แนวข้อสอบกระบวนวิชา MCS2603 สื่อสารมวลชนเพื่อการโฆษณา ชุดที่3
1. เมื่อกล่าวถึงการโฆษณามักหมายถึงการสื่อสารผ่านสื่อประเภทใด
(1) บุคคล
(2) สิ่งพิมพ์ที่จัดส่งทางไปรษณีย์
(3) สื่อมวลชน
(4) ป้ายโฆษณาต่าง ๆ
ตอบ 3 การที่สื่อมวลชนได้รับการยอมรับว่าเป็นสื่อหลักของการโฆษณาหรือมีบทบาทต่อการโฆษณาเนื่องมาจากเหตุผลต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. เป็นสื่อที่นำเสนอข่าวสารการตลาดหรือการโฆษณาไปยังผู้รับสารหรือผู้บริโภคจำนวนมากพร้อมๆกัน
2. มีความครอบคลุมสูงเข้าถึงประชาชนได้เกือบทุกพื้นที่
3. ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวต่ำมาก
4. ประชาชนมีความภักดีต่อสื่อ
5. เป็นสื่อที่น่าเชื่อถือ
2. ข้อใดคือลักษณะสำคัญของการโฆษณา
(1) เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ
(2) เป็นการชักจูงใจด้วยการสัญญาว่าจะให้ของรางวัลต่าง ๆ
(3) ต้องระบุว่าใครคือผู้ออกแบบข่าวสารการโฆษณา
(4) ต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นค่าเวลาและเนื้อที่ในสื่อโฆษณา
ตอบ 4 ลักษณะสำคัญของการโฆษณามีดังนี้
1. เป็นการสื่อสารที่ไม่เป็นส่วนบุคคลไม่เจาะจงเป็นรายบุคคล และไม่เป็นการสื่อสารแบบเผชิญหน้า ระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสารแต่จะเป็นการสื่อสารผ่านสื่อมวลชนที่มุ่งตรงไปยังบุคคลจำนวนมากใน คราวเดียวกัน
2. เป็นการส่งเสริมสินค้า บริการ หรือความคิด
3. มีการระบุผู้อุปถัมภ์หรือผู้ออกค่าใช้จ่ายในการโฆษณา
4. ต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นค่าเวลาและค่าเนื้อที่ในสื่อโฆษณา
5. เป็นข่าวสารหรือเป็นการสื่อสารเพื่อการโน้มน้าวใจ
3. ข้อใดคือจุดมุ่งหมายของข่าวสารการโฆษณา
(1) เพื่อแจ้งข่าวสารให้ประชาชนทราบ (2) เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์หรือความคิด
(3) เพื่อการเสริมการขายโดยพนักงานขาย (4) เพื่อการจัดจำหน่ายสินค้า
ตอบ 1 การสื่อสารการโฆษณา เป็นกิจกรรมการสื่อสารเพื่อส่งข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไปยังผู้บริโภค กลุ่มเป้าหมาย โดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อแจ้งให้ทราบ (Inform) และโน้มน้าวใจ (Persuade) ให้มีพฤติกรรม อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ซื้อสินค้าหรือใช้บริการ เป็นต้น
4. ข้อใดคือบทบาทหน้าที่สำคัญของการโฆษณา
(1) แจ้งข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน
(2) การเสนอข้อเท็จจริงทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์
(3) สร้างความแตกต่างระหว่างสินค้าที่โฆษณากับสินค้าของคู่แข่ง
(4) การจัดจำหน่ายสินค้า
ตอบ 3 หน้าที่สำคัญของการโฆษณา มีดังนี้
1. เพื่อสื่อสารข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
2. เพื่อบอกถึงความแตกต่างระหว่างผลิตภัณฑ์ที่โฆษณากับคู่แข่งขัน
3. เพื่อกระตุ้นให้ใช้ผลิตภัณฑ์
4. เพื่อช่วยให้มีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น
5. เพื่อเพิ่มความชอบ และสร้างความภักดีต่อตราสินค้าหรือธุรกิจ โดยบอกเหตุผลที่ผู้บริโภคควรเลือกใช้สินค้ายี่ห้อของเราตลอดไป
6. เพื่อช่วยลดต้นทุนรวมด้านการขาย
5. การโฆษณาเพื่อการประชาสัมพันธ์เรียกอีกอย่างว่าอะไร
(1) โฆษณาผลิตภัณฑ์ (2) โฆษณาแนวความคิด
(3) โฆษณาสถาบัน (4) โฆษณาเพื่อบริการสาธารณะ
ตอบ 3 การโฆษณาสถาบัน (Institutional Advertising) หมายถึง การโฆษณาที่มีจุดมุ่งหมายในการสร้างจินตภาพหรือภาพลักษณ์ (Image) ที่ดีให้กับสถาบันหรือองค์การที่เป็นผู้โฆษณาซึ่งการโฆษณาสถาบันนี้อาจ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “การโฆษณาเพื่อการประชาสัมพันธ์” (Corporate Advertising)
6. การโฆษณาระดับชาติมักเป็นการโฆษณาที่เน้นอะไรเป็นหลัก
(1) ชื่อยี่ห้อและตราสินค้า (2) สถานที่จำหน่ายสินค้า
(3) ความเป็นชุมชนท้องถิ่น (4) องค์กรหรือสถาบันผู้จำหน่ายสินค้า
ตอบ 1 การโฆษณาระดับชาติ (National Advertising) หรือบางครั้งอาจเรียกว่าการโฆษณาชื่อยี่ห้อ (Brand Advertising) โดยการโฆษณาทางสื่อมวลชนส่วนใหญ่จะเป็นการโฆษณาระดับชาติที่มีพื้นที่ครอบคลุมทั่วประเทศ และมักเป็นการโฆษณาภายใต้ชื่อยี่ห้อหรือตราสินค้าโดยผู้อุปถัมถ์ที่เป็นผู้ผลิตหรือตัวแทน จำหน่ายแต่ผู้เดียวของสินค้ายี่ห้อนั้น
7. เมื่อสินค้าอยู่ในช่วงอิ่มตัวแนวทางการโฆษณาควรเน้นอะไร
(1) กล่าวถึงชื่อสินค้าและแสดงภาพสินค้าบ่อยครั้ง
(2) กล่าวถึงประสบการณ์ของบริษัทผู้โฆษณา
(3) ความภักดีต่อชื่อยี่ห้อ
(4) ชี้ให้เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างสินค้าที่โฆษณากับคู่แข่ง
ตอบ 2 สินค้าที่อยู่ในช่วงอิ่มตัว (Maturity) เป็นช่วงที่สินค้าได้รับการยอมรับพอสมควรแล้วและมีลูกค้าบางกลุ่ม ที่สนใจสินค้าของเราเป็นพิเศษ ดังนั้นกิจกรรมส่งเสริมการขายจึงมีความจำเป็นน้อยลง แต่จะเน้นการ โฆษณาและการประชาสัมพันธ์ เช่น การกล่าวถึงประสบการณ์ของบริษัทผู้โฆษณา ซึ่งเป็นเจ้าของสินค้า ทั้งนี้เพื่อย้ำถึงภาพลักษณ์ของสินค้าและตราสินค้า เป็นต้น
8. การตอบสนองสารในขั้นตอนใดที่เป็นการตอบสนองในระดับ The Affective Stage
(1) รู้ (2) ตระหนักรู้
(3) เข้าใจ (4) สนใจ
ตอบ 4 ขั้นตอนการตอบสนองต่อข่าวสารจะเป็นไปตามลำดับขั้นตอนพื้นฐาน 3 ขั้นตอน ดังนี้
1. ขั้นความรู้ (The Cognitive Stage) ได้แก่ ขั้นตระหนักรู้ หรือรู้จัก มีความรู้เกี่ยวกับสินค้า หรือความ เข้าใจ ฯลฯ
2. ขั้นความรู้สึก (The Affective Stage) ได้แก่ ขั้นของความสนใจ, ความชอบ, การยอมรับ และการ จดจำ ฯลฯ
3. ขั้นแสดงพฤติกรรม (The Behavioral Stage) เช่น การทดลองใช้ การไปชื้อหา การแนะนำให้ผู้อื่นไปซื้อหรือการห้ามไม่ให้ซื้อ เป็นต้น
9. การแบ่งส่วนตลาดออกตามลักษณะความต้องการเป็นการแบ่งโดยใช้ปัจจัยใด
(1) ภูมิหลัง (2) แรงจูงใจ
(3) รายได้ (4) ฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม
ตอบ 2 การแบ่งส่วนตลาดตามลักษณะความต้องการโดยใช้แรงจูงใจ เช่น คนที่ต้องการได้รับการยกย่องกับคนที่ ต้องการความปลอดภัย เป็นต้น ซึ่งจะทำให้นักโฆษณาทราบว่าควรจะเข้าไปสนองความต้องการซึ่งเป็นที่มาแห่งแรงจูงใจของกลุ่มเป้าหมายของเราได้อย่างไร โดยแรงจูงใจ (Motivation) นี้จะประกอบด้วย ความต้องการ (Needs) แรงขับ (Drives) และเป้าหมาย (Goals)
10. ความภักดีต่อตรายี่ห้อ มีความสำคัญอย่างไร
(1) หากผู้บริโภคจดจำชื่อยี่ห้อสินค้าได้ จะทำให้ผู้บริโภคซื้อสินค้ามากยิ่งขึ้น
(2) เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกภาพของผู้บริโภค
(3) เป็นสิ่งที่ทำให้นักโฆษณาทราบว่าผู้บริโภคมีรูปแบบการดำเนินชีวิตอย่างไร
(4) หากผู้บริโภคยึดมั่นต่อสินค้ายี่ห้อใด สินค้ายี่ห้อนั้นย่อมมีการเจริญเติบโตทางธุรกิจ
ตอบ 4 ความภักดีในยี่ห้อ (Brand Loyalty) เป็นสิ่งบ่งชี้ให้ทราบถึงความยึดมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้ายี่ห้อใด ยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งจะทำให้สินค้ายี่ห้อนั้นมีการเจริญเติบโตทางธุรกิจโดยระดับความภักดีในยี่ห้อนี้จะมีตั้งแต่ กลุ่มลูกค้าที่ภักดีอย่างมั่นคงแน่นแฟ้น ซึ่งจะเจาะจงชื่อสินค้าทุกครั้งที่ซื้อ จนถึงกลุ่มที่ไม่มีความภักดีใน ยี่ห้อเลย กล่าวคือ จะซื้อสินค้าที่ราคาถูกหรือหาซื้อได้สะดวกเท่านั้น
11. คนกลุ่มใดไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์
(1) เยาวชนอายุต่ำกว่า 15ปี
(2) แม่บ้าน
(3) หนุ่มสาววัยทำงาน
(4) ชายวัยกลางคน
