การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2548
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2006 กฎหมายอาญา 1
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 4 ข้อ
ข้อ 1 ธงต้องการฆ่ากร ธงเข้าไปในห้องนอนของกร ซึ่งคืนนั้นกรไปนอนค้างบ้านเพื่อน ธงเข้าใจว่าเป็นกรจึงใช้อาวุธปืนยิงไปบนที่นอน กระสุนปืนถูกหมอนข้างทะลุผ่าห้องไปถูกนพที่นอนอยู่ห้องติดกันตาย เมื่อธงเดินออกมาจากห้องนอนของกรพบพล ธงเข้าใจว่าเป็นกรและคิดว่าที่ตนยิงไปที่ที่นอนนั้นไม่ใช่กร ธงจึงใช้อาวุธปืนยิงพลโดยเข้าใจว่าเป็นกรตาย ดังนี้ การกระทำของธงจะเป็นความผิดอาญาอย่างไร หรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 59 วรรคหนึ่ง บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาทในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิด แม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา
มาตรา 59 วรรคสอง กระทำโดยเจตนา ได้แก่ กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
มาตรา 60 ผู้ใดเจตนาที่จะกระทำต่อบุคคลหนึ่ง แต่ผลของการกระทำเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่งโดยพลาดไป ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำโดยเจตนาแก่บุคคลซึ่งได้รับผลร้ายจากการกระทำนั้น แต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ลงโทษหนักขึ้น เพราะฐานะของบุคคลหรือเพราะความสัมพันธ์ระหว่างผู้กระทำกับบุคคลที่ได้รับผลร้าย มิให้นำกฎหมายนั้นมาใช้บังคับเพื่อลงโทษผู้กระทำให้หนักขึ้น
มาตรา 61 ผู้ใดเจตนาจะกระทำต่อบุคคลหนึ่ง แต่ได้กระทำต่ออีกบุคคลหนึ่งโดยสำคัญผิดผู้นั้นจะยกเอาความสำคัญผิดเป็นข้อแก้ตัวว่ามิได้กระทำโดยเจตนาหาได้ไม่
มาตรา 81 วรรคแรก ผู้ใดกระทำการโดยมุ่งต่อผลซึ่งกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด แต่การกระทำนั้นไม่สามารถจะบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำหรือเหตุแห่งวัตถุที่มุ่งหมายกระทำต่อ ให้ถือว่าผู้นั้นพยายามกระทำความผิด แต่ให้ลงโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
วินิจฉัย
1 การกระทำของธงต่อกร ธงต้องการฆ่ากร ธงเข้าไปในห้องนอนของกร ซึ่งคืนนั้นกรไปนอนค้างบ้านเพื่อน ธงเข้าใจว่ากรนอนอยู่จึงใช้อาวุธปืนยิงไปบนที่นอน ธงกระทำต่อกรโดยเจตนาเพราะธงกระทำโดยรู้สำนึกในการกระทำ และขณะเดียวกันก็ประสงค์ต่อผลคือกร ตามมาตรา 59 วรรคสอง แต่การกระทำของธงไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้เพราะเหตุแห่งวัตถุที่มุ่งหมายกระทำต่อ คือ วัตถุที่ธงมุ่งกระทำต่อนั้นเป็นที่นอนมิใช่กรคนที่ธงเจตนาฆ่า เมื่อได้กระทำต่อที่นอน ผลจึงมิเกิดแก่กร ดังนั้น จึงถือว่า ธงพยายามกระทำความผิดซึ่งไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ตามมาตรา 81
2 การกระทำของธงต่อนพ เมื่อธงใช้อาวุธปืนยิงไปบนที่นอน กระสุนปืนถูกหมอนข้างทะลุฝาห้องไปถูกนพที่นอนอยู่ห้องติดกันตาย ดังนั้น ผลจากการกระทำของกรที่เกิดกับนพจึงเป็นผลซึ่งเกิดจากการกระทำโดยพลาดไป เพราะธงเจตนากระทำต่อกร แต่ผลของการกระทำไปเกิดกับนพโดยพลาดไป ถือว่าธงมีเจตนากระทำต่อนพตามมาตรา 60 เมื่อธงกระทำต่อนพโดยเจตนา ธงต้องรับผิดตามมาตรา 59 วรรคแรก
3 การกระทำของธงต่อพล เมื่อธงเดินออกมาจากห้องนอนของกร พบพลธงเข้าใจว่าเป็นกรและคิดว่าที่ตนยิงไปที่ที่นอนนั้นไม่ใช่กร ธงจึงใช้อาวุธปืนยิงพลโดยเข้าใจว่าเป็นกรตาย ธงกระทำต่อพลโดยเจตนา เพราะธงกระทำโดยรู้สำนึกในการกระทำและขณะเดียวกันก็ประสงค์ต่อผลตามมาตรา 59 วรรคสอง และต้องรับผิดตามมาตรา 59 วรรคแรก แม้ว่าธงเจตนาจะกระทำต่อกร แต่ได้กระทำต่อพลโดยสำคัญผิดว่าพลเป็นกร ธงจะยกเอาความสำคัญผิดมาเป็นข้อแก้ตัวว่าไม่มีเจตนากระทำต่อพลไม่ได้ ตามมาตรา 61
