุ่มคนก็ได้ ฯลฯ
10. ข้อใดทำให้มนุษย์สามารถพัฒนาองค์ความรู้ได้อย่างรวดเร็ว
(1) การอยู่รวมกันเป็นสังคมเมือง (2) ภาษาที่เป็นระบบสัญลักษณ์
(3) การเคารพระบบอาวุโส (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 2 หน้า 3, 11 – 12, (คำบรรยาย) การที่มนุษย์มีความสามารถในการสร้างและใช้ระบบสัญลักษณ์เช่น ภาษาพูดและภาษาเขียน รวมทั้งสื่อสัญลักษณ์ต่าง ๆ นั้น ทำให้มนุษย์สามารถติดต่อสัมพันธ์กัน อย่างราบรื่น ตลอดจนสามารถสะสม พัฒนา และถ่ายทอดองค์ความรู้หรือเทคโนโลยีจาก ชนรุ่นหนึ่งไปสู่ชนอีกรุ่นหนึ่งได้ง่ายและรวดเร็ว ดังนั้นระบบสัญลักษณ์จึงถือเป็นพื้นฐานของ วัฒนธรรมและเป็นเครื่องมือช่วยสร้างความมั่นคงให้แก่สังคม โดยระบบสัญลักษณ์ที่ใช้ต่างกัน ก็จะทำให้การใช้ภาษาแตกต่างกันไปในแต่ละสังคม
11. ศาสตร์สาขาใดจะทำให้เราเข้าใจภาพรวมของสังคมไทยได้ดีฃึ้น
(1) ภูมิศาสตร์
(2) วิทยาศาสตร์
(3) สหวิทยาการ
(4) มนุษยศาสตร์
ตอบ 3 หน้า 14, (คำบรรยาย) การศึกษาเพื่อให้เข้าใจภาพรวมของสังคมไทยได้ดีฃี้นนั้น จะต้องใช้ความรู้จากหลายสาขาประกอบกันที่เรียกว่า “สหวิทยาการ” ซึ่งได้แก่
1. ภูมิศาสตร์ เป็นการศึกษาที่ตั้ง ขอบเขต ภูมิอากาศ และลักษณะภูมิประเทศ
2. ประวัติศาสตร์ เป็นการศึกษาความเป็นมาของชนชาติตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
3. เศรษฐศาสตร์ ศึกษาเกี่ยวกับทรัพยากร การผลิต และการบริโภค
4. สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ศึกษาความเป็นมา ตลอดจนโครงสร้างของสังคม และวัฒนธรรม ฯลฯ
12. ข้อใดแสดงความสัมพันธ์ระหว่างสังคมกับวัฒนธรรม
(1) สังคมสร้างวัฒนธรรม
(2) วัฒนธรรมเป็นแบบแผนพฤติกรรมของสังคม
(3) วัฒนธรรมช่วยควบคุมสังคม
(4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 หน้า 12, 14 สังคมกับวัฒนธรรมมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดและไม่สามารถแยกออกจาก กันได้ เพราะเมื่อมนุษย์รวมตัวกันเป็นกลุ่มสังคมก็จะต้องสร้างวัฒนธรรมขึ้นเป็นแบบแผน พฤติกรรมของสังคม เพื่อใช้เป็นตัวกำหนดหรือควบคุมพฤติกรรมของคนในสังคมให้เป็นไป ตามกฎเกณฑ์ที่สอดคล้องกัน สังคมจึงจะดำรงอยู่ได้โดยมั่นคงราบรื่น ซึ่งความสัมพันธ์อันนี้ เปรียบเสมือนกายกับใจ หรือเหรียญ 2 ด้าน ที่จะขาดซึ่งกันและกันไม่ได้
13. สิ่งใดบ่งบอกความเป็นพวกเดียวกัน
(1) วัฒนธรรมการกิน (2) ภาษาที่เป็นระบบสัญลักษณ์
(3) พันธุกรรม (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 4. ประกอบ
14. สังคมไทยมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในด้านใด
(1) เศรษฐกิจ (2) ชาติพันธุ์ (3) วัฒนธรรม (4) ผิดทั้งหมด
ตอบ 3 หน้า 11 – 12, 14 – 15, (คำบรรยาย) สังคมไทยไม่ได้มีลักษณะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในด้านกายภาพของสิ่งแวดล้อมและชาติพันธุ์ของคน เนื่องจากสังคมไทยประกอบไปด้วย กลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลาย จึงทำให้คนไทยมีระบบความคิด ทัศนคติ บุคลิกภาพ และความเชื่อ ที่แตกต่างกัน แต่เมื่อต้องมาอยู่รวมกันเป็นกลุ่มสังคมก็จะต้องอาศัยวัฒนธรรมหลัก หรือ วัฒนธรรมหลวง มาหล่อหลอมให้มีพฤติกรรมและแบบแผนการดำเน้นชีวิตที่คล้ายคลึงเป็นไป ในรูปแบบเดียวกัน หรือมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทางสังคม
15. การศึกษาสังคมไทยในมิติทางมานุษยวิทยา เกิดขึ้นเมื่อ‘ไร
(1) ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 (2) หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
(3) หลัง 14 ตุลาคม 2516 (4) ในช่วงหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา
ตอบ 2 หน้า 16 – 18 การศึกษาสังคมและวัฒนธรรมไทยมีพัฒนาการแบ่งออกเป็น 3 ยุค ดังนี้
1. ยุคแรกช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 การศึกษาเป็นแบบพรรณนาหรือบรรยายแบบแผน การดำเนินชีวิตของคนไทย ซึ่งเป็นการศึกษาค้นคว้าจากบันทึกและประสบการณ์ของพ่อค้า ข้าราชการ มิชชันนารี ตลอดจนทูตประเทศต่าง ๆ
2. ยุคภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มมีการศึกษาสังคมไทยในมิติมานุษยวิทยา โดยจะอยู่ ภายใต้กรอบของแนวคิดทฤษฎีโครงสร้างและหน้าที่เป็นหลัก
3. ยุคภายหลังการเปลี่ยนแปลงวันที่ 14 ตุลาคม 2516 การศึกษาได้ฉีกแนวออกมาสนใจ ความขัดแย้ง ความหลากหลายทางสังคมและวัฒนธรรม
16. ชนชาติใดเรียกดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่า “สุวรรณภูมิ”
(1) อังกฤษ (2) อินเดีย (3) โปรตุเกส (4) เปอร์เซีย
ตอบ 2 หน้า 18, 26 – 27 สุวรรณภูมิ หมายถึง ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด หรืออุษาคเนย์ ซึ่งประกอบด้วย ไทย พม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา (เขมร) มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ บรูไน และฟิลิปปินส์ โดยคำว่า สุวรรณภูมิ มีรากศัพท์มาจากภาษาบาลี-สันสกฤต 2 คำ คือ สุวรรณ + ภูมิ แปลว่า แผ่นดินทอง หรือแหลมทอง ซึ่งเป็นคำที่ชาวอินเดียโบราณที่เข้ามาติดต่อแลกเปลี่ยน สิ่งของเป็นผู้ใช้เรียก เพราะดินแดนแถบนี้มีความมั่งคั่งในด้านทรัพยากรธรรมชาติ
17. ข้อใดคือ “สุวรรณภูมิ”
(1) ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ (2) ประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
(3) เอเชียใต้ (4) เอเชียตะวันออก
ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 16. ประกอบ
18. นักวิชาการท่านใดเชื่อว่า ถิ่นเดิมของไทยอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีน
(1) สุด แสงวิเชียร (2) สมศักดิ์ พันธุ์สมบุญ
(3) สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ (4) สุจิตต์ วงษ์เทศ
ตอบ 3 หน้า 21 – 22, (คำบรรยาย) สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนอว่า ถิ่นเดิมของชนชาติไทย อยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีนแถบมณฑลยูนนาน กุ้ยโจ กวางสี และเสฉวน ชึ่งสอดคล้องกับ ลาคูเพอรี่ ที่ได้เสนอว่า ถิ่นเดิมของไทยอยู่แถบกวางตุ้ง กวางไส กุยจิ๋ว เสฉวน และยูนนาน ตลอดจนนักประวัติศาสตร์รุ่นใหม่ที่ชื่อ วัยอาจ (Wyatt) และนักภาษาศาสตร์อีกหลายท่าน เช่น จิตร ภูมิศักดิ์ และปรีดี พนมยงค์ ก็เห็นในทำนองเดียวกัน โดยอยู่บนพื้นฐานความเชื่อ ที่ว่าคนแถบนี้มีภาษาและวัฒนธรรมคล้ายคลึงกับไทย
19. คนไทยมีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีนมีหลักฐานด้านใดสนับสนุน
(1) ชาติพันธุ์เดียวกัน (2) วัฒนธรรมและภาษาพูด
(3) ลักษณะอาชีพเกษตรกรรม (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 18. ประกอบ
20. คนไทยที่เราศึกษาหมายถึงใคร
