การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2553
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW2001 (LA 201),(LW 204) กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยทรัพย์
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 4 ข้อ
ข้อ 1 นายสอนกับนายอิ่มทำสัญญากันเอง โดยนายสอนอนุญาตให้นายอิ่มทำถนนผ่านที่ดินมีโฉนดของตนเพื่อออกสู่ถนนพหลโยธิน ทั้งที่ที่ดินของนายอิ่มมีทางออกสู่ทางสาธารณะอยู่แล้ว หลังจากนายอิ่มทำถนนผ่านที่ดินของนายสอนได้ 4 ปี นายสอนถึงแก่ความตาย นายสินบุตรของนายสอนได้จดทะเบียนรับมรดกที่ดินดังกล่าว ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่า
(ก) นายสินจะล้อมรั้วไม่ยอมให้นายอิ่มใช้ถนนผ่านที่ดินของตนอีกต่อไปได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
(ข) ถ้าหลังจากนายสินจดทะเบียนรับมรดกได้ 1 ปี นายสินทำสัญญาและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงนั้นให้นางฟ้าภริยานอกสมรสของตนโดยเสน่หา นางฟ้าจะล้อมรั้วไม่ยอมให้นายอิ่มใช้ถนนผ่านที่ดินของตนอีกต่อไปได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1299 วรรคแรก ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติในประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น ท่านว่า การได้มาโดยนิติกรรมซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์นั้นไม่บริบูรณ์ เว้นแต่นิติกรรมจะได้ทำเป็นหนังสือและได้จดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่
วินิจฉัย
ตามกฎหมาย การได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางนิติกรรมนั้น จะบริบูรณ์เป็นทรัพยสิทธิได้ จะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งถ้าฝ่าฝืนจะมีผลเป็นเพียงบุคคลสิทธิ ใช้กล่าวอ้างได้เฉพาะคู่สัญญาเท่านั้น ไม่สามารถยกขึ้นกล่าวอ้างต่อบุคคลภายนอกได้ (มาตรา 1299 วรรคแรก)
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายสอนทำสัญญาอนุญาตให้นายอิ่มทำถนนผ่านที่ดินของตน ทั้งที่ที่ดินของนายอิ่มมีทางออกสู่ทางสาธารณะอยู่แล้วนั้น ถือเป็นกรณีที่นายอิ่มได้ทางภาระจำยอมผ่านที่ดินของนายสอน อันเป็นการได้มาซึ่งทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางนิติกรรม
เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า นิติกรรมการได้ภาระจำยอมดังกล่าวไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ นิติกรรมนั้นจึงไม่บริบูรณ์ในฐานะทรัพยสิทธิ ไม่สามารถยกขึ้นกล่าวอ้างต่อบุคคลภายนอกได้ แต่ยังคงมีผลบังคับระหว่างนายสอนกับนายอิ่มซึ่งเป็นคู่สัญญาในฐานะบุคคลสิทธิตามมาตรา 1299 วรรคแรก ดังนั้น
(ก) นายสินผู้จดทะเบียนรับมรดกที่ดินภารยทรัพย์ดังกล่าวจากนายสอนบิดาของตนจะล้อมรั้วไม่ยอมให้นายอิ่มใช้ถนนผ่านที่ดินของตนอีกต่อไปไม่ได้ เพราะแม้การได้ภาระจำยอมดังกล่าวจะไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่ภาระจำยอมนั้นยังคงมีผลผูกพันนายสอนในฐานะบุคคลสิทธิ ดังนั้นเมื่อนายสอนตาย นายสินผู้รับมรดกจึงต้องรัยไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของนายสอนเจ้ามรดกดังกล่าวด้วย
