การสอบซ่อมภาค 1 ปีการศึกษา 2550
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2006 กฎหมายอาญา 1
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ
ข้อ 1 สุชายเห็นสุนัขของส่องแสงที่ชอบไล่กัดสุชายเดินอยู่ในบ้านส่องแสง สุชายใช้อาวุธปืนยิงไปที่สุนัขตัวนั้น ถูกสุนัขตาย และลูกกระสุนปืนยังเลยไปถูกสว่างอยู่บ้านติดกับส่องแสงตายด้วย ดังนี้ สุชายต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 59 วรรคแรก วรรคสอง และวรรคสี่ บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาทในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิด แม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา
กระทำโดยเจตนา ได้แก่ กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
กระทำโดยประมาท ได้แก่ กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่
มาตรา 60 ผู้ใดเจตนาที่จะกระทำต่อบุคคลหนึ่ง แต่ผลของการกระทำเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่งโดยพลาดไป ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำโดยเจตนาแก่บุคคลซึ่งได้รับผลร้ายจากการกระทำนั้น แต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ลงโทษหนักขึ้น เพราะฐานะของบุคคลหรือเพราะความสัมพันธ์ระหว่างผู้กระทำกับบุคคลที่ได้รับผลร้าย มิให้นำกฎหมายนั้นมาใช้บังคับเพื่อลงโทษผู้กระทำให้หนักขึ้น
วินิจฉัย
ตามปัญหา สุชายได้กระทำโดยเจตนาประสงค์ต่อทรัพย์ของส่องแสง (สุนัข) ตามมาตรา 59 วรรคสอง สุชายต้องรับผิดทางอาญา ตามมาตรา 59 วรรคแรก ส่วนผลของการกระทำที่ไปเกิดกับสว่างมิใช่ผลที่เกิดขึ้นโดยเจตนาตามมาตรา 59 วรรคสอง และมิใช่ผลที่เกิดขึ้นโดยพลาดไปตามมาตรา 60 (เพราะสุชายเจตนากระทำต่อทรัพย์ มิได้เจตนากระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง) สุชายไม่ได้กระทำโดยเจตนาต่อสว่าง แต่การกระทำของสุชายได้กระทำไปโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นว่านั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์โดยอาจใช้ความระมัดระวังได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ สุชายได้กระทำโดยประมาทต่อสว่างตามมาตรา 59 วรรคสี่จึงต้องรับผิดทางอาญาตามมาตรา 59 วรรคแรก
สรุป สุชายต้องรับผิดทางอาญา เพราะได้กระทำโดยเจตนาต่อทรัพย์ของส่องแสง และกระทำโดยประมาทต่อสว่าง
ข้อ 2 นางเขียวหวานต้องการฆ่านายแตงไทย นางเขียวหวานเห็นนายแตงกวาเดินจูงสุนัขออกกำลังกายในสวนสาธารณะ นางเขียวหวานเข้าใจว่าเป็นนายแตงไทยจึงใช้ปืนยิงไปที่นายแตงกวา กระสุนปืนถูกนายแตงกวาได้รับบาดเจ็บ และกระสุนปืนได้เลยไปถูกนายโอซึ่งนอนอยู่ในรถยนต์ที่จอดอยู่บริเวณนั้นตายด้วย ดังนี้นางเขียวหวานต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 59 วรรคแรก วรรคสอง บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา
กระทำโดยเจตนา ได้แก่ กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
มาตรา 60 ผู้ใดเจตนาที่จะกระทำต่อบุคคลหนึ่ง แต่ผลของการกระทำเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่งโดยพลาดไป ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำโดยเจตนาแก่บุคคลซึ่งได้รับผลร้ายจากการกระทำนั้น แต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ลงโทษหนักขึ้น เพราะฐานะของบุคคลหรือเพราะความสัมพันธ์ระหว่างผู้กระทำกับบุคคลที่ได้รับผลร้าย มิให้นำกฎหมายนั้นมาใช้บังคับเพื่อลงโทษผู้กระทำให้หนักขึ้น
มาตรา 61 ผู้ใดเจตนาจะกระทำต่อบุคคลหนึ่ง แต่ได้กระทำต่ออีกบุคคลหนึ่งโดยสำคัญผิดผู้นั้นจะยกเอาความสำคัญผิดเป็นข้อแก้ตัวว่ามิได้กระทำโดยเจตนาหาได้ไม่
มาตรา 80 ผู้ใดลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายามกระทำความผิด
ผู้ใดพยายามกระทำความผิด ผู้นั้นต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
วินิจฉัย
ความรับผิดของนางเขียวหวานต่อนายแตงกวา
แม้นางเขียวหวานจะต้องการฆ่านายแตงไทย แต่เมื่อสำคัญผิดไปว่านายแตงกวาเป็นนายแตงไทยและได้ลงมือกระทำต่อนายแตงกวาไปแล้ว นางเขียวหวานจะยกเอาความสำคัญผิดในตัวบุคคลมาเป็นข้อแก้ตัวว่าไม่มีเจตนากระทำต่อนายแตงกวาผู้ถูกกระทำไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 61 จากข้อเท็จจริง เมื่อนายแตงกวาได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย นางเขียวหวานจึงต้องรับผิดฐานพยายามฆ่านายแตงกวา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคแรกและวรรคสอง ประกอบกับมาตรา 61 และมาตรา 80
ความรับผิดของนางเขียวหวานต่อนายโอ
นางเขียวหวานต้องรับผิดฐานฆ่านายโอ โดยพลาดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 60 เพราะนางเขียวหวานเจตนาที่จะกระทำต่อบุคคลหนึ่ง แต่ผลของการกระทำไปเกิดกับอีกบุคคลหนึ่ง จึงให้ถือว่านางเขียวหวานมีเจตนาต่อบุคคลที่ได้รับผลร้ายนั้นด้วย
