53 ปีใหม่ปีที่แล้วประชาไม่ได้ของขวัญจากใครเลย
ตอบ 2 อัตราส่วนไม่แน่นอน
การเสริมแรงแบบอัตราส่วนที่ไม่แน่นอน (Variable Ratio) คือ การให้แรงเสริมต่อการตอบสนองในอัตราที่ไม่แน่นอน จึงทำให้ยากแก่การทำนายว่าจะได้รับรางวัลเมื่อใด เช่น บางครั้งตอบสนอง 2 ครั้งจึงได้รางวัล แต่บางครั้งต้องตอบสนองถึง 5 ครั้ง จึงจะได้รางวัล ซึ่งการเสริมแรงแบบนี้จะทำให้เกิดการตอบสนองในอัตราสูงแต่น้อยกว่าแบบอัตราส่วนคงที่ เช่น การเล่นพนันตู้สล็อตแมชีน การซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นต้น
54 DJ เพลงประกาศว่า ใครโทรศัพท์เข้าสถานีเป็นรายที่ 100 จะได้ไปเที่ยวเชียงใหม่ฟรี
ตอบ 1 อัตราส่วนคงที่ ดูคำอธิบายที่ 52 ประกอบ
55 มานะตกวิชาเลขคณิต ทำให้มานะไม่มีกำลังใจที่จะเรียนหนังสืออีกต่อไป และคิดว่าตนคงไม่สามารถเรียนหนังสือได้
1 การเสริมแรง 2 การลงโทษ 3 การหยุดยั้ง
4 การแยกความแตกต่าง 5 การสรุปความเหมือน
ตอบ 2 การลงโทษ
การลงโทษ หมายถึง การปรากฏของสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาหรือการนำสิ่งที่พึงปรารถนาออกไป จึงมีผลให้การตอบสนองลดลง เช่น การตี การเสียสิทธิ์ การจำคุก การสอบตก ฯลฯ ซึ่งการลงโทษจะทำให้เกิดผลข้างเคียง คือ เกิดการวางเงื่อนไขเกี่ยวกับความกลัวต่อบุคคล สถานการณ์ หรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการลงโทษ กระตุ้นให้เกิดความก้าวร้าวปละเกิดการเรียนรู้ที่จะหนี้และหลีกเลี่ยง เช่น นักเรียนที่สอบตกมักจะเกิดความรู้สึกท้อแท้ในการเรียนจนไม่อยากเรียนหนังสืออีกต่อไป
56 ความจำระยะสั้นจะมีลักษณะเป็นอย่างไร
1 เก็บข้อมูลไม่จำกัดจำนวน 2 จำในสิ่งที่มีความหมาย 3 จำในสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริง
4 จำในสิ่งที่เป็นเรื่องของชีวิตตนเอง 5 ทำงานอยู่ในระดับปฏิบัติการ
ตอบ 5 ทำงานอยู่ในระดับปฏิบัติการ
ความจำระยะสั้น ทำหน้าที่คล้ายคลังข้อมูลชั่วคราวที่เก็บข้อมูลได้ในจำนวนจำกัดโดยจะเก็บข้อมูลในลักษณะจิรตภาพ เป็นความจำที่ช่วยป้องกันไม่ให้เราสับสนเกี่ยวกับชื่อ วันที่ หมายเลขโทรศัพท์ และเรื่องเล็กๆน้อยๆ นออกจากนี้ยังเป็นความจำในส่วนที่ปฏิบัติงาน (Working Memory) การหมุนโทรศัพท์ การคิดเลขในใจ การจำรายการสั่งของที่จะซื้อ ฯลฯ
57 ภาพติดตาหรือจินตภาพจะคงอยู่ได้กี่วินาที
1 2 วินาที 2 1 ½ วินาที 3 1 วินาที 4 ½ วินาที 5 ขึ้นอยู่กับบุคคล
ตอบ 4 ½ วินาที
ความจำจากการรับสัมผัส คือ ระบบการจำขั้นแรกที่จะเก็บข้อมูลไว้ในช่วงสั้นๆเพื่อถ่ายข้อมูลไปยังระบบการจำอื่นๆ เช่น ถ้าได้เห็นข้อมูล ภาพติดตา (Icon) หรือจินตภาพจะคงอยู่ได้ครึ่งวินาที แต่ถ้าเป็นการได้ยิน เสียงก้องหู (Echo) ของสิ่งที่ได้ยินจะคงอยู่ประมาณ 2 วินาที
58 ความจำระยะยาวมีลักษณะเป็นอย่างไร
1 การเกิดจินตภาพ 2 จำในสิ่งที่มีความหมาย 3 การได้ยินเสียง
4 ข้อมูลมีจำกัด 5 ทำงานอยู่ในระดับปฏิบัติการ
ตอบ 2 จำในสิ่งที่มีความหมาย
ความจำระยะยาว จะทำหน้าที่เสมือนคลังข้อมูลถาวรซึ่งบรรจุทุกอย่างที่เรารู้เกี่ยวกับโลกเอาไว้ โดยมีความสามารถในการเก็บข้อมูลไม่จำกัด และจะเก็บข้อมูลไว้บนพื้นฐานของความหมายและความสำคัญของข้อมูล ซึ่งความจำระยะยาวนี้มี 2 ประเภท คือ
1 การจำความหมาย เป็นการจำความรู้พื้นฐานที่เป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโลก เช่น ชื่อวัน เดือน ภาษา และทักษะการคำนวณง่ายๆ ฯลฯ
2 การจำเหตุการณ์ เป็นการจำเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของตนเอง เป็นการบันทึกเหตุการณ์ในชีวิต
59 ข้อใดไม่ใช่วิธีการรักษาความทรงจำให้คงอยู่ได้
1 จำในสิ่งที่มีความหมาย 2 จำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน 3 การสร้างความจำขึ้นมาใหม่
4 มีการบริหารจัดการข้อมูล 5 สร้างข้อมูลในลักษณะจินตภาพ
ตอบ 5 สร้างข้อมูลในลักษณะจินตภาพ
วิธีการรักษาความทรงจำให้คงอยู่ได้ ได้แก่
1 การจำความหมายและการจำเหตุการณ์
2 กาสร้างความจำขึ้นมาใหม่
3 การบริหารจัดการข้อมูล
60 บอกได้ว่า “ร่มนี้เป็นของฉันหายไปเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว” เป็นการวัดความจำแบบใด
1 การระลึกได้ (Recall) 2 การจำได้ (Recognition)
3 การเรียนซ้ำ (Relearning) 4 การบูรณาการใหม่ (Reintegration)
5 การสร้างความจำ (Construct)
ตอบ 2 การจำได้ (Recognition)
การจำได้ (Recognition) เป็นการวัดความจำโดยมีสื่อกระตุ้นหรือชี้แนะให้จำได้ เช่น ข้อสอบแบบเลือกตอบ หรือการเห็นร่มก็จำได้ว่าเป็นของตนเองที่เคยทำหายไป การจำได้จะได้ผลดีถ้ามีรูปถ่ายหรือการได้เห็นสิ่งอื่นๆ มาช่วย เช่น การที่ตำรวจนิยมให้พยานชี้ตัวผู้ต้องสงสัยจากภาพถ่ายหรือสเก็ตภาพให้พยานดู เป็นต้น
61 ใช้เวลาท่องอาขยานถึง 20 ครั้ง แต่หลังจาก 20 ปีผ่านไป สามารถท่องอาขยานใช้เวลาเพียง 2 ครั้งก็จำได้เรียกว่าอะไร
1 การระลึกได้ (Recall) 2 การจำได้ (Recognition)
3 การเรียนซ้ำ (Relearning) 4 การบูรณาการใหม่ (Reintegration)
5 การสร้างความจำ (Construct)
ตอบ 3 การเรียนซ้ำ (Relearning)