(1) คนที่มีสัญชาติไทยตามกฎหมาย (2) คนที่่พูดภาษาไทย
(3) คนผิวเหลืองในเอเชีย (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 1 หน้า 14, (คำบรรยาย) คนไทยในความหมายที่เราศึกษาในวิชานี้ หมายถึง สังคมไทย หรือกลุ่มคนขนาดใหญ่ที่ถือลัญชาติไทยตามกฎหมาย ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์ย่อย ๆ มากมาย
21. นักวิชาการท่านใดเชื่อว่า คนไทยอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาตั้งแต่ดั้งเดิม
(1) จิตร ภูมิศักดิ์
(2) สุด แสงวิเชียร
(3) สมศักดิ์ พันธุสมบุญ
(4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 2 หน้า 17, 22, (คำบรรยาย) บายแพทย์สุด แสงวิเชียร ได้เปรียบเทียบโครงกะโหลกของคนไทยปัจจุบันกับกะโหลกของมนุษย์ยุคหินใหม่ซึ่งพบที่ตำบลบ้านเก่า จ.กาญจนบุรี พบว่า โครงกะโหลกทั้งคู่ไม่มีลักษณะแตกต่างกันอย่างชัดเจนพอที่จะแบ่งเป็นคนละเชื้อชาติได้ เขาจึงได้ข้อสรุปและเขียนหนังสือชื่อว่า “คนไทยอยู่ที่นี้” ซึ่งเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับ สุจิตต์ วงษ์เทศ และศรีศักร วัลลิโภดม ที่ใช้หลักฐานด้านโบราณคดีก่อนสมัยประวัติศาสตร์ มาแสดงพัฒนาการของมนุษย์ สังคม และวัฒนธรรม โดยทั้งหมดสรุปว่า คนไทยไม่ได้อพยพ มาจากไหน แต่เป็นชาวพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ที่นี่ สุวรรณภูมิ หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาตั้งแต่ตั้งเดิม และปัจจุบันแนวคิดนี้ก็ได้รับความสนใจมากขึ้น
22. “ยีนของคนไทยคล้ายคลึงกับยีนของชาวอินโดนีเซียมากกว่าจีน” เป็นผลการศึกษาของนักวิชาการท่านใด
(1) สมศักดิ์ พันธุ์สมบุญ
(2) ประเวศ วะสี
(3) เสมอชัย พูลสุวรรณ
(4) ถูกทั้งหมด
ตอบ4 หน้า 22 – 23, (คำบรรยาย) นายแพทย์สมศักดิ์ พันธุสมบุญ เสนอว่า ถิ่นเดิมของไทยอยู่ทางใต้แถบคาบสมุทรมลายูและชวา (อาณาจักรศรีวิชัย) เนื่องจากเมื่อเขาได้เปรียบเทียบความถี่ของยีนระหว่างคนไทยกับคนจีนและคนอินโดนีเซียแล้ว พบว่ายีนของคนไทยคล้ายคลึงกับยีน ของคนอินโดนีเซียมากกว่าของคนจีน ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาของนายแพทย์ประเวศ วะสี และเสมอชัย พูลสุวรรณ ที่ยืนยันว่าคนไทยไม่ได้สืบเชื้อสายมาจากจีน โดยทั้งหมดใช้หลักฐาน การทดลองทางวิทยาศาสตร์ด้านพันธุกรรมด้วยวิธีการตรวจสอบยีน (DNA) ในเม็ดเลือด เป็นเกณฑ์ในการกำหนดเชื้อชาติ
23. ประชากรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีเชื้อสายอะไร
(1) มองโกลอยด์ (2) ออสโตรลอยด์ (3) ออสโตรนีเชียน (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 1 หน้า 19, 23 ประชากรทั้งหมดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีเชื้อสายมองโกลอยด์ (Mongoloid) หรือผิวเหลืองเหมือนกัน แต่อาจจำแนกได้เป็นหลายชาติพันธุ์ตามสภาพภูมิศาสตร์และเวลา
24. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับลักษณะสังคมไทย
(1) ประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลาย (2) ส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม
(3) ความเชื่อไสยศาสตร์ (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 หน้า 15, (คำบรรยาย) สังคมไทยมีลักษณะ ดังนี้
1. สังคมไทยมีลักษณะ “วิวิธพันธุ์” คือ มีความแตกต่างหลากหลายในด้านชาติพันธุ์
2. สังคมไทยในแต่ละภูมิภาคและแต่ละท้องถิ่นมีโครงสร้างทางสังคมและวัฒนธรรมย่อยของตนเองแตกต่างกันไป ทำให้มีระบบความคิด ความเชื่อ ประเพณี และพิธีกรรมที่ต่างกัน
3. สังคมไทยมีความแตกต่างด้านกายภาพของสิ่งแวดล้อมดินฟ้าอากาศหรือสภาพภูมิศาสตร์ ทำให้มีสักษณะพันธุ์พืชและสัตว์ การตั้งถิ่นฐาน การประกอบอาชีพ ฯลฯ ที่ต่างกัน
25. ตระกูลภาษาใดมีคนพูดมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
(1) ออสโตรเอเชียติก (2) ไท-คะได (3) สิโน-ทิเบตัน (4) ทิเบโต-เบอร์แมน
ตอบ 3 หน้า 24 – 25 ภาษาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แบ่งออกเป็น 5 ตระกูล คือ
1. ออสโตรนีเชียน (Austronesian) หรือมาลาโย-โปลีนีเชียน ได้แก่ ภาษาของกลุ่มคนที่ พูดภาษามาเลย์ ซึ่งอาศัยอยู่ตามชายทะเลและเกาะแก่งต่าง ๆ
2. ออสโตรเอเชียติก (Austroasiatic) หรือมอญ-เขมร ได้แก่ ภาษาของพวกซาไก มอญ เขมร กุย ส่วย ฯลฯ ซึ่งเป็นตระกูลภาษาที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะเชื่อว่าเป็นภาษาของกลุ่มชนดั้งเดิมในพื้นที่แถบนี้
3. ไท-คะได (Tai-Kadai) หรือไท-ลาว ได้แก่ ภาษาของไทย ลาว (โซ่ง ดำ แดง ขาว) กะเหรี่ยง ไทยใหญ่ ฯลฯ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ตามลุ่มแม่นํ้าโขง สาละวิน ดำ แดง ขาว และเจ้าพระยา
4. สิโน-ทิเบตัน (Sino-Tibetan) ได้แก่ ภาษาของม้ง เย้า จีนฮ่อ ขะฉิ่น ฯลฯ ซึ่งเป็นตระกูล ภาษาที่มีคนพูดมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
5. ทิเบโต-เบอร์แมน (Tibeto-Burman) ได้แก่ ภาษาของพม่า อีก้อ มูเซอ เกรียง ลีซอ ลัวะ
26. ข้อใดคือตระกูลภาษาของกลุ่มชนดั้งเดิมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
(1) ออสโตรเอเชียดิก (2) ไท-คะได (3) สิโน-ทิเบตัน (4) ทิเบโต-เบอร์แมน
ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 25. ประกอบ
27. เพราะเหตุใดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จึงถูกเรียกว่า “อินโดจีน”
(1) เคยถูกครอบงำโดยจีนและอินเดีย (2) อยู่ติดกับจีนและอินเดีย
(3) วัฒนธรรมเป็นแบบจีนและอินเดีย (4) ประชากรมีชาติพันธุ์จีนและอินเดีย
ตอบ 3 หน้า 26, (คำบรรยาย) ดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อุษาคเนย์หรือสุวรรณภูมิ) นั้น แต่เดิมชาวตะวันตกจะเรียกว่า “อินโดจีน” เนื่องจากอยู่ตรงกลางระหว่างอินเดียและจีน นอกจากนี้ยังมีอคติว่าพื้นที่แถบนี้เป็นสังคมป่าเถื่อน ไม่มีวัฒนธรรม ดังนั้นจึงถูกครอบงำ โดยวัฒนธรรมอินเดียและวัฒนธรรมจีน
28. อะไรเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมที่สืบทอดมาจนทุกวันนี้ของคนในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
(1) การนับถือผี (2) การยกย่องสตรี
(3) การเคารพนับถือผีวีรชน (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 หน้า 27, (คำบรรยาย) วัฒนธรรมตั้งเดิมของคนในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมี เอกลักษณ์ฃองตนเอง ซึ่งสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้ คือ
1. การเคารพนับถือผีสางเทวดา ผีบรรพบุรุษ และผีวีรชน
2. การยกย่องสตรี 3. การเพาะปลูก
29. เพราะเหตุใดกลุ่มคนกลุ่มบนจึงพัฒนาล่าช้ากว่าคนกลุ่มล่าง