ตอบ 1 ข้อเสียเปรียบของหนังสือพิมพ์อย่างหนึ่ง คือ การครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมีจำกัด โดยจะมีคนเพียงบางกลุ่มเท่านั้นที่อ่านหนังสือพิมพ์เป็นประจำ เช่น คนในเขตเมืองและมีการศึกษา ส่วนคนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีมักจะไม่ชอบอ่านหนังสือพิมพ์ และกลุ่มผู้สูงอายุคนในชนบท พื้นที่ทุรกันดารหรือไร้การศึกษาก็ไม่สามารถรับข่าวสารจากหนังสือพิมพ์ได้ ดังนั้นหนังสือพิมพ์จึงมิใช่สื่อที่ใช้ได้กับประชากรทุกกลุ่ม
12. การกำหนดกลุ่มเป้าหมายการโฆษณามีความสำคัญอย่างไร
(1) ทำให้ธุรกิจสร้างผลกำไรได้มากยิ่งขึ้น
(2) ทำให้ทราบถึงส่วนแบ่งการตลาดของสินค้า
(3) ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณา
(4) ช่วยทำให้การโฆษณาชัดเจน ตรงประเด็นและเข้าใจง่าย
ตอบ 3 การทำความรู้จักกับกลุ่มเป้าหมาย เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการโฆษณาเพราะมนุษย์เรามีความแตกต่างกันในหลาย ๆด้าน รวมทั้งความสนใจและความชอบของแต่ละคนก็แตกต่างกัน ทำให้ผลิตกัณฑ์ไม่ สามารถตอบสนองความต้องการของคนทุกกลุ่มได้ ดังนั้นการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนจึงช่วยให้นักโฆษณาสามารถกำหนดการสื่อสารได้อย่างเหมาะสมสำหรับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
13. ข้อใดเป็นความต้องการทางสังคม
(1) อาหาร ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า (2) ความรัก
(3) ความปลอดภัย (4) ได้รับการยอมรับนับถือ
ตอบ 2 ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ จะแสดงถึงระดับความตองการของมนุษย์ 5 ระดับตามลำดับ ความสำคัญดังนี้
1. ความต้องการทางร่างกาย ซึ่งจะได้แก่อาหาร ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า และความต้องการทางเพศ เป็นต้น
2. ความต้องการความปลอดภัย
3. ความต้องการทางสังคม ได้แก่ ความต้องการความรักและการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ความชอบ ความรู้สึกเป็นเจ้าของและได้รับการยอมรับจากผู้อื่น
4. ความต้องการการยอมรับนับถือ
5. ความต้องการประสบความสำเร็จตามที่ตนปรารถนา
14. การตัดสินใจเรื่องใดที่สำคัญที่สุด ต่อการใช้สื่อมวลชนเพื่อการโฆษณา
(1) การจัดจำหน่าย (2) การเลือกใช้สื่อที่เหมาะสม
(3) .การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ (4) การสร้างความประทับใจ
ตอบ 2 (คำบรรยาย) การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ (Product Positioning) เป็นการทำให้ผู้บริโภครับรู้เกี่ยวกับสินค้า ในภาพลักษณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยการพยายามกำหนดตำแหน่งให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคจนเข้าสู่การรับรู้และการจดจำได้นอกจากนี้ยังหมายถึง การกำหนดฐานะของสินค้าโดยใช้วิธีศึกษาสิ่งแวดล้อมทางการ ตลาด ซึ่งการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์นี้ถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของธุรกิจหรือต่อการใช้สื่อมวลชน เพื่อการโฆษณา
15. ข้อใดเป็นข้อได้เปรียบสำคัญของการใช้สื่อมวลชนในการโฆษณา
(1) เข้าถึงคนได้จำนวนมาก (2) ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว
(3) ค่าใช้จ่ายน้อย (4) เป็นสื่อที่ส่งตรงถึงผู้รับ
ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ
16. ข้อใดคือข้อจำกัดสำคัญของการใช้สื่อมวลชนเพื่อการโฆษณา
(1) มีบุคคลอื่นๆ ได้เห็นโฆษณาด้วย
(2) ผู้บริโภคไม่ได้ใช้สื่อมวลชนด้วยเจตนาที่จะดูโฆษณา
(3) สื่อบางประเภทเจาะจงกลุ่มเป้าหมายได้
(4) มีเนื้อหาสาระที่ดึงดูดความสนใจของสาธารณชนทั่วไป ทำให้มีผู้รับมากเกินไป
ตอบ 2 ข้อจำกัดสำคัญของการใช้สื่อมวลชนในการโฆษณา มีดังนี้
1. ประชาชนไม่ได้เจตนาจะดูโฆษณาทางสื่อมวลชน
2. หากสิ่งโฆษณานั้นไม่มีความน่าสนใจ หรือไร้รสนิยม จะทำให้ผู้ชมหรือผู้ฟังมองว่าเป็นสิ่งน่ารำคาญ และมีความรู้สึกไม่ดีได้
3. หากสิ่งที่ผู้บริโภคได้รับไม่เป็นไปตามที่ได้โฆษณาไว้ จะทำให้ถูกมองว่าเป็นการโฆษณาหลอกลวง
4. สื่อต่างๆ มีภาพลักษณ์ของตัวสื่อเอง
5. สื่อต่างๆ มีสังคมวิทยาของสื่อ
17. ข้อใดเป็นเครื่องกำหนดพฤติกรรมการบริโภคของคนในสังคม
(1) ปทัสถานทางสังคมและวัฒนธรรม (2) การโฆษณาทางสื่อมวลชน
(3) รายได้โดยเฉลี่ยของคนในครอบครัว (4) ปริมาณผลผลิตและรายได้
ตอบ 1 ปทัสถานทางสังคม วัฒนธรรม และค่านิยม ถือเป็นปัจจัยทางสังคมที่มีอิทธิพลต่อการซื้อของผู้บริโภค รวมทั้งยังเป็นเครื่องกำหนด หรือเป็นสิ่งชี้นำสมาชิกของสังคมให้มีแนวทางการดำรงชีวิต ตลอดจนพฤติกรรมการบริโภคของคนในสังคมว่าจะไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง เช่น คนที่อยู่ในสังคม บริโภคก็จะมีพฤติกรรมการซื้อสินค้าตามความนิยม ตามแฟชั่นโดยมิได้คำนึงถึงเหตุผลหรือความจำเป็น เป็นต้น
18 ข้อใดคือความหมายของ “บุคลิกภาพ”
(1) เป็นสิ่งที่ติดตัวมนุษย์มาแต่กำเนิด เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในตัวมนุษย์
(2) สิ่งที่กระตุ้นให้คนเราแสดงพฤติกรรมออกมาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง
(3) ความรู้สึกที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และความรู้สึกนี้จะนำไปสู่พฤติกรรมการแสดงออก
(4) เป็นผลรวมของลักษณะพฤติกรรมภายนอกและความนึกคิดหรือพฤติกรรมภายในของบุคคลที่ทำให้เขาแตกต่าง ไปจากคนอื่น
ตอบ 4 บุคลิกภาพ (Personality) หมายถึง ผลรวมของอุปนิสัยซึ่งทำให้บุคคลหนึ่งแตกต่างจากบุคคลอื่น หรือเป็นเครื่องบ่งบอกว่าบุคคลนั้นมองโลกอย่างไร รับรู้ และตีความสิ่งต่างๆ รอบตัวเขาอย่างไร และตอบสนอง ต่อสิ่งเหล่านั้นอย่างมีเหตุผลหรือด้วยอารมณ์ นอกจากนี้บุคลิกภาพยังเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความคิดและ ทัศนคติของบุคคลนั้นๆ ด้วย
19. การโฆษณามีบทบาทต่อการรับรู้ตราสินค้าอย่างไร
(1) ทำให้ผู้บริโภครับรู้เกี่ยวกับตราสินค้าตามความเป็นจริง
(2) ทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงอรรถประโยชน์ที่แท้จริงของสินค้า
(3) ทำให้ผู้บริโภครับรู้ว่าตราสินค้านั้นมีคุณค่าเกินกว่าประโยชน์ใช้สอย
(4) ทำให้รู้จักชื่อสินค้า
ตอบ 3 การรับรู้ของผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะนักการตลาดมักตั้งนิยมของสินค้าว่า “สินค้าคือสิ่งที่ผู้บริโภคมองว่ามันเป็น” ดังนั้นถ้าการโฆษณาเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของตราสินค้าและสามารถทำให้ ผู้บริโภครับรู้ว่า ตราสินค้านั้นมีค่ามากกว่าที่เป็นอยู่จริง (Consumer’s Surplus) หรือมีคุณค่าเกินประโยชน์ ใช้สอย ก็จะทำให้ธุรกิจสามารถนำคุณค่าเหล่านี้มาใช้เป็นประโยชน์ต่อการกำหนดราคาสินค้าได้
20. ความเข้าใจ (Comprehension) เป็นผลมาจากอะไร
(1) การเปิดรับ (2) การใส่ใจ
(3) การตระหนัก (4) ความพึงพอใจ
ตอบ 2 แบบจำลองกระบวนการข้อมูล (Information Processing Model) จะมีลำดับขั้นตอนดังนี้
1. ขั้นการนำเสนอสาร (Message Presentation)
2. ขั้นความใส่ใจ (Attention)
3. ขั้นความเข้าใจ (Comprehension)
4. ขั้นการยอมรับ (Yielding)
5. ขั้นการจดจำ (Retention)
6. ขั้นแสดงพฤติกรรม (Behavior)
21. ข้อใดเป็นการลำดับขั้นตอนการตอบสนองสารได้ถูกต้อง
(1) สนใจ ใส่ใจ ยอมรับ จดจำ ซื้อ
(2) สนใจ รู้จัก ต้องการ จดจำ ซื้อ
(3) นำเสนอ ใส่ใจ เข้าใจ ยอมรับ จดจำ ซื้อ
(4) นำเสนอ รู้จัก ชอบ ต้องการ มั่นใจ ซื้อ
ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 20. ประกอบ
22. การวางแผนสื่อโฆษณาต้องคำนึงถึงขั้นตอนใดของพฤติกรรมการเลือกรับสาร
(1) Selective Exposure
(2) Selective Attention
(3) Selective Perception
(4) Selective Retention