(ข) การที่ต่อมานายสินจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงนั้นให้แก่นางฟ้าภริยานอกสมรสของตนโดยเสน่หา นางฟ้าจึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงนั้น และถือเป็นบุคคลภายนอก ดังนั้น เมื่อภาระจำยอมดังกล่าวไม่บริบูรณ์ในฐานะทรัพยสิทธิ จึงไม่สามารถบังคับใช้กับนางฟ้าซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ นางฟ้าในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์จึงมีสิทธิล้อมรั้วไม่ให้นายอิ่มใช้ถนนผ่านที่ดินของตนอีกต่อไปได้สรุป
(ก) นายสินจะล้อมรั้วไม่ยอมให้นายอิ่มใช้ถนนผ่านที่ดินของตนอีกต่อไปไม่ได้
(ข) นางฟ้าสามารถล้อมรั้วไม่ยอมให้นายอิ่มใช้ถนนผ่านที่ดินของตนอีกต่อไปได้
ข้อ 2 แมวเป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนดแปลงหนึ่งมีเนื้อที่ 2 ไร่ ซึ่งอยู่ติดทางสาธารณะ แมวได้แบ่งที่ดิน 200 ตารางวา ขายให้หนู แต่ที่ดินแปลงที่แบ่งขายนี้ไม่มีส่วนใดติดทางสาธารณะ แมวจึงตกลงว่าจะเปิดทางกว้างสามเมตรในที่ดินของตนเพื่อให้หนูใช้เป็นทางผ่านเข้า– ออกสู่ถนนภายนอก หลังจากหนูเข้ามาอาศัยอยู่ในที่ดินที่ซื้อก็ไม่ได้เรียกร้องให้แมวเปิดทางออกให้ เพราะหนูใช้ทางออกผ่านที่ดินของมดซึ่งจะทำให้ออกสู่ทางสาธารณะได้เร็วกว่า
โดยไม่เคยขออนุญาตมด ต่อมามดทำรั้วกั้นไม่ให้หนูใช้ทางผ่าน หนูจึงมาขอให้แมวเปิดทางออกตามที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนซื้อที่ดิน แมวปฏิเสธอ้างว่าข้อตกลงทำไว้นานแล้ว
หากตอนนี้ต้องการให้แมวเปิดทางผ่านให้ แมวต้องเปิดทางผ่านให้หนู หนูจะต้องเสียค่าทดแทนหรือไม่ และการที่หนูจะขอให้แมวเปิดทางผ่านนั้น จะต้องใช้สิทธิเรียกร้องภายในอายุความกี่ปี จงอธิบาย
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1350 ถ้าที่ดินที่แบ่งแยกหรือแบ่งโอนกันเป็นเหตุให้แปลงหนึ่งไม่มีทางออกไปสู่ทางสาธารณะได้ไซร้ ท่านว่าเจ้าของที่ดินแปลงนั้นมีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินตามมาตราก่อนได้เฉพาะบนที่ดินแปลงที่ได้แบ่งแยก หรือแบ่งโอนกันและไม่ต้องเสียค่าทดแทน
วินิจฉัย
ตามบทบัญญัติมาตรา 1350 นั้น เป็นเรื่องการขอทางจำเป็นเพื่อผ่านเข้าออกบนที่ดิน กล่าวคือ ถ้าเป็นกรณีที่ที่ดินแปลงใหญ่เดิมมีทางออกสู่ทางสาธารณะอยู่แล้ว แต่เมื่อมีการแบ่งแยกหรือแบ่งโอนที่ดินแปลงดังกล่าวกัน ทำให้ที่ดินแปลงหนึ่งไม่มีทางออกไปสู่ทางสาธารณะ เจ้าของที่ดินแปลงนั้นย่อมมีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินได้โดยไม่ต้องเสียค่าทดแทนแต่อย่างใด
กรณีตามอุทาหรณ์ ที่ดินที่หนูซื้อจากแมวเป็นที่ดินที่แบ่งแยกออกจากที่ดินของแมวแล้ว ทำให้ที่ดินแปลงของหนูไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ (ที่ดินตาบอด) ดังนั้นตามหลักของมาตรา 1350 หนูจึงมีสิทธิขอทางออกบนที่ดินของแมวได้ แมวจึงต้องเปิดทางผ่านเข้า –ออกเพื่อให้หนูออกสู่ทางสาธารณะ แม้ว่าหนูจะไม่ได้ใช้สิทธิดังกล่าวตั้งแต่แรกก็ตาม ส่วนค่าทดแทนนั้น เมื่อเป็นกรณีการขอทางจำเป็นตามมาตรา 1350 ผู้มีสิทธิผ่านจึงไม่ต้องเสียค่าทดแทน ดังนั้น แมวจึงไม่มีสิทธิเรียกค่าผ่านทางจากหนู
และการใช้สิทธิขอให้เปิดทางจำเป็นนั้นไม่มีอายุความ เพราะเป็นสิทธิที่เจ้าของที่ดินที่ถูกล้อมจะขอเปิดทางจำเป็นเมื่อใดก็ได้ เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องทางออกของที่ดินของตนเอง