ข้อ 2 สุขโกรธแค้นกรด สุขอยู่ระหว่างตัดสินใจว่าจะฆ่ากรดหรือไม่ โจก็ต้องการฆ่ากรด โจไม่ทราบว่าสุขโกรธแค้นกรดอยู่ โจได้ว่าจ้างให้สุขไปฆ่ากรด สุขตกลงใจไปฆ่ากรดตามที่โจจ้าง
สุขไปหาจอนที่บ้านเพื่อขอยืมอาวุธปืนไปยิงกรด สุขเห็นจอนกำลังทำความสะอาดปืนอยู่พอดี สุขได้บอกวัตถุประสงค์กับจอน แต่จอนไม่ให้สุขยืมปืนและได้วางปืนไว้บนโต๊ะ แล้วเดินเข้าไปข้างในบ้านเพื่อหยิบของ สุขจึงหยิบอาวุธปืนนั้นเพื่อไปยิงกรด
ระหว่างทางพบจุ๋ม จุ๋มทราบว่าสุขจะไปยิงกรด จึงพาสุขไปส่งที่บ้านกรดและคอยสังเกตการณ์อยู่หน้าบ้านกรด เมื่อสุขยิงกรดตายแล้วได้หลบหนีไปพร้อมกับจุ๋ม
ดังนี้ การกระทำของโจ จอน และจุ๋ม ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของสุขในฐานะใด และต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 59 วรรคหนึ่ง บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาทในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิด แม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา
มาตรา 59 วรรคสอง กระทำโดยเจตนา ได้แก่ กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
มาตรา 83 ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
มาตรา 84 ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้าง วานหรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด
ถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ ถ้าความผิดมิได้กระทำลงไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำ ยังไม่ได้กระทำหรือเหตุอื่นใด ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสามของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
มาตรา 86 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อน หรือขณะกระทำความผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น
วินิจฉัย
1 การกระทำของสุขต่อกรด สุขตกลงใจไปฆ่ากรดตามที่โจจ้าง เมื่อสุขใช้อาวุธปืนยิงกรดตาย ความตายของกรดเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของสุข ซึ่งสุขได้กระทำต่อกรดโดยเจตนาตามมาตรา 59 วรรคสอง เพราะสุขได้กระทำไปโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและขณะเดียวกันก็ประสงค์ต่อผลคือความตายของกรด จึงต้องรับผิดตามมาตรา 59 วรรคแรก
2 การกระทำของโจ สุขโกรธแค้นกรด สุขอยู่ระหว่างตัดสินใจว่าจะฆ่ากรดหรือไม่ โจต้องการฆ่ากรด แต่โจไม่ทราบว่าสุขโกรธแค้นกรดอยู่ โจได้ว่าจ้างให้สุขไปฆ่ากรด สุขตกลงใจไปฆ่ากรดตามที่โจจ้าง ดังนั้น แม้ว่าสุขจะโกรธแค้นกรด แต่การที่สุขตกลงใจไปฆ่ากรดนั้นเกิดจากการว่าจ้างของโจ โจก่อให้สุขกระทำความผิดด้วยการจ้าง โจจึงเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดตามมาตรา 84 วรรคแรก เมื่อสุขผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนั้นคือฆ่ากรดแล้ว โจผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการตามมาตรา 84 วรรคสอง
3 การกระทำของจอน สุขไปหาจอนที่บ้านเพื่อขอยืมอาวุธปืนไปยิงกรด สุขเห็นจอนกำลังทำความสะอาดอาวุธปืนอยู่พอดี สุขได้บอกวัตถุประสงค์กับจอน แต่จอนไม่ให้สุขยืมปืน แล้วได้วางปืนไว้บนโต๊ะ แล้วเดินเข้าไปข้างในบ้านเพื่อหยิบของ สุขจึงหยิบเอาอาวุธปืนนั้นเพื่อไปยิงกรด ดังนั้น จึงถือไม่ได้ว่าจอนมีเจตนาช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่สุขกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด จอนจึงไม่ต้องรับผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา 86