การเรียนซ้ำ (Relearning) เป็นการวัดความจำในสิ่งที่เราเคยเรียนรู้มาแล้ว แต่ไม่อาจระลึกหรือจำได้ แต่เมื่อให้เรียนซ้ำอีกก็ปรากฏว่าเราเรียนได้เร็วขึ้นและใช้เวลาเรียนน้อยกว่าเดิมทั้งนี้เพราะเคยมีคะแนนสะสมไว้แล้ว
62 เรียนรู้และจดจำเฉพาะการเรียนสิ่งใหม่และลืมสิ่งที่เคยเรียนมาก่อนเรียกว่าอะไร
1 Retroactive Inhibition 2 Proactive Inhibition 3 Repression
4 Decay 5 Encoding Failure
ตอบ 1 Retroactive
การรบกวน (Inhibition) มักเป็นสาเหตุสำคัญของการลืม โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1 Retroactive Inhibition คือ การที่การเรียนรู้ใหม่รบกวน (ความจำของ) การเรียนรู้เดิม
2 Proactive Inhibition คือ การเรียนรู้เดิมรบกวน (ความจำของ) การเรียนรู้ใหม่
63 การแก้ปัญหาโดยมีการรับรู้ มองเห็นความสัมพันธ์ และคิดได้อย่างฉับพลันเรียกว่าอะไร
1 หยั่งเห็นคำตอบในทันที 2 ทำความเข้าใจ 3 ใช้เครื่องจักร
4 ใช้ความใหม่ของคำถาม 5 แรงจูงใจของผู้แก้ปัญหา
ตอบ 1 หยั่งเห็นคำตอบในทันที
การแก้ปัญหาโดยการหยั่งเห็นคำตอบในทันที เป็นการแก้ปัญหาแบบปรากฏการณ์มองเห็นคำตอบโดยฉับพลัน ซึ่งมักเกิดขึ้นหลังจากคิดแก้ปัญหาแล้วแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ การหยั่งเห็นคำตอบในทันทีมักเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และผู้คิดมักสงสัยว่าทำไมความคิดเช่นนี้จึงไม่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้
64 จากการศึกษาของ Miller พบว่าความจำระยะสั้นของคนปกติจะเป็นแบบใด
1 5 หน่วย 2 6 หน่วย 3 7 หน่วย 4 8 หน่วย 5 9 หน่วย
ตอบ 3 7 หน่วย
จอร์จ มิลเลอร์ ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับการทดสอบช่วงการจำตัวเลข (Digit – span Test) โดยเขาเห็นว่า ความจำระยะสั้นของคนปกติสามารถจำข้อมูลได้ประมาณ 7 +- 2 หน่วย
65 ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้บุคคลมีการแสดงพฤติกรรม คืออะไร
1 สิ่งเร้า 2 สิ่งแวดล้อม 3 แรงจูงใจ 4 ความรัก 5 การเรียนรู้
ตอบ 3 แรงจูงใจ
แรงจูงใจ (Motive) หมายถึง สภาวะหรือกระบวนการที่สร้างและเป็นแรงกระตุ้นให้บุคคลแสดงพฤติกรรมออกมา ทั้งที่เป็นพฤติกรรมโดยสัญชาตญาณและพฤติกรรมจากการเรียนรู้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่แรงจูงใจนั้นต้องการ ทั้งนี้แรงจูงใจจะอยู่ในภาวะที่ไม่หยุดนิ่ง (Dynamic) และเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เพื่อสร้างให้ร่างกายอยู่ในสภาวะที่สมดุล
66 ได้มีผู้นำแนวคิดและทฤษฎีแรงจูงใจไปประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ ยกเว้นด้านใด
1 ศาสนา 2 การเมือง 3 การโฆษณาประชาสัมพันธ์
4 ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 5 ธุรกิจและการตลาด
ตอบ 4 ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในปัจจุบันมีผู้ที่นำแนวคิดและทฤษฎีแรงจูงใจไปประยุกต์ใช้เพื่อเป็นประโยชน์ในงานด้านต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมืองการปกครอง การบริหารธุรกิจและการตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์ การศึกษา รวมถึงการศาสนา โดยนำวิธีการจูงใจไปใช้เพื่อสร้างสภาวะให้บุคคลอันเป็นกลุ่มเป้าหมายได้มีพฤติกรรมไปในแนวทางที่ตนต้องการ
67 ข้อใดไม่ใช่กระบวนการของแรงจูงใจ
1 การตอบสนอง (Response) 2 มโนทัศน์ (Concept) 3 แรงขับ (Drive) 4 ความต้องการ (Need) 5 เป้าหมาย (Goal)
ตอบ 2 มโนทัศน์ (Concept)
กระบวนการของการเกิดแรงจูงใจ ประกอบด้วยองค์ประกอบ 4 ประการ คือ
1 ความต้องการ (Need) 2 แรงขับ (Drive) 3 การตอบสนอง (Response) หรือพฤติกรรม 4 เป้าหมาย (Goal)
68 ข้อใดถูกต้อง
A แรงจูงใจ (Motive) หมายถึง สภาวะที่เป็นแรงกระตุ้นให้บุคคลแสดงพฤติกรรมออกมา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่แรงจูงใจนั้นต้องการ
B การจูงใจ (Motivation) หมายถึง กระบวนการของการนำปัจจัยต่างๆ ที่เป็นแรงจูงใจมากระตุ้นให้บุคคลแสดงพฤติกรรมไปอย่างมีทิศทางเพื่อบรรลุเป้าหมาย
C แรงจูงใจ เป็นภาวะที่ไม่หยุดนิ่ง (Dynamic) และเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เพื่อสร้างให้ร่างกายเกิดภาวะสมดุล
1 ข้อ A และ B 2 ข้อ A และ C 3 ข้อ B และ C
4 ถูกทุกข้อ 5 ผิดทุกข้อ
ตอบ 4 ถูกทุกข้อ
(ดูคำอธิบายข้อ 65 ประกอบ) การจูงใจ (Motivation) หมายถึง กระบวนการของการนำปัจจัยต่างๆ ที่เป็นแรงจูงใจมากระตุ้นหรือผลักดันให้บุคคลแสดงพฤติกรรมไปอย่างมีทิศทาง เพื่อบรรลุเป้าหมายหรือเงื่อนไขที่ผู้จูงใจต้องการ
69 ข้อใดไม่ใช่แรงจูงใจพื้นฐานของมนุษย์
1 หลีกเลี่ยงความเจ็บปวด 2 ความสุข 3 ความหิว
4 ความกระหาย 5 ความต้องการทางเพศ
ตอบ 2 ความสุข
แรงจูงใจพื้นฐานของมนุษย์ เป็นแรงจูงใจที่เกิดขึ้นเพื่อความอยู่รอดของชีวิต แบ่งเป็น 3 ชนิด ดังนี้
1 แรงจูงใจทางชีวิภาพ ได้แก่ ความหิวและความกระหาย
2 แรงจูงใจเพื่อการสืบเผ่าพันธุ์ ได้แก่ ความต้องการทางเพศ
3 แรงจูงใจเพื่อหลีกหนีอันตราย ได้แก่ ความต้องการหลีกหนีความเจ็บปวด
