การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2547
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW2001 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยทรัพย์
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 4 ข้อ
ข้อ 1 เอกให้โทกู้ยืมเงินเป็นจำนวนสามแสนบาท ต่อมาเมื่อหนี้เงินกู้ถึงกำหนด เอกฟ้องโทให้ชำระหนี้เงินกู้ โทขอประนีประนอมหนี้โดยจะโอนที่ดินของตนแปลงหนึ่งให้แทน เอกตกลง และศาลมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมหนี้ แต่หลังจากนั้นโทยังไม่ได้ไปจดทะเบียนโอนที่ดินให้จนต่อมาโทนำที่ดินไปเสนอขายให้ตรีในราคาถูก โดยตรีรู้ว่าโทจะต้องโอนที่ดินแปลงนี้ชำระหนี้แก่เอก แต่ตรีเห็นว่าราคาถูกจึงรับซื้อไว้และจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแล้ว
ต่อมาตรีขายที่ดินแก่จัตวา จัตวาไม่รู้ข้อเท็จจริงใดๆ เกี่ยวกับที่ดินแปลงนี้เลย จึงรับซื้อไว้และจดทะเบียนโอนโฉนดที่ดินแล้ว ต่อมาเอกเรียกให้โทไปจดทะเบียนโอนโฉนดตามคำพิพากษาตามยอมของศาล โมปฏิเสธและให้เอกไปติดตามเรียกร้องเอาจากจัตวาเจ้าของคนปัจจุบัน
เอกจึงปรึกษาทนายความว่าระหว่างตนกับจัตวาใครจะมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินกว่ากัน ถ้าท่านเป็นทนายความ ขอจงให้คำปรึกษาแก่เอก
ธงคำตอบ
มาตรา 1299 ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติในประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น ท่านว่า การได้มาโดยนิติกรรมซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์นั้นไม่บริบูรณ์ เว้นแต่นิติกรรมจะได้ทำเป็นหนังสือและได้จดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่
วินิจฉัย
เอกได้ที่ดินของโทมาจากการพิพากษาตามยอมของศาล แต่การได้ตามคำพิพากษาตามยอมถือเป็นการได้มาตามมาตรา 1299 วรรคหนึ่ง เมื่อไม่ได้มีการทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่ การได้มาย่อมไม่บริบูรณ์ มีสิทธิแค่บุคคลสิทธิ เมื่อโทขายที่ดินแก่ตรีแม้ตรีจะซื้อโดยไม่สุจริต แต่ตรีก็จดทะเบียนสิทธิแล้ว สิทธิที่เป็นทรัพยสิทธิจึงดีกว่าสิทธิของเอก ต่อมาตรีขายที่ดินแก่จัตวา จัตวาได้สิทธิในที่ดินที่สมบูรณ์มาจากตรี ส่วนเอกมีแค่บุคคลสิทธิเหนือโท ผู้เป็นลูกหนี้ ดังนั้น ถ้าข้าพเจ้าเป็นทนายความจะให้คำปรึกษาว่าจัตวามีสิทธิในที่ดินแปลงนี้ดีกว่านายเอก ด้วยเหตุผลข้างต้น
ข้อ 2 ห้างหุ้นส่วนจำกัดคอมพ์ไฮเทค เป็นห้างที่ขายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ตั้งอยู่บนห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่มีร้านขายคอมพิวเตอร์อยู่หลายร้านในบริเวณเดียวกัน นายแดงเจ้าของร้านได้นัดหมายให้นายดำลูกค้าที่เคยซื้อคอมพิวเตอร์จากร้านตนมาดูกล้องถ่ายรูปดิจิตอลที่เพื่อนของนายแดงมาฝากขายไว้ที่ร้านนี้ เมื่อนายดำมาดูแล้วเกิดความพอใจจึงตกลงซื้อกล้องถ่ายรูปในราคา 10,000 บาท ซึ่งเป็นราคาปกติที่ซื้อขายกันในท้องตลาด