4 การกระทำของจุ๋ม สุขพบจุ๋มระหว่างทางที่จะไปยิงกรด จุ๋มทราบว่าสุขจะไปยิงกรด จึงพาสุขไปส่งที่บ้านกรด และคอยสังเกตการณ์อยู่หน้าบ้านกรด เมื่อสุขยิงกรดตายแล้วได้หลบหนีไปพร้อมกับจุ๋ม ดังนั้น จึงถือได้ว่าจุ๋มได้ร่วมกระทำขณะกระทำความผิดโดยมีเจตนาที่จะร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันกับสุข (กล่าวคือ รู้ถึงการกระทำของกันและกัน และต่างถือเอาการกระทำของแต่ละคนเป็นการกระทำของตนด้วย) โดยการแบ่งหน้าที่ในการกระทำผิดร่วมกัน จุ๋มต้องรับผิดฐานเป็นตัวการ ตามมาตรา 83
สรุป
1 โจเป็นผู้ใช้ให้สุขกระทำความผิด จึงต้องรับผิดฐานเป็นผู้ใช้ ตามมาตรา 84
2 จอนไม่ใช่ผู้สนับสนุนในการที่สุขกระทำความผิด จึงไม่ต้องรับผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา 86
3 จุ๋มเป็นตัวการในการกระทำความผิด จึงต้องรับผิดฐานเป็นตัวการตามมาตรา 83
ข้อ 3 อรุณจูงสุนัขเดินออกกำลังกายตอนเช้าซึ่งมีคนวิ่งออกกำลังกายไปและมาอยู่ตลอด เมื่อสมเดชวิ่งสวนมา สุนัขของอรุณกระโจนเข้าใส่สมเดชจนโซ่ที่จูงสุนัขหลุดจากมืออรุณ สุนัขตรงเข้ากัดสมเดช สมเดชกระชากไม้ค้ำยันจากคนพิการได้แล้วตีไปที่สุนัข สุนัขขาหัก ไม้ค้ำยันของคนพิการหัก และคนพิการล้มลงได้รับบาดเจ็บ
ดังนี้ สมเดชต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่ และสมเดชจะอ้างเหตุอะไรบ้าง เพื่อยกเว้นความผิดและยกเว้นโทษ
ธงคำตอบ
มาตรา 59 วรรคหนึ่ง บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาทในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิด แม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา
มาตรา 59 วรรคสอง กระทำโดยเจตนา ได้แก่ กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
มาตรา 67 ผู้ใดกระทำผิดด้วยความจำเป็น
(2) เพราะเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึงและไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นใดได้ เมื่อภยันตรายนั้นตนมิได้ก่อให้เกิดขึ้นเพราะความผิดของตน
ถ้าการกระทำนั้นไม่เป็นการเกินสมควรแก่เหตุแล้ว ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
มาตรา 68 ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตน หรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุการกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด
วินิจฉัย
1 สุนัขของอรุณกระโจนเข้าใส่สมเดชจนโซ่ที่จูงสุนัขหลุดจากมืออรุณ สุนัขตรงเข้ากัดสมเดช สมเดชใช้ไม้ตีสุนัขของอรุณ ถือว่าสมเดชได้กระทำให้ทรัพย์ของอรุณเสียหายโดยเจตนาตามมาตรา 59 วรรคสอง การกระทำของสมเดชครบองค์ประกอบความผิด สมเดชต้องรับผิดตามมาตรา 59 วรรคแรก แต่สมเดชกระทำเพื่อให้พ้นจากภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึง สมเดชกระทำไปพอสมควรแก่เหตุ เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย สมเดชไม่มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามมาตรา 68
2 การกระทำของสมเดชที่ทำให้ไม้ค้ำยันของคนพิการหัก สมเดชย่อมเล็งเห็นว่าจะเกิดผลคือทรัพย์เสียหาย จึงเป็นความผิดตามมาตรา 59 วรรคแรกและวรรคสอง แต่สมเดชกระทำเพื่อให้พ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึง ไม่สามารถหลีกเลี่ยงด้วยวิธีอื่นใดได้ และภยันตรายนั้นสมเดชมิได้ก่อให้เกิดขึ้นด้วยความผิดของสมเดชเพราะสมเดชไม่ได้ยั่วหรือยุสุนัข และกระทำไปไม่เกินสมควรแก่เหตุ เป็นการกระทำความผิดด้วยความจำเป็นตามมาตรา 67(2) สมเดชจึงมีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษ
3 กรณีสมเดชกระชากไม้ค้ำยันจากคนพิการทำให้คนพิการล้มได้รับบาดเจ็บ เหตุผลเช่นเดียวกับข้อ 2
สรุป
1 สมเดชไม่มีความผิดฐานทำให้ทรัพย์ (สุนัข) ของอรุณเสียหาย เพราะเป็นการกระทำป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 68