ตอบ 1 การทำความเข้าใจพฤติกรรมการเลือกรับสารจะมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อนักโฆษณาในการวางแผนสื่อโฆษณา โดยการพิจารณาว่าจะเลือกใช้สื่อโฆษณาอะไรบ้างในช่วงเวลาใด และต้องใช้งบประมาณเท่าไรจึง จะผ่านขั้นตอนของการเลือกเปิดรับ (Selective Exposure) ของผู้รับสาร และจะออกแบบข่าวสารการโฆษณาอย่างไรจึงจะผ่านขั้นตอนของการเลือกใส่ใจ (Selective Attention) และเลือกรับรู้ (Selective Perception) จนถึงขั้นที่ผู้รับสารเลือกที่จะจดจำ (Selective Retention) ได้
23. การโฆษณาแบบตอบรับทันทีเป็นกิจกรรมการสื่อสารการตลาดประเภทใด
(1) การส่งเสริมการขาย (2) การประชาสัมพันธ์
(3) การโฆษณาทางไปรษณีย์ (4) การตลาดแบบเจาะตรง
ตอบ 4 การตลาดแบบเจาะจง (Direct Marketing or Direct-response Marketing) หมายถึง การสื่อสารโดยตรง ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดการตอบสนองและหรือก่อให้เกิดการซื้อขายแลกเปลี่ยน ขึ้น โดยการตลาดแบบเจาะตรง จะได้แก่ การขายตรง (Direct Selling) การขายทางโทรศัพท์หรือโทรสาร (Telemarketing) และการโฆษณาแบบตอบรับทันที (Direct Response Ads) เช่น การโฆษณาส่งตรงทาง ไปรษณีย์ เป็นต้น
24. ข้อใดเป็นข้อได้เปรียบของการขายโดยพนักงานขาย
(1) ความน่าเชื่อถือสูง (2) เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้จำนวนมาก
(3) ปรับเนื้อหาไต้ตามปฏิกิริยาของผู้รับสาร (4) ผู้รับสารตั้งใจฟัง
ตอบ 3 เนื่องจากการขายโดยใช้พนักงานขายเป็นการติดต่อสื่อสารแบบเผชิญหน้า (Face-to-face Communication) ระหว่างผู้ขายกับผู้ที่คาดว่าจะเป็นผู้ซื้อ ดังนั้นจึงมีความยืดหยุ่นสูงกว่าการโฆษณา เพราะผู้ขายสามารถ สังเกตปฏิกิริยาของผู้ซื้อไปด้วยและสามารถปรับเนื้อหาของข่าวสารได้อย่างเหมาะสมกับปฏิกิริยา สถานการณ์และความต้องการของผู้ซื้อ
25. การโฆษณาแบบ Split Run เป็นการโฆษณาลักษณะใด
(1) เจาะจงลงโฆษณาทางวิทยุกระจายเสียงเฉพาะช่วงคั่นระหว่างรายการ
(2) เจาะจงลงโฆษณาทางหนังสือพิมพ์เพื่อเข้าถึงผู้อ่านภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง
(3) แบ่งภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์เป็นช่วงๆ ลงในรายการใดรายการหนึ่ง
(4) ตัดภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ให้สั้นลงเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
ตอบ 2 การโฆษณาระดับภูมิภาค (Regional Advertising) เป็นการโฆษณาที่ครอบคลุมภูมิใดภูมิภาคหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ครอบคลุมทั้งประเทศ เช่น ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือภาคใต้ เป็นต้น สื่อที่ใช้จึงเป็นสื่อที่ ครอบคลุมในระดับภูมิภาค เช่น การโฆษณาแบบ Split Run ทางหนังสือพิมพ์เพื่อเข้าถึงผู้อ่านภูมิภาคใด ภูมิภาคหนึ่ง เป็นต้น
26. การใช้กลยุทธ์การโฆษณาที่ผู้บริโภคเป็นหลักมักใช้แนวทางการนำเสนอแบบใด
(1) การให้คำมั่นสัญญา (2) การสาธิตการทำงานของสินค้า
(3) ใช้สินค้าเป็นพระเอก (4) รายงานผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์
ตอบ 1 กลยุทธ์การโฆษณาที่เน้นผู้บริโภคเป็นหลัก (Prospect-centered Strategies) เป็นกลยุทธ์การเสนอข่าวสาร การโฆษณาภายใต้แนวคิดทางการตลาดที่เน้นผู้บริโภคซึ่งอาจทำได้หลายลักษณะได้แก่การกล่าวถึงประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับ (Benefits), การให้คำมั่นสัญญา (Promises). การบอกถึงเหตุผลว่าทำไมจึงควรใช้สินค้า (Reason Why) และการกล่าวถึงข้อเสนอขายที่เด่นชัด (Unique Selling Proposition : USP)
27. ฝ่ายใดในบริษัทตัวแทนการโฆษณาที่ทำหน้าที่วางแผนจัดทำงบประมาณการโฆษณาและควบคุมการใช้จ่าย งบประมาณให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้
(1) ฝ่ายบริหารงานทั่วไป (2) ฝ่ายบริหารงานลูกค้า
(3) ฝ่ายสร้างสรรค์การโฆษณา (4) ฝ่ายสื่อโฆษณา
ตอบ 4 หน้าที่และความรับผิดชอบของฝ่ายสื่อโฆษณา (Media Department) มีดังนี้
1. เป็นผู้วางแผนเกี่ยวกับการใช้และการซื้อสื่อโฆษณา ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
2. วางกลยุทธ์ในการใช้สื่อโฆษณา
3. ติดต่อจองเนื้อที่โฆษณา และซื้อเนื้อที่โฆษณาให้เป็นไปตามแผนงานที่ได้วางไว้
4. ควบคุมการซื้อสื่อโฆษณาให้ได้ผลคุ้มค่ามากที่สุด
5. จัดสรรและควบคุมการ.ใช้งบประมาณ รวมทั้งติดตามการใช้สื่อของคู่แข่งขัน ฯลฯ
28. ข้อใดเป็นปัจจัยที่ใช้ในการแบ่งส่วนตลาดแบบ (Demographic Segmentation
(1) เพศ อายุ การศึกษา รูปแบบการดำเนินชีวิต (2) เพศ อายุ ฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม (3) รูปแบบการดำเนินชีวิต บุคลิกภาพ แรงจูงใจ (4) แรงจูงใจ ทัศนคติ รูปแบบการดำเนินชีวิต ตอบ 2 ปัจจัยที่ใช้ไนการแบ่งส่วนตลาดตามลักษณะทางทะเบียนภูมิหลัง (Demographic Segmentation) ได้แก่ อายุ เพศ สถานภาพครอบครัว การศึกษา อาชีพ และรายได้ ซึ่งในวงการโฆษณามักจะนำไปรวมกับอาชีพ และการศึกษา แล้วรวมเรียกว่า “สถานะทางสังคมและเศรษฐกิจ” (Socio-economic Status : SES)
29. แบบจำลองการสื่อสารในข้อใดที่กล่าวถึงการจดจำ (Retention)
(1) The Hierarchy of Effects Model (2) AIDA Model
(3) Innovation Adoption Model (4) Information-processing Model
ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 20. ประกอบ
30. เนื้อหาในโฆษณามักส่งเสริมค่านิยมแบบใด
(1) อนุรักษ์นิยม (2) ประเพณีนิยม
(3) ปัจเจกนิยม (4) บริโภคนิยม
ตอบ 4 การโฆษณามักจะสร้างค่านิยมต่างๆ ให้เกิดขึ้นในสังคม เช่น การแบ่งแยกชนชั้นการใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยการมีค่านิยมแบบบริโภคนิยม หรือมีรูปแบบการกระทำบางอย่างเป็นแบบแผนเดียวกัน เช่น รับประทาน อาหารจานด่วน แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเครื่องใช้ที่มียี่ห้อ เป็นต้น
31. คนทั่วไปจะสนใจพยายามทำความเข้าใจและจดจำข่าวสารที่มีลักษณะอย่างไร
(1) ลีลาการสื่อสารเร้าใจ
(2) สอดคล้องกับประสบการณ์และนิสัย
(3) สอดคล้องกับสภาวะแวดล้อม
(4) สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
ตอบ 4 โดยทั่วไปแล้วมนุษย์จะให้ความสนใจและใช้ความพยายามในการที่จะเข้าใจและจดจำข่าวสารที่สามารถ นำไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น คนที่จะซื้อรถใหม่ก็จะหาบทความหรือโฆษณาที่เกี่ยวกับรถมาอ่าน การอ่านหนังสือพิมพ์ การดูโทรทัศน์ การฟังวิทยุ ฯลฯ เป็นการกระทำจากการเลือกของเราโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเอาไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ
32. ข้อใดเป็นตัวอย่างของการแบ่งส่วนตลาดโดยใช้ปัจจัยด้านแรงจูงใจ
(1) คนที่ต้องการได้รับการยกย่อง กับคนที่ต้องการความปลอดภัย
(2) คนชอบใช้ชีวิตกลางแจ้ง กับคนที่ชอบใช้ชีวิตอยู่กับบ้าน
(3) คนที่มีความภักดีต่อตรายี่ห้อ กับคนที่ไม่มีความภักดีต่อตรายี่ห้อ
(4) คนที่ชอบเป็นผู้นำ กับคนที่ชอบทำตามผู้อื่น
ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 9. ประกอบ
33. การโฆษณาสินค้าโดยใช้วิธีการบรรยายหรือพูดกับกล้องโทรทัศน์เป็นการโฆษณาแนวใด
(1) Rational (2) Emotional
(3) Drama (4) Lecture
ตอบ 4 น้ำเสียงที่ใช้ในการโฆษณาแบบการแนะนำหรือการสอน หรือการบรรยาย (Lecture) จะเป็นลักษณะของ การให้ความรู้หรือเสนอข้อเท็จจริงของสินค้า (ในขณะที่งานโฆษณาบางชิ้นอาจนำเสนอในลักษณะเหมือน ละคร (Drama) ซึ่งจะเป็นการสร้างเรื่องราวหรือบทละครที่แสดงให้เห็นถึงการใช้สินค้าหรือบริการใน สถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง
34. Selling Premises หมายถึงอะไร
(1) ลีลาน้ำเสียงในการโฆษณา (2) ข้อเสนอเพื่อการขายสินค้า