สรุป หนูมีสิทธิเรียกให้แมวเปิดทางผ่านโดยไม่ต้องเสียค่าทดแทน และสิทธิเรียกร้องดังกล่าวไม่มีอายุความ
ข้อ 3 แพงมีกรรมสิทธิ์บนที่ดินแปลงหนึ่ง แต่เนื่องจากแพงไปประกอบอาชีพอยู่ที่ต่างประเทศ จึงให้พันดูแลที่ดินแปลงนั้นแทน พุธได้เข้าไปครอบครองปรปักษ์ทำไร่บนที่ดินแปลงนั้นบางส่วน พันซึ่งเป็นผู้ดูแลที่ดินแปลงนั้นก็ไม่ทราบ จึงยังไม่ได้ขับไล่ ส่วนแพงซึ่งอยู่ต่างประเทศก็ไม่ทราบเช่นเดียวกัน พุธครอบครองทำไร่บนที่ดินส่วนนั้นของแพงมาได้แปดปี แพงกลับมาเมืองไทยกลับมาได้สามปี แพงได้ไปรังวัดที่ดินจึงเพิ่งทราบว่าพุธทำการครอบครองทำไร่บุกรุกเข้ามาบนที่ดินของตน แพงจึงฟ้องขับไล่พุธให้ออกจากที่ดินแปลงนั้นโดยแพงอ้างว่า ตนเพิ่งทราบถึงการครอบครองของพุธเพียงสามปี ตนจึงยังไม่เสียสิทธิในที่ดินแปลงนั้นไป ถ้าท่านเป็นศาล ท่านจะพิพากษาอย่างไร เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1382 บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาห้าปีไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์
มาตรา 1386 บทบัญญัติว่าด้วยอายุความในประมวลกฎหมายนี้ ท่านให้ใช้บังคับในเรื่องอายุความได้สิทธิ อันกล่าวไว้ในลักษณะนี้โดยอนุโลม
วินิจฉัย
โดยหลักแล้ว การได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์โดยการครอบครองปรปักษ์ตามมาตรา 1382 จะต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ์ดังนี้ คือ
1 เป็นทรัพย์สินของผู้อื่นโดยผู้อื่นมีกรรมสิทธิ์
2 ได้ครอบครองโดยความสงบ
3 ครอบครองโดยเปิดเผย
4 ครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของ
5 ครอบครองติดต่อกันมาเป็นเวลา 10 ปี
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่พุธได้เข้าไปครอบครองปรปักษ์ทำไร่บนที่ดินบางส่วน ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของแพงนั้น เมื่อพุธได้ครอบครองโดยความสงบ เปิดเผย และเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันถึง 11 ปี ซึ่งเกิน 10 ปีแล้ว พุธย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนนั้นโดยการครอบครองปรปักษ์ตามมาตรา 1382
ดังนั้น แพงจะฟ้องขับไล่พุธให้ออกจากที่ดินแปลงนั้น โดยอ้างว่าตนเพิ่งทราบถึงการครอบครองของพุธเพียง 3 ปี ตนจึงยังไม่เสียสิทธิในที่ดินแปลงนั้นไปไม่ได้ เพราะการครอบครองปรปักษ์เป็นการได้กรรมสิทธิ์โดยอายุความได้สิทธิตามมาตรา 1386 และเป็นอายุความโดยผลของกฎหมายซึ่งศาลสามารถยกขึ้นเองได้
สรุป ถ้าข้าพเจ้าเป็นศาลจะพิพากษาให้พุธได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนนั้นโดยการครอบครองปรปักษ์ตามมาตรา 1382 ตามเหตุผลดังกล่าวข้างต้น
ข้อ 4 ดวงเป็นเจ้าของกิจการร้านขายเครื่องมือทางการเกษตรทั้งขาย ให้เช่า และรับจ้างไถ หว่าน เกี่ยวข้าว พืชไร่ ฯลฯ ร้านของดวงตั้งอยู่ที่นอกเขตเทศบาล ที่ดินที่ตั้งร้านของดวงมีทางออกสู่ทางสาธารณะอยู่แล้ว แต่เมื่อมีเกษตรกรหรือมีใครเช่าเครื่องมือทางการเกษตร ดวงจะใช้ที่ดินของเด่นเป็นทางลัดขนเครื่องมือต่างๆผ่านที่ดินของเด่นเข้า – ออกสู่ถนนสาธารณะเสมอเป็นประจำ โดยดวงไม่ทราบว่าที่ดินแปลงนั้นใครเป็นเจ้าของ จึงไม่ได้ขออนุญาตใช้ทาง