การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2563
ข้อสอบกระบวนวิชา POL 2106 ปรัชญาการเมืองเบื้องต้น
คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว

1. ใครจะมาเป็นผู้ปกครองก็ได้ ไม่เกี่ยวกับจํานวนของผู้ปกครอง แต่ควรพิจารณาจากจุดมุ่งหมายของ ผู้ปกครองว่าทําเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือไม่
(1) The Republic
(2) Crito
(3) Politics
(4) The Prince
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 3 หน้า 102 – 103, 109 อริสโตเติล (Aristotle) ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “Politics” ว่า ใครจะ มาเป็นผู้ปกครองก็ได้ แต่ขอให้แค่ปกครองเพื่อประโยชน์ส่วนรวมหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ หมายความว่า จํานวนของผู้ปกครองจะมีกี่คนก็ได้ เป็นระบอบอะไรก็ได้ ใครเป็นก็ได้ แต่ขอ เพียงอย่างเดียวคือ ผู้ปกครองเหล่านั้นควรจะปกครองเพื่อประโยชน์สาธารณะ ดังนั้นตาม ทัศนะของอริสโตเติลจึงเป็นการพิจารณาจุดมุ่งหมายของการปกครองว่าเอื้อประโยชน์ต่อใคร ถ้าเพื่อประโยชน์สาธารณะแล้ว การปกครองนั้นก็ถือว่าเป็นการปกครองที่ดี

Advertisement

2. “มนุษย์ถูกสาปให้มีเสรีภาพ” เป็นแนวคิดของใคร
(1) Jean Paul Sartre
(2) Edmund Burke
(3) John Stuart Mill
(4) Rousseau
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 1 หน้า 142, 144 – 145 ฌอง ปอล ซาร์ต (Jean Paul Sartre) นักคิดชาวฝรั่งเศสร่วมสมัย สกุลอัตถิภาวะนิยม (Existentialism) มองว่า การที่มนุษย์มีเสรีภาพ มนุษย์ก็ต้องมีความ รับผิดชอบในเสรีภาพนั้นด้วย ดังที่เขากล่าวว่า “มนุษย์ถูกสาปให้มีเสรีภาพ…. เมื่อมนุษย์เกิดขึ้น บนโลกนี้ เขาก็ต้องรับผิดชอบต่อทุกสิ่งที่เขากระทํา และพวกที่เชื่อในแนวคิดอัตถิภาวะนิยมจะ ไม่ยอมรับในอํานาจแห่งอารมณ์ เขาจะไม่มีทางเห็นด้วยว่า อารมณ์ที่รุนแรงคือสายน้ําเชี่ยวกราก ที่นํามนุษย์ให้กระทําการต่าง ๆ เสมือนหนึ่งถูกลิขิตไว้ และมนุษย์จะถืออารมณ์เป็นข้อแก้ตัว ให้ตนเองไม่ได้ เพราะมนุษย์จะต้องรับผิดชอบต่ออารมณ์ของตนเอง”

3. นักคิดชาวอังกฤษผู้มีชีวิตในศตวรรษที่ 19 สนับสนุนแนวคิดเรื่องเสรีภาพ
(1) Jean Paul Sartre
(2) Edmund Burke
(3) John Stuart Mill
(4) Rousseau
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 3 หน้า 146 – 148 จอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill) เป็นนักคิดชาวอังกฤษผู้มีชีวิตอยู่ ในช่วง ค.ศ. 1806 – 1873 (ศตวรรษที่ 19) เขาสนับสนุนแนวคิดเรื่องเสรีภาพ โดยมองว่า รัฐหรือสังคมจําต้องสถาปนาเสรีภาพให้เกิดขึ้นหรืออนุญาตให้มีอย่างกว้างขวางในสังคม เพราะ เสรีภาพนั้นเป็นเครื่องมือที่จะทําให้มนุษย์สามารถพัฒนาตัวเองออกไปได้ ดังนั้นเสรีภาพจึงเป็น สิ่งสําคัญและรัฐก็ไม่ควรที่จะมาละเมิดหรือพรากเสรีภาพของคนใดคนหนึ่ง

4. ไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติฝรั่งเศส
(1) Jean Paul Sartre
(2) Edmund Burke
(3) John Stuart Mill
(4) Rousseau
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 2 หน้า 124, (คําบรรยาย) เอ็ดมันด์ เบิร์ก (Edmund Burke) เป็นบิดาแห่งแนวคิดอนุรักษนิยม สมัยใหม่ (Modern Conservative) มีชีวิตอยู่ในช่วง ค.ศ. 1729 – 1797 เขาเป็นนักคิดที่มีชีวิตอยู่ ร่วมสมัยกับการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1789 แต่มีความคิดต่อต้านการปฏิวัติดังกล่าวอย่างมาก

5.General Will
(1) Jean Paul Sartre
(2) Edmund Burke
(3) John Stuart Mill
(4) Rousseau
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 4 หน้า 96, (คําบรรยาย) ตามความคิดของฌอง ฌากส์ รุสโซ (Jean Jacques Rousseau) เจตจํานงทั่วไป (General Will) คือสิ่งที่แสดงออกถึงหลักการของรัฐที่ชอบธรรม อันได้ หลักการยินยอม เสมอภาค และเสรีภาพ เหตุที่กล่าวเช่นนี้ก็เนื่องจากการออกเจตจํานงทั่วไปนั้น จะแสดงตัวมันเองออกมาได้ในรูปของกฎหมายเท่านั้น และกฎหมายนั้นจะต้องถูกบัญญัติ โดยพลเมืองทุกคน อย่างไรก็ตามรุสโซไม่ได้เป็นนักคิดคนแรกที่คิดเรื่อง General Will แต่ก็เป็นนักคิดที่ทําให้แนวคิดดังกล่าวกลายเป็นที่รู้จักอย่างมหาศาล

6. ประชาชนไม่ควรเป็นผู้ปกครอง แต่ผู้ปกครองควรมาจากการคัดสรรอย่างดี
(1) The Republic
(2) Crito
(3) Politics
(4) The Prince
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 1 หน้า 85, 87, 132 เพลโต (Plato) ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “The Republic” ว่า ผู้ปกครองนั้น ควรจะเป็นคนที่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี ไม่ใช่เอาประชาชนหรือใครมาเป็นก็ได้ ซึ่งตามความคิดของเพลโตนั้นมองว่ามนุษย์แต่ละคนมีความถนัดที่ถูกกําหนดมาจากธรรมชาติแตกต่างกันซึ่งรวมถึงผู้ปกครองด้วย เพราะการปกครองก็ถือว่าเป็นทักษะหนึ่งที่เฉพาะทางไม่ต่างกับช่าง หมอ หรือการงานหน้าที่อื่น ๆ ดังนั้นผู้ปกครองจึงไม่ควรที่จะเป็นใครก็ได้ แต่ควรเป็นคนที่มี ธรรมชาติเป็นผู้ปกครอง และมีทักษะ ตลอดจนได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี

7.“เราควรยินยอมให้มีการแสดงความคิดเห็นออกมาอย่างเสรี โดยมีเงื่อนไขว่า ท่าทีที่แสดงออกควรพอประมาณ และต้องไม่เกินไปกว่าการอภิปรายอย่างเป็นธรรม… หมายถึง คําผรุสวาท การประชดประชัน
(1) Jean Paul Sartre
(2) Edmund Burke
(3) John Stuart Mill
(4) Rousseau
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 3 หน้า 152 จอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill) ได้เสนอแนวคิดไว้ในหนังสือเรื่อง “ความเรียง ว่าด้วยเสรีภาพ” (On Liberty) ว่า สังคมควรมีการอนุญาตให้เสรีภาพต่อมนุษย์ทุกคนอย่าง กว้างขวางที่สุด แต่กระนั้นการให้เสรีภาพตามความคิดของมิลล์ใช่ว่าจะไม่มีข้อจํากัด โดยมิลล์ ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “เราควรยินยอมให้มีการแสดงความคิดเห็นออกมาอย่างเสรี โดยมีเงื่อนไขว่า ท่าทีที่แสดงออกควรพอประมาณ และต้องไม่เกินไปกว่าการอภิปรายอย่างเป็นธรรม… หมายถึง คําผรุสวาท การประชดประชัน คําพาดพิงถึงเรื่องส่วนตัว และอะไรทํานองนั้น และตราบเท่าที่ สิ่งที่เราทําไปมิได้ทําอันตรายแก่เพื่อนร่วมโลกคนอื่น แม้ว่าคนอื่นอาจจะคิดว่าความประพฤติ ของเราเป็นสิ่งที่โง่เขลา วิปริตหรือผิดก็ตาม”

8.ประโยชน์นิยม
(1) Jean Paul Sartre
(2) Edmund Burke
(3) John Stuart Mill
(4) Rousseau
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 3 หน้า 116, (คําบรรยาย) จอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill) เป็นนักคิดในสกุลประโยชน์นิยม (Utilitarianism) ซึ่งหลักการของประโยชน์นิยมนั้น มีหัวใจสําคัญอยู่ที่ “ความสุข” หรือ “ความรื่นรมย์” หรือ “อรรถประโยชน์” จากหลักการนี้ทําให้นักคิดสกุลประโยชน์นิยมยึดถือ หลักการพื้นฐานทางสังคมร่วมกันที่ว่า “การกระทําทุกอย่างต้องเป็นไปเพื่อหลักการความสุข ที่มากที่สุดของคนจํานวนมากที่สุด” (Greatest Happiness for the Greatest Numbers) หรือถือว่า “เวลาเราจะทําอะไรจะต้องคํานึงถึงอรรถประโยชน์สูงสุด” นั่นเอง