2 การที่สมเดชทำให้ไม้ค้ำยันของคนพิการหัก และคนพิการล้มลงได้รับบาดเจ็บ จึงเป็นความผิด แต่การกระทำของสมเดชดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดด้วยความจำเป็นตามมาตรา 67(2) สมเดชจึงไม่ต้องรับโทษ
ข้อ 4 เกรียงไกรคนไทยเข้าไปทำงานในประเทศซาอุดิอาระเบีย ได้กระทำความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้คนตาย ศาลประเทศซาอุดิอาระเบียพิพากษาลงโทษจำคุกเกรียงไกร 2 ปี เกรียงไกรรับโทษจำคุกได้ 6 เดือน หลบหนีเข้ามาในประเทศไทย ดังนี้ ถ้ารัฐบาลประเทศซาอุดิอาระเบียร้องขอศาลไทยจะลงโทษเกรียงไกรได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 8 ผู้ใดกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร และ
(ก) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้น หรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษหรือ
ถ้าความผิดนั้นเป็นความผิดดังระบุไว้ต่อไปนี้ จะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร คือ
(4) ความผิดต่อชีวิต ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 288 ถึงมาตรา 290
มาตรา 10 ผู้ใดกระทำการนอกราชอาณาจักรซึ่งเป็นความผิดตามมาตราต่างๆ ที่ระบุไว้ในมาตรา 7(2) และ (3) มาตรา 8 และมาตรา 9 ห้ามมิให้ลงโทษผู้นั้นในราชอาณาจักรเพราะการกระทำนั้นอีก ถ้า
(1) ได้มีคำพิพากษาของศาลในต่างประเทศอันถึงที่สุดให้ปล่อยตัวผู้นั้น หรือ
(2) ศาลในต่างประเทศพิพากษาให้ลงโทษ และผู้นั้นได้พ้นโทษแล้ว
ถ้าผู้ต้องคำพิพากษาได้รับโทษสำหรับการกระทำนั้นตามคำพิพากษาของศาลในต่างประเทศมาแล้ว แต่ยังไม่พ้นโทษ ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ หรือจะไม่ลงโทษเลยก็ได้ ทั้งนี้โดยคำนึงถึงโทษที่ผู้นั้นได้รับมาแล้ว
วินิจฉัย
เกรียงไกรคนไทยเข้าไปทำงานในประเทศซาอุดิอาระเบีย ได้กระทำความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้คนตาย ดังนั้น เกรียงไกรกระทำความผิดนอกราชอาณาจักรและเป็นการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้คนตาย เนื่องจากตามมาตรา 8 บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร และ (ก) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้น หรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษหรือ ถ้าความผิดนั้นเป็นความผิดดังระบุไว้ต่อไปนี้ จะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร คือ (4) ความผิดต่อชีวิต ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 288 ถึงมาตรา 290 แต่ความผิดที่เกรียงไกรได้กระทำไปนั้นเป็นความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้คนตาย ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 291 ซึ่งไม่มีบัญญัติไว้ในมาตรา 8 ดังนั้น ศาลไทยไม่มีอำนาจพิพากษาลงโทษเกรียงไกรตามมาตรา 8 ทั้งนี้ แม้ว่าศาลประเทศซาอุดิอาระเบียพิพากษาลงโทษจำคุกเกรียงไกร 2 ปี เกรียงไกรรับโทษจำคุกได้ 6 เดือน แล้วหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย ถ้ารัฐบาลประเทศซาอุดิอาระเบียร้องขอศาลไทยก็จะลงโทษเกรียงไกรอีกตามความในมาตรา 10 วรรคท้ายไม่ได้ เพราะในเมื่อความผิดที่นายเกรียงไกรกระทำคือ กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้คนตายไม่มีบัญญัติไว้ในมาตรา 8 ซึ่งเป็นความผิดตามที่ระบุไว้ในมาตรา 10 วรรคแรกแล้ว จึงไม่ต้องพิจารณาตามมาตรา 10 วรรคท้าย
สรุป ศาลไทยไม่มีอำนาจพิพากษาลงโทษเกรียงไกรอีกได้ตามมาตรา 8 แม้รัฐบาลต่างประเทศร้องขอ ทั้งนี้ เมื่อศาลไทยไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาตามมาตรา 8 กรณีดังกล่าวจึงไม่ต้องพิจารณาตามมาตรา 10 อีก