(3) สิ่งดึงดูดใจในชิ้นงานโฆษณา (4) วิธีการนำเสนอข่าวสารการโฆษณา
ตอบ 3 ข้อเสนอเพื่อการขาย (Selling Premises) คือ เหตุผลที่เป็นข้อสนับสนุนการขายสินค้าหรือบริการที่จะปรากฏอยู่ในข่าวสารการโฆษณา โดยกลยุทธ์การกำหนดข้อเสนอเพื่อการขายนี้จะมี 2 ลักษณะ คือ
1. กลยุทธการใช้สินค้าเป็นหลัก (Product-centered Stategies)
2. กลยุทธการเน้นผู้บริโภคเป็นหลัก (Prospect-centered Stategies)
35. การทดสอบผลการโฆษณาข้อใดต่อไปนี้ที่ดำเนินการก่อนนำโฆษณาออกเผยแพร่
(1) Persuasion Test (2) Direct-response Counts
(3) Recognition Test (4) In-market Test
ตอบ 3 การทดสอบการจดจำได้ (Recognition Tests) เป็นการทดสอบสิ่งโฆษณาเพื่อประเมินความสามารถในการจดจำสิ่งโฆษณาของประชาชนผู้รับสารโดยการจัดฉายภาพยนตร์โฆษณาหรือแสดงสิ่งโฆษณาประเภท สิ่งพิมพ์ให้กลุ่มตัวอย่างดูแล้วสอบถามเกี่ยวกับสิ่งโฆษณาที่พวกเขาเพิ่งได้เห็นนั้น การดำเนินการทั้งหมดนี้ จะต้องทำก่อนนำโฆษณาออกเผยแพร่
36. แผนส่งเสริมการตลาดเป็นแผนงานเกี่ยวกับอะไร
(1) การสร้างสรรค์ชิ้นงานโฆษณา (2) การส่งเสริมการขาย
(3) กิจกรรมสื่อสารการตลาด (4) การกำหนดกลยุทธ์การโฆษณา
ตอบ 3 แผนส่งเสริมการตลาดได้แก่ แผนงานเกี่ยวกับกิจกรรมการสื่อสารการตลาดซึ่งจะต้องเริ่มจากการศึกษา กลุ่มเป้าหมาย การศึกษาวิเคราะห์สินค้า และการศึกษากลยุทธ์การส่งเสริมการตลาดของคู่แข่ง เพื่อนำมากำหนดวัตถุประสงค์การส่งเสริมการตลาด การกำหนดงบประมาณที่จะต้องใช้และการเลือกใช้ส่วนประสมการส่งเสริมการตลาดตลอดจนการใช้เครื่องมือการสื่อสารการตลาดอื่น ๆ อย่างเหมาะสมและเพื่อ ประสิทธิผลสูงสุด
37. การโฆษณาของพรรคการเมืองที่ต้องการเน้นภาพลักษณ์ผู้นำและอุดมการณ์ของพรรคควรใช้สื่อประเภทใด
(1) วิทยุกระจายเสียง (2) โปสเตอร์
(3) วิทยุโทรทัศน์ (4) ป้ายข้างรถประจำทาง
ตอบ 3 วิทยุโทรทัศน์ถือเป็นสื่อที่มีผลกระทบ (Impact) ต่อผู้รับสารสูงกว่าส่ออื่น ๆ เนื่องจากเป็นสื่อที่สามารถเสนอเนื้อหาได้หลากหลายรูปแบบทั้งเสียง ภาพ สี การเคลื่อนไหว และการแสดง ทำให้สินค้าธรรมดา ๆ ดูมีความสำคัญน่าตื่นเต้น น่าสนใจ และสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่างๆ ให้เกิดขึ้นได้ง่ายกว่าสื่ออื่น ๆ ด้วย
38. แรงจูงใจประกอบด้วยอะไรบ้าง
(1)การเรียนรู้ การรับรู้ บุคลิกภาพ (2) การรับรู้ ความเชื่อ ทัศนคติ
(3) ความต้องการ แรงขับ เป้าหมาย (4) ทัศนคติ บุคลิกภาพ การมองตนเอง
ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 9. ประกอบ
39. การทำความเข้าใจ Self-concept มีประโยชน์ต่อการโฆษณาอย่างไร
(1) ทำให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ให้ประโยชน์และความพึงพอใจสูงสูด
(2) ทำให้สามารถเลือกใช้สื่อโฆษณาได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
(3) ทำให้ประหยัดงบประมาณการโฆษณา
(4) ทำให้สามารถสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าได้ตรงกับภาพลักษณ์ของกลุ่มเป้าหมาย
คอบ 4 การมองตนเอง (Self-concept) หมายถึง การที่เรามองตนเองว่าเราเป็นอย่างไรมีจุดเด่น จุดด้อยอย่างไร นักโฆษณาที่ทำโฆษณาสินค้าบางประเภท เช่น เสื้อผ้า รถยนต์ บ้าน ฯลฯ ซึ่งเป็นสินค้าที่สะท้อนถึงภาพลักษณ์ ของผู้ใช้จะพยายามเข้าถึง Self-concept ของกลุ่มเป้าหมายของเขาให้ได้ เพื่อที่จะพยายามพัฒนาภาพลักษณ์ ของสินค้าให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของกลุ่มเป้าหมาย
40. การกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ที่เน้นเพื่อการแข่งขันมักใช้วิธีใด
(1) คุณลักษณ์ผลิตภัณฑ์ (2) ราคา/คุณภาพ
(3) ประโยชน์ใช้สอย (4) ดูจากคู่แข่ง
ตอบ 1 การกำหนดตำแหน่งผลิตกัณฑ์โดยมุ่งเน้นที่การแข่งขัน เป็นวิธีการที่พยายามกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ โดยการเปรียบเทียบสินค้าที่โฆษณากับสินค้าของคู่แข่ง ก็เช่น การใช้คุณลักษณะของผลิตกัณฑ์ที่มี ลักษณะเฉพาะ ซึ่งทำสินค้านั้นแตกต่างจากคู่แข่ง โดยเราอาจใช้คุณสมปติหรือคุณประโยชน์มากกว่าหนึ่งประการในการกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ก็ได้
41. สิ่งใดที่กำหนดกรอบการอ้างอิงของมนุษย์แต่ละคน
(1) ความต้องการ แรงจูงใจ สื่อที่ใช้
(2) ประโยชน์ที่คาดหวัง นิสัยส่วนตัว
(3) สภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง
(4) การเรียนรู้ ประสบการณ์ ทัศนคติ
ตอบ 4 การถอดรหัส หมายถึง การตีความสารของผู้รับสารให้อยู่ในรูปของความหมายความคิด หรือการรับรู้ที่มีต่อข่าวสารนั้น โดยอาศัยขอบเขตของประสบการณ์ (Field of Experience) หรือกรอบของการอ้างอิง (Frame of Reference) อันประกอบด้วย ประสบการณ์ การรับรู้ ทัศนคติ บุคลิกภาพ ภาพลักษณ์ต่อตนเอง และค่านิยมมาประกอบในการกำหนดรู้ความหมายของสารที่ตนได้รับ
42. ข้อใดคือเกณฑ์การพิจารณาเลือกสื่อโฆษณาประเภทสิ่งพิมพ์
(1) ลักษณะของผู้อ่าน คุณภาพการพิมพ์ คุณภาพเนื้อหา
(2) ความนิยมของสื่อ จำนวนผู้อ่าน ช่วงเวลาการโฆษณา
(3) การครอบคลุมของสื่อ ราคาของสิ่งพิมพ์ จำนวนหน้าของสิ่งพิมพ์
(4) ขนาดของสิ่งพิมพ์ ชนิดของกระดาษที่ใช้พิมพ์ จำนวนพิมพ์
ตอบ 1 การเลือกว่าจะใช้หนังสือพิมพ์ฉบับใดเป็นสื่อการโฆษณานั้น มีข้อพิจารณาดังต่อไปนี้
1. ลักษณะของผู้อ่าน 2. เนื้อหาของคุณภาพด้านบทความ
3. การซ้ำซ้อนของผู้อ่าน 4. ความคุ้มค่าด้านราคา
5. คุณภาพการพิมพ์
43. ข้อใดเป็นอัตราค่าโฆษณาสำหรับการลงโฆษณาปกติโดยไม่มีส่วนลด
(1) Flat Rate (2) Special Rate
(3) Contract Rate (4) Short Rate
ตอบ 1 Flat Rate หมายถึง อัตราค่าโฆษณาแบบไม่มีส่วนลดสำหรับการซื้อเนื้อที่โฆษราสินค้าหรือบริการใน ตำแหน่งใด ๆ ที่ไม่เจาะจงในหนังสือพิมพ์
44. ข้อใดเป็นวิธีการกำหนดงบประมาณการส่งเสริมการตลาดแบบก้าวหน้า
(1) การจัดสรรงบประมาณเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขายในอดีต
(2) การจัดสรรงบประมาณโดยดูจากส่วนแบ่งการขาย
(3) การกำหนดงบประมาณโดยดูจากคู่แข่ง
(4) การกำหนดงบประมาณโดยพิจารณาจากวัตถุประสงค์
ตอบ 4 วิธีการกำหนดงบประมาณโดยพิจารณาจากวัตถุประสงค์และงานที่จะทำ เป็นวิธีการกำหนดงบประมาณ แบบก้าวหน้า กล่าวคือ กำหนดแผนการส่งเสริมการตลาดโดยพิจารณาจากสถานการณ์แวดล้อมและสภาพ การแข่งขันในตลาด จากนั้นก็กำหนดงบประมาณตามกิจกรรมที่จะทำตามแผนการส่งเสริมการตลาดนั้น
45. การกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์พิจารณาจากอะไร
(1) สภาพตลาด สภาพการแข่งขัน สื่อที่ใช้
(2) นโยบายบริษัท ลักษณะของสินอ้า ราคา การจัดจำหน่าย
(3) จุดเด่นของสินค้า ความต้องการผู้ซื้อ กลยุทธ์ของคู่แข่ง
(4) จุดเด่นของสินค้า ราคาของสินค้า สถานที่จัดจำหน่ายสินค้า
ตอบ 3 การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ (Product Positioning) หมายถึง ศิลป์และศาสตร์ของการทำให้สินค้าหรือบริการของเรา มีความสอดคล้องกับลักษณะของกลุ่มเป้าหมายด้วยวิธีการใด ๆ ก็ตามที่จะทำให้ กลุ่มเป้าหมายมองเห็นสินค้าของเรามีความหมายแตกต่างจากสินค้าของคู่แข่ง ซึ่งวิธีการกำหนดตำแหน่ง ผลิตภัณฑ์นี้สามารถทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับสถานการณ์จุดเด่นของสินค้า ความต้องการของผู้บริโภค และ กลยุทธ์ของคู่แข่ง
46. “ให้กำลังฉุดลากมหาศาล เร่งแซงทันใจ ประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม พร้อมมาตรฐานใหม่ในการบำรุงรักษาด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 20,000 กิโลเมตร” ข้อความดังกล่าวเป็นวิธีการเขียนข้อความโฆษณาแบบใด
(1) Straightforward (2) Dialogue
(3) Monologue (4) Humor