9.นักคิดชาวเจนีวากล่าวว่า “อํานาจที่รัฐบาลใช้ก็เป็นอํานาจที่องค์อธิปัตย์ฝากไว้ ซึ่งมันอาจจะถูกจํากัด ปรับเปลี่ยน หรือเอาคืนเมื่อไรก็ได้หากองค์อธิปัตย์พอใจ”
(1) The Republic
(2) Crito
(3) Politics
(4) The Prince.
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 5 หน้า 45, 75 – 76 ฌอง ฌากส์ รุสโซ (Jean Jacques Rousseau) เป็นนักคิดชาวเจนีวาที่ มีแนวความคิดเกี่ยวกับเรื่อง “สิทธิแห่งการปฏิวัติ” เช่นเดียวกับล็อค โดยรุสโซได้กล่าวไว้ใน หนังสือเรื่อง “สัญญาประชาคม” (The Social Contract) ว่า “รัฐบาลก็คือ ส่วนที่ถูกตั้งขึ้น ให้อยู่ระหว่างผู้ที่อยู่ใต้อํานาจกับองค์อธิปัตย์ นั่นก็เพื่อเป็นสื่อกลางระหว่างสองฝ่ายดังกล่าว และเพื่อรับผิดชอบการบังคับใช้กฎหมาย ตลอดจนรักษาเสรีภาพทั้งทางสังคมและการเมือง… รัฐบาลที่ถูกตั้งขึ้นนั้นมันเป็นเพียงการมอบหน้าที่ให้ มันเป็นแค่การจ้างงานเท่านั้น ผู้ปกครอง เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ผู้บริหารงานในนามขององค์อธิปัตย์เท่านั้น อํานาจที่รัฐบาลใช้ก็เป็นเพียง อํานาจที่องค์อธิปัตย์ฝากไว้ ซึ่งมันอาจจะถูกจํากัด ปรับเปลี่ยน หรือเอาคืนเมื่อไรก็ได้ องค์อธิปัตย์พอใจ”

10. “การเป็นที่รักนั้นดีกว่าการเป็นที่หวาดกลัว หรือว่ากลับกันเราอาจจะตอบว่า เราย่อมปรารถนาจะเป็นทั้ง ผู้ที่คนหวาดกลัวและเป็นผู้ที่คนอื่นรัก” เป็นคํากล่าวของนักคิดคนใด
(1) Jean Paul Sartre
(2) Edmund Burke
(3) John Stuart Mill
(4) Rousseau
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 5 หน้า 130 – 131 นิโคโล แมคคิอาเวลลี (Niccolo Machiavelli) เสนอว่า ผู้ปกครองควรทํา ตนเองให้เป็นที่หวาดกลัวมากกว่าเป็นที่รัก ถ้าในกรณีที่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังที่เขากล่าวว่า “การเป็นที่รักนั้นดีกว่าการเป็นที่หวาดกลัว หรือว่ากลับกันเราอาจจะตอบว่า เราย่อม ปรารถนาจะเป็นทั้งผู้ที่คนหวาดกลัวและเป็นผู้ที่คนอื่นรัก แต่เนื่องจากยากที่จะผสมคุณสมบัติ เหล่านี้เข้าด้วยกัน ถ้าอันใดอันหนึ่งในสองอันนี้จะต้องขาดไป การเป็นที่หวาดกลัวจึงเป็นการ ปลอดภัยมากกว่าการเป็นที่รัก…”

11. “บางสิ่งบางอย่างซึ่งดูเหมือนว่าเป็นความดีนั้น หากปฏิบัติตามก็จะกลายเป็นความพินาศของเขา และสิ่งอื่น ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นความชั่วนั้น หากปฏิบัติตามก็จะสัมฤทธิ์ผลด้านความมั่นคง และความเป็นอยู่ที่ดี”
(1) Jean Paul Sartre
(2) Edmund Burke
(3) John Stuart Mill
(4) Rousseau
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 5 หน้า 130 นิโคโล แมคคิอาเวลลี (Niccolo Machiavelli) เสนอว่า ผู้ปกครองนั้นไม่ควรจะ คํานึงแต่การทําดีละเว้นความชั่ว โดยเฉพาะในกรณีที่ว่าถ้าการทําดีนั้นทําให้เขาต้องสูญเสียรัฐ แต่การทําชั่วสามารถทําให้เขารักษารัฐได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นผู้ปกครองก็ควรจะเลือกการทําชั่ว ดังที่เขากล่าวว่า “ผู้ปกครองไม่ควรจะเป็นกังวลกับการก่อให้เสียชื่อเสียงในเรื่องของความชั่ว ต่าง ๆ ซึ่งถ้าไม่มีมันเสียแล้วก็จะเป็นการยากที่จะรักษารัฐเอาไว้ เพราะถ้าบุคคลใดไตร่ตรองทุกสิ่ง ทุกอย่างเป็นอย่างดี เขาจะพบว่าบางสิ่งบางอย่างซึ่งดูเหมือนว่าเป็นความดีนั้น หากปฏิบัติตาม ก็จะกลายเป็นความพินาศของเขา และสิ่งอื่นซึ่งดูเหมือนว่าเป็นความชั่วนั้น หากปฏิบัติตาม ก็จะสัมฤทธิ์ผลด้านความมั่นคง และความเป็นอยู่ที่ดี”

12. เสรีภาพควรจะอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและเสรีภาพก็ควรจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบด้วย
(1) Jean Paul Sartre
(2) Edmund Burke
(3) John Stuart Mill
(4) Rousseau
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 3 หน้า 148 จอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill) มองว่า เสรีภาพไม่ใช่เรื่องของการที่มนุษย์ จะกระทําอะไรก็ได้ตามใจปรารถนาโดยไม่ต้องสนใจสิ่งใด เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นมนุษย์ก็คง ไม่ต่างกับพวกคนป่าเถื่อนไร้อารยธรรมที่อยากจะฆ่าใครก็ได้ ทําอะไรก็ได้ ซึ่งมิลล์มองว่าการจะทําอะไรก็ได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรแบบพวกคนป่าเถื่อนไร้อารยธรรมไม่ควรที่จะเรียกว่ามันคือเสรีภาพ แต่ควรจะเรียกว่าเป็นพฤติกรรมแบบเผด็จการของแต่ละคนที่กระทําต่อกัน ดังนั้นเองมิลล์จึงเสนอว่า เสรีภาพควรจะอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและเสรีภาพก็ควรจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบด้วย

13. ผู้ปกครองต้องทําทุกอย่างเพื่อรักษาอํานาจไว้ให้ได้
(1) The Republic
(2) Crito
(3) Politics
(4) The Prince
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 4 หน้า 128 – 129, 132 – 133, (คําบรรยาย) นิโคโล แมคคิอาเวลลี (Niccolo Machiavelli) เป็นนักคิดชาวอิตาเลียนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งปรัชญาการเมืองสมัยใหม่” เขาได้ เขียนหนังสือสําคัญเล่มหนึ่งเพื่อเป็นคําแนะนําการปกครองให้ผู้ปกครองชื่อว่า “เจ้าผู้ปกครอง” (The Prince) ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1532 ซึ่งตามความคิดของแมคคิอาเวลลีนั้นมองว่า ผู้ปกครองที่ดีจะต้องทําทุกอย่างเพื่อรักษารัฐหรือรักษาอํานาจไว้ให้ได้ ดังนั้นผู้ปกครองจึงเป็น ใครก็ได้ แต่ขอเพียงอย่างเดียวให้คน ๆ นั้นมีความสามารถในการรักษารัฐหรือรักษาอํานาจไว้ได้ก็พอ

14. ตําราของนักคิดอิตาเลียนที่เขียนขึ้นเพื่อเป็นคําแนะนําให้ผู้ปกครอง
(1) The Republic
(2) Crito
(3) Politics
(4) The Prince
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 13. ประกอบ

15. ความเรียงว่าด้วยเสรีภาพ (On Liberty) เป็นงานของนักคิดคนใด
(1) Jean Paul Sartre
(2) Edmund Burke
(3) John Stuart Mill
(4) Rousseau
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 7. ประกอบ

16. เป็นนักคิดชาวฝรั่งเศสร่วมสมัย
(1) Jean Paul Sartre
(2) Edmund Burke
(3) John Stuart Mill
(4) Rousseau
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ

17. “ผู้ปกครองไม่ควรจะเป็นกังวลกับการก่อให้เสียชื่อเสียงในเรื่องของความชั่วต่าง ๆ ซึ่งถ้าไม่มีมันเสียแล้ว ก็จะเป็นการยากที่จะรักษารัฐเอาไว้”
(1) Jean Paul Sartre
(2) Edmund Burke
(3) John Stuart Mill
(4) Rousseau
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 11. ประกอบ

18. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับอริสโตเติล
(1) อริสโตเติลเป็นลูกศิษย์ของเพลโต
(2) อริสโตเติลมีชีวิตในช่วงประมาณ 300 ปีก่อนคริสตกาล
(3) อริสโตเติลเป็นชาวมาซิโดเนีย
(4) อริสโตเติลเป็นเจ้าของผลงานที่ชื่อว่า The Prince
(5) ทุกข้อเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง
ตอบ 4 หน้า 25, (คําบรรยาย) อริสโตเติล (Aristotle) เป็นนักคิดชาวมาซิโดเนีย ลูกศิษย์ของเพลโต (Plato) เขามีชีวิตอยู่ในช่วงประมาณ 300 ปีก่อนคริสตกาล โดยมีผลงานที่สําคัญ ได้แก่ หนังสือ เรื่อง “Politics” และ “Nicomachean Ethics” (ดูคําอธิบายข้อ 13. ประกอบ)

