การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2553
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW2001 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยทรัพย์
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 4 ข้อ
ข้อ 1 นายเสือครอบครองปรปักษ์ที่ดินมีโฉนดของนายช้างเป็นเวลา 12 ปี แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อในโฉนดเป็นชื่อของตน ต่อมานายช้างได้นำที่ดินแปลงนี้ไปขายให้กับนายกวางโดยทำสัญญาเป็นหนังสือและจดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่และนายกวางก็ไม่รู้เรื่องการครอบครองปรปักษ์ของนายเสือมาก่อน หลังจากนั้น 1 ปี นายกวางถึงแก่ความตาย น.ส.หนูบุตรของนายกวางได้จดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินมรดกแปลงนี้ในฐานะทายาทโดยธรรม และได้ฟ้องขับไล่นายเสือให้ออกจากที่ดินแปลงนั้น
นายเสือต่อสู้ว่าตนได้กรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงนี้โดยการครอบครองปรปักษ์แล้ว น.ส.หนูได้ที่ดินมาโดยไม่ได้เสียค่าตอบแทนย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าตน ดังนี้ ให้ท่านวินิจฉัยว่าข้อต่อสู้ของนายเสือรับฟังได้หรือไม่
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1299 วรรคสอง ถ้ามีผู้ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม สิทธิของผู้ได้มานั้น ถ้ายังมิได้จดทะเบียนไซร้ ท่านว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนไม่ได้ และสิทธิอันยังมิได้จดทะเบียนนั้น มิให้ยกเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายเสือครอบครองปรปักษ์ที่ดินมีโฉนดของนายช้างเป็นเวลา 12 ปี ถือว่านายเสือได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินของนายช้างโดยการครอบครองปรปักษ์ (ป.พ.พ. มาตรา 1382) อันเป็นการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรมตามมาตรา 1299 วรรคสอง ดังนั้น เมื่อนายเสือยังมิได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อในโฉนดเป็นชื่อของตน และระหว่างนั้นนายช้างได้ขายที่ดินแปลงนี้ให้กับนายกวาง โดยทำสัญญาเป็นหนังสือและจดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่ และนายกวางก็ไม่รู้เรื่องการครอบครองปรปักษ์ของนายเสือมาก่อน จึงทำให้สิทธิการได้มาของนายเสือไม่สามารถยกขึ้นต่อสู้นายกวางผู้เป็นบุคคลภายนอกซึ่งได้สิทธิในที่ดินนี้มาโดยสุจริต (ไม่รู้เรื่องการครอบครองปรปักษ์ของนายเสือ) และโดยเสียค่าตอบแทน (ซื้อ) และจดทะเบียนสิทธิของตนโดยสุจริตแล้วได้
และเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า น.ส.หนูได้จดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินมรดกแปลงนี้มาในฐานะทายาทโดยธรรมของนายกวาง จึงถือเป็นผู้สืบสิทธิของนายกวาง ผู้ซึ่งมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่านายเสือมาตั้งแต่แรกแล้ว น.ส.หนูจึงมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่านายเสือด้วย ดังนั้น ข้อต่อสู้ของนายเสือที่ว่า ตนได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงนี้โดยการครอบครองปรปักษ์แล้ว น.ส.หนูได้ที่ดินมาโดยไม่ได้เสียค่าตอบแทนย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าตนจึงรับฟังไม่ได้
สรุป ข้อต่อสู้ของนายเสือรับฟังไม่ได้
ข้อ 2 เด็กชายเทียนอายุ 12 ปี ได้ขายโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งให้แก่นายหนึ่งในราคา 3,000 บาท โดยขณะขายบิดา – มารดาไม่ได้ร่วมรู้เห็นด้วย ต่อมานายหนึ่งได้นำโทรศัพท์เครื่องนี้ไปมอบให้นางสาวสองคนรักของนายหนึ่งด้วยความเสน่หา