(1) เพราะทำมาหากินลำบาก (2) อยู่ห่างทะเล การคมนาคมลำบาก
(3) ส่วนใหญ่เป็นชาวเขา (4) เป็นชนกลุ่มน้อยของสังคม
ตอบ 2 หน้า 27, (คำบรรยาย) พื้นที่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หากมองโดยใช้ทะเลเป็นเกณฑ์ จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
1. กลุ่มบน ได้แก่ พื้นที่ทางตอนใต้ของจีน ตอนเหนือของอินเดีย พม่า ลาว เวียดนาม กลุ่มนี้พัฒนาการช้าเพราะอยู่ห่างไกลทะเล การติดต่อคมนาคมจึงลำบาก
2. กลุ่มล่าง ได้แก่ บริเวณที่เป็นประเทศไทยในปัจจุบัน มาเลเซีย และหมู่เกาะทางตอนใต้ เป็นกลุ่มที่มีพัฒนาการของชุมชนขยายตัวเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีการติดต่อ แลกเปลี่ยนสังสรรค์กับชาวต่างชาติหรือคนต่างกลุ่มได้สะดวก เพราะอยู่ติดทะเล
30. จากหลักฐานด้านโบราณคดีระบุว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีมนุษย์อาศัยอยู่นานกว่า 7 แสนปีเพราะอะไร
(1) ความหลากหลายทางชีวภาพ (2) อุดมสมบูรณ์
(3) ดินฟ้าอากาศหลากหลาย (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 หน้า 27 – 28 จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ระบุว่า สุวรรณภูมิ หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออุษาคเนย์ มีมนุษย์อาศัยอยู่มานานกว่า 7 แสบปี เนื่องจาก
1. เป็นพื้นที่ที่มีสภาพดินฟ้าอากาศหลากหลาย
2. มีความหลากหลายทางชีวภาพ และอุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุ
3. มีพื้นที่กว้างขวาง แต่สัดส่วนของคนต่อพื้นที่ตํ่ามาก
31. พัฒนาการของสังคมและวัฒนธรรมไทยเริ่มมีขึ้นเมื่อใด
(1) คนเริ่มเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์
(2) ตั้งแต่กลุ่มคนโยกย้ายร่อนเร่หาอาหารเพื่อยังชีพ
(3) มีการพัฒนาด้านเทคโนโลยี
(4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 1 หน้า 28 พัฒนาการของสังคมและวัฒนธรรมไทยเริ่มมีขึ้นเมื่อคนเริ่มทำการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ จึงมีการตั้งถิ่นฐานถาวรขึ้น ทำให้คนไม่ต้องเดินทางโยกย้ายร่อนเร่หาอาหารเพื่อยังชีพอีกต่อไป
32. ต้นเค้าของอาณาจักรสุโขทัยคือเมืองใด
(1) ศรีสัชนาลัย
(2) พิษณุโลก
(3) อู่ทอง
(4) กำแพงเพชร
ตอบ 1 หน้า 31 ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 17 ได้เกิดแคว้นศรีสัชนาลัยสุโขทัยขึ้น ซึ่งเป็นต้นเค้าของ อาณาจักรสุโขทัย โดยเริ่มจากการเป็นชุมชนถลุงเหล็กจนขยายตัวเป็นศูนย์กลางด้านการค้า และมีพลเมืองส่วนใหญ่ย้ายมาจาก 2 ฝั่งโขง จึงทำสัมฤทธิ้ (สำริด) เก่งเนื่องจากได้สะสมความรู้ และประสบการณ์มาจากยุคเหล็ก และเป็นผู้สืบทอดวัฒนธรรมบ้านเชียงด้วย
33. ผู้ใดเป็นผู้ที่ติดต่อกับสิ่งเหนือธรรมชาติ
(1) ผู้อาวุโส
(2) เพศชาย
(3) เพศหญิง
(4) ผู้มีลักษณะพิเศษ
ตอบ 3 หน้า 28 ชุมชนหมู่บ้านยุคแรกเมื่อราว 5,000 – 6,000 ปีก่อนประวัติศาสตร์ ได้เริ่มเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ และตั้งถิ่นฐานถาวรขึ้น ทำให้คนไม่ต้องร่อนเร่หาอาหารอีกต่อไป โดยชุมชนหมู่บ้าน ยุคแรกมักเกิดขึ้นตามลุ่มนํ้าที่เพาะปลูกได้ และเชื่อกันว่าหัวหน้าหมู่บ้านในยุคแรก ๆ เป็นผู้หญิง ซึ่งทำหน้าที่ติดต่อกับสิ่งเหนือธรรมชาติ
34. โลหะสัมฤทธิ์ประกอบด้วยอะไร
(1) เหล็ก (2) เหล็กกับทองแดง (3) ดีบุกกับทองแดง (4) ตะกั่วกับเหล็ก
ตอบ 3 หน้า 28 – 29 ราว 4,000 ปีที่ผ่านมา คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถถลุงโลหะ แล้วเอามาทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน โดยโลหะที่สำคัญ ได้แก่
1. โลหะสัมฤทธิ์ (สำริด) คือ โลหะผสมระหว่างทองแดงกับดีบุก หรือตะกั่ว
2. เหล็ก ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่มีอยู่ตามธรรมชาติ
35. เพราะเหตุใดชุมชนภาคกลางจึงเติบโตกลายเป็นเมืองขนาดเล็กในช่วงแรก
(1) เพราะมีแร่ธาตุที่สำคัญ (2) เพราะทำการเกษตร
(3) เพราะมีผู้นำที่ดี (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 2 หน้า 29 เมื่อประมาณ 2,000 ปี ชุมชนหมู่บ้านในภาคกลางแถบลุ่มแม่นํ้าท่าจีนและลุ่มเจ้าพระยา พัฒนาขึ้นเป็นเมืองขนาดเล็ก โดยประกอบอาชีพด้านการเกษตร เพราะมีทรัพยากรน้อยกว่า จึงพัฒนาช้ากว่าแอ่งโคราซ แต่เนื่องจากรู้จักติดต่อแลกเปลี่ยนค้าขายทางทะเลกับชุมชนภายนอก จึงทำให้เมืองเล็ก ๆ พัฒนาเจริญขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่าดินแดนตอนใน
36. ศาสนาพุทธและศาสนาพราหมณ์เข้ามาในภาคกลางครั้งแรกที่เมืองใด
(1) สุพรรณภูมิ (2) อู่ทอง (3) ลพบุรี (4) อยุธยา
ตอบ 2 หน้า 29 – 30 หลักฐานของอินเดียระบุว่า เมืองอู่ทองซึ่งเป็นชุมชนในภาคกลางแถบลุ่มนํ้าท่าจีน และแม่กลอง มีความเก่าแก่เกินกว่า 1,700 ปี และมีการรับเอาวัฒนธรรมอินเดียเข้ามาใช้กับ วัฒนธรรมท้องถิ่น ทำให้เกิดการนับถือศาสนาพุทธ ศาสนาฮินดู (ศาสนาพราหมณ์) และเริ่มนำ ระบบกษัตริย์มาใช้เป็นครั้งแรก
37. ในสมัยกรุงศรีอยุธยาใช้นโยบายอะไรในการส่งเสริมการเพิ่มประชากร
(1) ส่งเสริมการมีบุตรมาก (2) ส่งเสริมการมีภรรยาหลายคน
(3) ส่งเสริมการสมรสกับคนต่างกลุ่ม (4) ส่งเสริมการอพยพเข้าของสตรี
ตอบ 2 หน้า 31 – 32, (คำบรรยาย) ในสมัยกรุงศรีอยุธยาประชากรมีจำนวนลดลงอย่างมากเนื่องจากภาวะสงคราม ดังนั้นเมื่อพระมหาธรรมราชาขึ้นครองราชย์ภายหลังเสียกรุงครั้งที่ 1 จึงทรงใช้นโยบายส่งเสริมการเพิ่มประชากร คือ ส่งเสริมให้ผู้ชายมีภรรยาได้หลายคน เพื่อที่จะมีบุตรได้มากกว่าการมีภรรยาเพียงคนเดียว นอกจากนี้ยังมีการเกณฑ์คนลงมาจากเมืองพิษณุโลก ทำให้พลเมืองอยุธยารุ่นใหม่เป็นพวกคนเหนือด้วย
38. ประชากรไทยเพิ่มอย่างมากในยุคสมัยใด
(1) รัชกาลที่ 3 (2) รัชกาลที่ 5 (3) รัชกาลที่ 7 (4) รัชกาลที่ 9
ตอบ 4 หน้า 32, (คำบรรยาย) ในยุครัตนโกสินทร์ตอบปลาย โดยเฉพาะสมัยรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็น รัชกาลปัจจุบัน ถือเป็นช่วงที่ประชากรไทยมีจำนวนเพิ่มมากที่สุด เพราะเป็นระยะที่ประเทศไทย มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้คนอายุยืนขึ้น ในขณะที่คนเกิดเท่าเดิมแต่คนตายน้อยลง
39. กลุ่มคนกลุ่มใดมีมากที่สุดในสังคมไทย
(1) ชาติพันธุ์ไทย-ลาว (2) ไทย-มาเลย์
(3) มอญ เขมร (4) เกรียง ส่วย กุย
ตอบ 1 หน้า 33 – 34 โครงสร้างของสังคมไทย ประกอบด้วย กลุ่มสังคมย่อย ๆ หลายกลุ่มชาติพันธุ์ ได้แก่
1. ไทย-ลาว เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีมากที่สุดในสังคมไทย
2. ไทย-มาเลย์ มีอยู่มากที่สุดในภาคใต้ของไทย
3. เขมร ส่วย กุย มอญ ส่วนใหญ่อยู่กระจัดกระจายแถบภาคอีสานของไทย
4. เกรียง มีมากที่สุดทางภาคเหนือของไทย และอยู่กระจัดกระจายแถวจังหวัดราชบุรีและกาญจนบุรี
5. ชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ทางเหนือของไทย เช่น กะเหรี่ยง อาข่า ลื้อ มูเซอ
6. ชาวป่า มีอยู่ไม่มากในปัจจุบัน เช่น ผีตองเหลือง เซมัว ซาไก
7. ชาวน้ำ เป็นชนพื้นเมืองซึ่งส่วนใหญ่อยู่ตามริ่มฝั่งทะเลทางภาคใต้
8. ชนต่างด้าว ส่วนใหญ่จะอยู่ตามเขตเมือง เช่น คนจีน อินเดีย เวียดนาม และชาวตะวันตก ประเทศต่าง ๆ
40. ระบบความสัมพันธ์ของสังคมไทยที่สืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้คืออะไร
(1) ระบบอุปถัมภ์ (2) ระบบความสัมพันธ์แบบเท่าเทียมกัน
(3) ระบบประชาธิปไตย (4) ระบบขุนนาง
ตอบ 1 หน้า 34 – 35, (คำบรรยาย) ความสัมพันธ์ทางสังคมของไทยในปัจจุบันที่ถือเป็นมรดกสืบทอด มาจากระบบความสัมพันธุ์ในอดีต คือ ระบบอุปถัมภ์หรือระบบเครือญาติ (Patron-client Relationship) ในลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างคนที่มีฐานะต่างกัน เช่น ผู้ใหญ่กับผู้น้อย หรือนายกับบ่าวที่ต่างยอมรับต่อกัน มีหน้าที่ช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยต่อกัน และจะขาดเสีย ซึ่งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปไม่ได้
41. ข้อใดคือลักษณะของสังคมไทยปัจจุบัน
(1) เท่าเทียมกัน
(2) มีความแตกต่างกันตามฐานะที่แตกต่าง
(3) ทุกคนมีคุณค่าเท่าเทียมกัน
(4) ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
ตอบ 2 หน้า 35, (คำบรรยาย) สังคมไทยบัจจุบันเป็นสังคมที่มีการแบ่งแยกของสูงตํ่า เช่นผ้านุ่งผู้หญิง (ผ้าซิ่น) ถือว่าเป็นของต่ำ แต่ผ้าขาวม้าผู้ชายถือว่าเป็นของสูง, เท้าถือเป็นของตํ่า แต่หัวถือเป็นของสูง ฯลฯ นอกจากนั้นสังคมไทยยังมีการแบ่งแยกความสูงตํ่าด้านอายุและเพศ เช่น ผู้ใหญ่-ผู้น้อย, เด็ก-ผู้อาวุโส และเพศหญิง-เพศชาย ซึ่งมีฐานะและคุณค่าทางสังคม ที่แตกต่างหรือไม่เท่ากัน
42. โครงสร้างของสังคมไทย ปัจจุบันถูกกำหนดโดยอะไร
(1) อาชีพ
(2) ตำแหน่งหน้าที่การงาน
(3) ฐานะทางสังคม
(4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 หน้า 35 โครงสร้างของสังคมไทยปัจจุบันถูกกำหนดโดยใช้ลักษณะอาชีพ ตำแหน่งหน้าที่การงาน การพึ่งพาอาศัย และฐานะทางสังคม ทำให้โครงสร้างของสังคมไทยในปัจจุบันนั้นมีการแบ่งกลุ่ม ทางสังคมออกเป็น 3 ชนชั้น ได้แก่ 1. ชนชั้นสูง 2. ชนชั้นกลาง 3. ชนชั้นตำj
43. ข้อใดคือหน้าที่ของครอบครัวไทยปัจจุบัน
(1) ให้กำเนิดสมาชิกใหม่
(2) อบรมสั่งสอนอาชีพ
(3) ผลิตอาหารและแจกแจงผลผลิต
(4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 1 หน้า 36 – 37 หน้าที่ของครอบครัวไทยปัจจุบัน มีดังนี้
1. ให้กำเนิดสมาชิกใหม่ 2. ให้การศึกษาอบรม
3. ให้ความรักความอบอุ่นแก่ลูก 4. ให้ความมั่นคงปลอดภัยแก่สมาชิกในครอบครัว
44. การนับญาติของครอบครัวไทยปัจจุบันเป็นแบบใด
(1) นับญาติทั้ง 2 ฝ่าย (2) นับญาติทางพ่อ
(3) นับญาติทางแม่ (4) ไม่มีกฎเกณฑ์กติกาชัดเจน
ตอบ 1 หน้า 37 สังคมไทยจะมีการนับญาติทั้ง 2 ฝ่าย คือ นับญาติทั้งทางฝ่ายบิดาและฝ่ายมารดา แต่การสืบสกุลจะนิยมสืบทางฝ่ายบิดา
45. เพราะเหตุใดครอบครัวไทยในอดีตจึงมีขนาดใหญ่
(1) เป็นสังคมเกษตร (2) ต้องการแรงงาน (3) ไม่รู้จักวิธีควบคุมการเกิด (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 หน้า 35 – 36, (คำบรรยาย) สังคมไทยในอดีตเป็นสังคมเกษตรกรรม ซึ่งต้องการแรงงาน จำนวนมากมาช่วยด้านการเกษตร ประกอบกับในสมัยนั้นยังไม่มีการคุมกำเนิด จึงทำให้ ครอบครัวไทยในอดีตมีขนาดใหญ่ เป็นครอบครัวขยาย ซึ่งประกอบด้วยญาติพี่น้องหลายช่วง วัยอายุอยู่รวมภายใต้หลังคาเดียวกัน หรือตั้งบ้านเรือนอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกันเป็นหมู่บ้าน
46. ข้อใดคือรูปแบบการสมรสของครอบครัวไทยปัจจุบัน
(1) สามีภรรยาเดียว (2) สามีภรรยาหลายคน
(3) สามี 1 คน มีภรรยาได้หลายคน (4) ภรรยา 1 คน มีสามีได้หลายคน
ตอบ 1 หน้า 36, (คำบรรยาย) รูปแบบการสมรสของครอบครัวไทยในอดีต คือ สามี 1 คน มีภรรยาได้ หลายคน แต่ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศไทยมีความสัมพันธ์กับต่างประเทศมากขึ้น จึงทำให้รูปแบบการสมรสของครอบครัวไทยปัจจุบันเปลี่ยนไปโดยมีการออกกฎหมายให้การสมรส ต้องเป็นแบบสามีภรรยาเดียว แต่ในทางปฏิบัติแล้วชายไทยส่วนใหญ่ก็ยังนิยมมีภรรยามากกว่า 1 คน จึงทำให้สังคมไทยมีปัญหา
47. ข้อใดเป็นความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกในสังคมไทยในอดีต
(1) มีความใกล้ชิด (2) ต่างคนต่างอยู่
(3) พ่อแม่เข้มงวดระเบียบวินัยกับลูก (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 1 หน้า 36 – 37 ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกในสังคมไทยในอดีต จะมีความใกล้ชิดสนิทสนม กันมากเกือบทุกเรื่อง และลูกมักจะเป็นศูนย์กลางของครอบครัวที่ได้รับการดูแลเอาอกเอาใจ แต่ในปัจจุบันครอบครัวใกล้ชิดสนิทสนมและให้ความรักความอบอุ่นแก่ลูกน้อยลง เพราะพ่อแม่ ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน ทำให้มีเวลาอยู่กับลูกไม่มากนัก
48. โครงสร้างของสังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในสมัยใด
(1) กรุงศรีอยุธยา (2) กรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
(3) สมัยรัชกาลที่ 7 (4) สมัยรัชกาลที่ 9
ตอบ 3 (คำบรรยาย) โครงสร้างของสังคมและวัฒนธรรมไทยเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากตั้งแต่ สมัยรัชกาลที่ 4 และมีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดจากหน้ามือเป็นหลังมือในสมัยรัชกาลที่ 7 เนื่องจากเป็นยุคที่สังคมไทยเริ่มเปิดรับวัฒนธรรมตะวันตกอย่างเต็มที่
49. จอมพล ป. พิบูลสงคราม มีความสำคัญอย่างไรต่อสังคมไทย
(1) เปลี่ยนคำว่าสยามเป็นประเทศไทย (2) นำประเทศเข้าสู่ระบบทุนนิยม
(3) พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแบบพึ่งตนเอง (4) พัฒนาการปกครองแบบประชาธิปไตย
ตอบ 1 หน้า 20 คำว่า “สยาม” นั้น นายปรีดี พนมยงค์ เคยเขียนไว้ว่า มีการใช้ชื่อสยามมาตั้งแต่ สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีจนถึงสมัยรัชกาลที่ 1 แต่ต่อมาในวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2482 จอมพล ป. พิบูลสงคราม ก็ได้ประกาศรัฐนิยมให้ใช้ชื่อ “ประเทศไทย” แทน โดยให้ใช้คำว่า “ไทย” แทนคำว่า “สยาม” นับแต่นั้นจะต้องเรียกคนไทยว่าไทย และเรียกประเทศว่าประเทศไทย
50. แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับแรกของประเทศไทยเกิดขึ้นโดยความช่วยเหลือของประเทศใด
(1) ญี่ปุ่น (2) สหรัฐอเมริกา (3) รัสเซีย (4) จีน