ตอบ 1 วิธีการเขียนข้อความโฆษณาแบบเสนอข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา (Straightforward Factual) นั้นเนื้อหาที่ปรากฏในข้อความโฆษณาจะมีลักษณะคล้ายกับเนื้อหาในข่าวหรือสารคดีของหนังสือพิมพ์และนิตยสาร แต่ในขณะเดียวกันก็เสนอข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้ผู้อ่านสนใจและเกิดความต้องการในสินค้าหรือบริการที่โฆษณา
47. สื่อโฆษณาประเภทใดที่ผู้รับสารตั้งใจรับมากที่สุด
(1) วิทยุกระจายเสียง (2) วิทยุโทรทัศน์
(3) ป้ายโฆษณา (4) หนังสือพิมพ์
ตอบ 4 หนังสือพิมพ์ถือเป็นสื่อโฆษณาที่ประชาชนตั้งใจอ่าน เนื่องจากประชาชนบางกลุ่มจะใช้เป็นแหล่งข้อมูล สำหรับการจับจ่ายซื้อของ ดังนั้นหากเราต้องการโฆษณากิจกรรมส่งเสริมการขาย (ลด แลก แจก แถม ฯลฯ ) หนังสือพิมพ์จึงเป็นทางเลือกที่ดี เพราะผู้บริโภคจะนำข้อมูลที่ได้มาประกอบการตัดสินใจว่าจะซื้อสินค้า ยี่ห้อไหน และไปซื้อที่ใด
48. ข้อเสียเปรียบสำคัญของการโฆษณาทางสื่อมวลชนคืออะไร
(1) ค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยต่อหัวสูง (2) ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ
(3) มีบุคคลอื่นได้รู้เห็นด้วย (4) ผู้รับสารไม่เจตนารับ
ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 16. ประกอบ
49. ปัญหาสำคัญของการโฆษณาทางสื่อมวลชนคืออะไร
(1) เป็นการสื่อสารทางเดียว (2) ไม่สามารถกำหนดตารางสื่อได้
(3) วัดผลการโฆษณาได้ยาก (4) ผู้รับสารสามารถเลือกได้
ตอบ 3 ปัญหาสำคัญของการโฆษณาทางสื่อมวลชน คือ วัดผลการโฆษณาได้ยาก เนื่องจากการสื่อสารมวลชนโดยส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นการสื่อสารทางเดียว (One-way Communication) การสื่อสารกลับ (Feedback) จากผู้รับสารไปยังผู้ส่งสารมักเป็นไปได้อย่างล่าช้าหรือกระทำได้ยากเช่น จดหมายจากผู้อ่าน โทรศัพท์จากผู้ฟัง การสำรวจความคิดเห็นของผู้ชม ฯลฯ
50. Rating หมายถึงอะไร
(1) อัตราการเข้าถึงของโฆษณาชิ้นใดชิ้นหนึ่ง
(2) อัตราค่าโฆษณาสื่อใดสื่อหนึ่ง
(3) ค่าแสดงความนิยมของรายการใดรายการหนึ่ง
(4) ค่าแสดงความนิยมของรายการใดรายภารหนึ่ง
ตอบ 3 ความนิยมของรายการ (Rating) หมายถึง ค่าร้อยละที่แสดงถึงจำนวนผู้ชมที่ชมรายการใดรายการหนึ่ง จึงเป็นค่าที่แสดงความนิยมของรายการโทรทัศน์รายการใดรายการหนึ่ง
ตั้งแต่ข้อ 51. – 53. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม
(1) Impact (2) Reach
(3) Frequency (4) Continuity
51. การโฆษณาที่ใช้โทรทัศน์หลาย ๆ ช่องโฆษณาพร้อมกันเป็นการโฆษณาที่เน้นวัตถุประสงค์ข้อใด
ตอบ 3 ความถี่ (Frequency) คือ ค่าที่บอกถึงจำนวนครั้งที่ประชาชนเปิดรับสื่อโฆษณาหนึ่งในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น การโฆษณาที่ใช้โทรทัศน์หลายๆ ช่องโฆษณาพร้อมกัน ซึ่งการโฆษณาบ่อย ๆครั้งจะเป็นผลดีต่อการ ทำความเข้าใจและสร้างการจดจำในข่าวสารการโฆษณาได้
52. การโฆษณาที่ลงโฆษณาในรายการเดียวกันช่องเดียวกันทุกครั้งเป็นการโฆษณาที่เน้นวัตถุประสงค์ใด
ตอบ 2 (คำบรรยาย) การเข้าถึง (Reach) คือ จำนวนหรือค่าร้อยละของผู้รับสาร ซึ่งได้เห็นหรือทังสื่อใดสื่อหนึ่ง อย่างน้อยหนึ่งครั้ง โดยไม่คำนึงว่าจะได้เปิดรับสื่อนั้นบ่อยครั้งเพียงใด เช่น การโฆษณาที่ลงโฆษณาใน รายการเดียวกันช่องเดียวกันทุกครั้ง ทั้งนี้เพื่อจะดูว่าคนได้เห็นโฆษณาของเรากี่เปอร์เซ็นต์จากจำนวนคน ทั้งหมด
53. การโฆษราที่ใช้ป้าย Billboard ขนาดใหญ่มาก ๆ เนื่องจากเน้นวัตถุประสงค์ข้อใด
ตอบ 1 การโฆษณากลางแจ้ง (Out door Advertising) เป็นการโฆษณาที่เข้าถึงประชาชนซึ่งอยู่นอกบ้านมักปรากฏ อยู่ในรูปของบิลบอร์ด (Billboard) เช่น โปสเตอร์ ภาพระบายสี และป้ายขนาดใหญ่ โดยสื่อกลางแจ้ง เหล่านี้มักจะมีขนาดใหญ่ มาก ๆ ภาพและข้อความก็ต้องมีขนาดใหญ่ เพื่อให้ผู้รับสารอ่านได้ในระยะไกล และจะมีผลกระทบ (Impact) สูงต่อผู้ชม
54. การโฆษณาขนาดเต็มหน้าหนังสือพิมพ์เป็นการโฆษณาแบบใด
(1) Display Advertising (2) Classified Advertising
(3) Handbill (4) Supplement
ตอบ 1 การโฆษณาทางหนังสือพิมพ์สามารถทำได้หลายรูปแบบ ดังนี้
1. การโฆษณาขนาดใหญ่ (Display Advertising) โดยอาจเป็นแบบครึ่งหน้าหรือแบบเต็มหน้ามีทั้งที่เป็น โฆษณาสี่สีและ,ขาวดำ
2. การโฆษณาย่อย (Classified Advertising)
3. การโฆษณาแทรก (Preprinted Insert) เช่น หนังสือพิเศษ (Supplement) หรือใบปลิว (Handbill) สี่สี ที่จัดพิมพ์ต่างหาก แล้วนำมาแทรกไว้กับหนังสือพิมพ์ เป็นต้น
55. การโฆษณาในตำแหน่งใดที่ได้รับความสนใจมากที่สุด
(1) Island Position (2) Full Position
(3) Solus (4) Strip
ตอบ 1 ตำแหน่งที่เป็นเกาะ (Island Position) เป็นตำแหน่งการลงโฆษณาโดยให้ชิ้นงานโฆษณาอยู่ตรงกลางและ ล้อมรอบด้วยบรรณาธิกรสาร การเลือกลงโฆษณาในตำแหน่งที่เป็นเกาะมักเป็นการโฆษณาขนาด Junior Page และถือเป็นตำแหน่งที่ได้รับความสนใจมากที่สุด
56. หลักสำคัญของการสร้างสรรค์โฆษณาทางโทรทัศน์คืออะไร
(1) ใช้คำพูดบอกเรื่องราวให้มากที่สุด (2) บอกถึงแนวคิดหลักที่ใช้ในการโฆษณา
(3) ควรเสนอภาพสินค้าตั้งแต่ภาพแรก (4) เน้นผู้นำเสนอมากกว่าตัวสินค้า
ตอบ 2 ข้อพึงปฏิบัติสำหรับการสร้างสรรค์สิ่งโฆษณาที่ดีเพื่อการโฆษณาทางโทรทัศน์มีดังนี้
1. ควรใช้ภาพเพื่อบอกเรื่องราวให้มากที่สุด
2. ต้องแสดงให้เห็นถึงแนวความคิดหลักที่ใช้ในการโฆษณา
3. นำเสนอภาพของสินค้าและชื่อสินค้าอย่างชัดเจน
4. พยายามทำให้สินค้าเป็นพระเอก
5. ควรเริ่มขายสินค้าตั้งแต่ภาพแรก เป็นต้น
57. การโฆษณาที่เสนอภาพปัญหานานาประการก่อนเสนอภาพสินค้าที่เข้ามาแก้ปัญหาเหล่านั้น เป็นการใช้วิธีการ นำเสนอภาพยนตร์โฆษณาแบบใด
(1) Demonstration (2) Problem/Solution
(3) Product as Star (4) Vignette
ตอบ 2 การแก้ปัญหา (Problem/Solution) เป็นการนำเสนอภาพปัญหานานาประการที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อใดเมื่อหนึ่ง จากนั้นก็นำเสนอภาพสินค้า ซึ่งเข้ามาแก้ปัญหานั้น เช่น เสนอภาพหญิงสาวที่มีปัญหาผมแห้งแตกปลาย จากนั้นก็นำเสนอภาพครีมนวดผม และเมื่อหญิงสาวใช้ครีมนวดแล้วเส้นผมกลับมีชีวิตชีวาหายแตกปลายเป็นต้น
58. ข้อใดเป็นปัจจัยที่ใช้พิจารณาประกอบการกำหนดอัตราค่าโฆษณาทางโทรทัศน์
(1) การเข้าถึงที่ ความถี่ ผลกระทบ ความต่อเนื่อง
(2) ความครอบคลุม ความนิยมของรายการ ช่วงเวลาการโฆษณา
(3) ฤดูกาล สังคมวิทยาของสื่อ งบประมาณการโฆษณา
(4) งบประมาณ ฤดูการขาย วงจรอายุสินค้า ความหลากหลายของสื่อ
ตอบ 2 การคิดอัตราค่าโฆษณาทางโทรทัศน์จะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับปัจจัยดังนี้
1. การครอบคลุมของสัญญาณของสถานีโทรทัศน์ช่องนั้น ๆ (Coverage)
2. ความนิยมของรายการ (Rating)
3. ช่องเวลาการโฆษณา (Timing)
59. ค่า GRP เป็นประโยชน์ต่อการประเมินผลสื่อโฆษณาอย่างไร
(1) เป็นหน่วยวัคจำนวนของชิ้นงานโฆษณา (2) แสดงถึงผลกระทบของแผนโฆษณา
(3) ช่วยให้ทราบระยะเวลาของโฆษณา (4) แสดงงบค่าของแผนการโฆษณา
ตอบ 4 คะแนนความนิยมโดยรวม (Gross Rating Point : GRP) เป็นสิ่งที่นักโฆษณาใช้พิจารณาเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างการเข้าถึง และความถี่ของการโฆษณา ซึ่งค่า GRP จะมีประโยชน์ต่อการประเมินผลสื่อโฆษณา หรือแสดงถึงผลกระทบของแผนโฆษณา โดยจะแสดงค่าของแผนการโฆษณาในรูปของคะแนนความนิยมโดยรวมที่ได้จากแผนงานโฆษณานั้น
60. หากแผนการใช้สื่อโฆษณาระบุว่ามีการใช้สื่อบางช่วง และเว้นวรรคบางช่วง แสดงว่าแผนการใช้สื่อโฆษณานั้นใช้ รูปแบบความต่อเนื่องแบบใด
(1) Continuity (2) Flighting
(3) Fighting (4) Pulsing