สรุป นางเขียวหวานเจตนากระทำต่อนายโอ โดยพลาดไป นางเขียวหวานต้องรับผิดต่อนายโอ
ข้อ 3 คมศรต่อยดาบชัยล้มลงแล้วคมศรวิ่งหนีไป ดาบชัยลุกขึ้นมาได้วิ่งไล่ตามไป 300 เมตร จึงทันคมศรดาบชัยชักมีดออกแทงคมศร คมศรหลบทันเห็นรถยนต์ของศาสตราจอดอยู่จึงเปิดประตูเพื่อจะเข้าไปหลบในรถยนต์ของศาสตรา ศาสตราไม่ยอม คมศรผลักศาสตรา ศีรษะของศาสตรา กระแทกกับพวงมาลัยรถยนต์ได้รับบาดเจ็บ ศาสตราจึงต่อยถูกหน้าคมศรได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ดังนี้ คมศร ดาบชัย และศาสตราต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 59 วรรคแรก วรรคสอง บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา
กระทำโดยเจตนา ได้แก่ กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
มาตรา 67 ผู้ใดกระทำผิดด้วยความจำเป็น
(1) เพราะอยู่ในที่บังคับ หรือภายใต้อำนาจซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้ หรือ
(2) เพราะเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึงและไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นใดได้เมื่อ
ภยันตรายนั้นตนมิได้ก่อให้เกิดขึ้นเพราะความผิดของตน
ถ้าการกระทำนั้นไม่เป็นการเกินสมควรแก่เหตุแล้ว ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
มาตรา 68 ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตน หรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุการกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด
มาตรา 72 ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
วินิจฉัย
ตามปัญหา คมศรกระทำโดยเจตนาต่อดาบชัย ตามมาตรา 59 วรรคสอง ต้องรับผิดทางอาญา ตามมาตรา 59 วรรคแรก คมศรกระทำโดยเจตนาต่อศาสตรา ตามมาตรา 59 วรรคสอง คมศรต้องรับผิดทางอาญาต่อศาสตรา ตามมาตรา 59 วรรคแรก คมศรจะอ้างว่ากระทำความผิดด้วยความจำเป็นเพื่อไม่ต้องรับโทษตามมาตรา 67 (2) ไม่ได้ เพราะภยันตรายนั้นเกิดขึ้นจากการกระทำความผิดของคมศร
ดาบชัยกระทำโดยเจตนาต่อคมศร ตามมาตรา 59 วรรคสอง ดาบชัยต้องรับผิดทางอาญาตามมาตรา 59 วรรคแรก แต่ดาบชัยกระทำขณะบันดาลโทสะ ตามมาตรา 72 ศาลจะลงโทษดาบชัยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ ส่วนศาสตรากระทำโดยเจตนาต่อคมศร ตามมาตรา 59 วรรคสอง แต่ศาสตราไม่ต้องรับผิดทางอาญา เพราะศาสตรากระทำเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 68
สรุป คมศรต้องรับผิดทางอาญาต่อดาบชัยและศาสตรา สำหรับการกระทำต่อศาสตรา คมศรจะอ้างว่ากระทำความผิดด้วยความจำเป็นเพื่อไม่ต้องรับโทษไม่ได้ และดาบชัยต้องรับผิดทางอาญา แต่ศาลจะลงโทษน้อยเพียงใดก็ได้ ส่วนศาสตราไม่ต้องรับผิดทางอาญา เพราะกระทำเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ข้อ 4 บวรจ้างเดชไปฆ่าสวง เดชไปขอยืมรถยนต์จากอรุณ โดยอรุณทราบดีว่าเดชจะนำรถยนต์เป็นพาหนะในการไปฆ่าสวง เดชขับรถยนต์ของอรุณเพื่อจะไปฆ่าสวง ด้วยความประมาทของเดชรถยนต์ที่เดชขับไปชนสวงที่เดินข้ามถนนมาพอดีตาย ดังนี้ บวรและอรุณจะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 59 วรรคแรก และวรรคสี่ บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาทในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิด แม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา
กระทำโดยประมาท ได้แก่ กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่
มาตรา 84 ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้าง วานหรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด
ถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ ถ้าความผิดมิได้กระทำลงไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำ ยังไม่ได้กระทำหรือเหตุอื่นใด ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสามของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
มาตรา 86 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อน หรือขณะกระทำความผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น
วินิจฉัย
ตามปัญหา เดชผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดโดยประมาทต่อสวง ตามมาตรา 59 วรรคสี่ เดชต้องรับผิดฐานกระทำโดยประมาท ตามมาตรา 59 วรรคแรก
บวรก่อให้เดชกระทำความผิดด้วยการจ้าง บวรเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด ตามมาตรา 84 วรรคแรก เนื่องจากเดชยังมิได้กระทำการฆ่าสวงโดยเจตนา ถือว่าความผิดที่ใช้ยังมิได้กระทำลง บวรต้องรับผิดต่อสวงเพียงหนึ่งในสามของโทษที่จ้างเดชไปฆ่าสวง ตามมาตรา 84 วรรคสอง
อรุณไม่ต้องรับผิดทางอาญาฐานเป็นผู้สนับสนุน ตามมาตรา 86 เพราะเดชมิได้กระทำโดยเจตนา
สรุป บวรรับผิดในฐานเป็นผู้ใช้ รับโทษหนึ่งในสามเนื่องจากความผิดยังมิได้กระทำลง อรุณไม่ต้องรับผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเนื่องจากเดชมิได้กระทำโดยเจตนา