ตอบ 2 (คำบรรยาย) ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นช่วงของการตื่นตัวในการพัฒนาตามแบบตะวันตก ประเทศไทยจึงมีการกำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับแรกขึ้นในปี พ.ศ. 2504 โดยได้รับความช่วยเหลือทั้งทางด้านการเงินและวิชาการจากสหรัฐอเมริกา
51. เศรษฐกิจของสังคมไทยในอดีต มีลักษณะอย่างไร
(1) ผลิตเพื่อบริโภค
(2) ผลิตเพื่อแลกเปลี่ยนกับชุมชนอื่น
(3) ผลิตเพื่อการค้า
(4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 1 หน้า 37 – 38 ในอดีตก่อนติดต่อกับชาวตะวันตก หรือก่อนเปิดประเทศในสมัยรัชกาลที่ 4 ตามสนธิสัญญาบาวริ่งนั้น ระบบเศรษฐกิจของคนไทยเป็นระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียง นั่นคือ แต่ละครอบครัวจะผลิตของกินของใช้ขึ้นมาบริโภคเองภายในครอบครัว โดยมิได้มุ่งผลิต เพื่อการค้า แต่เมื่อมีผลผลิตเหลือก็อาจจะแลกเปลี่ยนกับชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงบ้าง
52. เศรษฐกิจของสังคมไทยมีการเปิดประเทศค้าขายกับต่างชาติครั้งแรกในสมัยใด
(1) รัชกาลที่ 4
(2) รัชกาลที่ 5
(3) รัชกาลที่ 7
(4) รัชกาลที่ 9
ตอบ 1 หน้า 38, (คำบรรยาย) เศรษฐกิจของสังคมไทยเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างมากครั้งแรกในสมัย รัชกาลที่ 4 เนื่องจากประเทศไทยได้ตกลงทำสนธิสัญญาบาวริ่งกับอังกฤษ ทำให้ประเทศไทย ต้องมีการเปิดประเทศค้าขายกับต่างชาติมากขึ้น ซึ่งนับเป็นก้าวย่างสำคัญที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจ พอเพียงของไทยในอดีต เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างมากครั้งแรกไปสู่การผลิตเพื่อขายในทางการค้า และมีการบริโภคสินค้าอื่น ๆ มากขึ้น
53. เศรษฐกิจของสังคมไทยประสบปัญหาอย่างมากในปี พ.ศ. ใด
(1) พ.ศ. 2490 (2) พ.ศ. 2504 (3) พ.ศ. 2540 (4) พ.ศ. 2547
ตอบ 3 หน้า 39 เศรษฐกิจของสังคมไทยประสบปัญหาอย่างมากตามภาวะเศรษฐกิจโลกในปี พ.ศ. 2540 ทำให้ประชาชนยากจนลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้ตั้งตัว แต่ปัจจุบันเศรษฐกิจของไทยก็ได้ฟื้นตัวขึ้น จากการบริหารของผู้นำประเทศ
54. ข้อใดคือหน้าที่ของสถาบันการศึกษา
(1) ถ่ายทอดวัฒนธรรม (2) พัฒนาบุคลิกภาพ (3)ฝึกฝีมือแรงงาน (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 หน้า 39 หน้าที่ของสถาบันการศึกษา ได้แก่
1. ถ่ายทอดวัฒนธรรม โดยการอบรมขัดเกลาสมาชิกทั้งทางตรงและทางอ้อมให้รู้และ ประพฤติปฏิบัติตามบรรทัดฐานของสังคม
2. ช่วยพัฒนาบุคลิกภาพของคนให้มีความมั่นคง
3. ช่วยฝึกหัดแรงงานเพื่อเข้าสู่ตลาดแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
55. สถานที่ใดเป็นสถาบันให้การศึกษาในอดีต
(1) วัด-วัง (2) ตักศิลา (3) วัดเท่านั้น (4) วังเท่านั้น
ตอบ 1 หน้า 40 สถานที่ที่ให้การศึกษาของสังคมไทยในอดีตก็คือ วัดและวัง ต่อมาเมื่อมีการติดต่อกับต่างประเทศ สังคมไทยก็ได้รันเอาระบบการศึกษาในระบบโรงเรียนแบบสากลเข้ามา โดยมีการ ตั้งโรงเรียนขึ้นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 6 และขยายตัวเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ ซึ่งมีทั้งสถาบันของรัฐ และเอกชน แต่ระบบการศึกษาของไทยก็ยังคงเป็นระบบบังคับ
56. สังคมไทยรับเอาระบบการศึกษาในระบบโรงเรียนสากลเข้ามาในสมัยรัชกาลใด
(1) รัชกาลที่ 4 (2) รัชกาลที่ 5 (3) รัชกาลที่ 6 (4) รัชกาลที่ 7
ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 55. ประกอบ
57. ศิลปกรรมไทยตามวัดและวัง เป็นเอกลักษณ์ที่แสดงให้เห็นอะไร
(1) ระบบอำนาจของไทย (2) ลักษณะนิสัยประจำชาติ
(3) ลักษณะชาติ (4) ประเพณีไทย
ตอบ 3 หน้า 65 – 66, (คำบรรยาย) เอกลักษณ์พื้นฐานของสังคมไทย ได้แก่
1. ชาติ หมายถึง ลักษณะหรือเอกลักษณ์ความเป็นชาติไทย โดยเฉพาะที่แสดงให้เห็นถึง ความเป็นคนไทย ความภาคภูมิใจและความสำนึกในความเป็นไทย รวมทั้งการมีวัฒนธรรมไทย เช่น ศิลปกรรมไทย พฤติกรรมความเป็นอยู่แบบอ่อนน้อมถ่อมตนของคนไทย อาหารไทย ภาษาไทย ธงชาติและการยืนตรงทำความเคารพเพลงชาติไทย ฯลฯ
2. ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธซึ่งมีอิทธิพลต่อลักษณะอุปนิสัย ทัศนคติในการมองโลก และวิถีการดำเนินชีวิตของคนไทย
3. พระมหากษัตรียั ซึ่งทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน และทรงมีภาระหน้าที่ ในการขจัดทุกข์บำรุงสุขแก่ราษฎรไทยตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
4. การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
58. วัฒนธรรมไทยมีที่มาจากปัจจัยใด
(1) สภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตรี (2) ความเชื่อด้านศาสนาพุทธและพราหมณ์
(3) การติดต่อกับชนเผ่าอื่น (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 หน้า 45 – 46 วัฒนธรรมไทยปัจจุบันมีที่มาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
1. สภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษเป็นผู้คิดสร้างขึ้นจากการปรับตัว ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมเพื่อการมีชีวิตรอด
2. ความเชื่อทางด้านศาสนาพุทธและพราหมณ์ซึ่งรับมาจากอินเดีย รวมทั้งความเชื่อดั้งเดิม
3. การติดต่อสัมพันธ์และสังสรรค์กับกลุ่มชาติพันธุ์และชนต่างสังคมต่างวัฒนธรรมอื่น ๆ
59. ข้อใดคือภูมิปัญญาไทย
(1) องค์ความรู้ในการทำนาปลูกข้าว (2) องค์ความรู้ในการสร้างคอมพิวเตอร์
(3) องค์ความรู้ในการจัดการองค์กรแบบสากล (4) องค์ความรู้ในการรักษาโรคแบบทันสมัย
ตอบ 1 หน้า 53 – 54 ภูมิปัญญาไทยมีลักษณะสำคัญ สรุปได้ดังนี้
1. เป็นความรู้ของสังคมไทยในเกือบทุกเรื่อง เช่น การทำมาหากินด้วยการทำนาปลูกข้าว การเกษตรแบบผสมผสาน ฯลฯ
2. เป็นองค์ความรู้ที่คนไทยคิดสร้างขึ้นและได้แปรความรู้จากนามธรรมมาสู่รูปธรรม เช่น เรือหางยาว รำผีฟ้า เสื้อผ้าที่ทำจากฝ้าย ฯลฯ
3. เป็นความรู้เฉพาะท้องถิ่นที่แตกต่างกัน และเมื่อสร้างขึ้นมาแล้วแต่ละท้องถิ่นก็จะเป็น
เจ้าของชัดเจน
4. เป็นความรู้ที่ได้จากชีวิตจริงโดยการลองผิดลองถูก
60. ข้อใดถูกต้องที่สุด
(1) ภูมิปัญญาไทยเกิดจากความเชื่อด้านไสยศาสตร์
(2) ภูมิปัญญาไทยเกิดจากปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ
(3) ภูมิปัญญาไทยเกิดจากคนไทยคิดสร้างขึ้น
(4) ภูมิปัญญาไทยเกิดจากการผสมผสานวัฒนธรรมไทยกับสากล
ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 59. ประกอบ
61. ภูมิปัญญาไทยมีลักษณะสำคัญอย่างไร
(1) มีเจ้าของชัดเจน
(2) สากลพบได้ทั่วๆ ไป
(3) ไม่มีเจ้าของ เป็นของกองกลาง
(4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 59. ประกอบ