19. นักคิดชาวอังกฤษ เป็นนักทฤษฎีสัญญาประชาคม
(1) Jean Paul Sartre
(2) Edmund Burke
(3) John Stuart Mill
(4) Rousseau
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 5 หน้า 30 – 32, 39, 45, (คําบรรยาย) นักทฤษฎีสัญญาสังคมหรือสัญญาประชาคม (Social Contract Theory) ที่สําคัญ ได้แก่
1. โทมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes) นักคิดชาวอังกฤษ
2. จอห์น ล็อค (John Locke) นักคิดชาวอังกฤษ
3. ฌอง ฌากส์ รุสโซ (Jean Jacques Rousseau) นักคิดชาวเจนีวา
4. จอห์น รอลส์ (John Rawls) นักคิดชาวอเมริกัน

20. “มนุษย์จะถืออารมณ์เป็นข้อแก้ตัวให้ตนเองไม่ได้ เพราะมนุษย์จะต้องรับผิดชอบต่ออารมณ์ของตนเอง”
(1) Jean Paul Sartre
(2) Edmund Burke
(3) John Stuart Mill
(4) Rousseau
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ

21. “การที่มนุษย์มีเสรีภาพ มนุษย์ก็ต้องมีความรับผิดชอบในเสรีภาพนั้นด้วย”
(1) Jean Paul Sartre
(2) Edmund Burke
(3) John Stuart Mill
(4) Rousseau
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ

22. ข้อใดต่อไปนี้สัมพันธ์กับคําว่า “Thought Experiment” มากที่สุด
(1) ฟอสซิล
(2) เอกสารใบลาน
(3) ไมโครฟิล์ม
(4) อินเทอร์เน็ต
(5) ทดลองคิด
ตอบ 5 หน้า 33 – 34 โทมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes) ใช้วิธี “การทดลองทางความคิด” (Thought Experiment) ในการตอบคําถามว่าทําไมมนุษย์ต้องมาอยู่รวมกันเป็นรัฐหรือสังคมการเมือง ซึ่งวิธีดังกล่าวจะไม่ใช้การเก็บข้อมูลทางประวัติศาสตร์แบบนักประวัติศาสตร์ หรือสืบค้นผ่านหลักฐานทางโบราณคดีแบบพวกนักโบราณคดี แต่จะใช้การจินตนาการโดยใช้เหตุผลถึงพฤติกรรม ของมนุษย์ว่าถ้าพวกเขาอยู่ในสภาวะที่ไม่มีรัฐหรือสังคมการเมือง ไม่มีกฎหมาย ไม่มีรัฐบาล แต่ละคนอยู่กันอย่างเป็นอิสระ มนุษย์จะเป็นอย่างไร ซึ่งสภาวะจําลองดังกล่าวนี้พวกนักคิด สกุลสัญญาประชาคมเรียกว่า “สภาวะธรรมชาติ” (State of Nature) และเมื่อทราบแล้วว่า มนุษย์อยู่อย่างไร พวกเขาก็จะสามารถเข้าใจว่าทําไมมนุษย์จึงออกจากสภาวะธรรมชาติเพื่อมาอยู่รวมกันเป็นรัฐหรือสังคมการเมือง

23.สําหรับจอห์น ล็อค ข้อใดต่อไปนี้เป็นคุณลักษณะของการลงโทษที่อาจตามมาจาก Self-Love
(1) Benevolence
(2) Charity
(3) Supportive
(4) Compassion
(5) Revenge
ตอบ 5 หน้า 42 – 43 จอห์น ล็อค (John Locke) กล่าวว่า มนุษย์ทุกคนในสภาวะธรรมชาตินั้น เป็นทั้งคนตัดสินและใช้อํานาจลงโทษโดยลําพังตามกฎธรรมชาติ (Judge and Executioner) แต่การตัดสินลงโทษผู้ที่ละเมิดอาจจะไม่เป็นไปตามโทษที่สมควรได้รับ รับทั้งนี้ก็เนื่องจากการรัก ตนเอง (Self-Love) หรือรักพวกพ้องของตนเอง จึงอาจทําให้มนุษย์ตัดสินเข้าข้างตนเองหรือ เข้าข้างพวกพ้องที่ตนรัก หรืออาจจะตัดสินลงโทษไปด้วยความต้องการที่จะล้างแค้น (Revenge) ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวจึงจําเป็นอย่างยิ่งที่มนุษย์จะต้องยกอํานาจในการตัดสินและ การลงโทษดังกล่าวให้กับรัฐบาลหรือสังคมการเมืองเป็นผู้ทําหน้าที่แทน

24. ผลงานที่ชื่อว่า “The Social Contract” เป็นผลงานของนักปรัชญาท่านใด
(1) John Locke
(2) Robert Nozick
(3) Jean Jacques Rousseau
(4) John Rawls
(5) Karl Marx.
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 9. ประกอบ

25. ข้อใดคือสาเหตุที่ทําให้มนุษย์มาอยู่รวมกันในสังคมการเมืองในความคิดของจอห์น ล็อค
(1) ความปลอดภัย (Safety)
(2) ความสะดวกสบาย (Convenience)
(3) เทคโนโลยี (Technology)
(4) สัตว์การเมือง (Political Animal)
(5) ธรรมชาติ (Nature)
ตอบ 1 หน้า 39, 43 จอห์น ล็อค (John Locke) เห็นว่า การที่มนุษย์ต้องมาอยู่รวมกันในรัฐหรือ สังคมการเมืองนั้นก็เพื่อเหตุผลเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งต้องการหา คนกลางมาตัดสินในกรณีที่เกิดข้อพิพาทระหว่างเอกชน

26. ข้อใดต่อไปนี้สัมพันธ์กับสภาวะธรรมชาติของรุสโซมากที่สุด
(1) มนุษย์อยู่อย่างโดดเดี่ยว
(2) มนุษย์โหดร้ายป่าเถื่อน
(3) มนุษย์มีเหตุผล
(4) มนุษย์รักพวกพ้อง
(5) มนุษย์ชอบอยู่รวมกันเป็นสัตว์สังคม
ตอบ 1 หน้า 50 ฌอง ฌากส์ รุสโซ (Jean Jacques Rousseau) มองว่า ในสภาวะธรรมชาติ มนุษย์อยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่ยุ่งเกี่ยวสัมพันธ์กับใคร ไม่มีใครสนใจใครหรือเปรียบเทียบระหว่างกัน สิ่งนี้เองที่ทําให้มนุษย์ทุกคนมีความเสมอภาคกัน ไม่ใช่ว่ามีความเหมือนกันในความเป็นมนุษย์ แต่เพราะว่าทุก ๆ คนต่างก็อยู่คนเดียว ไม่มีใครสนใจใคร ทุกคนต่างก็เป็นนายตัวเอง มีอิสระ ต่อกัน และมีเสรีภาพอย่างเต็มที่

27. ข้อใดต่อไปนี้คือคุณลักษณะการทําหน้าที่ของสังคมการเมืองในแบบจอห์น ล็อค
(1) Moderate Scarcity
(2) Leviathan
(3) Utopia
(4) Judge and Executioner
(5) Maximizing Utility
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 23. ประกอบ

28. ในความคิดของรุสโซ การที่มนุษย์มีเสรีภาพในการเลือกที่จะกระทําตามหรือไม่ทําตาม (Liberty to Acquiesce or Resist) สัมพันธ์กับข้อใดต่อไปนี้มากที่สุด
(1) คนที่อยู่คนเดียวได้ ถ้าไม่ใช่สัตว์ป่าก็ต้องเป็นเทพเจ้า
(2) แต่ละคนมีเสรีภาพที่จะใช้อํานาจของตนเองตามที่ตนปรารถนา
(3) มนุษย์มีคุณสมบัติในการไปสู่ความสมบูรณ์แบบ
(4) มนุษย์ต้องรักคนอื่น
(5) ความสามารถที่จะฝืนกฎแบบจักรกล
ตอบ 5 หน้า 49 ฌอง ฌากส์ รุสโซ (Jean Jacques Rousseau) กล่าวว่า มนุษย์แตกต่างกับสัตว์ ตรงที่มนุษย์มีเสรีภาพที่จะฝืนแรงกระตุ้นตามสัญชาตญาณของตนเองได้ กล่าวคือ ธรรมชาติ ได้กําหนดให้สัตว์ทุกตัวรวมทั้งมนุษย์ดํารงชีวิตหรือทําอะไรก็แล้วแต่เป็นไปตามแรงกระตุ้นจาก สัญชาตญาณ แม้ว่ามนุษย์นั้นจะได้รับแรงกระตุ้นดังกล่าวเหมือนสัตว์อื่น ๆ แต่มนุษย์ก็มีเสรีภาพ ในการเลือกที่จะทําตามหรือไม่ทําตาม (Liberty to Acquiesce of Resist) ซึ่งเป็นความสามารถ ของมนุษย์ในการฝืนกฎแบบจักรกล (Law of Mechanism) มนุษย์จึงเป็นสัตว์ประเภทเดียว ที่มีเสรีภาพนี้ และเสรีภาพดังกล่าวก็เป็นสิ่งที่แบ่งแยกมนุษย์ออกจากสัตว์ โดยรุสโซเรียก คุณสมบัตินี้ว่า “Quality of Free Agency”