70 ทฤษฎีอะไรเกี่ยวข้องกับแรงจูงใจ
1 ทฤษฎีหลักการมีเหตุผล 2 ทฤษฎีแรงขับ 3 ทฤษฎีลำดับขั้นของความต้องการ
4 ทฤษฎีสัญชาตญาณ 5 ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 ถูกทุกข้อ
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับแรงจูงใจ ได้แก่
1 ทฤษฎีความต้องการความสุขส่วนตัว 2 ทฤษฎีสัญชาตญาณ
3 ทฤษฎีหลักการมีเหตุผล 4 ทฤษฎีแรงขับ
5 ทฤษฎีลำดับขั้นของความต้องการ
71 ข้อใดไม่ใช่แรงขับที่จำแนกตามระบบชีววิทยา
1 แรงขับฉุกเฉิน 2 แรงขับเพื่อการศึกษา 3 แรงขับเพื่อการอยู่รอดของชีวิต
4 แรงขับเพื่อการสืบพันธุ์ 5 แรงขับเพื่อได้รับการยอมรับ
ตอบ 5 แรงขับเพื่อได้รับการยอมรับ
แรงขับ (Drive) สามารถจำแนกตามระบบทางชีววิทยา ได้เป็น 4 ประเภท คือ
1 แรงขับเพื่อการอยู่รอดของชีวิต 2 แรงขับฉุกเฉิน
3 แรงขับเพื่อการสืบพันธุ์ 4 แรงขับเพื่อการศึกษา
72 ข้อใดเรียงลำดับความต้องการของมาสโลว์ (Maslow) ได้ถูกต้อง
A ความต้องการประจักษ์ในตน B ความต้องการได้รับการยกย่องจากผู้อื่น
C ความต้องการความรักและการเป็นเจ้าของ D ความต้องการทางด้านร่างกาย
E ความต้องการความปลอดภัยและมั่นคง
1 D A E C B 2 A B C D E 3 A B C E D
4 D E A B C 5 D E C B A
ตอบ 5 D E C B A
ลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ มี 5 ขั้น ดังนี้
1 ความต้องการทางด้านร่างกาย 2 ความต้องการความปลอดภัยและความมั่นคง
3 ความต้องการความรักและความเป็นเจ้าของ 4 ความต้องการได้รับการยกย่องจากผู้อื่น
5 ความต้องการประจักษ์ตน
73 ข้อใดถูก
1 แรงจูงใจภายนอกเป็นแรงจูงใจที่สร้างให้บุคคลเกิดสัมพันธภาพกับผู้อื่น
2 แรงจูงใจภายในจำเป็นและสำคัญเท่ากับแรงจูงใจพื้นฐาน
3 แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์เริ่มเกิดเมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น
4 แรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์ทำให้มนุษย์ดำรงชีวิตเผ่าพันธุ์ของตนได้ต่อไป
5 แรงจูงใจจากการเรียนรู้ที่มีมาตั้งแต่เกิด
ตอบ 1 แรงจูงใจภายนอกเป็นแรงจูงใจที่สร้างให้บุคคลเกิดสัมพันธภาพกับผู้อื่น
แรงจูงใจภายนอก (Extrinsic Motive) หรือแรงจูงใจจากการเรียนรู้ เป็นแรงจูงใจของบุคคลที่เกิดจากการได้รับกระตุ้นจากสิ่งเร้าภายนอก ทำให้คนเราเกิดจุดมุ่งหมาย จนนำไปสู่การแสดงพฤติกรรมเพื่อนำตนไปสู่จุดมุ่งหมายนั้น ซึ่งนับว่าเป็นแรงจูงใจทางสังคมที่สร้างให้บุคคลเกิดสัมพันธภาพกับผู้อื่น
74 ทฤษฎีหลักการมีเหตุผล
1 อำมาตยาธิปไตย 2 คณาธิปไตย 3 เผด็จการ
4 สมบูรณาญาสิทธิราชย์ 5 ประชาธิปไตย
ตอบ 5 ประชาธิปไตย
ทฤษฎีหลักการมีเหตุผลจะมีความคล้ายคลึงกับความเชื่อในระบบการปกครองแบบประชาธิปไตย นั่นคือ ผู้นำและสมาชิกของการปกครองระบอบประชาธิปไตยจะมีความเชื่อมั่นในการที่จะแสดงพฤติกรรมและความคิดเห็นระหว่างสมาชิกด้วยกัน สามารถยอมรับความคิดเห็นของบุคคลอื่นได้ เพราะมีความเชื่อว่าบุคคลทุกคนมีอิสระที่จะกระทำหรือตัดสินใจในสิ่งต่างๆได้อย่างมีเหตุผล
75 อารมณ์สำคัญอย่างไร
1 เป็นแรงผลักดันหรือจูงใจให้เกิดความกระตือรือร้น
2 เป็นสัญญาณเตือนภัยให้รู้จักการต่อสู้
3 ทำให้เรียนรู้จักตนเองและผู้อื่น
4 ทำให้มีมนุษยสัมพันธ์
5 ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 ถูกทุกข้อ
อารมณ์เป็นเครื่องชี้ถึงความรู้สึกนึกคิด ช่วยให้เราเรียนรู้จักตนเองและผู้อื่น เป็นแรงผลักดันหรือแรงจูงใจทำให้เกิดความกระตือรือร้นมีชีวิตชีวา ทำให้มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีให้การช่วยเหลือผู้อื่น และเป็นสัญญาณเตือนภัยให้รู้จักการต่อสู้ การเอาตัวรอด และอื่นๆ
76 สมองส่วนใดควบคุมระบบประสาทส่วนลิมบิก (Limbic)
1 โซมาติก 2 ธาลามัส 3 ไฮโปธาลามัส 4 ไคเนสติก 5 คอปัสคอร์ลูซัม
ตอบ 3 ไฮโปธาลามัส
จากการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงทางสรีระร่างกาย เมื่อเกิดอารมณ์ พบว่าศูนย์กลางของการเกิดอารมณ์อยู่ที่การทำงานของระบบประสาทลิมบิก (Limbic System) ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่สมองส่วนที่เรียกว่าไฮโปธาลามัส (Hypothalamus) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อและระบบประสาทอัตโนมัติ ถ้าสมองส่วนไฮโปธาลามัสถูกกระตุ้นจะทำให้เกิดอาการคลั่ง ดุ อาละวาด แต่ถ้าถูกทำลายจะเกิดอาการสงบเฉย
77 ศูนย์กลางที่ทำให้เกิดอารมณ์อยู่ที่ใด
1 ระบบประสาทลิมบิก 2 ระบบประสาทส่วนกลาง 3 ระบบประสาทมอเตอร์
4 ระบบประสาทกึ่งอัตโนมัติ 5 ระบบประสาทปฏิกิริยาสะท้อน
ตอบ 1 ระบบประสาทลิมบิก ดูคำอธิบายข้อ 76 ประกอบ
78 แอดรีนาลินจะถูกหลั่งออกมาเมื่อใด
1 หัวเราะ 2 ร้องไห้ 3 ตกใจ 4 นั่งสมาธิ 5 นอนหลับ
ตอบ 3 ตกใจ
(ดูคำอธิบายข้อ 15 ประกอบ) อารมณ์หวาดกลัวหรือตกใจกลัวจะก่อให้เกิดการหลั่งฮอร์โมนแอดรีนาลินจากต่อมหมวกไต ส่วนอารมณ์โกรธจะก่อให้เกิดการหลั่งฮอร์โมนนอร์แอดรีนาลิน ส่วนอารมณ์อื่นๆนักจิตวิทยายังไม่สามารถระบุแบบแผนของการเปลี่ยนแปลงทางสรีระได้อย่างแน่นอน