หลังจากใช้มาได้ 1 เดือน นายขาวเจ้าของกล้องได้มาขอกล้องคืนจากนายดำ ดำจึงมาปรึกษาทนายความว่าตนจะต้องคืนกล้องให้นายขาวหรือไม่ ถ้าท่านเป็นนายความจงให้คำปรึกษาแก่นายดำ
ธงคำตอบ
มาตรา 1332 บุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินมาโดยสุจริตในการขายทอดตลาด หรือในท้องตลาด หรือจากพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้น ไม่จำต้องคืนให้แก่เจ้าของแท้จริง เว้นแต่เจ้าของจะชดใช้ราคาที่ซื้อมา
วินิจฉัย
นายดำซื้อกล้องถ่ายรูปจากร้านขายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ แม้ย่านดังกล่าวจะเป็น “ท้องตลาด” แต่ก็เป็นท้องตลาดของคอมพิวเตอร์ มิใช่ของกล้องถ่ายรูป จึงไม่อาจถือได้ว่านายดำซื้อสินค้านี้มาจากท้องตลาด จึงไม่เข้ามาตรา 1332 ที่จะไม่ยอมคืนกล้องแก่เจ้าของที่แท้จริงได้จนกว่าจะได้เงิน 10,000 บาทคืน
ดังนั้น หากข้าพเจ้าเป็นทนายความ จะให้คำปรึกษาแก่ดำว่าดำจะต้องคืนกล้องแก่ขาว โดยไม่มีสิทธิเรียกราคากล้องที่ตนจ่ายไปกลับคืนมา
ข้อ 3 เอกยุทธทำพินัยกรรมยกที่ดินและบ้านหลังหนึ่งให้เอกภพ เอกพงศ์ และเอกพร บุตรของตน โดยไม่มีทายาทอื่นอีก ซึ่งพินัยกรรมระบุให้เอกภพเป็นเจ้าของสองส่วน เอกพงศ์และเอกพรเป็นเจ้าของคนละหนึ่งส่วน หลังจากที่เอกยุทธถึงแก่ความตายแล้ว เอกภพเป็นผู้อยู่อาศัยในที่ดินและบ้านแต่เพียงผู้เดียว โดยที่ยังไม่มีการแบ่งมรดก ต่อมาเอกภพได้จ้างช่างมาซ่อมหลังคาบ้านโดยเสียค่าซ่อมไปสี่หมื่นบาท เอกภพจึงเรียกให้เอกพงศ์และเอกพรช่วยออกค่าใช้จ่ายในการซ่อมหลังคาบ้าน รวมทั้งค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้าและค่าโทรศัพท์ที่เอกภพชำระไปแล้วรวมเป็นเงินสองพันบาท เอกพงศ์กับเอกพรไม่ยอมจ่าย และเรียกให้นำที่ดินและบ้านนั้นออกขายแล้วนำเงินมาแบ่งกัน ดังนี้ให้ท่านวินิจฉัยว่าถ้าเอกภพไม่เห็นด้วยกับการขายที่ดินและบ้าน เอกพงศ์กับเอกพรจะนำที่ดินและบ้านออกขายได้หรือไม่ และเอกพงศ์กับเอกพรต้องร่วมรับผิดในค่าซ่อมหลังคาบ้าน ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้าและค่าโทรศัพท์ที่เอกภพจ่ายไปแล้วหรือไม่ และถ้ารับผิดชอบจะต้องรับผิดชอบคนละเท่าไร
ธงคำตอบ
มาตรา 1358 วรรคสองตอนท้าย เจ้าของรวมคนหนึ่งๆ อาจทำการรักษาทรัพย์สินได้เสมอ
มาตรา 1362 เจ้าของรวมคนหนึ่งๆ จำต้องช่วยเจ้าของรวมคนอื่นๆ ตามส่วนของตนในการออกค่าจัดการ ค่าภาษีอากร และค่ารักษากับทั้งค่าใช้จ่ายทรัพย์สินรวมกันด้วย
มาตรา 1363 วรรคหนึ่ง เจ้าของรวมคนหนึ่งๆ มีสิทธิเรียกให้แบ่งทรัพย์สินได้ เว้นแต่จะมีนิติกรรมขัดอยู่ หรือถ้าวัตถุที่ประสงค์ที่เป็นเจ้าของรวมกันนั้นมีลักษณะเป็นการถาวร ก็เรียกให้แบ่งไม่ได้
มาตรา 1364 การแบ่งทรัพย์สินพึงกระทำโดยแบ่งทรัพย์สินนั้นเองระหว่างเจ้าของรวมหรือโดยขายทรัพย์สินแล้วเอาเงินที่ขายได้แบ่งกัน