29. จากประโยคที่ว่า “มันเป็นอารมณ์หรือความรู้สึกที่ไม่อยากจะเห็นเผ่าพันธุ์ของตนได้รับความทุกข์ทรมาน สัมพันธ์กับข้อใดน้อยที่สุด
(1) Compassion
(2) Passion and Desire
(3) Fearful
(4) Timid
(5) Self-Preservation
ตอบ 2 หน้า 47 – 48, (คําบรรยาย) ประโยคที่ว่า “มันเป็นอารมณ์หรือความรู้สึกที่ไม่อยากจะเห็น เผ่าพันธุ์ของตนได้รับความทุกข์ทรมาน” สะท้อนให้เห็นว่ามนุษย์ตามความคิดของฌอง ฌากส์ รุสโซ (Jean Jacques Rousseau) นั้น สนใจการปกป้องรักษาตนเอง (Self-Preservation) ไม่คิดที่จะทําร้ายคนอื่น ทั้งนี้เพราะมนุษย์ในสภาวะธรรมชาตินั้นเป็นพวกขี้หวาดกลัว (Fearful) และขี้ขลาด (Timid) รวมทั้งมีความเมตตาเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน (Compassion) จึงทําให้มนุษย์มุ่งที่จะปกปักรักษาตนเองไม่รบราฆ่าฟันกันอย่างเช่นมนุษย์ในสภาวะธรรมชาติ ตามความคิดของฮอบส์

30. คําว่า “Political Society” ใกล้เคียงกับคําศัพท์ในข้อใดมากที่สุด
(1) สภาวะธรรมชาติ
(2) State of Nature
(3) Anarchy
(4) Royal Palace
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 5 หน้า 25, (คําบรรยาย) คําว่า “Political Society” หรือ “สังคมการเมือง” นั้น เป็นคําที่มี ความหมายใกล้เคียงกับคําว่า “รัฐ” (State) หรือ “รัฐชาติสมัยใหม่” (Modern Nation State)

31. การที่มีดปอกแอปเปิลสามารถใช้ในการปอกแอปเปิลเป็นชิ้น ๆ ได้ อริสโตเติลเห็นว่ามีดปอกแอปเปิลนั้นมีคุณสมบัติข้อใดดังต่อไปนี้
(1) Virtue
(2) Telos
(3) Earred
(4) Quality
(5) Strong
ตอบ 2 หน้า 25 – 28 อริสโตเติล (Aristotle) ได้อธิบายธรรมชาติของสิ่งต่าง ๆ โดยใช้วิธีการ ที่เรียกว่า “Teleolcgy” หรือการอธิบายว่าของทุกสิ่งนั้นมีจุดมุ่งหมายปลายทางที่มันจะต้อง คลี่คลายไปเสมอ โดยจุดมุ่งหมายปลายทางของสิ่งต่าง ๆ นั้น อริสโตเติลเรียกว่า “เทลอส” (Telos) ซึ่งเป็นคําภาษากรีก แปลว่า “จุดมุ่งหมายปลายทาง” “จุดมุ่งหมาย” “เป้าประสงค์” “จุดประสงค์” (Final Cause/End/Purpose/Goal) เช่น มีดปอกแอปเปิลจุดมุ่งหมายปลายทาง หรือ Telos ก็คือ การปอกแอปเปิลเป็นชิ้น ๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งการที่มืดดังกล่าวจะทําหน้าที่ ในการปอกได้ดีนั้น มีดจะต้องมีคุณสมบัติเฉพาะที่จะทําให้บรรลุจุดมุ่งหมายปลายทางนั้นได้ โดยอริสโตเติลเรียกคุณสมบัติดังกล่าวว่า “Arete” หรือ “Virtue” ซึ่ง Arete ของมีดปอกแอปเปิลก็คือ ความคมที่เหมาะแก่การปอกแอปเปิลนั่นเอง

32. ประโยคที่ว่า “By all means we can, to defend ourselves” สัมพันธ์กับข้อใดต่อไปนี้มากที่สุด
(1) การฆ่าฟันกันโดยไม่มีเหตุผลของมนุษย์
(2) การป้องกันตัวเองตราบเท่าที่ตนเองคิดว่าดี
(3) การปกป้องตนเองภายใต้การดํารงอยู่ของรัฐ
(4) การปกป้องตนเองภายใต้รัฐธรรมนูญ
(5) การใช้วิธีการทุกอย่างเพื่อยึดอํานาจการปกครอง
ตอบ 2 หน้า 34 – 35 โทมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes) กล่าวว่า มนุษย์มีสิทธิตามธรรมชาติ (Right of Nature) ที่จะทําอะไรก็ได้ตามที่เขาคิดว่าดีที่สุดต่อตัวเขาเอง ซึ่งสิ่งที่เรียกว่า “สิทธิ ตามธรรมชาติ” ตามความคิดของฮอบส์นั้นเป็นสิ่งที่ได้มาจากกฎธรรมชาติ (Law of Nature) อันเป็นกฎสากลทั่วไป ซึ่งกฎธรรมชาติพื้นฐานตามความคิดของฮอบส์ก็คือ มนุษย์จะถูกห้าม ไม่ให้ทําอันตรายใด ๆ ต่อชีวิตของตนเอง หรือถูกบังคับให้ไม่ใช้วิธีการใด ๆ หรือการละเว้น ที่จะทําให้เขามีชีวิตรอด โดยทั้งหมดนี้เป็นไปตามสิ่งที่ดีที่สุดซึ่งเขาคิดว่าจะปกป้องรักษาชีวิต ของตัวเขาเองไว้ได้ (By all means we can, to defend ourselves)

33. เพราะเหตุใดมนุษย์ในสภาวะธรรมชาติของจอห์น ล็อค จึงไม่ทําร้ายคนอื่นในแบบข้อเสนอของโทมัส ฮอบส์
(1) มีกฎหมายเป็นตัวกํากับบทลงโทษ
(2) มีศาลทําหน้าที่ในการตัดสิน
(3) มนุษย์พยายามทําแล้วแต่ไม่ประสบความสําเร็จ
(4) มนุษย์ใช้เหตุผล
(5) มนุษย์ไม่มีเสรีภาพอย่างแท้จริง
ตอบ 4 หน้า 40 – 41 สาเหตุที่ทําให้มนุษย์ในสภาวะธรรมชาติของจอห์น ล็อค (John Locke) ไม่ไปทําร้ายคนอื่นในแบบเดียวกันกับมนุษย์ในสภาวะธรรมชาติของโทมัส ฮอบส์นั้น ก็เพราะว่า มนุษย์ตามความคิดของล็อคอยู่ภายใต้กฎธรรมชาติที่ว่า แต่ละคนต้องปกป้องรักษาตนเอง ซึ่งด้วยการใช้เหตุผลเข้าใจหลักการตามกฎธรรมชาติดังกล่าว จึงทําให้มนุษย์ไม่คิดจะไปทําร้ายคนอื่น เพราะการทําร้ายคนอื่นเท่ากับเป็นการหาเรื่องให้ตนเองบาดเจ็บหรืออาจจะเสียชีวิตได้ซึ่งก็หมายถึงการไม่ปกป้องรักษาตนเองนั่นเอง

34. หากกล่าวว่า “สิงโตที่ดีคือสิงโตที่เป็นเจ้าป่า ดุดัน และเป็นนักล่า” คําว่า Telos ในความหมายของ อริสโตเติลที่สอดคล้องกับคํากล่าวข้างต้น ตรงกับข้อใดต่อไปนี้
(1) สวนสัตว์เปิด
(2) สิงโตที่สมบูรณ์
(3) นายพราน
(4) กระต่ายและแมว
(5) ป่าตามธรรมชาติ
ตอบ 2 หน้า 26 – 27 การอธิบายธรรมชาติของสิ่งต่าง ๆ ตามวิธีการของอริสโตเติล (Aristotle) นั้น หากพิจารณาจากสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาจากธรรมชาติ เช่น สิงโต Telos ของสิงโตก็คือ การเป็นสิงโต ที่สมบูรณ์ ส่วน Arete ของสิงโตก็คือ ความเป็นเจ้าป่า ความแข็งแกร่ง ความดุดัน ความเป็น นักล่า ฯลฯ และการที่สิงโตจะสามารถเป็นสิงโตที่สมบูรณ์หรือบรรลุ Telos ของความเป็น สิงโตได้ สิงโตนั้นจะต้องอยู่ในป่าตามธรรมชาติ (ดูคําอธิบายข้อ 31. ประกอบ)

35. ข้อใดต่อไปนี้ตรงกับคําว่า “คุณธรรม” ภายใต้ State of Nature ของโทมัส ฮอบส์
(1) การพูดความจริง
(2) การยึดถือทางสายกลาง
(3) ความกล้าหาญ
(4) การใช้กําลังและความฉ้อฉล
(5) ราชาธิปไตย
ตอบ 4 หน้า 36 โทมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes) กล่าวว่า สภาวะธรรมชาติ (State of Nature) ก็คือสภาวะเดียวกันกับสภาวะสงคราม (State of War) ซึ่งเป็นสภาวะที่มนุษย์ทุกคนจะเป็น ศัตรูต่อกัน ทุกคนพร้อมที่จะทําร้ายกันและกัน (Every man against every man) โดยไม่เกี่ยง วิธีการ ในสภาวะสงครามไม่มีคําว่ายุติธรรมหรืออยุติธรรม ไม่มีผิดไม่มีถูก คุณธรรมอย่างเดียว ที่มีก็คือ การใช้กําลังและการหลอกลวง ฉ้อฉล (Force and Fraud)