โดยที่นางสาวสองไม่ทราบข้อเท็จจริงว่านายหนึ่งไปซื้อโทรศัพท์มาจากเด็กชายเทียน ต่อมาอีกหนึ่งสัปดาห์ บิดา – มารดาของเด็กชายเทียนได้บอกเลิกการซื้อขายโทรศัพท์ระหว่างเด็กชายเทียนกับนายหนึ่ง
และขอให้นางสาวสองคืนโทรศัพท์มือถือกลับคืนมาให้เด็กชายเทียน
ดังนี้ ให้ท่านวินิจฉัยว่านางสาวสองจะต้องคืนโทรศัพท์แก่เด็กชายเทียนหรือไม่ ระหว่างนางสาวสองกับเด็กชายเทียน ผู้ใดมีกรรมสิทธิ์ในโทรศัพท์เครื่องนี้ดีกว่ากัน
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1329 สิทธิของบุคคลผู้ได้มา ซึ่งทรัพย์สินโดยมีค่าตอบแทนและโดยสุจริตนั้น ท่านว่ามิเสียไปถึงแม้ว่าผู้โอนทรัพย์สินให้จะได้ทรัพย์สินนั้นมาโดยนิติกรรมอันเป็นโมฆียะ และนิติกรรมนั้นได้ถูกบอกล้างภายหลัง
วินิจฉัย
ตามบทบัญญัติมาตรา 1329 เป็นเรื่องความคุ้มครองสิทธิของบุคคลผู้ได้มาซึ่งทรัพย์สิน (ผู้รับโอน) ซึ่งประกอบด้วยหลักเกณฑ์ ดังนี้คือ
1 ผู้โอนได้ทรัพย์สินมาโดยนิติกรรมอันเป็นโมฆียะ
2 บุคคลผู้ได้มาซึ่งทรัพย์สิน (ผู้รับโอน) ต้องรับโอนไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน
3 นิติกรรมที่เป็นโมฆียะนั้นได้ถูกบอกล้างในภายหลัง
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่เด็กชายเทียนขายโทรศัพท์มือถือให้แก่นายหนึ่ง โดยขณะขายบิดามารดาไม่ได้ร่วมรู้เห็นด้วยนั้น นิติกรรมการซื้อขายดังกล่าวย่อมตกเป็นโมฆียะ (ป.พ.พ. มาตรา 21) และเมื่อปรากฏว่าอีกกนึ่งสัปดาห์ต่อมาบิดามารดาของเด็กชายเทียนได้บอกเลิกการซื้อขายโทรศัพท์ระหว่างเด็กชายเทียนกับนายหนึ่ง จึงถือเป็นการบอกล้างนิติกรรมที่เป็นโมฆียะนั้นหลังจากที่นายหนึ่งได้โอนโทรศัพท์ไปให้นางสาวสองแล้ว
และตามข้อเท็จจริง แม้ว่านางสาวสองจะรับโอนโทรศัพท์มือถือมาจากนายหนึ่งโดยสุจริตคือ ไม่ทราบข้อเท็จจริงว่านายหนึ่งไปซื้อโทรศัพท์มาจากเด็กชายเทียนก็ตาม แต่เมื่อนางสาวสองรับโอนมาจากการให้โดยเสน่หา ซึ่งถือเป็นการได้มาโดยไม่เสียค่าตอบแทน ดังนั้น สิทธิของนางสาวสองจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 1329 เด็กชายเทียนจึงมีสิทธิในโทรศัพท์เครื่องนี้ดีกว่านางสาวสอง และนางสาวสองจะต้องคืนโทรศัพท์ให้แก่เด็กชายเทียน
สรุป เด็กชายเทียนมีสิทธิในโทรศัพท์เครื่องนี้ดีกว่านางสาวสอง และนางสาวสองจะต้องคืนโทรศัพท์ให้แก่เด็กชายเทียน
ข้อ 3 นายดำครอบครองปรปักษ์ทำนาในที่ดินมีโฉนดของนายแดงมาได้ 4 ปี นายดำถึงแก่กรรมนายเขียวบุตรของนายดำปฏิเสธไม่สนใจที่จะครอบครองต่อจึงปล่อยที่ดินให้รกร้างอยู่ 10 เดือน ต่อมานายเขียวตกงานจึงเปลี่ยนใจเข้าไปทำนาบนที่ดินของนายแดงอีกได้นาน 6 ปี นายแดงจึงฟ้องขับไล่นายเขียวออกจากที่ดินแปลงนั้น ให้ท่านวินิจฉัยว่า นายเขียวจะได้สิทธิอย่างใดจากการที่ตนครอบครองที่ดินต่อจากนายดำบิดาของตนหรือไม่ จงอธิบาย
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1377 วรรคแรก ถ้าผู้ครอบครองสละเจตนาครอบครอง หรือไม่ยุดถือทรัพย์สินต่อไปไซร้ การครอบครองย่อมสุดสิ้นลง
มาตรา 1382 บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาห้าปีไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์
มาตรา 1385 ถ้าโอนการครอบครองแก่กัน ผู้รับโอนจะนับเวลาซึ่งผู้โอนครอบครองอยู่ก่อนนั้นรวมเข้ากับเวลาครอบครองของตนก็ได้ ถ้าผู้รับโอนนับรวมเช่นนั้น และถ้ามีข้อบกพร่องในระหว่างครอบครองของผู้โอนไซร้ ท่านว่าข้อบกพร่องนั้นอาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ผู้รับโอนได้
วินิจฉัย
โดยหลักแล้ว การได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์โดยการครอบครองปรปักษ์ตามมาตรา 1382 จะต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ์ดังนี้ คือ
1 เป็นทรัพย์สินของผู้อื่นโดยผู้อื่นมีกรรมสิทธิ์
2 ได้ครอบครองโดยความสงบ