ตอบ 2 การโฆษณาแบบหยุดเป็นพัก ๆ (Flighting) เป็นการซื้อสื่อโฆษณาเป็นบางช่วงและหยุดพักเป็นบางช่วง กล่าวคือ จะซื้อสื่อโฆษณาในช่วงเวลาที่น่าจะขายสินค้าได้มากหรือผู้รับสารเต็มใจที่จะรับข่าวสารการ โฆษณาและหยุดโฆษณาเป็นบางช่วง โดยเฉพาะช่วงที่ไม่น่าจะขายสินค้าได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่าง มากหากสินค้าที่โฆษณานั้นมิใช่สินค้าที่ขายได้ตลอดทั้งปี
61. Pass-along Audience หมายถึงอะไร
(1) ผู้อ่านที่เป็นผู้ซื้อนิตยสาร
(2) ผู้ที่เห็นนิตยสารที่ร้านหนังสือ
(3) ผู้อ่านที่ไม่ใช่ผู้ซื้อนิตยสาร
(4) ผู้ที่เป็นสมาชิกนิตยสาร
ตอบ 3 Pass-along Audience หมายถึง ผู้อ่านที่มิใช่สมาชิกหรือไม่ใช่ผู้ซื้อนิตยสาร เช่น ผู้อ่านที่อ่านนิตยสารตาม ร้านขายหนังสือ ในร้านเสริมสวย ในร้านตัดผม หรือในห้องสมุด ฯลฯ
62. การซื้อเนื้อที่โฆษณาทางหนังสือพิมพ์โดยไม่เจาะจงตำแหน่งเรียกว่าอะไร
(1) Free Press
(2) Run of Press
(3) Full Position
(4) Junior Page
ตอบ 2 ROP (Run of Paper หรือ Run of Press) หมายถึง การลงโฆษณาโดยไม่เจาะจงตำแหน่ง ผู้พิมพ์สามารถลง โฆษณาในตำแหน่งใดก็ได้ในหน้าหนังสือพิมพ์
63. ข้อใดเป็นบทบาทหน้าที่ของแผนกซื้อสื่อโฆษณา
(1) รับผิดชอบเกี่ยวกับการผลิตสิ่งโฆษณาสำหรับสื่อมวลชน
(2) จัดทำตารางสื่อโฆษณา
(3) กำหนดกลยุทธ์เบื้องต้นของการวางแผนสื่อโฆษณา
(4) ศึกษา วิเคราะห์ ความเป็นมาของสินค้าเพื่อกำหนดยุทธวิธีการใช้สื่อโฆษณา
ตอบ 2 บทบาทหน้าที่ของแผนกซื้อสื่อโฆษณา ก็คือ การจัดทำตารางสื่อโฆษณา (Media Schedule) ว่าจะซื้อ เวลาทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่องใดช่วงเวลาใด และต้องใช้งบประมาณเท่าไร นอกจากนั้นแผนกซื้อสื่อ โฆษณายังต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับสื่อด้วยและเมื่อได้ตารางสื่อโฆษณาแล้วก็ต้องนำเสนอให้ฝ่ายบริการลูกค้า เพื่อนำเสนอให้ลูกค้าพิจารณาอนุมัติต่อไป
64. ข้อใดเป็นข้อได้เปรียบของตัวแทนโฆษณาอิสระ
(1) มีผู้เชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงในการทำโฆษณา
(2) ประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าการตั้งตัวแทนโฆษณาในบริษัท
(3) มีข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้า
(4) ผู้โฆษณามั่นใจได้ว่าจะได้งานตรงตามจุดมุ่งหมายขององค์การ
ตอบ 1 ข้อได้เปรียบของตัวแทนโฆษณาอิสระหรือบริษัทโฆษณาอิสระ (Independent Agency) คือ
1. มีผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูงในวงการโฆษณา
2. เป็นการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนคุ้มค่า
3. คอยติดตามความเคลื่อนไหว ของตลาดสินค้าและบริการตลอดจนปัญหาการโฆษณาต่าง ๆ อย่าง ต่อเนื่อง
4. มีแนวคิดสร้างสรรค์ที่ท้าทายและแปลกใหม่
65. เหตุใดตัวแทนโฆษณาจึงต้องศึกษาวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ก่อนการทำโฆษณา
(1) เพื่อพัฒนาคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความพอใจของผู้ซื้อ
(2) เพื่อทำความเข้าใจสถานะของสินค้าในตลาด
(3) เพื่อหาจุดเด่นที่ทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นแตกต่างจากคู่แข่ง
(4) เพื่อให้เข้าใจปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
ตอบ 3 การศึกษาวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ก่อนการทำโฆษณา เป็นการศึกษา ผลิตภัณฑ์นั้นมีคุณลักษณะและสรรพคุณ อย่างไรบ้าง อะไร คือจุดเด่นที่ทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นแตกต่างจากยี่ห้อของคู่แข่ง รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ที่ เกี่ยวกับตัวสินค้าไม่ว่าจะเป็นประโยชนใช้สอย รูปลักษณ์ หีบห่อ ชื่อยี่ห้อ ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ต่อ การวางแผนรณรงค์ทางการโฆษณา
66. แผนโฆษณาที่เป็นแผนรวม (Total Plan) ประกอบด้วยอะไรบ้าง
(1) แผนสื่อโฆษณา แผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ แผนการส่งเสริมการขาย
(2) แผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ แผนการกำหนดราคา แผนการกระจายสินค้า
(3) แผนงานสื่อโฆษณา แผนงานสร้างสรรค์ การจัดสรรงบประมาณ
(4) แผนการส่งเสริมการขาย แผนงานสื่อโฆษณา การจัดสรรงบประมาณ
ตอบ 3 การจัดทำแผนรณรงค์ทางการโฆษณาซึ่งเป็นแผนรวม (The Total Plan) จะประกอบด้วยแผนงานสร้างสรรค์ แผนงานสื่อโฆษณา และแผนการจัดสรรงบประมาณซึ่งแผนที่จัดทำนี้จะถูกนำไปเสนอเพื่อขอความเห็นชอบจากลูกค้า
67. หากจะโฆษณาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องเสนอรายละเอียดทางเทคนิคมาก ควรจะโฆษณาทางสื่อประเภทใด
(1) วิทยุกระจายเสียง (2) วิทยุโทรทัศน์
(3) หนังสือพิมพ์ (4) โปสเตอร์
ตอบ 3 ข้อได้เปรียบประการหนึ่งของหนังสือพิมพ์ คือ มีเนื้อที่มากพอจะเสนอเนื้อหาการโฆษราที่มีรายละเอียดมาก และเนื่องจากสินค้าบางประเภทใช้วิธีจูงใจให้ซื้อด้วยการชี้แจงแสดงเหตุผล ซึ่งต้องการเนื้อที่มากพอที่จะเสนอรายละเอียดมาก ๆ ได้ดังนั้นหนังสือพิมพ์จึงเป็นสื่อที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการโฆษณา ลักษณะนี้
68. ข้อใดหมายถึง “การกำหนดฐานะของสินค้าโดยใช้วิธีศึกษาสิ่งแวดล้อมทางการตลาด”
(1) Advertising Concept (2) Product Strategy
(3) Product Positioning (4) Market Segmentation
ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 14. ประกอบ
69. Consumer’s Profile หมายถึงอะไร
(1) พฤติกรรมของผู้บริโภค (2) ก.ระบุวนการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
(3) พฤติกรรมการซื้อและใช้สินค้า (4) ลักษณะร่วมของกลุ่มเป้าหมาย
ตอบ 4 หน้า 93 Consumer’s Profile หมายถึง ลักษณะร่วมของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นลักษณะร่วมของกลุ่ม บุคคลที่คาดว่าจะเป็นผู้สนใจข่าวสารการโฆษณาของเราอย่างจริงจัง โดยอาศัยลักษณะทางทะเบียนภูมิ หลังและลักษณะทางจิตวิทยาประกอบกัน
70. “มิตรภาพที่ดี…ลืมได้ยาก” เป็นข้อความโฆษณาที่ใช้อะไรเป็นสิ่งดึงดูดใจ
(1) Rational Appeal (2) Emotional Appeal
(3) Idea Appeal (4) Logical Appeal
ตอบ 2 ประเภทของสิ่งดึงดูดใจ (Appeal) ในงานโฆษณาจะแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
1. สิ่งดึงดูดใจที่ใช้เหตุผล (Rational Appeal) เช่น ราคา คุณภาพ ประโยชน์ใช้สอย และคุณสมบัติของ สินค้า เป็นต้น
2. สิ่งดึงดูดที่ใช้อารมณ์ (Emotional Appeal) เป็นการใช้ที่กล่าวถึงความภูมิฐาน ความรัก ความห่วงใย ความสุข มิตรภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย ความกลัว เป็นต้น
71. คุณค่าของสินค้าขึ้นอยู่กับอะไร
(1) การรับรู้ของผู้บริโภค
(2) ราคา
(3) บุคลิกภาพ
(4) การจูงใจ
ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 19. ประกอบ
72. การแสดงให้เห็นวิธีใช้และลักษณะการทำงานของสินค้าเป็นแนวทางการนำเสนอแบบใด
(1) Product Alone
(2) Demonstration
(30 Slice of Life
(4) Presenter
ตอบ 2 การสาธิต (Demonstration) เป็นการนำเสนอเกี่ยวกับการทำงานของสินค้าโดยแสดงให้ผู้บริโภคเห็นว่าเขาจะใช้สินค้าได้อย่างไร หรือสินค้าทำงานอย่างไร และสามารถใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง นอกจากนี้อาจเป็นการสาธิตก่อนและหลังการใช้สินค้า เพื่อแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับ
73. วัตถุประสงค์การโฆษณาต้องมีความสัมพันธ์กับอะไร
(1) กลุ่มเป้าหมายการโฆษณา
(2) วัตถุประสงค์ของสื่อมวลชนที่จะใช้เป็นสื่อโฆษณา
(3) วัตถุประสงค์การตลาดและนโยบายของบริษัทผู้โฆษณา
(4) วัตถุประสงค์ของบริษัทผู้โฆษณา
