31. ตำนานเหล่านี้ ตำนานใดที่ไม่ได้เขียนเป็นภาษาบาลี
(1) มูลศาสนา
(2) จามเทวีวงศ์
(3) เมืองเงินยางเชียงแสน
(4) พื้นเมืองเชียงใหม่
ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 23. ประกอบ
32. ข้อใดที่ถือว่าเป็นการเปิดโฉมหน้าของการศึกษาสาขาวิชามานุษยวิทยาของไทยอย่างแท้จริง
(1) ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่
(2) ศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
(3) งานเขียนของศาสตราจารย์พระยาอนุมานราชธน
(4) พระราชนิพนธ์ไกลบ้าน
ตอบ 4 หน้า 3-4 งานเขียนเรื่องราวของชนต่างชาติที่ได้รับความสนใจแพร่หลายที่สุด คือ พระราชนิพนธ์ไกลบ้าน ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ซึ่ง ทรงนิพนธ์ขึ้นเมื่อครั้งเสด็จประพาสยุโรปในระหว่างปี พ.ศ. 2449 – 2450 โดยพระองศ์ทรงเขียน เป็นพระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงนิภานภดล (สมเด็จหญิงน้อย) จำนวน 43 ฉบับ ทั้งนี้ถือว่าเป็นผลงานที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง และเป็นการเปิดโฉมหน้าของ การศึกษาสาขามานุษยวิทยาของไทยโดยแท้
33. วิชามานุษยวิทยา มีขอบเขตการศึกษาเกี่ยวกับอะไร
(1) วิวัฒนาการของมนุษย์
(2) ความแตกต่างระหว่างมนุษย์ยุคปัจจุบัน
(3) ผลงานที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์
(4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 4 หน้า 6 – 7 วิชามานุษยวิทยา (Anthropology) เป็นวิชาที่ว่าด้วยการศึกษาเรื่องราวของมนุษย์ ในทุกแง่ทุกมุม โดยมีขอบเขตการศึกษา ดังนี้ 1. การศึกษาเกี่ยวกับตัวมนุษย์ ได้แก่ การวิวัฒนาการของมนุษย์ และความแตกต่างระหว่างมนุษย์ยุคปัจจุบัน 2. การศึกษาผลงาน ที่เกิดขึ้นจากการกระทำของมนุษย์
34. แนวการศึกษาแบบ “ชีววัฒนธรรม” จะศึกษาถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์เกี่ยวกับอะไร
(1) วิวัฒนาการทางชีวภาพ (2) วิวัฒนาการของสิ่งแวดล้อม
(3) วิวัฒนาการของวัฒนธรรม (4) การวิวัฒนาการของมนุษย์-สิ่งแวดล้อม-วัฒนธรรม
ตอบ 4 หน้า 13, 15 แนวการศึกษาแบบ “ชีววัฒนธรรม” (Biocultural Approach) ของนักมานุษยวิทยา จะศึกษาถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์ระหว่างการวิวัฒนาการทางชีวภาพของ มนุษย์-สิ่งแวดล้อม-วัฒนธรรม ที่สร้างขึ้นเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจเรื่องราวของมนุษย์ อย่างสมบูรณ์
35. ศิลปะ จำแนกออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้กี่ประเภท
(1) 3 ประเภท (2) 4 ปรเภ๓ท (3) 5 ประเภท (4) 6 ประเภท
ตอบ. 1 หน้า 245 ผลงานทางด้านศิลปะ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. ศิลปกรรม (การปั้น กราฟิก พลาสติก งานไม้ และงานวัตถุอื่น ๆ) 2. ศิลปะทางด้านภาษา 3. ศิลปะการแสดง
36. ลักษณะของอะไรที่ใช้ในการสื่อความหมายต่อกัน ทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ ทำให้การดำเนินชีวิต ในสังคมบรรลุผล