62. “อยากเป็นหนี้ให้เป็นนายหน้า อยากเป็นขี้ข้าให้เป็นนายประกัน” จัดอยู่ในภูมิปัญญาใด
(1) เชิงเทคนิค
(2) การจัดการ
(3) การควบคุม
(4) นามธรรม
ตอบ 4 หน้า 51 – 52, (คำบรรยาย) ภูมิปัญญาไทยสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ระดับ ดังนี้
1. ระดับพื้นฐานเชิงเทคนิค ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปธรรม เช่น ความรู้เกี่ยวกับดินฟ้าอากาศ ฤดูกาลใดเหมาะแก่การเพาะปลูก การรู้ว่าพืชสัตว์อะไรกินได้ อะไรนำมาใช้สอยได้ ฯลฯ
2. ระดับการจัดการระบบการผลิตและทรัพยากร เช่น การรู้จักคัดเลือกพันธุ์พืขและพื้นที่ ในการเพาะปลูก การดูคุณสมบัติของดิน การสร้างเหมืองฝาย ฯลฯ
3. ระดับการควบคุมโดยใช้ความเชื่อและพิธีกรรม เช่น ความเชื่อเรื่องรุกขเทวดา รวมทั้ง จารีตประเพณีต่าง ๆ
4. ระดับวิธีคิดหรือค่านิยม ซึ่งมีลักษณะเป็นนามธรรมและเป็นระดับสูงสุดของสังคม เช่น อยากเป็นหนี้ให้เป็นนายหน้า อยากเป็นขี้ข้าให้เป็นนายประกัน ฯลฯ
63. พิธีกรรม จารีต ประเพณี เป็นภูมิปัญญาไทยระดับใด
(1) เชิงเทคนิค
(2) การจัดการ
(3) การควบคุม
(4) นามธรรม
ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 62. ประกอบ
64. ข้อใดคือตัวอย่างของภูมิปัญญาไทย
(1) รำผีฟ้า (2) เกษตรแบบผสมผสาน (3) เรือหางยาว (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 59. ประกอบ
65. ข้อใดคือความสำคัญของภูมิปัญญาไทย
(1) สร้างชาติเป็นปึกแผ่นมั่นคง (2) สร้างความภาคภูมิใจ
(3) สร้างความสมดุลระหว่างสังคมกับธรรมชาติ (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 หน้า 53 ความสำคัญของภูมิปัญญาไทย มีดังนี้
1. สร้างชาติให้เป็นปึกแผ่นมั่นคง
2. สร้างความภาคภูมิใจและคักดิ์ศรีเกียรติภูมิแก่คนไทย
3. สามารถประยุกต์หลักธรรมคำสอนทางศาสนามาใช้กับวิถีชีวิตได้อย่างเหมาะสม
4. สร้างความสมดุลระหว่างคน สังคม และธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน
5. ช่วยปรับวิถีชีวิตคนให้เหมาะสมตามยุคสมัย
66. การบวชป่าสืบชะตาขุนนํ้า เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นใด
(1) ภาคเหนือ (2) ภาคกลาง (3) ภาคอีสาน (4) ภาคใต้
ตอบ 1 หน้า 54 – 65 ภูมิปัญญาที่โดดเด่นของแต่ละภาค มีดังนี้
1. ภาคเหนือ ได้แก่ ระบบเหมืองฝาย ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาด้านการจัดการนํ้าที่เด่นเฉพาะ ของชาวเหนือ ความรู้เรื่องสมุนไพร การสืบชะตาขุนนํ้า บวชต้นไม้ บวชป่า ฯลฯ
2. ภาคอีสาน ได้แก่ ความเชื่อเรื่องดาวผีดาน การตั้งศาลปู่ตาในถิ่นฐานใหม่ ความสามารถในการจับและกินแมลง ระบบพ่อแก้ว-ลูกแก้ว การผูกเสี่ยว ฯลฯ
3. ภาคกลาง ได้แก่ ภูมิปัญญาเกี่ยวกับวัฒนธรรมข้าวและพิธีกรรมที่สืบเนื่องจากตำนานข้าว เช่น พิธีแรกนา พิธีทำขวัญข้าว ฯลฯ
4. ภาคใต้ ได้แก่ การปลูกบ้านมีตีน การผูกดอง ผูกเกลอ ความเชื่อเรื่องธาตุสี่ ฯลฯ
67. “วัฒนธรรมข้าว” เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นใด
(1) ภาคกลาง (2) ภาคเหนือ (3) ภาคอีสาน (4) ภาคใต้
ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 66. ประกอบ
68. ปัจจัยใดของสังคมไทยส่งเสริมการเกิดภูมิปัญญาด้านศิลปะและนันทนาการ
(1) ความอุดมสมบูรณ์ของพื้นแผ่นดิน (2) อุปนิสัยของคนไทย
(3) วัฒนธรรมไทย (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 1 (คำบรรยาย) ภูมิปีญญาด้านศิลปะและนันทนาการของไทย คือ ผลโดยตรงที่เกิดจากความอุดมสมบูรณ์ของพื้นแผ่นดินไทย เนื่องจากสังคมใดที่อยู่ในพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ มีความมั่งคั่ง สังคมนี้นก็จะมีเวลาที่จะสร้างสรรค์ศิลปะและการละเล่นต่าง ๆ ได้
69. ข้อใดคือเอกลักษณ์ที่แสดงความเป็นชาติไทย
(1) ศิลปกรรมไทยตามวัดและวัง (2) การพูดภาษาไทยอย่างชัดเจน
(3) อาหารไทย (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 57. ประกอบ
70. อะไรคือเอกลักษณ์พื้นฐานของไทย
(1) ชาติ (2) ศาสนา (3) พระมหากษัตริย์ (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 57. ประกอบ
71. เอกลักษณ์ของศาสนาปรากฏอยู่ในรูปแบบใด
(1) ทัศนะในการมองโลก
(2) วิถีการดำเนินชีวิต
(3) ลักษณะอุปนิสัย
(4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 57. ประกอบ
72. อะไรคือภาระหน้าที่ของพระมหากษัตริย์ไทยตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน
(1) ขจัดทุกข์บำรุงสุขแก่ราษฎร
(2) เป็นผู้รักษาความยุติธรรม
(3) เป็นนักรบ
(4) เป็นเจ้าชีวิต
ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 57. ประกอบ
73. นักวิชาการท่านใดระบุว่าสังคมไทยมีโครงสร้างแบบหลวม
(1) เอมบรี
(2) เบเนดิกท์
(3) วัยอาจ
(4) มาลินอฟสกี้
ตอบ- 1 หน้า 69, (คำบรรยาย) เอมบรี (Embree) กล่าวว่า สังคมไทยมีโครงสร้างแบบหลวม(Loosely structured) นั่นคือ คนไทยขาดระเบียบวินัย มีลักษณะปัจเจกบุคคลนิยมสูง ชอบอยู่โดดเดี่ยว ไม่ชอบการรวมกลุ่ม และเป็นสังคมที่มีลักษณะยืดหยุ่นประนีประนอมสูง นอกจากนี้คนไทยยังรักอิสระ นิยมเลือกทำตามใจตนเอง ไม่ชอบอยู่ในกฎเกณฑ์ ไม่ชอบผูกมัด ต่อหน้าที่ และพยายามหลีกเลี่ยงพันธะทางสังคม จึงมักมีปัญหาในการทำงานรวมกลุ่มกับผู้อืน
74. อะไรคือลักษณะนิสัยคนไทยในทัศนะของศาสตราจารย์ประเสริฐ แย้มกลิ่นฟุ้ง
(1) นิยมความโอ่อ่า (2) รักความเป็นอิสระ
(3) เคารพเชื่อฟังผู้มีอำนาจ (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 หน้า 70, (คำบรรยาย) ศาสตราจารย์ประเสริฐ แย้มกลิ่นฟุ้ง กล่าวว่า คนไทยมีนิสัยรักความเป็นไทย มีความเป็นปัจเจกบุคคลสูง มักน้อย สันโดษ ยํ้าการหาความสุขจากชีวิต นิยมความโอ่อ่า สุภาพอ่อนโยน รักอิสระแต่เคารพเชื่อฟังอำนาจ ดังนั้นคนไทยจึงมีนิสัยขัดแย้งในตัวเอง เพราะ คนไทยรักอิสระ ไม่ชอบให้ใครมาสั่ง แต่ถ้ารู้ว่าใครมีอำนาจก็จะกลัวและยอมเชื่อฟังเขา
75. การรู้ว่าอะไรกินได้ อะไรนำมาใช้สอยได้ เป็นภูมิปัญญาไทยระดับใด
(1) นามธรรม (2) รูปธรรม (3) สูงสุดของสถาบัน (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 62. ประกอบ
76. คนไทยมิลักษณะนิสัยบางอย่างคล้ายกับ เนื่องมาจากอะไร
(1) การศึกษา (2) อาชีพ (3) การอบรมเลี้ยงดู (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 3 หน้า 68, (คำบรรยาย) ลักษณะนิสัยประจำชาติ อาจหมายถึง ลักษณะนิสัยบางอย่างซึ่งบุคคลที่อยูในประเทศเดียวกันมักมีอยู่คล้าย ๆ กัน อันเป็นผลมาจากการเติบโตและได้รับ การอบรมเลี้ยงดูขัดเกลามาจากคนในสังคมที่มีประวิติศาสตร์ความเป็นมา มีความเชื่อทางศาสนา มีสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ (สภาพภูมิศาสตร์) สังคม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจเหมือนกัน
77. สังคมไทยมี “โครงสร้างแบบหลวม” หมายความว่าอย่างไร
(1) คนไทยชอบรวมกลุ่มเสวนากัน (2) คนไทยไม่ยืดมั่นกับกฎเกณฑ์ใด ๆ
(3) คนไทยไม่ชอบอยู่โดดเดี่ยว (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 73. ประกอบ
78. ค่านิยมอะไรที่คนไทยยืดมั่น ทำให้คนไทยไม่ทำสิ่งที่ไม่ให้ประโยชน์แก่ตน
(1) รักสนุก (2) ประสานประโยชน์ (3) เล็งผลปฏิบัติ (4) ขันติ ความอดกลั้น
ตอบ 3 หน้า 70, (คำบรรยาย) ศาสตราจารย์ ดร.อดุล วิเชียรเจริญ กล่าวว่า คนไทยเล็งผลการปฏิบัติ หมายถึง คนไทยจะชอบทำเฉพาะสิ่งที่เอื้อประโยชน์กับตนเท่านั้น โดยพิจารณาว่าถ้าสิ่งนั้นขัดกับ ประโยชน์ส่วนตนหรือเกิดความเสียหายก็จะไม่ปฏิบัติ แต่ถ้าเสริมประโยชน์กับตนก็จะปฏิบัติ
79. ข้อใดคือตัวอย่างของวิกฤตทางวัฒนธรรมในสังคมไทย
(1) ความขัดแย้งด้านผลประโยชน์ (2) การโกงเงินบริจาคสาธารณะ
(3) การแล้งนํ้าใจ ดูดาย (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 หน้า 72, 76, (คำบรรยาย) สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ให้ความหมายว่า วิกฤตทางวัฒนธรรม หมายถึง ปรากฏการณ์ที่เบี่ยงเบนไปจากวิถีชีวิตอันดีงาม หรือสวนกระแส ระบบคุณค่าและมาตรฐานทางศีลธรรม นั่นคือ พฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่เคย ยึดถือปฏิบัตินั่นเอง เช่น ความขัดแย้งด้านผลประโยชน์ การแล้งนํ้าใจ ดูดาย ขาดจิตสำนึกสาธารณะ เห็นแก่ตัวหรือเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว คดโกง ไม่ซื่อสัตย์ ยโสโอหัง ให้ความสำคัญกับเงิน หรือวัตถุ และเชื่อว่าสวรรค์กับการบริโภคเป็นสิ่งเดียวกัน ฯลฯ
80. อะไรคือปัจจัยที่ทำให้เกิดวิกฤตวัฒนธรรมไทย
(1) การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม (2) เด็กไทยในเมืองใช้คอมพิวเตอร์ในการศึกษา
(3) ความสัมพันธ์แบบศักดินา (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 1 หน้า 72 – 74 ที่มาและปัจจัยที่ทำให้เกิดวิกฤตทางวัฒนธรรมไทย มีดังนี้ 1. เป็นผลมาจาก การปฏิวัติอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 18 และกระแสโลกาภิวัตน์ ทำให้มีความเจริญทางด้านเทคโนโลยี เทคนิควิทยาด้านค่าง ๆ และระบบสื่อสารคมนาคม จนเกิดภาวะ “ทันสมัย แค่ไม่พัฒนา”
2. การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมไปสู่ระบบทุนนิยมอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความสับสน ในมาตรฐานเกี่ยวกับความดี ความชั่ว ที่เคยยึดถือกันมา
81. การที่มาตรฐานเกี่ยวกับความดี ความชั่วของคนไทยเกิดความสับสนนั่น เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับอะไร
(1) ระบบค่านิยม
(2) ความหมายของวัฒนธรรม
(3) วิกฤตทางวัฒนธรรม
(4) การปฏิรูปการเมือง
ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 80. ประกอบ
82. จากวิกฤตทางวัฒนธรรมของไทย ทำให้เด็กไทยปัจจุบันมืลักษณะนิสัยอย่างไร
(1) ชอบแสวงหาความรู้
(2) ชอบเลียนแบบผู้อื่น
(3) ชอบธรรมชาติ
(4) ชอบช่วยเหลือผู้อื่น
ตอบ 2 หน้า 70-71, (คำบรรยาย) จากวิกฤตทางวัฒนธรรมของไทยทำให้เด็กไทยปัจจุบันมีนิสัย ดังนี้ 1. ขี้เหงา ติดเพื่อน 2. ไม่มีความอดทนในการรอคอย 3. เจ้าอารมณ์
4. เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน 5. ขาดจิตสำนึกสาธารณะ 6. ชอบทันสมัย ฟุ่มเฟื้อย ฟุ้งเฟ้อ และตามแฟชั่น 7. ชอบเลียนแบบผู้อื่บและวัฒนธรรมอื่น (โดยเฉพาะวัฒนธรรมตะวันตก) ที่แพร่เข้ามาเพื่อความเป็นสากล ฯลฯ
83. สังคมไทยแก้ไขวิกฤตทางวัฒนธรรมด้วยวิธีใด
(1) ปฏิรูปการศึกษา
(2) ส่งเสริมสถาบันครอบครัว
(3) ควบคุมการพัฒนาให้สมดุลกับธรรมชาติ
(4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 หน้า 76 – 77, (คำบรรยาย) การแก้ไขวิกฤตทางวัฒนธรรมควรทำทั้งในระดับบุคคล สถาบัน และสังคมทั้งสังคม ด้วยวิธีการต่อไปนี้
1. การสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาให้อยู่ในสภาพที่สมดุลตามธรรมชาติ
2. ปฏิรูปและส่งเสริมระบบการศึกษาเพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจแก่นแท้ของวัฒนธรรมไทย ตลอดจนให้รู้จริงเกี่ยวกับรากฐานวัฒนธรรม วิถีชีวิต และภูมิปัญญาไทย
3. ส่งเสริมสถาบันครอบครัวและชุมชนให้เข้มแข็งและมั่นคง และเปิดโอกาสให้ชุมชน ได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ แก้ไข และปกป้องวัฒนธรรมของตนเอง
4. เร่งศึกษาถึงอิทธิพลของโลกภายนอกที่มีต่อสังคมไทยในทุกด้าน
5. ฟิ้นฟูสถาบันศาสนาให้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตเหมือนอดีต
84. ระบบความเชื่อของคนไทยส่วนใหญ่มีที่มาจากอะไร
(1) หลักวิทยาศาสตร์ (2) ความกลัวในอำนาจเหนือธรรมชาติ
(3) ความมั่นใจในตนเอง (4) หลายปัจจัยประกอบกัน
ตอบ 2 หน้า 79, (คำบรรยาย) ระบบความเชื่อเกิดขึ้นมาพร้อมกับการรวมกลุ่มของสังคมมนุษย์ โดยเป็นสิ่งที่มนุษย์ในทุกสังคมผูกสร้างเป็นเรื่องราวขึ้นจากเหตุการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ ด้วยเหตุผลที่เป็นรูปธรรมตามหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะปรากฏออกมาในลักษณะของการเชื่อถือ พลังอำนาจนอกเหนือธรรมชาติที่มักมีพิธีกรรมและประเพณีต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ระบบ ความเชื่อมีขึ้นเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นการส่งเสริมอำนาจ เป็นการตอบสนองความกลัว ในสิ่งเหนือธรรมชาติ ตลอดจนเป็นเครื่องมือควบคุมมนุษย์ให้อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีระเบียบ
85. คนไทยส่วนใหญ่ใช้อะไรเป็นมาตรฐานในการเข้าใจตนเอง ผู้อื่น และสังคม
(1) กฎหมาย (2) เหตุผล (3) ความเชื่อ (4) หลักวิทยาศาสตร์
ตอบ 3 หน้า 79, (คำบรรยาย) มนุษย์ในทุกสังคมจะใช้ระบบความเชื่อเป็นมาตรฐานในการเข้าใจตนเอง เข้าใจผู้อื่น เข้าใจสังคม และเข้าใจโลก โดยความเชื่อนี้มักจะผูกพันกับหลักศีลธรรม จริยธรรม ปรัชญา ตลอดจนศาสนา ซึ่งจะมีส่วนกำหนดความเป็นไปของวิถีชีวิตผู้คนในสังคม
86. อะไรคือสิ่งยึดเหนี่ยวของคนไทย
(1) หลักธรรมของศาสนา (2) ไสยศาสตร์ (3) โหราศาสตร์ (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 หน้า 81 – 83, (คำบรรยาย), (ดูคำอธิบายข้อ 84. ประกอบ)ความเชื่อที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวในสังคมไทยแบ่งออกได้ ดังนี้
1. ความเชื่อดั้งเดิมเกี่ยวกับอำนาจเหนือธรรมชาติ ได้แก่ ความเชื่อเรื่องผีสางเทวดา ความเชื่อเรื่องขวัญ ความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ โหราศาสตร์ ฯลฯ
2. ความเชื่อด้านศาสนาพุทธ และศาสนาพราหมณ์ เช่น การเชื่อว่าชีวิตเป็นไปตามกรรม เมตตาธรรมคํ้าจุนโลก ลัทธิเทวราชา พรหมลิขิต คติไตรภูมิ ฯลฯ