79 ใครกล่าวว่า ร่างกายจะแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบก่อน แล้วจึงเกิดอารมณ์ตามมา
1 จุง 2 วิลเลียม เจมส์ 3 ฟรอยด์ 4 ฟิลิป บาร์ด 5 พระนันทาจารย์
ตอบ 2 วิลเลียม เจมส์
วิลเลียม เจมส์ (William James) นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน อธิบายว่า ร่างกายของเราจะต้องแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบเป็นอันดับแรกก่อน แล้วอารมณ์จึงจะเกิดตามมา ประสบการณ์ทางอารมณ์เป็นผลมาจากการรับรู้การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย ดังนั้นหลังจากที่เกิดการเร้าทางกายและพฤติกรรม จะรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจ หายใจหอบ หน้าแดง เหงื่อออก และนำไปสู่ประสบการณ์ทางอารมณ์
80 พลูทชิค เชื่อว่า อารมณ์กลัวทำหน้าที่อะไร
1 ทำลาย 2 ปฏิเสธ 3 ปกป้อง 4 ความร่วมมือ 5 เสียใจ
ตอบ 3 ปกป้อง
พลูทชิค กล่าวว่า อารมณ์แรกเกิดของมนุษย์คือความกลัว ซึ่งอารมณ์กลัวจะทำหน้าที่ช่วยปกป้องอันตรายที่จะเข้ามากล้ำกราย
81 ชาร์ลส์ ดาร์วิน กล่าวว่า อารมณ์มีความสำคัญอย่างไร
1 การแสดงออกทางอารมณ์ของมนุษย์ไม่แตกต่างไปจากสัตว์
2 บุคคลมีประสบการณ์มากขึ้น การดัดแปลงอารมณ์ก็จะมีมากขึ้นด้วย
3 บุคคลที่มีอารมณ์ดีจะมีชีวิตยืนยาว
4 อารมณ์ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสรีระ
5 อารมณ์คือสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อกรดำรงชีวิตและเผ่าพันธุ์
ตอบ 5 อารมณ์คือสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อกรดำรงชีวิตและเผ่าพันธุ์
ชาร์ลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin) กล่าวว่า อารมณ์เป็นสิ่งที่ค่อยๆพัฒนาขึ้นมาและเกิดอยู่เรื่อยๆในมนุษย์ เพราะอารมณ์คือสิ่งที่จำเป็นและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำรงชีวิตและเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ นอกจากนี้ในผลงานเขียนชื่อ The Expression of Emotion in Man and Animal เขาได้กล่าวไว้ว่า การแสดงออกทางอารมณ์เป็นสิ่งจำเป็นต่อการอยู่รอดของชีวิตมนุษย์
82 การทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติส่วนใด ทำให้เกิดการเตรียมพร้อมร่างกายในภาวะฉุกเฉินเพื่อให้สู้หรือหนี
1 ลิมบิก 2 ซิมพาเธติก 3 พาราซิมพาเธติก 4 ธาลามัส 5 ไฮโปธาลามัส
ตอบ 2 ซิมพาเธติก
การทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติจะเกี่ยวข้องกับการเกิดอารมณ์ โดยระบบประสาทซิมพาเธติกจะเตรียมร่างกายในภาวะฉุกเฉินให้สู้หรือหนี และทำให้ระบบต่างๆในร่างกายมีอาการตื่นตัวเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ส่วนระบบประสาทพาราซิมพาเธติกจะทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะสงบและผ่อนคลาย
83 ข้อใดไม่ใช่แนวทางของการควบคุมอารมณ์
1 อย่ากังวลกับสิ่งที่ทำผิดพลาดไปแล้ว
2 แยกอารมณ์ออกจากสถานการณ์
3 ทำเป็นไม่สนใจกับอารมณ์
4 ยอมรับอารมณ์ที่เกิดขึ้น
5 พยายามเข้าใจความกลัวของอารมณ์
ตอบ 3 ทำเป็นไม่สนใจกับอารมณ์
มุกดา สุขสมาน ได้ให้แนวทางในการควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในภาวะปกติ ดังนี้
1 พยายามทำความเข้าใจและหาสาเหตุของความกลัวและความวิตกกังวล เพื่อนนำมาใช้พิจารณาว่าควรมีการแสดงออกทางอารมณ์อย่างไร
2 ต้องยอมรับอารมณ์ที่เกิดขึ้นและควบคุมให้มีอิทธิพลเหนือตัวเรา
3 แยกอารมณ์ออกจากสถานการณ์
4 อย่ากังวลกับสิ่งที่ผิดพลาดมาแล้ว
5 ใช้ปฏิกิริยาโดยตรงต่อการควบคุมอารมณ์ โดยขจัดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทันที
ข้อ 84 – 86 จงเลือกคำตอบจากตัวเลือกต่อไปนี้
1 Freud จิตวิเคราะห์ 2 Skinner พฤติกรรมนิยม 3 Rogers มนุษยนิยม
4 Sheldon โครงสร้างร่างกาย 5 Jung ประเภทบุคลิกภาพ
84 มะปรางทำทุกอย่างให้มะไฟเข้ามาสนใจตน แม้จะรู้ว่ามะไฟมีเจ้าของแล้วแต่คิดว่าใครดีใครได้
ตอบ 1 Freud จิตวิเคราะห์
ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์ ได้แบ่งโครงสร้างของบุคลิกภาพเป็น 3 ส่วน คือ
1 อิด (Id) เป็นสัญชาตญาณของจิตใต้สำนึกที่มีมาตั้งแต่แรกเกิด โดยเป็นพลังจิตที่ขาดการขัดเกลาไม่รับรู้ระเบียบแบบแผนของสังคม และจะทำตามความพึงพอใจของตัวเองโดยไม่สนใจกับความเป็นจริงภายนอก เช่น ความอยากได้สิ่งของของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง
2 อีโก้ (Ego) จะทำงานโดยยึดหลักแห่งความเป็นจริง ด้วยการทำความเข้าใจพฤติกรรมควรมีการแสดงออกอย่างไรถึงเป็นที่ยอมรับและเหมาะสมกับสังคม
3 ซูเปอร์อีโก้ (Superego) จะทำหน้าที่คล้ายมโนธรรมที่คอยตักเตือนให้บุคคลมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี
85 ปราณีขยันทำการบ้านเพราะคุณแม่ฝึกให้ทำการบ้านให้เสร็จก่อนจะเล่นและดูโทรทัศน์
ตอบ 2 Skinner พฤติกรรมนิยม