(1) ศิลปกรรม (2) ภาษา (3) ศิลปะการแสดง (4) ถูกทั้งหมด
ตอบ 2 หน้า 248 ภาษา คือ สัญลักษณ์ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างมีระบบโดยสมาชิกของคนในสังคม เพื่อใช้ในการสื่อความหมายต่อกัน โดยภาษาก่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ และทำให้การดำเนินชีวิต ในสังคมบรรลุผล นอกจากนี้ภาษายังมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลสมัยอีกด้วย
37. พีระมิดของชาวอียิปต์โบราณมีลักษณะคล้ายคลึงกับพีระมิดของชนเผ่าอะไร
(1) อบอร์ริจิน (2) แอชเทค (3) ซามัว (4) อิรอข่อย
ตอบ 2 หน้า ใ40, (คำบรรยาย) นักวิชาการสาขาวัฒนธรรมกลุ่มหนึ่งมองว่า รูปแบบวัฒนธรรมที่ ปรากฏขึ้นเป็นผลมาจากการแพร่กระจายมาจากสังคมอื่น (Diffusionism) โดยได้มุ่งศึกษา เรื่องการกระจายวัฒนธรรมจากสังคมหนึ่งไปยังสังคมอีกแห่งหนึ่ง และมีการสันนิษฐานว่า การสร้างพีระมิดซองชาวมายาและชาวแอซเทคไนทวีปอเมริกาใต้น่าจะเป็นผลมาจากการกระจาย วัฒนธรรมไปจากชาวอียิปต์โบราณ เนื่องจากพีระมิดของชาวอียิปต์โบราณมีลักษณะคล้ายคลึง กับพีระมิดของชาวมายาและชาวแอซเทคนั่นเอง
38. ใครคือผู้ที่สอนให้ลูกศิษย์ทำหน้าที่เสมือน “กล้องถ่ายรูป”
(1) ฟรานช์ โบแอส (2) เอ็ดเวอร์ด ไทเลอร์ (3) อัลเฟรด เรดคลิฟ-บราวน์ (4) รูธ เบนเนดิกท์
ตอบ 1 หน้า 256 – 257 ฟรานช์ โบแอส (Franz Boas) นักมานุษยวิทยาชาวเยอรมัน ได้เรียกร้อง ให้นักมานุษยวิทยาวัฒนธรรมทำหน้าที่เป็นเพียง “นักชาติพันธุ์วรรณา” โดยให้ความสนใจ ในการสร้างเครื่องมือการวิจัยเพี่อนำไปใช้ในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับวัฒนธรรม และขณะที่ เขาดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์สอนวิชามานุษยวิทยาของมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา เขาก็ได้ พรํ่าสอนลูกศิษย์ให้ทำหน้าที่เสมือนเป็น “กล้องถ่ายรูป” ในการจับภาพวัฒนธรรมของสังคม แต่ละสังคมด้วย
39. นักมานุษยวิทยาท่านหนึ่งได้สอนให้ลูกศิษย์ทำหน้าที่เสมือน “กล้องถ่ายรูป” เพื่อเหตุผลอะไร
(1) เก็บภาพต่าง ๆ ไว้ดูในอนาคต (2) เพื่อจับภาพวัฒนธรรมของสังคม
(3) เพื่อประหยัดเวลาในการบันทึกข้อมูล (4) เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันการทำงานในภาคสนาม
ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 38. ประกอบ
40. อัลเฟรด เรดคลิฟ-บราวน์มีความสนใจในด้านใดอย่างมาก
(1) โครงสร้างของวัฒนธรรม
(2) โครงสร้างของการพัฒนาชนบท
(3) โครงสร้างการบริหารงาน
(4) โครงสร้างทางสังคม
ตอบ 4 หน้า 258 – 259 อัลเฟรด เรดคลิฟ-บราวน์ (Alfred R. Radcliffe-Brown) เรียกตัวเองว่า เป็นนักทฤษฎีหน้าที่ประโยชน์นิยม แต่ความสนใจของเขายังได้เน้นถึงความสำคัญของ “โครงสร้างทางสังคม” ควบคู่ไปด้วย ดังนั้นเขาจึงได้รับการยอมรับในนามของผู้ก่อตั้งทฤษฎี โครงสร้าง-หน้าที่ประโยชน์นิยม (Structural-Functionalism)