ถ้าเจ้าของรวมไม่ตกลงกันว่าจะแบ่งทรัพย์สินอย่างไรไซร้ เมื่อเจ้าของรวมคนหนึ่งคนใดขอศาลอาจสั่งให้เอาทรัพย์นั้นออกแบ่ง ถ้าส่วนที่แบ่งให้ไม่เท่ากันไซร้ จะสั่งให้ทดแทนกันเป็นเงินก็ได้ ถ้าการแบ่งเช่นว่านี้ไม่อาจทำได้ หรือจะเสียหายมากนักก็ดี ศาลจะสั่งให้ขายโดยประมูลราคากันระหว่างเจ้าของรวมหรือขายทอดตลาดก็ได้
วินิจฉัย
เอกภพ เอกพงศ์ และเอกพร เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินและบ้านซึ่งรับมรดกมาตามพินัยกรรม โดยเอกภพเป็นเจ้าของสองส่วน เอกพงศ์และเอกพรเป็นเจ้าของคนละหนึ่งส่วน และเอกภพเป็นผู้อยู่อาศัยในที่ดินและบ้านแต่เพียงผู้เดียว ต่อมาเอกภพได้จ้างช่างมาซ่อมหลังคาบ้านโดยเสียค่าซ่อมไปสี่หมื่นบาท ซึ่งถือว่าเป็นการทำเพื่อรักษาทรัพย์สินที่เจ้าของรวมคนหนึ่งๆ สามารถทำได้โดยลำพัง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1358 วรรคสอง และเจ้าของรวมคนหนึ่งๆ จำต้องช่วย เจ้าของรวมคนอื่นๆ ตามส่วนของตนในค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาทรัพย์สินด้วยตาม ป.พ.พ. มาตรา 1362 ดังนั้น เอกพงศ์และเอกพรจะต้องช่วยเอกภพออกเงินค่าซ่อมหลังคาบ้านตามส่วนของตนคือคนละหนึ่งหมื่นบาท
ส่วนค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้าและค่าโทรศัพท์ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ของเอกภพ โดยเฉพาะเอกพงศ์กับเอกพรไม่จำต้องร่วมรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายดังกล่าว
กรณีที่เอกพงศ์กับเอกพรเรียกให้นำที่ดินและบ้านนั้นออกขายแล้วนำเงินมาแบ่งกัน แต่เอกภพไม่เห็นด้วย เอกพงศ์กับเอกพรสามารถทำได้ เพราะเจ้าของรวมคนหนึ่งๆ มีสิทธิเรียกให้แบ่งทรัพย์สินได้ เนื่องจากไม่มีนิติกรรมขัดอยู่ หรือไม่มีวัตถุประสงค์ที่เป็นเจ้าของรวมมีลักษณะเป็นการถาวรตาม ป.พ.พ. มาตรา 1363 และการแบ่งทรัพย์สินพึงกระทำได้โดยการขายทรัพย์สิน แล้วเอาเงินที่ขายได้แบ่งกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 1364
ข้อ 4 นายทองครอบครองที่ดินมือเปล่าแปลงหนึ่งทำสวนมะพร้าวมาห้าปี ต่อมานายทองถูกศาลพิพากษาจำคุกเป็นเวลาหนึ่งปีกับหกเดือน เมื่อถูกจำคุกไปได้สามเดือนนายทองกลัวว่ามะพร้าวในสวนจะตายเพราะไม่มีใครดูแล จึงได้ติดต่อนายเงินซึ่งเป็นเพื่อนบ้านให้มาช่วยดูแลมะพร้าวในสวนให้และให้เก็บผลออกขายได้โดยเงินที่ขายได้ยินดีให้นายเงินเป็นค่าดูแลสวน เมื่อนายเงินดูแลสวนมะพร้าวมาได้หนึ่งปี นายเงินจึงได้เขียนจดหมายไปถึงนายทองว่าต้องการสวนนี้สวนมะพร้าวแปลงนี้ปัจจุบันเป็นของตนแล้ว และตนได้แจ้งการครอบครองขอออกหนังสือสำคัญบนที่ดินแปลงนี้เป็นชื่อของตนแล้ว ถ้านายทองออกจากคุกให้ไปหาที่อยู่ที่อื่น เมื่อได้รับจดหมายนายทองได้เขียนจดหมายตอบขับไล่ให้นายเงินออกจากที่ดินแปลงนี้ แต่นายเงินก็ยังครอบครองที่ดินแปลงนี้ต่อมาจนนายทองได้รับโทษครบกำหนดหนึ่งปีกับหกเดือนจึงมาฟ้องร้องเรียกที่ดินแปลงนี้คืนจากนายเงิน ให้ท่านอธิบายว่าเมื่อนายทองพ้นโทษระหว่างนายทองกับนายเงินใครมีสิทธิครอบครองที่ดินแปลงนี้ดีกว่ากัน และนายทองจะฟ้องคดีต่อศาลเรียกที่ดินแปลงนี้คืนจากนายเงินได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 1367 บุคคลใดยึดถือทรัพย์สินโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตน ท่านว่าบุคคลนั้นได้ซึ่งสิทธิครอบครอง