36. นักคิดในข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่นักคิดในสกุลสัญญาประชาคม
(1) John Locke
(2) Karl Marx
(3) Jean Jacques Rousseau
(4) John Rawls
(5) Thomas Hobbes
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 19. ประกอบ

37. วิธีการที่เรียกว่า “Teleology” ของอริสโตเติลตรงกับข้อใดต่อไปนี้
(1) ปรัชญาการเมืองเป็นศาสตร์ของเทวดา
(2) ทุกสิ่งมีจุดมุ่งหมายปลายทางที่จะต้องคลี่คลายไปเสมอ
(3) พระผู้เป็นเจ้ามีอํานาจสูงสุดในการออกกฎหมาย
(4) คุณสมบัติของสรรพสิ่งมีความสําคัญน้อยกว่าจุดมุ่งหมาย
(5) มนุษย์ที่สมบูรณ์คือมนุษย์ที่เติบโตจากธรรมชาติในป่า
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 31. ประกอบ

38. ข้อใดต่อไปนี้ไม่สอดคล้องกับคําว่า “จุดมุ่งหมายปลายทาง” ในความหมายของอริสโตเติล
(1) Goal
(2) Gold
(3) Final Cause
(4) Telos
(5) Purpose
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 31. ประกอบ

39. ข้อใดต่อไปนี้ตรงกับบทบาทของ Leviathan มากที่สุด
(1) Sustaining Anarchy
(2) Keeping them all in Awe
(3) Promoting State of War
(4) Being Judge and Executioner
(5) Protecting Property
ตอบ 2 หน้า 37 – 38 โทมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes) มองว่า การเกิดสภาวะสงครามทําให้มนุษย์ จําเป็นต้องแสวงหาสันติภาพเพื่อจะทําให้ทุกคนมีชีวิตรอด โดยต้นเหตุของสภาวะสงครามก็คือสิทธิตามธรรมชาติอันไม่จํากัดที่มีเหนือร่างกายของมนุษย์ทุกคนและมนุษย์ทุกคนก็สามารถใช้ มันได้ ด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงมีความจําเป็นที่ต้องสละสิทธิตามธรรมชาติดังกล่าวให้ Leviathan หรือองค์อธิปัตย์มีอํานาจเด็ดขาดสูงสุดอย่างไม่จํากัดเพื่อให้มนุษย์ทุกคนตกอยู่ภายใต้ความกลัว (Keeping them all in Awe) และไม่ให้เขาเหล่านั้นกลับไปอยู่ในสภาวะธรรมชาติอันเป็นสภาพของสงครามอีกต่อไป

40. จากประโยคที่ว่า “มนุษย์อยู่ในสภาวะที่ไม่มีรัฐหรือสังคมการเมือง ไม่มีกฎหมาย ไม่มีรัฐบาล แต่ละคน อยู่กันอย่างเป็นอิสระ” ตรงกับข้อใดต่อไปนี้มากที่สุด
(1) รัฐธรรมนูญ
(2) อํานาจอธิปไตย
(3) สภาวะธรรมชาติ
(4) เสรีภาพทางความคิด
(5) ทุกข้อเป็นส่วนหนึ่งของประโยคนี้
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 22. ประกอบ

41. ระบบทุนนิยมเป็นระบบที่กระจายทรัพย์สินดีที่สุด
(1) ทําไมเราต้องอยู่ในสังคมการเมือง
(2) ทําไมเราต้องเชื่อฟังกฎหมาย
(3) ใครควรเป็นผู้ปกครอง
(4) เรามีเสรีภาพหรือไม่
(5) Distributive Justice
ตอบ 5 หน้า 159 – 160, 162, 170 ความยุติธรรมในการกระจายทรัพยากร (Distributive Justice) เป็นคําถามหรือข้อถกเถียงทางปรัชญาการเมืองที่เกี่ยวกับว่า ในสังคมนั้นควรมีการกระจาย ทรัพยากรหรือทรัพย์สินอย่างไรให้เกิดความยุติธรรม ซึ่งในประเด็นนี้ได้มีนักคิดให้คําตอบไว้ หลากหลาย เช่น จอห์น ล็อค (John Locke) มองว่า ระบบทุนนิยมหรือระบบที่มีการกระจาย ทรัพยากรอย่างเสรีเป็นระบบการกระจายทรัพยากรหรือทรัพย์สินที่ดีที่สุด หรือคาร์ล มาร์กซ์ (Karl Marx) ที่มีมุมมองในลักษณะตรงกันข้ามกับล็อค โดยมองว่า การกระจายทรัพยากรไม่ควร จะปล่อยเสรี และให้เอกชนแข่งขันกัน แต่การกระจายทรัพยากรควรจะเป็นหน้าที่ของรัฐที่เป็น ตัวแทนของบรรดากรรมาชีพทั้งหลาย เป็นต้น

42. ข้อถกเถียงเกี่ยวกับว่า ถ้าประชาชนยอมรับการรัฐประหาร รัฐประหารนั้นจะถือว่าชอบธรรมหรือไม่
(1) ทําไมเราต้องอยู่ในสังคมการเมือง
(2) ทําไมเราต้องเชื่อฟังกฎหมาย
(3) ใครควรเป็นผู้ปกครอง
(4) เรามีเสรีภาพหรือไม่
(5) Distributive Justice
ตอบ 3 หน้า 7, 85, (คําบรรยาย) “ใครควรเป็นผู้ปกครอง” เป็นคําถามหนึ่งในทางปรัชญาการเมืองที่มีความสําคัญและเป็นประเด็นในการถกเถียงกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งในประเด็นนี้อาจจะมี การถกเถียงหรือตั้งคําถามว่าผู้ปกครองที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร ใครควรจะเป็นผู้ปกครอง การเข้ามามีอํานาจของผู้ปกครองมีความชอบธรรมหรือไม่ เป็นต้น

43. นักคิดคนใดเขียนหนังสือเรื่อง Anarchy, State and Utopia
(1) Karl Marx
(2) Robert Nozick
(3) John Stuart Mill
(4) John Rawls
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 2 หน้า 187 – 189, (คําบรรยาย) โรเบิร์ต โนซิค (Robert Nozick) นักคิดชาวอเมริกัน เป็นผู้เขียนหนังสือเรื่อง “Anarchy, State and Utopia” เขาเห็นว่ารัฐไม่ควรเข้ามาแทรกแซง เรื่องใด ๆ ของประชาชนเลย โดยเฉพาะเรื่องการกระจายทรัพยากร เพราะมองว่าการตัดสินใจ ต่าง ๆ ในสังคมควรจะเป็นไปอย่างเสรีโดยไม่ต้องมีการกํากับหรือวางแผนอย่างตายตัวจากรัฐ เหตุผลที่โนซิคเสนอเช่นนี้ก็เนื่องมาจากเขามีฐานคิดที่ว่า ถ้าคน ๆ หนึ่งได้รับทรัพยากรมาด้วย ความชอบธรรมแล้ว รัฐหรือเอกชนคนใดก็ไม่มีสิทธิที่จะมาพรากเอาทรัพย์สินนั้น ๆ ไปจากเจ้าของได้อย่างชอบธรรม

44. ประชาธิปไตยดีที่สุด
(1) ทําไมเราต้องอยู่ในสังคมการเมือง
(2) ทําไมเราต้องเชื่อฟังกฎหมาย
(3) ใครควรเป็นผู้ปกครอง
(4) เรามีเสรีภาพหรือไม่
(5) Distributive Justice
ตอบ 3 หน้า 85 คําถามที่ว่า “ใครควรเป็นผู้ปกครอง” ในปัจจุบันถ้าถามคนทั่ว ๆ ไปก็คงจะ ได้รับคําตอบว่า ประชาชนควรจะเป็นผู้ปกครอง เพราะอํานาจอธิปไตยเป็นของประชาชน โดยประชาชนจะเป็นผู้เลือกรัฐบาลให้ไปทําหน้าที่แทน เมื่อรัฐบาลมีปัญหาประชาชนก็เรียก อํานาจคืน ดังนั้นการตอบในลักษณะนี้ก็หมายถึงว่า คนที่ตอบเห็นว่าการปกครองแบบ ประชาธิปไตยคือการปกครองที่ดีที่สุด (ดูคําอธิบายข้อ 42. ประกอบ)

45. การเมือง (Politics) มีความหมายถึง
(1) กิจการของนครรัฐ
(2) เรื่องส่วนรวม
(3) เรื่องสาธารณะ
(4) วิถีแห่งการอยู่ร่วมกันของมนุษย์
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 6 (คําบรรยาย) การเมือง (Politics) ในภาษากรีกก็คือ “Politika” ซึ่งหมายถึง เรื่องราว หรือกิจการของเมืองหรือนครรัฐ (Affairs of the Cities) สําหรับพวกกรีกเอง คําว่าการเมืองนั้น เป็นคําที่ใช้สื่อความหมายสะท้อนถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับส่วนรวม หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับส่วนรวม เรื่องนั้นก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกคนที่อยู่ในนครรัฐด้วย ด้วยเหตุนี้คําว่าการเมืองจึงเป็นเรื่องราวที่หมายถึงส่วนรวม คนทุกคน เรื่องสาธารณะ อันจะ ตรงกันข้ามกับเรื่องส่วนตัว ผลประโยชน์เฉพาะ หรือในความหมายที่กว้างที่สุด การเมืองหมายถึง กิจกรรมหรือวิถีแห่งการอยู่ร่วมกันของมนุษย์