ตอบ 4 สิ่งสำคัญที่ควรนำมาพิจารณา ประกอบการกำหนดวัตถุประสงค์การโฆษณา คือ
1. ต้องมีความสัมพันธ์กับวัตถุประสงค์ของบริษัทผู้โฆษณาและวัตถุประสงค์การตลาด
2. ต้องเป็นสิ่งที่สามารถเป็นไปได้ภายในระยะเวลา งบประมาณ และทรัพยากรที่มีอยู่
3. ต้องเป็นสิ่งที่สามารถวัดหรือประเมินผลได้
4. ควรมีลักษณะชัดเจน เจาะจง
74. หากเป็นสื่อกระจายเสียงและแพร่ภาพ ควรใช้อะไรเป็นปัจจัยการพิจารณาเพื่อเลือกสื่อโฆษณาที่เจาะจง
(1) ข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบของสื่อ. (2) ลักษณะผู้ชม
(3) ความครอบคลุมของสื่อนั้น (4) รัศมีการกระจายเสียง
ตอบ 3 ข้อพิจารณาในการเลือกใช้สื่อโฆษณา ที่เจาะจงมีดังนี้
1. หากเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ควรพิจารณาจากจำนวนพิมพ์ของสิ่งพิมพ์คุณภาพการพิมพ์คุณภาพของเนื้อหา ความคุ้มค่าด้านราคา ตำแหน่งที่จะลงโฆษณา ภาพลักษณ์ของสื่อนั้น ลักษณะของผู้อ่านและความ ซ้ำซ้อนของผู้อ่าน
2. หากเป็นสื่อกระจายเสียงและแพร่ภาพ ควรพิจารณาจากความครอบคลุมของสื่อ ความนิยมของรายการ ความคุ้มค่าด้านราคา เนื้อหาของรายการ และค่าใช้จ่ายในการผลิตสิ่งโฆษณา
3. ข้อมูลจากการวิจัยเกี่ยวกับสื่อต่าง ๆ
75. กลยุทธ์การส่งเสริมการตลาดในช่วงแนะนำสินค้า ควรเป็นไปในลักษณะใด
(1) สร้างความภักดีในชื่อยี่ห้อ
(2) ใช้การส่งเสริมการขายเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาด
(3) ใช้การสื่อสารการตลาดแบบเจาะตรง
(4) ใช้การส่งเสริมการตลาดทุกประเภท
ตอบ 4 ในช่วงแนะนำ เป็นช่วงที่บริษัทเริ่มนำสินค้าออกสู่ตลาดและต้องการให้ผู้บริโภครู้จักสินค้า กลยุทธ์การ ส่งเสริมการตลาดในช่วงนี้ควรใช้กิจกรรมส่งเสริมการตลาดแทบทุกประเภท เช่น ใช้การโฆษณาและการ ประชาสัมพันธ์เป็นกิจกรรมหลักกับสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปหรืออาจใช้การขายโดยพนักงานขายเป็น กิจกรรมหลักกับสินค้าที่มีลักษณะซับซ้อนแสะสินค้าที่ต้องการคำอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้ามาก เป็นต้น
76. หากต้องการสื่อสารการตลาดเพื่อการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ ควรใช้เครื่องมือสื่อสาร การตลาดประเภทใด
(1) การประชาสัมพันธ์ (2) การส่งเสริมการขาย
(3) การโฆษณา (4) การตลาดแบบเจาะตรง
ตอบ 3 การโฆษณา (Advertising) เป็นการติดต่อสื่อสารทางด้านตราสินค้า เราจะเลือกใช้การโฆษณาในกรณี ต่อไปนี้
1. ต้องการสร้างความแตกต่างในสินค้า (Differentiate Product)
2. ต้องการวางตำแหน่งของตราสินค้า (Brand Positioning) ให้อยู่ในการรับรู้ของผู้บริโภค
3. ต้องการสร้างผลกระทบ (Impact) ทางด้านภาพลักษณ์ ที่ผู้บริโภคมีต่อสินค้าหรือต่อบริษัทผู้ผลิตสินค้า
4. ต้องการสร้างการรู้จัก (Awareness)
77. หากต้องการสร้างผลกระทบด้านภาพลักษณ์ที่ผู้บริโภคมี่ต่อบริษัท ควรใช้เครื่องมือสื่อสารการตลาดประเภทใด
(1) การประชาสัมพันธ์ (2) การส่งเสริมการขาย
(3) การโฆษณา (4) การตลาดแบบเจาะตรง
ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 76. ประกอบ
78. การโฆษณาที่เน้นคุณสมปติของสินค้าเป็นโฆษณาที่ใช้กลยุทธ์ใด
(1) Product-centored Strategies (2) Prospect-centered Strategies
(3) Consumer-centered Strategies (4) Consumer’s Benefit Strategies
ตอบ 1 กลยุทธ์การใช้สินค้าเป็นหลัก (Product-centered Strategies) เป็นการโฆษณาที่เน้นความสนใจไปที่คุณสมบัติของสินค้า (Attributes) หรือลักษณะเด่นของสินค้า (Features) และออกแบบข่าวสารการโฆษรา โดยมีวิธีการนำเสนอเช่น การทดสอบสินค้าอย่างรุนแรง, การพิสูจน์โดยเปรียบเทียบกับสินค้าคู่แข่ง การ สาธิตก่อนและหลังการใช้สินค้า หรือการทดลองทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับคุณสมบัติของสินค้า
79. ข้อใดเป็นข้อได้เปรียบของการโฆษณาส่งตรงทางไปรษณีย์
(1) ค่าใช้จ่ายต่อหัวต่ำมาก (2) การกำหนดตารางสื่อโฆษณาทำได้ง่าย
(3) มีความยืดหยุ่นสูง (4) สร้างความเชื่อถือได้สูง
ตอบ 3 ข้อได้เปรียบของการโฆษณาส่งตรงทางไปรษณีย์ ได้แก่
1. เลือกกลุ่มเป้าหมายได้
2. มีความยืดหยุ่นสูง
3. มีความเป็นส่วนตัว
4. ค่าใช้จ่ายโดยรวมของการโฆษณาต่ำกว่าการโฆษณาทางสื่อมวลชน
5. สามารถใช้เป็นเครื่องมือของการตลาดแบบเจาะตรง
6. สามารถวัดผลการโฆษณาได้
ตั้งแต่ข้อ 80.-82. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม
(1) Coverage (2) Share of Audience
(3) Rating (4) Impact
80. ข้อใดเป็นค่าที่แสดงจำนวนบ้านที่สามารถรับชมโทรทัศน์ช่องใดช่องหนึ่งได้
ตอบ 2 ส่วนแบ่งของผู้ชม (Share of Audience) เป็นค่าร้อยละ ซึ่งแสดงว่าในช่วงเวลาหนึ่งมีบ้านที่มีเครื่องรับ โทรทัศน์จำนวนเท่าใดบ้างที่เลือกรับชมรายการโทรทัศน์แต่ละรายการในช่องใดช่องหนึ่ง
81. ข้อใดเป็นค่าแสดงจำนวนผู้ชมโทรทัศน์แต่ละช่อง ณ ช่วงเวลาหนึ่ง
ตอบ 1 การครอบคลุม (Coverage) หมายถึง จำนวนบ้านที่สามารถเปิดรับสื่อโฆษณานั้นได้หรือเป็นค่าแสดงจำนวนผู้ชมโทรทัศน์แต่ละช่อง ณ เวลาหนึ่ง ซึ่งเป็นการครอบคลุมของสัญญาณของสถานีโทรทัศน์ช่อง นั้น ๆ
82. ข้อใดเป็นค่าแสดงจำนวนผู้ชมโทรทัศน์รายการใดรายการหนึ่ง
ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 50 ประกอบ
83. นักโฆษณามีวิธีการอย่างไร จึงทำให้การโฆษณามีผลกระทบ (Impact) สูง
(1) ผลิตภาพยนตร์โฆษณาที่มีความยาว 60 วินาทีขึ้นไป
(2) ทำให้เรื่องราวในภาพยนตร์โฆษณาซับซ้อนเพื่อดึงดูดความสนใจ
(3) นำเสนอข่าวสารการโฆษณาซ้ำ ๆ กันบ่อยครั้ง
(4) นำเสนอข่าวสารการโฆษณาในสื่อหลายๆ สื่อไม่ซ้ำกัน
ตอบ 3 สารที่ผู้รับสารได้รับจากสื่อมวลชน จะอยู่ในความทรงจำของผู้รับสารเพียงช่วงสั้น ๆ ดังนั้นวิธีการที่นักโฆษณาจะทำให้ผู้รับสารจดจำสารนั้นได้นาน ๆ ยิ่งขึ้น หรือมีผลกระทบ (Impact) สูง ก็คือ การให้เขา เห็นสารนั้นซ้ำๆ กันบ่อยครั้งโดยให้เห็นโฆษณาของเราซ้ำ ๆ ในเวลาที่กำหนดอันจะช่วยให้จำโฆษณา ของเราได้มากขึ้น
84. การโฆษณาในนิตยสารประเภทใดที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมายได้ดีที่สุด
(1) นิตยสารทั่วไป (2) นิตยสารผู้หญิง
(3) นิตยสารเกี่ยวกับวิชาชีพ (4) นิตยสารข่าว
ตอบ 2 นิตยสารเพื่อผู้บริโภค (Consumer Magazine) เป็นนิตยสารสำหรับผู้อ่านทั่วไป โดยจะวางจำหน่ายตาม แผงหนังสือทั่วไป สามารถแบ่งออกได้ดังนี้
1. นิตยสารสำหรับผู้อ่านทั่วไปเช่นสรรสาระ สกุลไทยฯลฯ
2. นิตยสารสำหรับผู้หญิง เช่น ขวัญเรือน กุลสตรี ฯลฯ ถือเป็นนิตยสารที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมายได้ดีที่สุด
3. นิตยสารที่มีผู้อ่านที่มีความสนใจเฉพาะเรื่อง เช่น กอล์ฟ เทนนิส ฯลฯ
4. นิตยสารข่าว เช่น มติชนสุดสัปดาห์ ฯลฯ
5. นิตยสารเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย
85. การโฆษณาโดยใช้TVC เป็นการโฆษณาแบบใด
(1) การโฆษณาแบบชื้อทั่งรายการ (2) การโฆษณาแบบสปอต
(3) การโฆษณาแบบประกาศแจ้งความ (4) การโฆษณาแทรกในรายการ
ตอบ 2 การโฆษณาแบบสปอต (Spot Announcement) เป็นการโฆษณาในช่วงหยุดพักโฆษณา (Commercial Break) ในรายการใดรายการหนึ่ง เพื่อนำเสนอภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ (TV Commercial หรือ TVC) ที่ได้จัดเตรียมไว้ซึ่งภาพยนตร์โฆษณาเหล่านิอาจมีความยาว 15วินาที30วินาที หรือ60วินาที
ตั้งแต่ข้อ 86. – 88. จงใช้ตัวเลือกต่อให้นี้ตอบคำถาม
(1) Day Time (2) Prime Time
(3) Fringe Time (4) Prime Time Access
86. การโฆษณาทางโทรทัศน์ระหว่างเวลา 18.30-19.30 น. จัดเป็นช่วงเวลาใด
ตอบ 4 นักโฆษณาจะแบ่งช่วงเวลาของการโฆษณาทางวิทยุโทรทัศน์ มีดังนี้
1. ช่วงเช้าตรู่ (Early Morning) ได้แก่เวลาประมาณ 6.00-8.00 น.