และบางครั้งลูกค้าของดวงยังใช้เส้นทางบนที่ดินของเด่นเข้ามาติดต่อซื้อขาย เช่า ว่าจ้างดวงด้วย เมื่อดวงใช้ที่ดินของเด่นเป็นทางเข้า – ออก มาได้สิบห้าปี เด่นทราบจึงมาตกลงกับดวงว่า ถ้าดวงยังต้องการใช้ถนนบนที่ดินของตนต่อไป ดวงต้องเช่าที่ดินแปลงนี้ มิฉะนั้นก็ต้องห้ามบุกรุกเข้ามาใช้ทางผ่านที่ดินแปลงนี้อีก ดวงจึงตกลงขอเช่าโดยจ่ายค่าผ่านทางให้กับเด่นปีละห้าพันบาท ในความเห็นของท่านให้ท่านอธิบายว่า ดวงได้สิทธิอะไรก่อนที่จะตกลงเช่าที่ดินเด่น และหลังจากตกลงเช่าที่ดินเด่นเพื่อผ่านทางบนที่ดินของเด่น วิธีใดและส่งผลอย่างไรบ้าง
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1377 วรรคแรก ถ้าผู้ครอบครองสละเจตนาครอบครอง หรือไม่ยุดถือทรัพย์สินต่อไปไซร้ การครอบครองย่อมสุดสิ้นลง
มาตรา 1382 บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาห้าปีไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์
มาตรา 1387 อสังหาริมทรัพย์อาจต้องตกอยู่ในภาระจำยอมอันเป็นเหตุให้เจ้าของต้องยอมรับกรรมบางอย่างซึ่งกระทบถึงทรัพย์สินของตน หรือต้องงดเว้นการใช้สิทธิบางอย่างอันมีอยู่ในกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินนั้นเพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่น
มาตรา 1401 ภาระจำยอมอาจได้มาโดยอายุความ ท่านให้นำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความได้สิทธิอันกล่าวไว้ในลักษณะ 3 แห่งบรรพนี้มาใช้บังคับโดยอนุโลม
วินิจฉัย
การได้ภาระจำยอมตามมาตรา 1387 โดยอายุความครอบครองปรปักษ์นั้น ถือเป็นการได้ทรัพยสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม ซึ่งตามมาตรา 1401 นั้น บัญญัติให้นำอายุความได้สิทธิตามมาตรา 1382 มาบังคับใช้โอยอนุโลม กล่าวคือ ต้องเป็นกรณีที่เจ้าของสามยทรัพย์ได้ใช้ประโยชน์ในภารยทรัพย์ โดยความสงบ เปิดเผย และมีเจตนาจะได้สิทธิภาระจำยอมในภารยทรัพย์ โดยต้องใช้ประโยชน์ติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่ดวงเป็นเจ้าของกิจการร้านขายเครื่องมือทางการเกษตร และรับจ้างไถ หว่าน เกี่ยวข้าว พืชไร่ ฯลฯ และเมื่อมีเกษตรกรหรือคนมาเช่าเครื่องมือทางการเกษตร ดวงก็จะใช้ที่ดินของเด่นเป็นทางลัดขนเครื่องมือต่างๆผ่านที่ดินของเด่นเข้าออกสู่ถนนสาธารณะเสมอเป็นประจำนั้น ถือเป็นกรณีที่ดวงเจ้าของสามยทรัพย์ได้ใช้ประโยชน์ในภารยทรัพย์ คือที่ดินของเด่น โดยสงบ เปิดเผย และเจตนาจะได้มาซึ่งภาระจำยอมแล้ว เมื่อดวงใช้ที่ดินของเด่นเป็นทางเข้าออกมาได้ 15 ปี ที่ตั้งร้านของดวงจึงได้ภาระจำยอมโดยการครอบครองปรปักษ์แล้วตามมาตรา 1387 และมาตรา 1382 ประกอบมาตรา 1401
แต่อย่างไรก็ตาม การที่ดวงทำสัญญาเช่าที่ดินกับเด่นเพื่อใช้เป็นทางผ่านเข้าออกนั้น ถือเป็นกรณีที่ดวงผู้ครอบครองได้สละเจตนาครอบครองในภารยทรัพย์ดังกล่าวแล้ว กล่าวคือ เป็นการที่ดวงยอมรับว่าดวงไม่ได้มีสิทธิในภาระจำยอมบนที่ดินของเด่นแต่อย่างใด ดังนั้น ภาระจำยอมที่ได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ดังกล่าวจึงสิ้นสุดลงตามมาตรา 1377 วรรคแรก
สรุป ดวงได้สิทธิ คือภาระจำยอมในที่ดินของเด่นโดยการครอบครองปรปักษ์ก่อนที่จะตกลงเช่าที่ดินเด่น และหลังจากดวงตกลงเช่าที่ดินเด่นแล้ว ส่งผลให้ภาระจำยอมดังกล่าวสิ้นสุดลง