46. ข้อถกเถียงเกี่ยวกับความชอบธรรมของรัฐบาล
(1) ทําไมเราต้องอยู่ในสังคมการเมือง
(2) ทําไมเราต้องเชื่อฟังกฎหมาย
(3) ใครควรเป็นผู้ปกครอง
(4) เรามีเสรีภาพหรือไม่
(5) Distributive Justice
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 42. ประกอบ

47. ปรัชญา (Philosophy) มีความหมายถึง
(1) ความรู้
(2) ความสามารถ
(3) ความรัก
(4) ถูกข้อ 1 และ 2
(5) ถูกข้อ 1 และ 3
ตอบ 5 หน้า 5, (คําบรรยาย) คําว่า “ปรัชญา” (Philosophy) เกิดมาจากการผสมกันของคํา 2 คํา คือ คําว่า “ความรัก” (Philos/Love) กับคําว่า “ความรู้” (Sophia/Wisdom) ดังนั้นปรัชญา จึงหมายถึง “ความรักในความรู้” (Love of Wisdom) นั่นเอง

48. แนวคิดเรื่องม่านแห่งความไม่รู้
(1) Kart Marx
(2) Robert Nozick
(3) John Stuart Mill
(4) John Rawls
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 4 หน้า 179 – 180, 186 จอห์น รอลส์ (John Rawls) ได้ใช้วิธีการทดลองทางความคิด (Thought Experiment) ในการอธิบายหลักการกระจายทรัพยากร โดยเขาได้จําลองสถานการณ์หนึ่งขึ้นมา เพื่อให้ใครก็ได้ไปตัดสินใจภายใต้สภาวะดังกล่าวว่าเขาต้องการสังคมแบบใด แต่กระนั้นรอลส์ ได้วางเงื่อนไขภายใต้สภาวะของม่านแห่งความไม่รู้ (Veil of Ignorance) โดยผู้ตัดสินใจจะไม่ทราบ ว่าตนเป็นใคร มีสถานะอะไร ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ตัดสินใจเลือกหลักการทางสังคมใด ๆ เข้าข้างตนเอง โดยรอลส์เชื่อว่าสถานการณ์ที่ว่านี้จะเป็นการตัดสินอันยุติธรรมเพราะผู้ตัดสินใจ จะใช้แต่เหตุผลและไม่นําสิ่งต่าง ๆ เช่น สถานะของตนเองมาเป็นปัจจัยในการตัดสิน

49. รัฐไม่ควรเข้ามาแทรกแซงเรื่องใด ๆ ของประชาชนเลย
(1) Karl Marx
(2) Robert Nozick
(3) John Stuart Mill
(4) John Rawls
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 43. ประกอบ

50. กรรมกรต้องทําการปฏิวัติ
(1) Karl Marx
(2) Robert Nozick
(3) John Stuart Mill
(4) John Rawls
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 1 หน้า 173 – 174 คาร์ล มาร์กซ์ (Karl Marx) เห็นว่า ในระบบทุนนิยมนั้นรัฐจะเป็นเครื่องมือ ของนายทุนที่ใช้ในการครอบงํา ปกครอง และควบคุมให้สังคม การเมือง และเศรษฐกิจดําเนินไป ตามแนวทางที่นายทุนต้องการ การที่จะไปขอร้องให้รัฐหรือรัฐบาลเข้ามาจัดการกับนายทุนนั้น เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงเสนอให้กรรมกรจะต้องจัดการช่วยเหลือตนเองด้วยการ ปฏิวัติโค่นล้มระบบทุนนิยม โดยการเข้ายึดครองปัจจัยการผลิตและสถาปนารัฐสังคมนิยมที่เป็น รัฐของชนชั้นกรรมาชีพขึ้นมา

51. “ด้วยการที่มนุษย์เชื่อฟังคําสั่งของพระเจ้า จึงบุกเบิกที่ดิน ทําไร่ไถนา หว่านทุก ๆ ที่บนแผ่นดินโลก และ ด้วยวิธีการดังกล่าว ก็ผนวกสิ่งต่าง ๆ ให้กลายเป็นทรัพย์สินของเขา ซึ่งคนอื่น ๆ ไม่มีสิทธิอ้างกรรมสิทธิ์ หรือไม่มีสิทธิแย่งสิ่งนั้นไปจากเจ้าของโดยปราศจากการต่อสู้จนถึงขั้นบาดเจ็บ”
(1) Karl Marx
(2) Robert Nozick
(3) John Stuart Mill
(4) John Rawls
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 5 หน้า 162 – 163 จอห์น ล็อค (John Locke) ได้อธิบายไว้ว่า สิ่งใด ๆ ก็ตามบนโลกนี้ที่มนุษย์ ได้นํามันออกมาจากสภาพธรรมชาติดั้งเดิม หรือทําการเปลี่ยนรูปแบบของมันให้ต่างออกไปจาก ลักษณะดั้งเดิม กล่าวคือ ด้วยการที่เขานําแรงงานของตัวเองไปผสมร่วมกับสิ่งนั้น ๆ ที่เคยเป็น สิ่งตามธรรมชาติจนมันมีการเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นไปด้วยวิธีการเคลื่อนย้าย เปลี่ยนรูป ดัดแปลง ตัดต่อ ฯลฯ สิ่งของนั้น ๆ ก็จะกลายมาเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาโดยชอบธรรม และคนอื่น ก็ไม่มีสิทธิต่อสิ่งนั้นอีกต่อไป ดังที่เขาได้กล่าวไว้ว่า “สิ่งต่าง ๆ จะกลายมาเป็นทรัพย์สินของ ข้าพเจ้า โดยไม่ต้องมีการยินยอมหรือได้รับมอบหมายจากบุคคลใด ๆ ก็ตาม เพราะว่าแรงงาน เป็นของข้าพเจ้าที่ใช้ในการนําสิ่งนั้น ๆ ออกมาจากสภาวะธรรมชาติที่เป็นส่วนรวม… ด้วยการที่มนุษย์เชื่อฟังคําสั่งของพระเจ้า จึงบุกเบิกที่ดิน ทําไร่ไถนา หว่านทุก ๆ ที่บนแผ่นดินโลก และ ด้วยวิธีการดังกล่าว ก็ผนวกสิ่งต่าง ๆ ให้กลายเป็นทรัพย์สินของเขา ซึ่งคนอื่น ๆ ไม่มีสิทธิอ้าง กรรมสิทธิ์ หรือไม่มีสิทธิแย่งสิ่งนั้นไปจากเจ้าของโดยปราศจากการต่อสู้จนถึงขั้นบาดเจ็บ”

52. ผู้เขียนหนังสือเรื่อง A Theory of Justice
(1) Karl Marx
(2) Robert Nozick
(3) John Stuart Mill
(4) John Rawls
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 4 หน้า 177 – 178 จอห์น รอลส์ (John Rawls) ได้เขียนหนังสือเรื่อง “A Theory of Justice” (ทฤษฎีหนึ่งว่าด้วยความยุติธรรม) ซึ่งตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1971 จากผลงานนี้เอง ที่ทําให้อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บิล คลินตัน (Bill Clinton) กล่าวยกย่องรอลส์ ว่าเป็นนักปรัชญาการเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 20

53.John Austin
(1) ทําไมเราต้องอยู่ในสังคมการเมือง
(2) ทําไมเราต้องเชื่อฟังกฎหมาย
(3) ใครควรเป็นผู้ปกครอง
(4) เรามีเสรีภาพหรือไม่
(5) Distributive Justice
ตอบ 2 หน้า 57 – 58 ในประเด็นคําถามที่ว่า “ทําไมเราต้องเชื่อฟังกฎหมาย” นั้น จอห์น ออสติน (John Austin) ซึ่งเป็นนักปรัชญากฎหมายชาวอังกฤษ และเป็นผู้เสนอทฤษฎีการบังคับบัญชา ของกฎหมาย (Command Theory of Law) ได้อธิบายว่า เหตุที่เราต้องเชื่อฟังกฎหมายนั้น ก็เพราะว่าถ้าเราไม่เชื่อฟัง เราก็จะต้องถูกลงโทษตามตัวบทกฎหมายนั่นเอง

54.Man was born free
(1) ทําไมเราต้องอยู่ในสังคมการเมือง
(2) ทําไมเราต้องเชื่อฟังกฎหมาย
(3) ใครควรเป็นผู้ปกครอง
(4) เรามีเสรีภาพหรือไม่
(5) Distributive Justice
ตอบ 4 หน้า 135, 137 – 138, (คําบรรยาย) ในประเด็นคําถามที่ว่า “เรามีเสรีภาพหรือไม่” นั้น ฌอง ฌากส์ รุสโซ (Jean Jacques Rousseau) ได้อธิบายว่า มนุษย์นั้นมีเสรีภาพติดตัวมาตั้งแต่ กําเนิดหรือเกิดมาพร้อมกับเสรีภาพ (Man was born free) แต่ด้วยสังคมหรือสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ทําให้มนุษย์มีเสรีภาพลดน้อยลง แต่กระนั้นการดํารงอยู่ของเสรีภาพไม่ควรจะต้องสูญสลายไป เพราะการที่มนุษย์ไม่มีเสรีภาพหรือถูกพรากเสรีภาพไป นั่นเท่ากับคน ๆ นั้นได้ถูกพราก ความเป็นมนุษย์ไปด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้การรวมตัวของมนุษย์ไม่ว่าในรูปแบบใด ไม่ว่าจะเป็นรัฐ หรือสังคมที่ได้ชื่อว่าเป็นรัฐที่ดีหรือสังคมที่ชอบธรรมนั้น เสรีภาพจะต้องเป็นแกนกลางของการรวมตัวของมนุษย์