สกินเนอร์ (Skinner) นักจิตวิทยาพฤติกรรมนิยมหรือจิตวิทยาการเรียนรู้จะเน้นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมภายนอกว่าสามารถกำหนดพฤติกรรมของมนุษย์ได้ อีกทั้งเชื่อว่าบุคลิกภาพของมนุษย์จะเกิดจากกระบวนการวางเงื่อนไข โดยมีรางวัลเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมนั่นคือ หากทำพฤติกรรมใดแล้วได้รางวัล บุคคลหรือสัตว์ก็จะทำพฤติกรรมนั้นๆให้ปรากฏบ่อยครั้งขึ้น ซึ่งแนวคิดนี้นิยมนำมาใช้ในการฝึกเด็กหรือฝึกสัตว์ให้มีพฤติกรรมตามที่เราต้องการได้
86 กัลยารูปร่างอ้วนท้วม ความสุขของเธอคือการรับประทาน กัลยาเป็นคนสนุกสนานเป็นที่ชอบพอของเพื่อนๆ
ตอบ 4 Sheldon โครงสร้างร่างกาย
เชลดอน (Sheldon) ได้แบ่งบุคลิกภาพตามโครงสร้างทางร่างกายออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
1 กลุ่มคนอ้วน (Endomorphy) มักจะมีนิสัยร่าเริง อารมณ์ดี สนุกสนาน รักความสบาย และสนใจการกินหรือชอบกินๆนอนๆ
2 กลุ่มที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรง (Mesomorphy) มักจะมีนิสัยกล้าแสดงออก มีพลังงานมาก รักกิจกรรมกลางแจ้ง และมีลักษณะคล้ายนักกีฬา
3 กลุ่มผอมสูง (Ectomorphy) มักจะมีลักษณะขี้อาย กลัว ไม่กล่าแสดงออก เป็นคนเฉยๆ สนใจตนเอง และรักสันโดษ
ข้อ 87 – 90 จงเลือกคำตอบจากตัวเลือกต่อไปนี้
1 Oral 2 Anal 3 Phallic 4 Latency 5 Genital
87 ประไพเป็นคนปากตะไกร ชอบพูดวิพากษ์วิจารณ์คนรอบตัว ทำให้เกิดมลภาวะ
ตอบ 1 Oral
ขั้นความสุขอยู่ที่ปาก (Oral Stage) เป็นพัฒนาการของเด็กแรกเกิดถึงอายุ 18 เดือน เป็นช่วงที่เด็กได้รับความสุขจากการดูดกลืน หรือได้รับความพึงพอใจจากการกระตุ้นทางปาก หากเด็กไม่ได้รับความพึงพอใจทางปากในช่วงนี้ เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่จะทำให้มีพฤติกรรมก้าวร้าวทางปาก เช่น ชอบโต้เถียง ปากคอเราะร้าย ชอบเย้ยถากถางผู้อื่น เป็นต้น
88 การเลียนแบบบทบาททางเพศของเด็กเกิดในพัฒนาการระยะใด
ตอบ 3 Phallic
ขั้นอวัยวะเพศ (Phallic Stage) เป็นขั้นพัฒนาการของเด็กอายุระหว่าง 3 – 5 ปี ซึ่งในระยะนี้เด็กจะมีความรักในพ่อแม่เพศตรงข้ามกับตน และอิจฉาพ่อแม่เพศเดียวกับตน รวมทั้งมีการเลียนแบบบทบาทพ่อแม่เพศเดียวกับตนอีกด้วย
89 เด็กชายและเด็กหญิงวัย 11 ปี มักจะเล่นแต่กับเพื่อนเพศเดียวกัน
ตอบ 4 Latency
ขั้นแอบแฝง (Latency Stage) เป็นขั้นพัฒนาการของเด็กอายุประมาณ 6 ปีจนถึงวัยรุ่น ซึ่งในระยะนี้
สัญชาตญาณทางเพศของเด็กจะถูกซ่อนเร้นไว้ เด็กมักจะเล่นกับเพื่อนเพศเดียวกันและมีพฤติกรรมในทางที่ให้สังคมยอมรับมากขึ้น
90 พ่อแม่จะฝึกขับถ่ายให้ลูกในพัฒนาการระยะใด
ตอบ 2 Anal
ขั้นความสุขอยู่ที่ทวารหนัก (Anal Stage) เป็นขั้นพัฒนาการของเด็กที่มีอายุราว 2 – 3 ปี ซึ่งศูนย์กลางความพึงพอใจของเด็กจะอยู่ที่ทวารหนัก ซึ่งเด็กจะพอใจที่ได้ปลดปล่อยหากในช่วงนี้บิดามารดาที่เคร่งครัดกับเด็กมากเกินไปในเรื่องการขับถ่าย เมื่อเด็กโตขึ้นจะเกิดความขัดแย้งใจ เป็นบุคลิกภาพที่จู้จี้ เจ้าระเบียบ รักษาความสะอาดจนเกินเหตุ และบางครั้งอาจมีพฤติกรรมประเภทดันทุรังได้
91 ทฤษฎี Self – concept ของโรเจอร์ เชื่อว่าการที่บุคคลจะมีความสมดุลในบุคลิกภาพขึ้นอยู่กับอะไร
1 การมีแบบอย่างที่เหมาะสม 2 การได้รับการตอบสนองความต้องการ
3 การได้รับความรักและการยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข โดยเฉพาะจากบุคคลที่มีความสำคัญ
4 การได้รับการเสริมแรงพฤติกรรมที่พึงประสงค์ 5 การปลูกฝังคุณธรรมจากพ่อแม่
ตอบ 3 การได้รับความรักและการยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข โดยเฉพาะจากบุคคลที่มีความสำคัญ
ทฤษฎีอัตมโนทัศน์ (Self – concept) ของโรเจอร์ (Rogers) เชื่อว่า บุคคลทุกคนสามารถบรรลุถึงความสมดุลในบุคลิกภาพของเขาได้ ซึ่งการที่บุคคลใดก็ตามจะมีความเจริญงอกงามได้เช่นนี้ เขามักเป็นผู้ที่เปิดใจกว้างต่อการรับรู้ในด้านความนึกคิด ความรู้สึกและประสบการณ์ เมื่อเขามีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เขาจะต้องได้รับการยอมรับ ความรัก และความเอื้ออาทรจากผู้อื่นที่ให้เขาอย่างไม่มีเงื่อนไข
92 แบบทดสอบวัดบุคลิกภาพแบบใดเป็นการฉายภาพจิต
1 TAT 2 MMPI 3 CPI 4 16 PF 5 MBTI
ตอบ 1 TAT
การฉายภาพจิต (Projective Tests) จะแบ่งออกเป็นแบบทดสอบ 2 ชนิด คือ
1 แบบทดสอบรอร์ชาค คือ แบบวัดบุคลิกภาพโดยใช้ภาพหยดหมึก 10 ภาพ
2 แบบทดสอบ TAT คือ แบบวัดบุคลิกภาพโดยใช้ภาพเหตุการณ์ของชีวิตในแง่มุมต่างๆ 20 ภาพ โดยนักจิตวิทยาจะถือภาพแล้วให้ผู้ถูกทดสอบเล่าเรื่องอะไรก็ได้ที่ประกอบเป็นคำบรรยายภาพแต่ละภาพ ซึ่งภาพเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีลักษณะคลุมเครือ ทำให้มองได้หลายแง่มุม
93 การทดสอบที่เสนอสิ่งเร้าที่คลุมเครือและให้ผู้รับการทดสอบบรรยายหรือเล่าเรื่องราวจากสิ่งเร้าที่เห็น (ใช้ตัวเลือกข้อ 92)
ตอบ 1 TAT ดูคำอธิบายข้อ 92 ประกอบ
94 การศึกษาเกี่ยวกับสติปัญญาได้เริ่มเป็นครั้งแรกโดยใคร
1 Simon 2 Binet 3 Galton 4 Spearman 5 Thurstone
ตอบ 3 Galton
การวัดสติปัญญาริเริ่มขึ้นโดยฟรานซิส กัลตัน (Francis Galton) ซึ่งให้ความสนใจศึกษาการสืบทอดทางพันธุกรรมเกี่ยวกับความสามารถทางสติปัญญา โดยนำวิธีการทางสถิติมาใช้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถทางสติปัญญาและความสามารถด้านอื่นๆของบุคคล