มาตรา 1368 บุคคลอาจได้มาซึ่งสิทธิครอบครองโดยผู้อื่นยึดถือไว้ให้
มาตรา 1375 ถ้าผู้ครอบครองถูกแย่งการครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายไซร้ ท่านว่าผู้ครอบครองมีสิทธิจะได้คืนซึ่งการครอบครอง เว้นแต่อีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิเหนือทรัพย์สินดีกว่า ซึ่งจะเป็นเหตุให้เรียกคืนจากผู้ครอบครองได้
การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองนั้น ท่านว่าต้องฟ้องภายในหนึ่งปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง
มาตรา 1381 บุคคลใดยึดถือทรัพย์สินอยู่ในฐานะเป็นผู้แทนผู้ครอบครอง บุคคลนั้นจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือได้ก็แต่โดยบอกกล่าวไปยังผู้ครอบครองว่า ไม่เจตนาจะยึดถือทรัพย์สินแทนผู้ครอบครองต่อไป หรือตนเองเป็นผู้ครอบครองโดยสุจริต อาศัยอำนาจใหม่อันได้จากบุคคลภายนอก
มาตรา 1384 “ถ้าผู้ครอบครองขาดยึดถือทรัพย์สินโดยไม่สมัคร และได้คืนภายในเวลาหนึ่งปีนับแต่วันขาดยึดถือ หรือได้คืนโดยฟ้องคดีภายในกำหนดนั้นไซร้ ท่านมิให้ถือว่าการครอบครองสะดุดหยุดลง”
วินิจฉัย
นายทองครอบครองที่ดินมือเปล่าแปลงหนึ่งทำสวนมะพร้าวมาห้าปี ต่อมานายทองถูกศาลพิพากษาจำคุกเป็นเวลาหนึ่งปีกับหกเดือน นายทองขาดการยึดถือทรัพย์สินโดยไม่สมัคร ตามมาตรา 1384 เดือน เมื่อถูกจำคุกไปได้สามเดือนนายทองกลัวว่ามะพร้าวในสวนจะตายเพราะไม่มีใครดูแล จึงได้ติดต่อนายเงินซึ่งเป็นเพื่อนบ้านให้มาช่วยดูแลมะพร้าวในสวนให้ นายทองได้คืนการครอบครองภายในหนึ่งปีโดยมีนายเงินเป็นผู้ยึดถือการครอบครองแทนทำให้นายทองได้มาซึ่งสิทธิครอบครองโดยผู้อื่นยึดถือไว้ให้ ตามมาตรา 1368 จึงถือว่านายเงินเป็นผู้ได้คืนการครอบครองแทนนายทองตามมาตรา 1384
เมื่อนายเงินดูแลสวนมะพร้าวมาได้หนึ่งปี นายเงินจึงได้เขียนจดหมายไปถึงนายทองว่าต้องการสวนนี้ สวนมะพร้าวแปลงนี้ปัจจุบันเป็นของตนแล้ว นายเงินเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือแล้วตามมาตรา 1381 เมื่อเปลี่ยนแล้วจึงถือว่านายเงินแย่งการครอบครองจากนายทองสำเร็จ ทำให้นายเงินได้ไปซึ่งสิทธิครอบครองตามมาตรา 1367 แล้วดีกว่านายทอง นายทองถูกแย่งการครอบครองตามมาตรา 1375 ต้องฟ้องคดีต่อศาลเพื่อเอาคืนการครอบครองภายในหนึ่งปี เมื่อนายทองได้รับโทษครบกำหนดหนึ่งปีกับหกเดือน จึงต้องการฟ้องร้องเรียกที่ดินแปลงนี้คืนจากนายเงิน นายเงินจึงมีสิทธิครอบครองที่ดินแปลงนี้ดีกว่านายทอง แต่นายทองมีสิทธิได้คืนการครองครองโดยฟ้องเพื่อเอาคืนการครอบครองได้ นายเงินเปลี่ยนการยึดถือแย่งการครอบครองจากนายทองมาได้เพียงสามเดือน นายทองจึงฟ้องคดีต่อศาลเรียกที่ดินแปลงนี้คืนจากนายเงินได้ ตามมาตรา 1375