การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2551

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW3035 การสืบสวนและสอบสวน

Advertisement

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  4  ข้อ

ข้อ  1  ให้อธิบายถึงขั้นตอน  เค้าโครงการดำเนินคดีอาญา  ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา  ตั้งแต่มีการกระทำความผิดอาญาจนถึงศาลมาโดยสังเขป  พร้อมอ้างหลักกฎหมายประกอบ

ธงคำตอบ

ขั้นตอน  เค้าโครงการดำเนินคดีอาญา  ตาม  ป.วิ.อาญา  มีดังนี้

1       เริ่มต้นด้วยการมีคำกล่าวหาว่ามีการกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดเกิดขึ้น  คำกล่าวหาเช่นว่านี้ก็ได้แก่  คำร้องทุกข์โดยผู้เสียหาย  ตาม  ป.วิ. อาญา  มาตรา  2(7)  หรือคำกล่าวโทษตาม  มาตรา  2 (8)  โดยอาจเป็นการกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวนตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  123  และประกอบมาตรา  127  หรืออาจจะเป็นการกล่าวหาต่อพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ  ซึ่งมีหน้าที่รองหรือเหนือพนักงานสอบสวนและเป็นผู้ซึ่งมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยตามกฎหมายก็ได้  ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  124  และประกอบมาตรา  127  กรณีของคำกล่าวโทษ

2       พนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบสวนตามคำกล่าวหา  ซึ่งจะมีอำนาจสอบสวนได้ทั้งกรณีความผิดต่อส่วนตัวและความผิดต่ออาญาแผ่นดิน

3       เมื่อพนักงานสอบสวนผู้รับผิดในการสอบสวนเห็นว่าการสอบสวนเสร็จแล้วก็ต้องสรุปสำนวนพร้อมทำความเห็นทางคดี  เช่น  งดการสอบสวน  ควรให้งดการสอบสวน  สั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง  แล้วส่งสำนวนต่อไปยังพนักงานอัยการ (ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  140 , 141  และมาตรา  142)

4       เมื่อสำนวนส่งถึงพนักงานอัยการ  พนักงานอัยการก็จะมีความเห็นทางคดี  เช่น  สั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง  ถ้าพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องก็ต้องส่งสำนวนเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือผู้ว่าราชการจังหวัด  แล้วแต่กรณี  (ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา  145)  และถ้าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือผู้ว่าราชการจังหวัด  แล้วแต่กรณีมีความเห็นแย้งคำสั่งของพนักงานอัยการ  ก็ให้ส่งสำนวนพร้อมความเห็นที่แย้งกันไปยังอัยการสูงสุดเพื่อชี้ขาด  และกฎหมายกำหนดว่าให้แจ้งคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีนี้ให้ผู้ต้องหาและผู้ร้องทุกข์ทราบด้วย  และถ้าผู้ต้องหาถูกควบคุมหรือขังอยู่ให้จัดการปล่อยตัวไปหรือขอให้ศาลปล่อยแล้วแต่กรณี  (ตาม ป.วิ.อาญา  มาตรา  146)  และนอกจากนี้  มาตรา  147  ยังกำหนดไว้อีกว่า  เมื่อมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีแล้ว  ห้ามมิให้มีการสอบสวนเกี่ยวกับบุคคลนั้นเรื่องเดียวกันนั้นอีก  เว้นแต่จะได้พยานหลักฐานใหม่อันสำคัญแก่คดี  ซึ่งน่าจะทำให้ศาลลงโทษผู้ต้องหานั้นได้

5       ในกรณีพนักงานอัยการพิจารณาสั่งฟ้อง  กระบวนการพิจารณาก็จะไปสู่ศาลชั้นต้น  คือพนักงานอัยการจะยื่นฟ้องคดีต่อศาล  ซึ่งในกรณีพนักงานอัยการฟ้องนี้จะไต่สวนมูลฟ้องหรือไม่ก็ได้  (ตาม ป.วิ.อาญา  มาตรา  162 (2))  แต่ถ้ากรณีผู้เสียหายหรือราษฎรฟองกันเองต้องไต่สวนมูลฟ้องทุกกรณี  (ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  162 (1))