95 ทฤษฎีองค์ประกอบที่เน้น G – factor และ S – factor เป็นแนวคิดของใคร
1 Simon 2 Binet 3 Galton 4 Spearman 5 Thurstone
ตอบ 4 Spearman
ชาร์ล สเปียร์แมน (Charles Spearman) ผู้ตั้งทฤษฎีตัวปะกอบสองปัจจัยได้อธิบายว่า สติปัญญาของคนเรานั้นมีองค์ประกอบ 2 ประการ คือ
1 ตัวประกอบทั่วไป (G – factor) เป็นตัวประกอบที่เกี่ยวกับการใช้เหตุผลโดยทั่วๆไป ซึ่งทุกคนจะมีเหมือนกันหมด
2 ตัวประกอบเฉพาะ (S – Factor) เป็นตัวประกอบที่เกี่ยวกับความสามารถเฉพาะตัวของบุคคล ซึ่งแต่ละคนจะมีไม่เหมือนกัน เช่น ความสามารถด้านศิลปะ การคำนวณ การใช้มือ การออกแบบ (Design) ฯลฯ
96 ทฤษฎีองค์ประกอบหลายปัจจัย เป็นแนวคิดของใคร
1 Simon 2 Binet 3 Galton 4 Spearman 5 Thurstone
ตอบ 5 Thurstone
เทอร์สโตน และกิลฟอร์ด (Thurstone and Guilford) ผู้คิดค้นทฤษฎีตัวประกอบหลายปัจจัย ได้อธิบายว่า ความสามารถขั้นพื้นฐานที่เป็นส่วนประกอบของสติปัญญามีอยู่ 7 ชนิด คือ 1 ความเข้าใจภาษา
2 ความสามารถใช้คำได้คล่องแคล่ว 3 ความสามารถในการใช้ตัวเลข 4 ความสามารถในการมองเห็นภาพมิติ 5 ความสามารถในการจำ 6 ความสามารถในการรับรู้สิ่งต่างๆ 7 ความสามารถที่จะเข้าใจเหตุผล
97 แบบทดสอบที่ดีนั้น “ไม่ว่าจะเป็นใครมาตรวจให้คะแนนจะมีเกณฑ์การให้คะแนนเหมือนกัน” เรียกว่าอะไร
1 ความเป็นปรนัย (Objectivity) 2 ความเชื่อถือได้ (Reliability)
3 ความเที่ยงตรง (Validity) 4 ความเป็นมาตรฐาน (Standardization)
5 เกณฑ์ปกติ (Norm)
ตอบ 1 ความเป็นปรนัย (Objectivity)
ความเป็นปรนัย (Objectivity) โดยผู้รับการทดสอบจะเป็นใครก็ตามภายใต้สภาพการณ์ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันนั้น แบบทดสอบที่ดีจะต้องให้ผลของคะแนนเหมือนเดิม ไม่ว่าใครจะเป็นคนตรวจให้คะแนนก็ตาม โดยจะไม่มีความลำเอียงเข้ามาเกี่ยวข้อง
98 แบบทดสอบที่ดีนั้น “ไม่ว่าจะทดสอบกี่ครั้งจะได้คะแนนทดสอบเท่าเดิมหรือใกล้เคียงกัน” เรียกว่าอะไร
1 ความเป็นปรนัย (Objectivity) 2 ความเชื่อถือได้ (Reliability)
3 ความเที่ยงตรง (Validity) 4 ความเป็นมาตรฐาน (Standardization)
5 เกณฑ์ปกติ (Norm)
ตอบ 2 ความเชื่อถือได้ (Reliability)
ความเชื่อถือได้ (Reliability) เป็นความเที่ยงของแบบทดสอบที่ให้ความคงที่ของคะแนน โดยแบบทดสอบที่ดีนั้นผู้รับการทดสอบจะต้องทำคะแนนได้ตรงกันทั้งสองครั้งในวันและเวลาต่างกัน
99 แบบทดสอบที่ดีนั้นจะต้องมีการกำหนดเวลาในการทดสอบที่ชัดเจน เรียกว่าอะไร
1 ความเป็นปรนัย (Objectivity) 2 ความเชื่อถือได้ (Reliability)
3 ความเที่ยงตรง (Validity) 4 ความเป็นมาตรฐาน (Standardization)
5 เกณฑ์ปกติ (Norm)
ตอบ 4 ความเป็นมาตรฐาน (Standardization)
ความเป็นมาตรฐาน (Standardization) จะต้องมีลักษณะดังนี้
1 กำหนดเวลาในการทดสอบที่แน่นอน 2 กำหนดคำสั่งหรือคำแนะนำในการสอบไว้ชัดเจน
3 แสดงตัวอย่างในการตอบข้อทดสอบ 4 มีวิธีการให้คะแนนที่แน่นอน
5 มีเกณฑ์ปกติ (Norms) หรือค่าเฉลี่ยของกลุ่มคนปกติทั่วๆไป
100 แบบทดสอบที่ใช้วัดกับผู้ใหญ่ เรียกว่าอะไร
1 WPPSI 2 Colour PM 3 WISC 4 Verbal Scale 5 WAIS
ตอบ 5 WAIS
ปัจจุบันนี้แบบทดสอบวัดระดับสติปัญญาของเวคสเลอร์ (Wechsler) มี 3 ฉบับ คือ
1 WAIS ใช้ทดอบกับผู้ใหญ่อายุ 16 ปี – 75 ปี
2 WISC ใช้ทดสอบกับเด็กอายุ 5 ปี – 15 ปี 11 เดือน
3 WPPSI ใช้ทดสอบกับเด็กอายุ 4 ปี – 6 ปี 6 เดือน
101 ถ้าคะแนนที่ได้จากการทดสอบทางจิตวิทยามีค่าเท่ากับอายุปฏิทินแสดงว่าผู้นั้นมีสติปัญญาอยู่ในเกณฑ์ใด
1 ปัญญาทึบ 2 ค่อนข้างฉลาด 3 ปกติ 4 คาบเส้น 5 ค่อนข้างต่ำ
ตอบ 3 ปกติ
การวัดความสามารถทางสติปัญญาจะถูกวัดออกมาในอัตราส่วนที่เรียกว่า I.Q. (Intelligence Quotient) ซึ่งเป็นอัตราส่วนระหว่างอายุสมอง (M.A.) กับอายุจริงตามปฏิทิน (C.A.) คูณด้วย 100 ถ้าคะแนนที่ได้จากการทดสอบทางจิตวิทยามีค่าเท่ากับอายุตามปฏิทินแสดงว่าผู้นั้นมีสติปัญญาอยู่ในระดับไอคิว 100 ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ
102 ข้อใดเป็นลักษณะโครงสร้างแบบทดสอบ Wechsler
1 การทดสอบเชิงภาษา + ประกอบการ 2 การทดสอบความรู้ทั่วไป + การลำดับภาพ
3 การใช้สัญลักษณ์ + การจำตัวเลข 4 การลงมือปฏิบัติ + ความเข้าใจศัพท์
5 การใช้คำศัพท์ + การรับรู้เชิงระวางที่
ตอบ 1 การทดสอบเชิงภาษา + ประกอบการ
ลักษณะโครงสร้างแบบทดสอบสติปัญญาของ Wechsler แบ่งออกเป็น 2 หมวด คือ
1 แบบทดสอบที่วัดความสามารถเชิงภาษา (Verbal Scale)
2 แบบทดสอบประกอบการ (Performance Scale)
103 ข้อใดไม่ถูกต้องของแบบทดสอบ Progressive Matrices
1 หาความสัมพันธ์ระหว่างรูปทรงเรขาคณิต 2 ใช้ถ้อยคำภาษา (Verbal)
3 ปัญหาแต่ละข้อจะมีส่วนขาดหายไป 4 เรียงจากง่ายไปหายาก
5 ใช้แนวคิดการให้เหตุผลของ Spearman
ตอบ 2 ใช้ถ้อยคำภาษา (Verbal)
