21.       ในการศึกษาเรื่องราวของวิวัฒนาการ นักมานุษยวิทยาต้องอาศัยการวิเคราะห์จากสิ่งใด

(1)       ซากเน่าเปื่อย  

Advertisement

(2) ซากดึกดำบรรพ์     

(3) ฟอสซิล      

(4) ถูกทั้งหมด

ตอบ 4 หน้า 16 นักมาบุษยวิทยากายภาพศึกษาเรื่องราวของการวิวัฒนาการของมนุษย์ โดยอาศัย การวิเคราะห์ซากกระดูกและอวัยวะซึ่งเรียกว่า ซากดึกดำบรรพ์ ซากเน่าเปื่อย หรือฟอสซิล (Fossil) ของสิ่งมีชีวิตที่เคยมีชีวิตในอดีต แล้วนำมาเปรียบเทียบกับโครงสร้างกายวิภาคของสัตว์และมนุษย์ ในยุคปัจจุบัน เพื่อสืบสาวเรื่องราวเกี่ยวกับสายการวิวัฒนาการจนกลายเป็นโฮโม เซเปียนส์

22.       เจน กูดเดลล์ ได้ทำการศึกษาพฤติกรรมของลิงในแถบใด     

(1) เกาะบอร์เนียว

(2)       เกาะกาสาปาโกส       

(3) แอฟริกาตะวันตก   

(4) แอฟริกาตะวันออก

ตอบ 4 หน้า 1872 – 73 นักมานุษยวิทยากายภาพที่ทำการศึกษาพฤติกรรมของไพรเมตที่ไม่ใช่มนุษย์ในสภาพธรรมชาติ ได้แก่

1.         ไดแอน ฟอสซี่ ศึกษาพฤติกรรมของลิงกอริลลาในประเทศแองโกล่า

2.         เจน กูดเดลล์ ศึกษาพฤติกรรมและชีวิตความเป็นอยู่ของลิงในแถบแอฟริกาตะวันออกและ ชิมแปนซีในประเทศยูกานดา

3.         ฟิลลิส ฮอลินาว ศึกษาพฤติกรรมของลิงแลงเกอร์ในประเทศอินเดีย

4.         บิรุท กอลดิกาส-บรินดามอร์ ศึกษาพฤติกรรมซองลิงอุรังอุตังในหมู่เกาะบอร์เนียว ลิงแบมบูนในแอฟริกา และลิงมาคัสในตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น

23.       บิรุท กอลดิกาส-บรินดามอร์ ได้ทำการศึกษาลิงประเภทใด

(1)       กอริลลา          

(2) แลงเกอร์    

(3) อุรังอุตัง      

(4) ชิมแปนซี

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 22. ประกอบ

24.       สาขาวิขาใดที่ทำการศึกษากลุ่มไพรเมตโบราณในสกุลโฮโม 

(1) มนุษย์วิทยาโบราณ

(2)       มนุษย์วิทยากายภาพ (3)มนุษย์โบราณวิทยา            (4) โบราณคดี

ตอบ 3 หน้า 19 วิฃามนุษย์โบราณวิทยา (Human Paleotology) เป็นวิชาที่ทำการศึกษากลุ่มไพรเมตโบราณในสกุลโฮโม โดยศึกษาวิเคราะห์ซากโครงกระดูกและชิ้นส่วนกระดูกที่ค้นพบ (Fossil Remains)

25.       สกุลใดที่จัดอยู่ในกลุ่มสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตในวงศ์โฮมินิเดีย

(1)รามาพิธิคัส (2) ออสตราโลพิธิคัส   (3) โฮโม           (4)ถูกทั้งหมด

ตอบ 2. 3 หน้า 217073 – 747783 กลุ่มสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตในวงศ์โฮมินิเดีย (Hominidae)ประกอบด้วย 2 สกุล คือ

1.         สกุลออสตราโลพิธิคัส (Australopithecus) แยกออกเป็น 2 สปีชี่ ได้แก่ ออสตราโลพิธิคัส แอฟริกานัส (Australopithecus Africanus) และออสตราโลพิธิคัส โรบัสตัส (Australopithecus Robustus)