55. แนวคิดเรื่องค่าแรงขั้นต่ํา (Minimum Wage) คือ วิธีการหนึ่งในการรีดเอามูลค่าส่วนเกินออกมาจากกรรมกร
(1) Karl Marx
(2) Robert Nozick
(3) John Stuart Mill
(4) John Rawls
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 1 หน้า 172 คาร์ล มาร์กซ์ (Karl Marx) อธิบายว่า ค่าแรงขั้นต่ํา (Minimum Wage) คือ วิธีการหนึ่งของนายทุนในการรีดเอามูลค่าส่วนเกินออกมาจากกรรมกรเพื่อให้ตนเองได้กําไร มากที่สุด โดยนายทุนจะจ่ายค่าแรงให้ต่ําที่สุดเท่าที่กรรมกรจะสามารถดํารงชีวิตอยู่ได้เพื่อที่ว่าแรงงานนั้นจะกลับมาทําการผลิตให้กับนายทุนได้ต่อไปอีกเรื่อย ๆ

56. วาทวิทยาหรือวาทศิลป์ (Rhetoric) คืออะไร
(1) การสนทนาหาคําตอบทางการเมือง
(2) การวาดรูปแบบกรีก
(3) คุณธรรมของชาวเอเธนส์ที่ต้องบรรลุถึง
(4) ศิลปะการแสดงแขนงหนึ่งในยุคกรีก
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 5 หน้า 9, (คําบรรยาย) วาทวิทยาหรือวาทศิลป์ (Rhetoric) คือ ศิลปะในการใช้ถ้อยคํา สํานวนโวหารให้ประทับใจ หรือเป็นศิลปะในการชักจูงหรือโน้มน้าวคนด้วยถ้อยคํา

57. รัฐเกิดจากสัญญาประชาคม
(1) ทําไมเราต้องอยู่ในสังคมการเมือง
(2) ทําไมเราต้องเชื่อฟังกฎหมาย
(3) ใครควรเป็นผู้ปกครอง
(4) เรามีเสรีภาพหรือไม่
(5) Distributive Justice
ตอบ 1 หน้า 29 – 30 ในประเด็นคําถามที่ว่า “ทําไมเราต้องอยู่ในสังคมการเมือง” นั้น นักคิดสกุล สัญญาประชาคม (Social Contract) ได้อธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า มนุษย์โดยธรรมชาติแล้ว ไม่ใช่สัตว์ที่อยู่ในสังคมการเมือง แต่มนุษย์มารวมตัวเพื่ออยู่ร่วมกันเป็นสังคมการเมืองสืบเนื่องมาจากจุดประสงค์ในการแก้ปัญหาบางประการอันเกิดจากการอยู่คนเดียว และรัฐก็เกิดจาก สัญญาประชาคมหรือการตกลงทําสัญญาระหว่างมนุษย์ด้วยกัน รัฐจึงไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติ หรือกล่าวง่าย ๆ ก็คือ รัฐเป็นสิ่งที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยมนุษย์ด้วยจุดมุ่งหมายบางอย่าง (Artificial)

58. Henry David Thoreau
(1) ทําไมเราต้องอยู่ในสังคมการเมือง
(2) ทําไมเราต้องเชื่อฟังกฎหมาย
(3) ใครควรเป็นผู้ปกครอง
(4) เรามีเสรีภาพหรือไม่
(5) Distributive Justice
ตอบ 2 หน้า 78 – 79 ในประเด็นคําถามที่ว่า “ทําไมเราต้องเชื่อฟังกฎหมาย” นั้น เฮนรี่ เดวิด ธอโร (Henry David Thoreau) ได้อธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า พลเมืองทุกคนควรจะต้องเชื่อฟังกฎหมาย เพราะพลเมืองก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในสังคม และสังคมนั้นก็จําเป็นที่จะต้องมีกฎหมายสําหรับ ใช้บังคับควบคุมสมาชิกในสังคม แต่ธอโรก็เห็นว่าไม่ใช่ทุกกรณีที่จะต้องเชื่อฟังกฎหมายเพราะถ้าเกิดกฎหมายมันไม่ยุติธรรมหรือขัดกับมโนธรรมของเรา เราก็ไม่จําเป็นที่จะต้องเชื่อฟังหรือ ปฏิบัติตามกฎหมายนั้น แต่กระนั้นถ้าเลือกที่จะไม่เชื่อฟังหรือปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว คนๆนั้นก็จําต้องยอมรับการลงโทษจากกฎหมายด้วย

59.Crito
(1) เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะว่าถ้าไม่เชื่อเราก็จะต้องถูกลงโทษ
(2) เราควรเชื่อฟังกฎหมาย เพราะเราตกลงกับรัฐไปแล้วทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว
(3) เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะมันคือคําสั่งที่มาจากพระเจ้า
(4) เราเชื่อฟังกฎหมายตราบเท่าที่เราได้ตกลงกับรัฐไว้เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นเราไม่เชื่อ
(5) เราไม่ต้องเชื่อฟังกฎหมาย ถ้ากฎหมายนั้นขัดกับมโนธรรมของเรา
ตอบ 2 หน้า 61 – 62, (คําบรรยาย) ไครโต (Crito) เป็นบทสนทนาที่เขียนขึ้นในยุคกรีกโบราณ โดยเพลโต ซึ่งเป็นส่วนที่จะนํามาอธิบายในประเด็นที่ว่า “เราควรเชื่อฟังกฎหมาย เพราะเรา ตกลงกับรัฐไปแล้วทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว” โดยเนื้อหาในงานเขียนเป็นบทสนทนาตอนที่โสเตรตีส กําลังรอประหารชีวิตอยู่ ซึ่งในเวลานั้นไครโตผู้เป็นเพื่อนสนิทได้พยายามหว่านล้อมให้โสเครตีส หนีออกจากคุกแต่เขาไม่ยอมหนี โดยโสเครตีสได้ให้เหตุผลว่าทําไมเราต้องเชื่อฟังรัฐ และเชื่อฟัง กฎหมายที่ออกโดยรัฐไว้ว่า “ประเทศของท่านมีค่าควรแก่การเคารพสักการะยิ่งกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าและสูงส่งกว่าบรรพบุรุษของท่านเองไม่ใช่หรือ ท่านควรแสดงความเคารพนับถือประเทศ และถ่อมตนยิ่งกว่าที่แสดงต่อบิดามารดา ยามเมื่อรัฐทําให้ท่านไม่พอใจ ทางเลือกของท่านก็คือ ควรชักจูงให้คนในรัฐเห็นด้วยกับท่าน หรือไม่ท่านก็ต้องทําตามคําสั่งของรัฐ ซึ่งไม่ว่าคําสั่งนั้น จะให้ท่านทนทุกข์ทรมานท่านก็ต้องยอมทนทุกข์ทรมานตามคําสั่งอย่างไม่ปริปากบ่น รัฐจะให้ท่าน ถูกเฆี่ยนตี ถูกจําคุก หรือถูกสั่งให้ไปสงคราม เพื่อที่จะได้รับบาดเจ็บหรือถูกฆ่าโดยศัตรู ท่านก็ต้อง ทําตามเจตนารมณ์นั้นของประเทศ นี่คือสิ่งที่ถูกต้อง….”

60. นักปฏิรูปสังคมชาวอังกฤษช่วงศตวรรษที่ 19
(1) Karl Marx
(2) Robert Nozick
(3) John Stuart Mill
(4) John Rawls
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 5 หน้า 168 เซอร์เอ็ดวิน แซดวิก (Sir Edwin Chadwick) เป็นนักปฏิรูปสังคมชาวอังกฤษ ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 19 (ค.ศ. 1800 – 1890) เขาได้ไปสํารวจชีวิตของชนชั้นล่างของ อังกฤษและเขียนออกมาเป็นรายงาน โดยเขาเล่าว่าคนจนทั่วไปไม่มีเงินเช่าบ้านอยู่อาศัยเป็นครอบครัว คนพวกนี้จะต้องไปเช่าอยู่ในโรงแรมที่ห้องหนึ่งมีคนอาศัยอยู่หลาย ๆ คน ซึ่งเป็น สภาพชีวิตของคนจนในเมืองที่ย่ําแย่มาก ๆ