แบบทดสอบโปรเกรสซีฟ เมตริซีส (Progressive Matrices Test) เป็นแบบทดสอบที่ไม่ใช้ถ้อยคำภาษา (Nonverbal) ที่ J.G. Raven สร้างขึ้นมาเพื่อใช้วัดความสามารถของบุคคลในการหาความสัมพันธ์ระหว่างรูปทรงเลขาคณิต โดยปัญหาของแบบทดสอบจะอยู่ในรูปของเมตริก ซึ่งปัญหาแต่ละข้อจะมีส่วนที่ขาดหายไป เรียงลำดับจากง่ายไปหายาก ไม่จำกัดเวลาในการดำเนินการ และใช้แนวคิดการใช้เหตุผลตามทฤษฎีของสเปียร์แมนคือ G – factor
104 ข้อใดเป็นโรคที่มีสาเหตุทางจิตใจ
1 ไตวายเฉียบพลัน 2 เบาหวาน 3 นอนไม่หลับ
4 ปวดประจำเดือน 5 ลมชัก
ตอบ 3 นอนไม่หลับ
โรคทางกายที่เกิดจากความเครียด (Psychosomatic Diseases) มักเกิดขึ้นกับคนที่มีความเครียดอยู่เสมอๆ หรือเครียดต่อเนื่องเป็นเวลานาน โดยไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งจะส่งผลให้เกิดโรคต่างๆแก่ร่างกาย เช่น โรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคหัวใจ โรคความดัน โรคปวดศีรษะข้างเดียว (ไมเกรน) โรคนอนไม่หลับ เป็นต้น
ข้อ 105 – 108 จงเลือกคำตอบจากตัวเลือกต่อไปนี้
1 ถดถอย Regression 2 หาเหตุผลเข้าข้างตนเอง Rationalization
3 ปฏิเสธ Denial 4 ชดเชย Compensation 5 โยนความผิด Projection
105 สมศรีตรวจพบมะเร็งแต่ไม่ตัดสินใจว่าจะรักษาหรือไม่ ใช้เวลาส่วนใหญ่ศึกษาเรื่องโรคมะเร็ง และคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านนี้
ตอบ 3 ปฏิเสธ Denial
การไม่รับรู้ความจริงหรือปฏิเสธ (Denial) คือ การไม่ยอมรับความจริง หรือปฏิเสธเพราะสภาพจิตใจยอมรับไม่ได้ เช่น ผู้ป่วยที่รู้ว่าตนเป็นโรคร้าย แต่ยอมรับสภาพความจริงไม่ได้ก็จะปฏิเสธการเข้ารับการรักษา ซึ่ง ฟรอยด์ถือว่าการปฏิเสธไม่รับรู้ความจริงนี้จัดเป็นกลไกทางจิตที่มีระดับความรุนแรงที่สุด
106 มาลัยไปเยี่ยมเด็กที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าพบว่าเด็กชอบเอาศีรษะโขกกับเตียง ดูดนิ้ว ปัสสาวะรดที่นอน
ตอบ 1 ถดถอย Regression
การถอยหลังเข้าคลอง (Regression) เป็นการปรับตัวของบุคคลที่รับสภาพปัจจุบันที่ถูกคุกคามไม่ได้ จึงถอยหลังไปแสดงพฤติกรรมเหมือนกับเด็กๆ อีกครั้งหนึ่งทั้งที่ผ่านพ้นช่วงพฤติกรรมนั้นมานานแล้ว เช่น การกระทืบเท้า การปัสสาวะรดที่นอน การดูดนิ้ว การเอาหัวโขกพื้น เป็นต้น
107 ทุกครั้งที่งานผิดพลาดมานะจะต้องไล่เบี้ยเอากับลูกน้อง
ตอบ 5 โยนความผิด Projection
การโยนความผิดหรือการกล่าวโทษผู้อื่น (Projection) คือ การโทษผู้อื่นในความผิดที่ตนเองกระทำ เพื่อให้ความรู้สึกผิดของตนเองมีน้อยลง จนกระทั่งดูไปว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย
108 ธานีชอบผู้หญิงฉลาดแต่มาแต่งงานกับมาลีซึ่งจบเพียงชั้นประถม ธานีคุยเสมอว่ามาลีเก่งการเรือน ทำอาหารอร่อย แม้จะคิดไม่ค่อยทันใคร
ตอบ 2 หาเหตุผลเข้าข้างตนเอง Rationalization
การเข้าข้างตัวเอง (Rationalization) เป็นกลไกป้องกันทางจิตที่บุคคลพยายามหาเหตุผลมาเข้าข้างตนเอง ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาหน้าหรือภาพพจน์ของตัวเองเอาไว้ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการปลอบใจตัวเอง เช่น บอกว่าแม้ภรรยาของตนจะไม่สวย แต่ก็นิสัยดี เหตุที่ตนสอบตกเพราะข้อสอบยากเกินไป ฯลฯ
ข้อ 109 – 111 จงเลือกคำตอบจากตัวเลือกต่อไปนี้
1 Existentialism 2 Humanism 3 Behaviorism
4 Psychoanalysis 5 Neo – Freudian
109 การที่บุคคลเผชิญกับความเป็นจริงแห่งชีวิตและรับผิดชอบต่อชีวิต สามารถตัดสินใจเลือกได้อย่างเหมาะสม ยืนหยัดตามความเชื่อของตน
ตอบ 1 Existentialism
กลุ่มทฤษฎีเพื่อการอยู่รอด (Existentialism) เชื่อว่า ใครก็ตามที่ก้าวพ้นออกมาจากความกลัว และสามารถแสดงความเด็ดเดี่ยวในการตัดสินใจในชีวิตของเขาเอง รับผิดชอบต่อชีวิตที่เขาเป็นผู้เลือก ยืนหยัดอยู่กับความเชื่อ และเผชิญกับความเป็นจริงแห่งชีวิตได้ เขาเหล่านั้นจะพบกับความหมายที่แท้จริงของชีวิตและเป็นผู้ที่ปรับตัวได้
110 การที่บุคคลตระหนักถึงเอกลักษณ์แห่งตน เช่น บทบาททางเพศ อาชีพ และสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ที่มีความหมาย
ตอบ 5 Neo – Freudian
กลุ่มลูกศิษย์ของฟรอยด์ (Neo – Freudian) มีความเห็นว่า การปรับตัวจะดีได้นั้นบุคคลจะต้องสามารถพัฒนาตนเอง สร้างเสริมเอกลักษณ์ที่มั่นคง ในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายกับคนอื่นๆได้
111 การที่บุคคลตระหนักถึงตนเองอย่างแท้จริง สามารถพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพแห่งตน ยอมรับจุดด้อยรู้ถึงจุดแข็ง
ตอบ 2 Humanism
กลุ่มมนุษยนิยม (Humanism) เชื่อว่า มนุษย์ควรมีการพัฒนาไปถึงที่สุดเท่าที่ศักยภาพจะอำนวย โดยเรียกกระบวนการพัฒนาเข้าไปถึงที่สุดของศักยภาพนี้ว่า “การประจักษ์ในตน” ซึ่งควรจะเป็นเป้าหมายของการงอกงามเติบโตที่แท้จริงของมนุษย์
ข้อ 112 – 113 จงเลือกคำตอบจากตัวเลือกต่อไปนี้
1 Approach – Approach Conflicts 2 Avoidance – Avoidance Conflicts
3 Approach – Avoidance Conflicts 4 Double – Approach – Avoidance Conflicts
5 ผิดทั้งหมด
112 ประชาต้องตัดสินใจว่าจะลงแข่งในรายการนี้หรือไม่ ถ้าไม่ลงจะถูกตัดสิทธิไม่ให้แข่งอีกทั้งปี ถ้าลงอาจต้องพิการไปตลอดชีวิต เพราะหมอบอกให้พักช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ตอบ 3 Approach – Avoidance Conflicts