2. ช่วงเวลากลางวัน (Day Time) ได้แก่ เวลาประมาณ 8.00 – 16.00 น. เป็นช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่จะ ออกไปทำงานหรือไปโรงเรียน
3. ช่วงเวลาบ่ายจนถึงเย็น (Fringe Time) ได้แก่ ช่วงเวลาประมาณ 16.00 – 18.30 น. เป็นช่วงเวลาเย็นที่ผู้ชม บางส่วนกลับถึงบ้านแล้วแต่บางส่วนยังอยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้าน
4. ช่วงเวลาก่อนไพร์มไทม์ (Prime Time Access) ได้แก่ ช่วงเวลาประมาณ 18.30-19.30 น.
5. ช่วงเวลาไพร์มไทม์ (Prime Time) ได้แก่ ช่วงเวลาประมาณ 19.30 – 22.30 น. ถือเป็นช่วงเวลาที่มีผู้ชม รายการโทรทัศน์มากที่สุด
6. ช่วงเวลาดึก (late Night) ได้แก่ ช่วงเวลาประมาณ 22.30 – 24.00 น.
87. การโฆษณา.ระหว่างเวลา 16.00.-.18,30 น. เป็นช่วงเวลาใด
ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 86. ประกอบ
88. การโฆษณาระหว่างเวลา 20.00 – 22.00 น.
เป็นช่วงเวลาใด ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 86 ประกอบ
89. การคำนวณหาส่วนแบ่งของผู้ชมรายการคำนวณจากอะไร
(1) จำนวนรายการ (2) รัศมีการส่งสัญญาณ
(3) จำนวนผู้ชมโทรทัศน์แต่ละช่อง (4) ความนิยมของรายการใดรายการหนึ่ง
ตอบ 3 คูคำอธิบายข้อ 80. ประกอบ
90. TV Commercial หมายถึงอะไร
(1) ช่วงเวลาพักคั่นรายการเพื่อการโฆษณา (2) การขายสินค้าทางโทรทัศน์
(3) ภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ (4) การโฆษณาโดยซื้อทั้งรายการ
ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 85. ประกอบ
91. สี มีอิทธิพลอย่างไรต่อข่าวสารการโฆษณา
(1) แสดงเอกลักษณ์ของสินค้า
(2) เตือนความจำเกี่ยวกับสินค้า
(3) ช่วยสร้างบรรยากาศและอารมณ์
(4) สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้สินค้า
ตอบ 2 สี (Color) จะมีอิทธิพลต่อข่าวสารการโฆษณาดังนี้
1. ดึงดูดความสนใจและโดดเด่นกว่าการโฆษณาขาว/ดำ
2. สินค้าส่วนใหญ่ดูดีขึ้นเมื่อนำเสนอด้วยภาพสี
3. สามารถใช้สีสร้างบรรยากาศและอารมณ์ความรู้สึกให้ผู้อ่านคล้อยตามได้
4. สีช่วยสร้างภาพลักษณ์ของสินค้ามีระดับได้
5. สร้างความประทับใจได้ดีช่วยให้จดจำได้ง่าย
92. การโฆษณาทางนิตยสารหน้าใดที่ราคาแพงที่สุด
(1) หน้า 1
(2) หน้า 2
(3) หน้า 3
(4) หน้า 4
ตอบ 3 ตำแหน่งที่ดีสำหรับการโฆษณาทางนิตยสารได้แก่
1. การโฆษณาปกหลังด้านนอก ถือเป็นตำแหน่งที่ดีเยี่ยมสำหรับการโฆษณาทางนิตยสาร
2. การโฆษณาในหน้า
3. เป็นการโฆษณาในหน้าแรกของเนื้อในนิตยสาร ถือว่าเป็นตำแหน่งโฆษณาที่ดี
4. การโฆษณาที่ปกหน้า-หลังด้านใด
5. ตำแหน่งที่อยู่ติดกับเนื้อหาที่สัมพันธ์กับสินค้าที่โฆษณา
ตั้งแต่ข้อ 93. – 95. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำลาม
(1) Special Rate (2) Contract Rate
(3) Volume Discount (4) Short Rate
93. ข้อใดหมายถึงอัตราค่าโฆษณาในตำแหน่งที่เจาะจง
ตอบ 1 การคิดอัตราค่าโฆษณาของหนังสือพิมพ์จะมีหลายอัตราดังนี้
1. Flat Rate เป็นอัตราค่าโฆษณาแบบไม่มีส่วนลด
2. Volume Discount เป็นส่วนลดสำหรับการซื้อเนื้อที่โฆษณาจำนวนหลายหน้าหรือหลายชิ้น ในหนังสือพิมพ์ ฉบับเดียวกัน
3. Contract Rate เป็นอัตราค่าโฆษณาที่มีการตกลงกันล่วงหน้าหรือต้องทำสัญญาร่วมกันส่วน Short Rate เป็น อัตราค่าโฆษณาที่ไม่สามารถลงโฆษณาตามที่ทำสัญญากันไว้ล่วงหน้า
4. Special Rate เป็นอัตราค่าโฆษราในตำแหน่งที่เจาะจง
5. combination Rate เป็นอัตราที่มีส่วนลดในการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์หลายฉบับในเครือเดียวกัน
94. ข้อใดหมายถึงอัตราค่าโฆษณาแบบมีส่วนลดในกรณีที่ลงโฆษณาหลายชิ้นในฉบับเดียวกัน
ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 93. ประกอบ
95. ข้อใดหมายถึงอัตราค่าโฆษณาในกรณีที่บริษัทไม่สามารถลงโฆษณาไต้ตามที่ทำสัญญากันไว้ล่วงหน้า
ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 93. ประกอบ
96. หากค่าโฆษณาของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งคอลัมน์นิ้วละ 800 จำนวนพิมพ์วันละ 600,000 ฉบับ ค่า CPM ของ หนังสือพิมพ์นี้เท่ากับเท่าไร
(1) 0.75 (2) 1
(3) 1.33 (4) 1.75
ตอบ 3
97. หนังสือพิมพ์ข่าวรามคำแหงเป็นหนังสือพิมพ์ขนาดใด
(1) Half Side . (2) Broadsheet
(3) Tabloid (4) Pocket
ตอบ 3 หนังสือพิมพ์ขนาดเล็กหรือขนาดแท็บลอยด์ (Tabloid) หมายถึง หนังสือพิมพ์ที่มีขนาดประมาณครึ่งหนึ่ง ของหนังสือพิมพ์ขนาดใหญ่ ตัวอย่างของหนังสือขนาดนี้ได้แก่ สยามกีฬา สตาร์ซ็อคเกอร์ และข่าวรามคำแหง เป็นต้น
98. อัตราค่าโฆษณาแบบ combination Rate หมายถึงอะไร
(1) อัตราที่มีส่วนลดในการโฆษณาทางโทรทัศน์หลายช่วงในรายการเดียวกัน
(2) อัตราที่มีส่วนลดในการโฆษณาทางวิทยุกระจายเสียงในรายการที่อยู่ในเครือเดียวกัน
(3) อัตราที่มีส่วนลดในการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์หลายฉบับในเครือเดียวกัน
(4) อัตราค่าโฆษณาแบบมีส่วนลดในกรณีโฆษณาในสื่อหลายๆ สื่อในเครือเดียวกัน
ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 93. ประกอบ
99. ข้อใดคือจุดประสงค์ของการวางแผนสื่อโฆษณา
(1) ให้คนรู้จักสินค้า ให้คนใช้สินค้า ให้ซื้อสินค้า
(2) การเข้าถึง ความถี่ ความต่อเนื่อง ผลกระทบ
(3) การเข้าถึง บุคลิกของสินค้า การวางตำแหน่งสินค้า
(4) การทำให้รู้จักสินค้า การโน้มน้าวใจให้ซื้อสินค้า การวางตำแหน่งสินค้า
ตอบ 2 จุดประสงค์ของการวางแผนสื่อโฆษณา (Media Planning) ประกอบด้วย การกำหนดจุดมุ่งหมายและการ ตัดสินใจในเรื่องสำคัญ ๆ ดังต่อไปนี้
1. การเข้าถึง (Reach) 2. ความถี่ (Frequency)
3. ความต่อเนื่อง (Continuity) 4. ผลกระทบ (Impact)
100. ข้อใดเป็นหน้าที่ของการโฆษณา
(1) รับประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ (2) สร้างความภักดีต่อธุรกิจ
(3) ส่งเสริมการขาย (4) เพิ่มต้นทุนของสินค้า
(5) ช่วยการจัดจำหน่าย
ตอบ 2 หน้าที่สำคัญของการโฆษณา มีดังนี้
1. เพื่อสื่อสารข้อมูลข่าวสารเที่ยวกับผลิตภัณฑ์
2. เพื่อบอกถึงความแตกต่างระหว่างผลิตภัณฑ์ที่โฆษณากับคู่แข่งขัน
3. เพื่อกระตุ้นให้ใช้ผลิตภัณฑ์
4. เพื่อช่วยให้มีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น
5. เพื่อเพิ่มความชอบ และสร้างความภักดีต่อตราสินค้าหรือธุรกิจ โดยบอกเหตุผลที่ผู้บริโภคควร เลือกใช้สินค้ายี่ห้อของเราตลอดไป
6. เพื่อช่วยลดต้นทุนรวมด้านการขาย