87. ข้อใดคือความเชื่อดั้งเดิมในสังคมไทย
(1) หลักวิทยาศาสตร์ (2) ศาสนาพุทธ (3) เทคโนโลยี (4) อำนาจเหนือธรรมชาติ
ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 86. ประกอบ
88. ศาสนาและความเชื่อมีสิ่งที่ตรงกันคือข้อใด
(1) มีผู้นำ
(2) มีความเชื่อในอำนาจศักดิ์สิทธิ (3) หลักศีลธรรม (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 2 หน้า 79 ศาสนาและความเชื่อมีสิ่งที่ตรงกันหรือเหมือนกัน คือ มีที่มาจากความเชื่อว่ามีอำนาจศักดิ์สิทธิลึกลับบางอย่างหรือหลายอย่างที่อยู่นอกเหนือมนุษย์ธรรมดา และอำนาจ เหนือธรรมชาตินี้จะเกียวข้องกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ทั้งในทางดิและทางร้าย ทั้งให้คุณ และให้โทษได้ แต่ความเชื่อจะต่างจากศาสนาในแง่ที่ว่าความเชื่ออาจจะไม่แสดงกำเนิดและ การสิ้นสุดของโลก หรืออาจไม่มีหลักธรรมที่เกี่ยวกับบุญ-บาปเป็นศีลธรรมเหมือนกับศาสนา
89. การประกอบพิธีเซ่นสรวงบูชาผีบรรพบุรุษมีจุดมุ่งหมายเพื่ออะไร
(1) แสดงความกตัญญู (2) ให้ปกปักรักษา (3) แสดงความเคารพ (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 (คำบรรยาย) ความเชื่อเรื่องผีมักจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมต่าง ๆ เพื่อเป็นการสื่อสาร ระหว่างคนกับผี เช่น การประกอบพิธีกรรมเซ่นสรวงบูชาไหว้ผีบรรพบุรุษก็เพื่อต้องการแสดง ความเคารพ ความกตัญณู และให้ช่วยปกปักรักษา, การรำผีฟ้าเพื่อให้ช่วยรักษาโรค ซึ่งเป็น ความเชื่อเกี่ยวกับการแพทย์แผนโบราณในสมัยก่อน เป็นต้น
90. ความเชื่อที่คนไทยใช้อธิบายชีวิตของคนคืออะไร
(1) กฎแห่งกรรม (2) บุญ-วาสนา (3) การกระทำ (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 หน้า 83 ความเชื่อที่คนไทยใช้อธิบายชีวิตพื้นฐานของคน ตลอดจนการกระทำของบุคคล คือ ความเชื่อเรื่องกรรม (การกระทำ) กฎแห่งกรรม วาสนา และบุญบารมี
91. อะไรคือหลักคำสอนในศาสนาพุทธ
(1) จงทำดี จงทำดี
(2) จงทำดี ละเว้นความซัว
(3) จงทำดี ละเว้นความชั่ว และทำจิตใจให้บริสุทธิ์
(4) ทำจิตใจให้บริสุทธิ์
ตอบ 3 หน้า 83, (คำบรรยาย) หลักคำสอนสำคัญที่เป็นหัวใจหรือแก่นของศาสนาพุทธ ได้แก่ จงทำดี ละเว้นความชั่ว และทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส โดยมีจุดมุ่งหมาย คือ การดับทุกข์
92. เพราะเหตุใดคนไทยปัจจุบันจึงนิยมการดูหมอและสะเดาะเคราะห์
(1) อยากรู้อนาคต
(2) หาความมั่นใจในการดำรงชีวิต
(3) ชอบทดลอง
(4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 2 หน้า 82, (คำบรรยาย) คนไทยบางส่วนในปัจจุบันยังไม่เป็นคนสมัยใหม่ เพราะยังมีการทรงเจ้า เข้าทรง ดูหมอดู สะเดาะเคราะห์ มีการกราบไหว้บวงสรวงศาลเจ้า ศาลพระภูมิ และต้นไม้ใหญ่ ต่าง ๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสังคมไทยยิ่งพัฒนาไปมากเท่าไหร่ ความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ เวทมนตร์คาถา และโหราศาสตร์ก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้เนื่องจากการพัฒนาที่เป็นไป อย่างรวดเร็วทำให้ผู้คนตามไม่ทัน จึงก่อให้เกิดความสับสนทางความคิดและต้องหาความมั่นใจ ในการดำเนินชีวิตในอนาคตด้วยวิธีนี้
93. ไสยศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยอะไร
(1) เวทมนตร์คาถา
(2) จิตวิญญาณ
(3) ผีบรรพบุรุษ
(4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 1 หน้า 82, (คำบรรยาย) ความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ เป็นความเชื่อเกี่ยวกับเวทมนตร์คาถา เครื่องรางของขลัง นํ้ามันพลาย รัก-ยม ฯลฯ ซึ่งคนไทยได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย
94. ศีล คืออะไร
(1) ข้อปฏิบัติ (2) ข้อห้าม (3) บทสวดมนต์ (4) คาถา
ตอบ 2 (คำบรรยาย) ศีล หมายถึง การประพฤติดีปฏิบัติชอบตามหลักศีลของพระพุทธศาสนา ซึ่งส่วนใหญ่ศีลจะหมายถึงข้อห้าม ส่วนธรรมจะหมายถึงข้อปฏิบัติ
95. อะไรคือจุดมุ่งหมายของศาสนาพุทธ
(1) ดับทุกข์ (2) สร้างความสุขทางโลก
(3) สร้างคนดีให้กับสังคม (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 91. ประกอบ
96. อะไรคือประเพณีของสังคมไทย
(1) การแต่งงาน (2) การบช
(3) จรดพระนังคัลแรกนาขวัญ (4) การตาย
ตอบ 3 หน้า 86 – 87, (คำบรรยาย) ประเพณีไทยแบ่งตามลักษณะทั่วไปออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. ประเพณีที่เกี่ยวข้องกับวาระต่าง ๆ ของชีวิตคนไทยแต่ละคน ได้แก่ ประเพณีเกี่ยวกับ การเกิด การตาย การบวช การสมรส เป็นต้น
2. ประเพณีที่เกี่ยวข้องกับสังคมไทย ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับความอุดมสมบูรณ์ และความเป็นอยู่ ของคน ได้แก่ ประเพณีสงกรานต์ ลอยกระทง จรดพระนังคัลแรกนาขวัญ บุญบั้งไฟแห่นางแมว บูชาพระแม่ธรณี ปั้นเมฆ ตลอดจนงานบุญ และการละเล่นอื่น ๆ เช่น แข่งเรือ การเข้าทรงแม่ศรี ผีครก ผีสาก เป็นต้น
97. ประเพณีเกี่ยวกับความตาย เป็นประเพณีเกี่ยวข้องกับอะไร
(1) สังคมไทย (2) ชีวิตของคนไทยแต่ละคน
(3) ชนกลุ่มน้อย (4) ผิดทั้งหมด
ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 96. ประกอบ
98. ประเพณีไทยมีความสำคัญอย่างไร
(1) แสดงความเป็นอารยะ (2) ส่งเสริมความสามัคคี
(3) แสดงความกตัญญู (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 หน้า 85 – 86, (คำบรรยาย) ความสำคัญของประเพณีไทย มีดังนี้ 1. แสดงความเป็นอารยะ 2. ส่งเสริมความสามัคคี
3. แสดงถึงความกตัญญูรู้คุณ 4. ช่วยสืบต่อพระพุทธศาสนา
5. แสดงถึงประวัติความเป็นมาของชาติ 6. เป็นมรดกทางสังคม
7. แสดงโลกทัศน์ของคนไทย 8. แสดงให้เห็นระบบความสัมพันธ์ในสังคม ฯลฯ
99. ประเพณีใดเกี่ยวข้องกับความอุดมสมบูรณ์
(1) แห่นางแมว (2) บุญบั้งไฟ (3) บูชาพระแม่ธรณี (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 96. ประกอบ
100. อะไรคือที่มาของทุกสิ่งทุกอย่างในทัศนะของชาวพุทธ
(1) กรรม (2) พระพรหม (3) พญาแถน (4) สิ่งเหนือธรรมชาติ
ตอบ 1 หน้า 83, (คำบรรยาย) ในทัศนะของขาวพุทธ “กรรม” คือ การกระทำของเรา ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดสร้างโลกและสรรพสิ่งทั้งหลาย และเป็นที่มาของทุกสิ่งทุกอย่าง ดังนั้นเมื่อกระทำสิ่งใด ผลของกรรมที่เกิดจากการกระทำนั้นก็จะตามมา กรรมที่กระทำไว้ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว จะยังผลให้มีการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร จึงกล่าวได้ว่าพื้นฐานชีวิตความเป็นอยู่ปัจจุบัน จะเป็นเช่นไรนั้นย่อมขึ้นอยู่กับ “กรรม” หรือบาปบุญที่ได้กระทำไว้ในชาติหนึ่งนั่นเอง