6       เมื่อได้มีการยื่นฟ้องคดีต่อศาลแล้ว  คดีก็จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลต่อไป  ถึงแม้ว่าจะได้ฟ้องคดีต่อศาลแล้วก็ตาม  รัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทยพุทธศักราช  2550  ในหมวด  3  ว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย  มาตรา  39  ก็ได้  บัญญัติคุ้มครองไว้ว่า  ในคดีอาญา  ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด

 

ข้อ  2  สิทธิของผู้ต้องหาในการดำเนินคดีอาญามีอะไรบ้าง  ให้ตอบเป็นข้อๆพร้อมยกหลักกฎหมายประกอบ

ธงคำตอบ

ในการดำเนินคดีอาญาผู้ต้องหามีสิทธิดังนี้

1       กรณีผู้ต้องหาเป็นนิติบุคคล  ย่อมมีสิทธิตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  7

ในกรณีที่นิติบุคคลเป็นผู้ต้องหา  การสอบสวนผู้ต้องหาที่เป็นนิติบุคคลนั้นกฎหมายให้ออกหมายเรียกผู้จัดการ  หรือผู้แทนอื่นๆของนิติบุคคลนั้นให้ไปยังพนักงานสอบสวนได้  และถ้าผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้นไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกจะออกหมายจับผู้นั้นมาก็ได้  แต่เมื่อจับมาแล้วจะใช้บทบัญญัติว่าด้วยปล่อยชั่วคราวกับผู้นั้นไม่ได้

2       สิทธิของผู้ต้องหา  ตาม ป.วิ.อาญา  มาตรา  7/1

ผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหาซึ่งถูกควบคุมหรือขัง  มีสิทธิแจ้งหรือขอให้เจ้าพนักงานแจ้งให้ญาติหรือผู้ซึ่งผู้ถูกจับกุมหรือผู้ต้องหามีสิทธิดังต่อไปนี้ด้วย

(1) พบและปรึกษาผู้ซึ่งจะเป็นทนายความเป็นการเฉพาะตัว

(2) ให้ทนายความหรือผู้ซึ่งตนไว้ใจเข้าฟังการสอบปากคำตนได้ในชั้นสอบสวน

(3) ได้รับการเยี่ยมหรือติดต่อกับญาติได้ตามสมควร

(4) ได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร็วเมื่อเกิดการเจ็บป่วย

ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจซึ่งมอบตัวผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหามีหน้าที่แจ้งให้ผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหานั้นทราบในโอกาสแรกถึงสิทธิดังกล่าว

3       สิทธิของผู้ต้องหา  ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  134  ซึ่งโดยสรุปคือ

(1) ผู้ต้องหามีสิทธิได้รับการสอบสวนด้วยความรวดเร็ว  ต่อเนื่อง  และเป็นธรรม

(2) พนักงานสอบสวนต้องให้โอกาสผู้ต้องหาที่จะแก้ข้อหา  และแสดงข้อเท็จจริงอันเป็นประโยชน์แก่ตนได้

4       สิทธิของผู้ต้องหา  ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  135  ซึ่งโดยสรุปก็คือ

(1) ในคดีที่มีอัตราโทษประหารชีวิต  หรือในคดีที่ผู้ต้องหามีอายุไม่เกินสิบแปดปีในวันที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา  ก่อนเริ่มถามคำให้การให้พนักงานสอบสวนถามผู้ต้องหาว่ามีทนายความหรือไม่  ถ้าไม่มีให้รัฐจัดหาทนายความให้