3 ครอบครองโดยเปิดเผย
4 ครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของ
5 ครอบครองติดต่อกันมาเป็นเวลา 10 ปี
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายเขียวบุตรของนายดำปฏิเสธไม่สนใจครอบครองปรปักษ์ที่ดินของนายแดงต่อจากนายดำบิดาซึ่งถึงแก่กรรมนั้น ย่อมถือว่านายเขียวสละเจตนาครอบครองที่ดินพิพาทแล้ว อายุความการครอบครองปรปักษ์จึงสิ้นสุดลงตามมาตรา 1377 วรรคแรก
ดังนั้น แม้ต่อมาอีก 10 เดือน หลังจากทิ้งร้างไป นายเขียวจะเข้ามาครอบครองที่ดินของนายแดงอีก 6 ปีก็ตาม นายเขียวก็ไม่สามารถนำเอาระยะเวลาการครอบครองของนายดำผู้เป็นบิดามานับรวมกับการครอบครองของตนเองตามมาตรา 1385 ได้ ดังนั้น เมื่อนายเขียวครอบครองปรปักษ์ที่นาแปลงนี้ได้เพียง 6 ปี ซึ่งยังไม่ถึง 10 ปี จึงไม่ครบหลักเกณฑ์ตามมาตรา 1382 ที่จะทำให้ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์นายเขียวจึงยังไม่ได้สิทธิใดๆบนที่ดินแปลงนี้
สรุป นายเขียวไม่ได้สิทธิใดๆจากการที่ตนครอบครองที่ดินต่อจากนายดำผู้เป็นบิดา
ข้อ 4 อาทิตย์เป็นเจ้าของที่นาแปลงหนึ่ง ทุกๆปีในฤดูทำนาอาทิตย์ต้องใช้ทางผ่านบนที่ดินของจันทร์เพื่อเข้าไปทำนาในที่นาของอาทิตย์ โดยจันทร์ไม่ทราบมาก่อนว่าอาทิตย์มาเดินผ่านที่ดินของตน อาทิตย์ใช้ทางผ่านบนที่ดินของจันทร์มาได้กว่า 10 ปี โดยมิได้ไปจดทะเบียน ต่อมาจันทร์ทราบจึงทำรั้วกั้นที่ดินเพื่อไม่ให้อาทิตย์เดินผ่าน ดังนี้ อาทิตย์จะมีสิทธิอ้างหลักกฎหมายเรื่องใดมาต่อสู้จันทร์เพื่อมิให้จันทร์ทำรั้วกั้นมิให้อาทิตย์เดินผ่านหรือไม่ จงอธิบาย
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1382 บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาห้าปีไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์
มาตรา 1390 ท่านมิให้เจ้าของภารยทรัพย์ประกอบกรรมใดๆ อันจะเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไป หรือเสื่อมความสะดวก
มาตรา 1401 ภาระจำยอมอาจได้มาโดยอายุความ ท่านให้นำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความได้สิทธิอันกล่าวไว้ในลักษณะ 3 แห่งบรรพนี้มาใช้บังคับโดยอนุโลม
วินิจฉัย
การได้ภาระจำยอมโดยอายุความครอบครองปรปักษ์ตามมาตรา 1401 นั้น บัญญัติให้นำอายุความได้สิทธิตามมาตรา 1382 มาบังคับใช้โดยอนุโลม กล่าวคือ ต้องเป็นกรณีที่เจ้าของสามยทรัพย์ได้ใช้ประโยชน์ในภารยทรัพย์ โดยความสงบ เปิดเผย และมีเจตนาจะได้สิทธิภาระจำยอมในภารยทรัพย์ โดยต้องใช้ประโยชน์ติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่อาทิตย์ใช้ทางผ่านบนที่ดินของจันทร์เพื่อเข้าไปทำนาบนที่ดินของอาทิตย์เอง โดยจันทร์ไม่ทราบมาก่อนนั้น ถือเป็นกรณีที่อาทิตย์เจ้าของสามยทรัพย์ได้ใช้ประโยชน์ในภารยทรัพย์โดยความสงบ เปิดเผย และมีเจตนาจะได้สิทธิภาระจำยอมในภารยทรัพย์แล้ว เมื่ออาทิตย์ใช้ทางผ่านบนที่ดินของจันทร์มาได้กว่า 10 ปี ย่อมทำให้อาทิตย์ได้ภาระจำยอมโดยอายุความปรปักษ์ตามมาตรา 1401 ประกอบมาตรา 1382
และเมื่ออาทิตย์ได้ภาระจำยอมบนที่ดินของจันทร์โดยอายุความปรปักษ์ ซึ่งถือเป็นการได้ทรัพยสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 1299 วรรคสองแล้ว (แม้ยังไม่ได้จดทะเบียนสิทธิก็เป็นทรัพยสิทธิ) การที่จันทร์ทำรั้วกั้นที่ดินเพื่อไม่ให้อาทิตย์เดินผ่าน จึงเป็นการทำให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดลง หรือเสื่อมความสะดวกตามมาตรา 1390 ดังนั้น อาทิตย์จึงมีสิทธิอ้างหลักกฎหมายตามมาตรา 1390 ขึ้นต่อสู้กับจันทร์เพื่อมิให้จันทร์ทำรั้วกั้นระหว่างภารยทรัพย์กับสามยทรัพย์ได้
สรุป อาทิตย์มีสิทธิอ้างหลักกฎหมายตามมาตรา 1390 ขึ้นต่อสู้กับจันทร์เพื่อมิให้จันทร์ทำรั้วกั้นมิให้อาทิตย์เดินผ่านได้