2.         สกุลโฮโม (Homo) แยกออกเป็น 2 สปีชี่ ได้แก่ โฮโม อีเรคตัส (Homo Erectus) และ โฮโม เซเปียนส์ (Homo Sapiens)

26.       อวัยะวะใดของมนุษย์ที่นิยมนำมาใช้ศึกษาค้นคว้าและมีความคงทนมากที่สุด

(1)กระดูก        (2)กะโหลก      (3)ฟัน  (4)ถูกทั้งหมด

ตอบ 3 หน้า 22 – 23 กระดูกที่นักมานุษยวิทยากายภาพนิยมนำมาใช้ในการศึกษามากที่สุดก็คือ ฟัน ทั้งนี้เพราะฟันเป็นกระดูกที่มีความคงทนและคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ที่สุดที่หลงเหลืออยู่ในซากดึกดำบรรพ์ของไพรเมตที่เสียชีวิตมาแล้วนับหมื่นนับแสนปี (กระดูกส่วนอื่นที่พบมาก รองลงมาคือ ขากรรไกร แขน ขา หัวกะโหลก ฯลฯ)

27.       กลุ่มตระกูลไพรเมตเกิดขึ้นในโลกเป็นครั้งแรกราวกี่ล้านปีมาแล้ว

(1) 20  (2) 50  (3) 65  (4) 85

ตอบ 3 หน้า 6369 ยุคซีโนโซอิก (ระหว่าง 65 ล้านปี – 10,000 ปีมาแล้ว) มีสภาพทั่วไปเหมาะสำหรับ การดำรงชีวิตของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ทำให้กล่าวกันว่า ยุคนี้เป็นยุคของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม’’ และมีสัตว์ในตระกูลไพรเมตเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ได้แก่ ลิงลมและค่าง หรือที่เรียกว่า พรอสิเมียน (Prosimian) เมื่อราว 65 – 58 ล้านปีมาแล้ว และในช่วงสุดท้ายของยุค ระหว่าง 1.6 ล้านปี – 10,000 ปี ได้เกิดมนุษย์สายพันธุ์โฮโม เซเปียนส์ หรือมนุษย์สายพันธุ์เดียวกับมนุษย์ปัจจุบัน (ดูคำอธิบายข้อ 20. ประกอบ)

28.       เหตุใดกะโหลกของเด็กจะมีรอยต่อที่ห่างกันมากกว่าผู้ใหญ่

(1) เพราะกะโหลกเด็กยังเล็ก  (2) รองรับการเติบโตของกะโหลกในอนาคต

(3)       มันสมองของเด็กโตอุดรอยต่อของกะโหลก     (4) ถูกทั้งหมด

ตอบ 2 หน้า 24 หัวกะโหลกของมนุษย์มิได้เป็นกระดูกชิ้นเดียว แต่จะมีกระดูกหลายชิ้นเชื่อมต่อกัน ทำให้หัวกะโหลกของทารกและเด็กมีรอยต่อที่ห่างกันเพื่อรอให้มีการเจริญเติบโตและขยายตัว ของกะโหลกในอนาคต ส่วนผู้ใหญ่จะไม่มีช่วงของรอยต่อที่ห่างกัน เพราะหัวกะโหลกเจริญ สมบูรณ์เต็มที่แล้ว ซึ่งเราเรียกรอยต่อของกะโหลกนี้ว่า “Sutures”

29.       รอยต่อของกะโหลก เรียกว่าอะไร

(1) Sutares          (2) Satures         (3) Stores  (4) Sutures

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 28. ประกอบ

30.       กระดูกสะโพกของเพศหญิงมีลักษณะโครงสร้างอย่างไร

(1) หนา แคบ   (2) แบน กว้าง (3) หนา กว้าง  (4) แบน แคบ

ตอบ 2 หน้า 24 เกณฑ์ที่จะชี้ว่าซากดึกดำบรรพ์ของมนุษย์โบราณเป็นเพศใดนั้น สามารถดูได้จาก กระดูกสะโพก โดยกระดูกสะโพกของเพศหญิงจะมีโครงสร้างแบน กว้าง และอยู่ในตำแหน่งต่ำ เพื่อจะสามารถผายออกได้เมื่อตั้งครรภ์ ส่วนกระดูกสะโพกของเพศชายจะอยู่ในระดับสูงและ แคบกว่ามาก

Advertisement