(2) ในคดีที่มีอัตราโทษจำคุก  ก่อนเริ่มถามคำให้การให้พนักงานสอบสวนถามผู้ต้องหาว่ามีทนายความหรือไม่  ถ้าไม่มีและผู้ต้องหาต้องการทนายความ  ให้รัฐจัดหาทนายความให้

5       สิทธิของผู้ต้องหา  ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  134/3  ซึ่งโดยสรุปก็คือ

ผู้ต้องหามิสิทธิให้ทนายความหรือผู้ซึ่งตนไว้วางใจเข้าฟังการสอบปากคำตนได้

6       สิทธิของผู้ต้องหา  ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  135  ซึ่งโดยสรุปก็คือ

ผู้ต้องหามีสิทธิที่จะไม่ถูกสอบสวนโดยมิชอบด้วย  ป.วิอาญา มาตรา  135

7       สิทธิของผู้ต้องหา  ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย  พ.ศ. 2550  อาทิเช่น

(1) ในคดีอาญา  ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด (มาตรา  39) 

(2) สิทธิที่จะได้รับการปฏิบัติที่เหมาะสมในการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม  รวมทั้งสิทธิในการสอบสวนอย่างถูกต้อง  รวดเร็ว  เป็นธรรม  และการไม่ให้ถ้อยคำเป็นปฏิปักษ์ต่อตนเอง  (มาตรา  40 (4))

(3) สิทธิที่จะได้รับความคุ้มครอง  และความช่วยเหลือที่จำเป็นและเหมาะสมจากรัฐ (มาตรา  40 (5))

 

ข้อ  3  หนุ่ยกับโหน่งสมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันจนได้รับบาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่าย  ดังนี้  ให้วินิจฉัยว่า  หนุ่ยจะร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้สอบสวนดำเนินคดีกับโหน่งในข้อหาความผิดฐานทำร้ายร่างกายได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  2(4)    ผู้เสียหายหมายความถึงบุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง  รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้  ดั่งบัญญัติไว้ในมาตรา  4    5     และ   6

มาตรา  2(7)  คำร้องทุกข์  หมายความถึงการที่ผู้เสียหายได้กล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้  ว่ามีผู้กระทำความผิดขึ้น  จะรู้ตัวผู้กระทำความผิดหรือไม่ก็ตามซึ่งกระทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย  และการกล่าวหาเช่นนั้นได้กล่าวโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษ

วินิจฉัย

หนุ่ยจะร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้สอบสวนดำเนินคดีกับโหน่งในข้อหาความผิดฐานทำร้ายร่างกายไม่ได้  เพราะหนุ่ยไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย  เนื่องจากหนุ่ยเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นผู้กระทำความผิดด้วยจึงไม่เป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย  ดังนั้น  หนุ่ยจึงไม่มีอำนาจร้องทุกข์  ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  2 (4) และ (7)

ข้อ  4  จากข้อเท็จจริงตามข้อสอบในข้อ  3 ข้างต้นนั้น  ให้วินิจฉัยว่า  ถ้าหนุ่ยได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้สอบสวนดำเนินคดีกับโหน่งแล้ว  พนักงานสอบสวนจะมีอำนาจสอบสวนคดีนี้ได้หรือไม่  เพราะเหตุใด 

มาตรา  121  วรรคแรก  พนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนคดีอาญาทั้งปวง

วินิจฉัย

การที่หนุ่ยกับโหน่งสมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายกันจนได้รับบาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่าย  เป็นความผิดต่ออาญาแผ่นดินพนักงานสอบสวนจึงมีอำนาจสอบสวนคดีนี้ได้  เนื่องจากในคดีความผิดต่ออาญาแผ่นดินนั้น  พนักงานสอบสวนชอบที่จะทำการสอบสวนได้โดยไม่จำเป็นต้องมีคำร้องทุกข์จากผู้เสียหาย  ตาม  ป.วิ.อาญา  มาตรา  121  วรรคแรก  (เทียบนัยคำพิพากษาฎีกาที่  1681/2535,  748/24831)

Advertisement