ความขัดแย้งใจมี 4 ประเภท คือ
1 อยากได้ทั้งคู่ (Approach – Approach Conflicts) เป็นความขัดแย้งใจในลักษณะ “รักพี่เสียดายน้อง” คือ ตัวเลือกทั้งสองเป็นสิ่งที่พึงปรารถนาทั้งคู่ แต่ต้องเลือกของชอบอย่างใดอย่างหนึ่งในเวลาเดียวกัน
2 อยากหนีทั้งคู่ (Avoidance – Avoidance Conflicts) เป้นความขัดแย้งใจในลักษณะ “หนีเสือปะจระเข้) คือ เป็นความกดดันที่จะต้องเลือกตัวเลือกที่ไม่พึงปรารถนาทั้งคู่
3 ทั้งรักทั้งชัง (Approach – Avoidance Conflicts) เป้นความขัดแย้งใจในลักษณะ “กลืนไม่เข้าคายไม่ออก” คือ ตัวเลือกนั้นเป็นทั้งสิ่งที่ชอบและไม่ชอบในขณะเดียวกันจึงทำให้เกิดความลังเล เช่น อยากทานขนมหวานแต่กลัวฟันผุ อยากทำงานได้เงินแต่กลัวเรียนไม่จบ เป็นต้น
4 ทั้งชอบและชังในตัวเลือกทั้งคู่ (Double – Approach – Avoidance Conflicts) คือ ตัวเลือกทั้ง 2 มีทั้งดีและไม่ดีในเวลาเดียวกัน เช่น เราจะต้องเลือกระหว่างงานใหม่ 2 แห่ง แห่งแรกนั้นถูกใจหมดทุกอย่างแต่เงินเดือนต่ำ แต่อีกแห่งไม่ถูกใจเลยแต่เงินเดือนสูง เราจะเลือกแห่งใดเป็นต้น
113 ปราณีอยู่ๆก็ได้งานหลายแห่งในเวลาเดียวกัน งานดีเงินเดือนมากแต่งานหนักมาก งานสบายแต่เงินไม่น่าสนใจ งานน่าสนใจเงินดีแต่ไม่แน่ใจในความมั่นคง เป็นการตัดสินใจที่ยากมากสำหรับปราณี
ตอบ 4 Double – Approach – Avoidance Conflicts ดูคำอธิบายข้อ 112 ประกอบ
ข้อ 114 – 116 จงเลือกตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม
1 อคติ 2 เจตคติ 3 ความก้าวร้าว
4 พฤติกรรมแสดงออกเหมาะสม 5 พฤติกรรมช่วยเหลือ
114 มีลักษณะการตัดสินใจล่วงหน้า เกลียดชังอย่างขาดเหตุผล นำไปสู่การแบ่งแยก
ตอบ 1 อคติ
อคติ เป็นเจตคติทางลบหรือการตัดสินใจล่วงหน้า เกิดจากความสงสัย ความกลัว และความเกลียดอย่างไม่สมเหตุสมผล บ่อยครั้งที่เจตคติเกิดจากโครงสร้างของอำนาจทางสังคมซึ่งมักเป็นอคติเกี่ยวกับเชื้อชาติ เพศ หรืออายุ และนำมาสู่การแบ่งแยก (Discrimination) ในที่สุด
115 เป็นพฤติกรรมที่กล้าแสดงความคิดเห็น ความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา ก่อประโยชน์แก่ตนและคู่สนทนา
ตอบ 5 พฤติกรรมช่วยเหลือ
พฤติกรรมการแสดงออกที่เหมาะสมนั้น ไม่ใช่พฤติกรรมก้าวร้าวแต่เป็นพฤติกรรมที่กล้าแสดงความคิดเห็น ความรู้สึก ความปรารถนา และความเชื่อของตนอย่างตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์ต่อกัน และเหมาะสมกับกาลเทศะ ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่นด้วย ดังนั้นการแสดงออกที่เหมาะสมจึงเป็นการแสดงออกที่ก่อประโยชน์แก่ตนเองและแก่คู่สนทนา
116 เป็นท่าทีความพร้อมที่ประกอบด้วย ความเชื่อ ความรู้สึก และแนวโน้มการกระทำ
ตอบ 2 เจตคติ
เจตคติ มีองค์ประกอบ 3 อย่าง คือ
1 องค์ประกอบทางความเชื่อ
2 องค์ประกอบทางอารมณ์หรือความรู้สึก
3 องค์ประกอบทางการกระทำหรือพฤติกรรม
117 การที่เรายอมรับการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ของ พ.ญ. คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ แสดงถึงอำนาจทางสังคมกรณีใด
1 อำนาจในการให้รางวัล 2 อำนาจในการบังคับ 3 อำนาจตามการอ้างอิง
4 อำนาจตามความเชี่ยวชาญ 5 อำนาจตามกฎหมาย
ตอบ 4 อำนาจตามความเชี่ยวชาญ
อำนาจตามความเชี่ยวชาญ (Expert Power) คือ อำนาจที่มีพื้นฐานมาจากการยอมรับว่าบุคคลที่เรายอมทำตามนั้นเป็นผู้ที่มีความสามารถ มีความเชี่ยวชาญ และนำไปสู่จุดหมายปลายทางได้
118 Group Sanction เกิดจากอะไร
1 การคล้อยตามกลุ่ม 2 การไม่คล้อยตามกลุ่ม 3 การแสดงมติเอกฉันท์
4 การขาดการหล่อหลอมทางสังคม 5 ผิดทั้งหมด
ตอบ 2 การไม่คล้อยตามกลุ่ม
เมื่ออยู่ในกลุ่ม บุคคลมักได้รับรางวัลจากการคล้อยตามกลุ่ม และได้รับการปฏิเสธเมื่อไม่คล้อยตาม การปฏิเสธนี้เรียกว่า Group Sanction ซึ่งมีตั้งแต่การหัวเราะเยาะ การจ้องมองหรือการไม่ยอมรับ จนถึงการเนรเทศออกจากกลุ่ม
119 ข้อใดแสดงถึงอิทธิพลทางสังคม
1 การชักจูง 2 การเสนอแนะ 3 การล้างสมอง 4 การอภิปรายกลุ่ม 5 ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 ถูกทุกข้อ
อิทธิพลทางสังคม หมายถึง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอันเนื่องมาจากพฤติกรรมของผู้อื่น โดยแมคไกวร์ (McGuire) ได้แบ่งสถานการณ์ที่อาจเกิดอิทธิพลทางสังคมขึ้น 5 สถานการณ์ คือ
1 การเสนอแนะ 2 การคล้อยตาม 3 การอภิปรายกลุ่ม 4 การใช้สารชักจูง 5 การยัดเยียดความคิดให้ผู้อื่น หรือการล้างสมอง เป็นสถานการณ์ที่ใช้ทั้ง 4 ลักษณะข้างต้นพร้อมๆกัน
120 บริบททางสังคมคืออะไร
1 อาณาจักรส่วนบุคคล 2 กลุ่มทุกกลุ่มที่ห้อมล้อมบุคคล 3 ขอบเขตของแต่ละกลุ่ม
4 รอยต่อระหว่างกลุ่มสังคม 5 ถูกทุกข้อ
ตอบ 2 กลุ่มทุกกลุ่มที่ห้อมล้อมบุคคล
บริบททางสังคม (สิ่งแวดล้อมทางสังคม) คือ กลุ่มทุกกลุ่มที่บุคคลเป็นสมาชิกอยู่ ซึ่งบุคคลแต่ละคนเป็นสมาชิกของหลายกลุ่มในขณะเดียวกัน โดยในแต่ละกลุ่มจะมีตำแหน่งเป็นสิ่งชี้ให้เห็นบทบาทและสถานภาพของบุคคล