61. “ใครจะเป็นคนตัดสินในกรณีที่ผู้ปกครอง หรือผู้ออกกฎหมายกระทําการขัดแย้งกับความไว้วางใจที่ได้รับ มอบมา…เกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าพเจ้าขอตอบว่า ประชาชนนั่นเองที่จะเป็นผู้ตัดสิน คนที่จะต้องถูกตัดสิน ไม่ว่าจะในกรณีที่ผู้ได้รับมอบหมายความไว้วางใจหรือตัวแทนจะปฏิบัติหน้าที่ได้ดีหรือไม่ก็ตาม”
(1) เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะว่าถ้าไม่เชื่อเราก็จะต้องถูกลงโทษ
(2) เราควรเชื่อฟังกฎหมาย เพราะเราตกลงกับรัฐไปแล้วทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว
(3) เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะมันคือคําสั่งที่มาจากพระเจ้า
(4)เราเชื่อฟังกฎหมายตราบเท่าที่เราได้ตกลงกับรัฐไว้เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นเราไม่เชื่อ
(5) เราไม่ต้องเชื่อฟังกฎหมาย ถ้ากฎหมายนั้นขัดกับมโนธรรมของเรา
ตอบ 4 หน้า 73 – 75 จอห์น ล็อค (John Locke) นักคิดชาวอังกฤษ มองว่า พลเมืองต้องเชื่อฟัง กฎหมายเฉพาะเรื่องที่ได้ตกลงกับรัฐไว้เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นไม่ต้องเชื่อฟัง และเมื่อใดก็ตาม ที่รัฐบาลทําหน้าที่บกพร่องหรือใช้อํานาจเกินหน้าที่ของตน ประชาชนก็มีสิทธิที่จะไม่เชื่อฟัง และสามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ ซึ่งสิทธิดังกล่าวนี้เรียกว่า “สิทธิแห่งการปฏิวัติ” (Right of Revolution) ดังนั้นตามความคิดของล็อค ประชาชนจึงเป็นผู้ตัดสินว่ารัฐบาลทําหน้าที่บกพร่อง หรือทําเกินกว่าอํานาจที่ประชาชนมอบให้หรือไม่ ซึ่งถ้าไม่เป็นไปตามเจตจํานงที่ได้รับมอบหมาย ประชาชนก็มีสิทธิที่จะเปลี่ยนรัฐบาล และไม่เชื่อฟังกฎหมายหรือรัฐบาลนั้น ๆ ดังที่ล็อคได้กล่าวว่า “ใครจะเป็นคนตัดสินในกรณีที่ผู้ปกครอง หรือผู้ออกกฎหมายกระทําการขัดแย้งกับความไว้วางใจ ที่ได้รับมอบมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าพเจ้าขอตอบว่า ประชาชนนั่นเองที่จะเป็นผู้ตัดสิน คนที่ จะต้องถูกตัดสินไม่ว่าจะในกรณีที่ผู้ได้รับมอบหมายความไว้วางใจหรือตัวแทนจะปฏิบัติหน้าที่ ได้ดีหรือไม่ก็ตาม แม้ว่าอํานาจในการไว้วางใจนั้นจะยังคงอยู่กับเขา แต่ผู้ที่แต่งตั้งตัวแทนโดยการมอบอํานาจความไว้วางใจให้จะต้องมีอํานาจในการเรียกคืนความไว้วางใจจากตัวแทนในกรณีที่เขาละเมิดความไว้วางใจ…”

62. สิ่งที่เป็นแก่นแท้ของความเป็นจริง โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์นั้นจริง ๆ แล้วไม่ใช่สสารหรือ วัตถุ (Materialism) แต่อย่างใด แต่เป็นสิ่งที่เรียกว่า จิต ซึ่งพวกนี้เรียกว่า พวกจิตนิยม (Idealism)
(1) Metaphysics
(2) Epistemology
(3) Aesthetics
(4) Logic
(5) Ethics
ตอบ 1 หน้า 1 – 2, (คําบรรยาย) อภิปรัชญา (Metaphysics) เป็นสาขาที่มุ่งศึกษาถึงแก่นแท้หรือ ความเป็นจริงสูงสุดของสิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้ เช่น ในสาขานี้อาจจะตั้งคําถามว่า ความจริงแท้ คืออะไร อะไรคือความจริงแท้สูงสุด หรืออาจจะมีการตั้งคําถามกันว่า สิ่งที่เป็นแก่นสารของ สิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้มีที่มาจากอะไร เช่น บางคนอาจจะเสนอว่าสิ่งที่เป็นแก่นแท้ของความเป็นจริง โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์นั้นจริง ๆ แล้วไม่ใช่สสารหรือวัตถุ (Materialism) แต่อย่างใด แต่เป็นสิ่งที่เรียกว่า จิต ซึ่งพวกนี้เรียกว่า พวกจิตนิยม (Idealism)

63. นักคิดคนใดไม่เชื่อเรื่องกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินส่วนบุคคล
(1) Karl Marx
(2) Robert Nozick
(3) John Stuart Mill
(4) John Rawls
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 1 (คําบรรยาย) คาร์ล มาร์กซ์ (Karl Marx) เป็นนักคิดที่ไม่เห็นด้วยกับระบบทุนนิยม เขาได้เขียน หนังสือว่าด้วยทุน (Das Kapital) ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1867 ซึ่งมีเนื้อหาเป็นการวิเคราะห์ และวิพากษ์วิจารณ์ระบบทุนนิยมที่เน้นแต่เรื่องของกําไร-ขาดทุน การจ้างงาน การสะสมทุน กรรมสิทธิ์ทรัพย์สินส่วนบุคคล การขูดรีดมูลค่าส่วนเกินจากแรงงาน ฯลฯ

64. นักคิดคนใดที่เขียนหนังสือเรื่องว่าด้วยทุน
(1) Kart Marx
(2) Robert Nozick
(3) John Stuart Mill
(4) John Rawls
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 63. ประกอบ

65. Command Theory of Law
(1) เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะว่าถ้าไม่เชื่อเราก็จะต้องถูกลงโทษ
(2) เราควรเชื่อฟังกฎหมาย เพราะเราตกลงกับรัฐไปแล้วทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว
(3) เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะมันคือคําสั่งที่มาจากพระเจ้า
(4) เราเชื่อฟังกฎหมายตราบเท่าที่เราได้ตกลงกับรัฐไว้เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นเราไม่เชื่อ
(5) เราไม่ต้องเชื่อฟังกฎหมาย ถ้ากฎหมายนั้นขัดกับมโนธรรมของเรา
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 53. ประกอบ

66. Henry David Thoreau
(1) เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะว่าถ้าไม่เชื่อเราก็จะต้องถูกลงโทษ
(2) เราควรเชื่อฟังกฎหมาย เพราะเราตกลงกับรัฐไปแล้วทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว
(3) เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะมันคือคําสั่งที่มาจากพระเจ้า
(4) เราเชื่อฟังกฎหมายตราบเท่าที่เราได้ตกลงกับรัฐไว้เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นเราไม่เชื่อ
(5) เราไม่ต้องเชื่อฟังกฎหมาย ถ้ากฎหมายนั้นขัดกับมโนธรรมของเรา
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 58. ประกอบ

67. มักจะเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ของนักคิดนักปรัชญา
(1) Metaphysics
(2) Epistemology
(3) Aesthetics
(4) Logic
(5) Ethics
ตอบ 4 หน้า 3 ตรรกวิทยา (Logic) เป็นสาขาที่ไม่ได้มุ่งศึกษาถึงสิ่งที่เป็นพื้นฐานเหมือนสาขาอื่น ๆ แต่เป็นการศึกษาถึงวิธีการให้เหตุผลหรือการอ้างเหตุผลในเรื่องต่าง ๆ ว่ามีลักษณะสมเหตุสมผลหรือไม่อย่างไร โดยทั่วไปแล้วสิ่งที่เรียกว่าตรรกวิทยานั้นมักจะเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ของนักคิดนักปรัชญาเสียมากกว่า

68. ประชาธิปไตยแบบเอเธนส์เน้นความเท่าเทียมโดยกลไกใดในการได้มาซึ่งผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง
(1) เลือกตั้ง
(2) สรรหา
(3) สอบคัดเลือก
(4) สภาแต่งตั้ง
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 5 หน้า 3, (คําบรรยาย) ในรูปแบบการปกครองประชาธิปไตยแบบเอเธนส์ที่เน้นความเสมอภาค เท่าเทียมกันนั้น กลไกในการได้มาซึ่งผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือผู้บริหารกิจการสาธารณะ จะไม่ใช้วิธีการเลือกตั้งหรือแต่งตั้ง เพราะการเลือกตั้งและแต่งตั้งนั้นเป็นวิธีการของการปกครอง แบบชนชั้นสูง แต่วิธีการแบบประชาธิปไตยของเอเธนส์จะใช้วิธีการ “จับสลาก” (By Lot) มีเพียงไม่กี่ตําแหน่งเท่านั้นที่ยังคงใช้การแต่งตั้งตามความสามารถ เช่น การเป็นแม่ทัพ หรือ การเป็นทูตที่จําต้องไปเจรจากับรัฐอื่น ๆ

69. Antigone
(1) เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะว่าถ้าไม่เชื่อเราก็จะต้องถูกลงโทษ
(2) เราควรเชื่อฟังกฎหมาย เพราะเราตกลงกับรัฐไปแล้วทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว
(3) เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะมันคือคําสั่งที่มาจากพระเจ้า
(4) เราเชื่อฟังกฎหมายตราบเท่าที่เราได้ตกลงกับรัฐไว้เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นเราไม่เชื่อ
(5) เราไม่ต้องเชื่อฟังกฎหมาย ถ้ากฎหมายนั้นขัดกับมโนธรรมของเรา
ตอบ 3 หน้า 71 – 72 ตัวอย่างหนึ่งของการอธิบายเรื่อง “เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะมันคือคําสั่งที่มาจากพระเจ้าหรือตัวแทนของพระเจ้า” เช่น กรณีของแอนธิกอน (Antigone) เธอได้ละเมิด คําสั่งของกษัตริย์คลื่อนที่ห้ามฝังศพของโพลินีซิสซึ่งเป็นกบฏ โดยเธอเห็นว่ามันเป็นเรื่องประหลาด และฝืนมโนธรรมอย่างมากที่จะไม่ฝังศพญาติสนิทของตนเอง ซึ่งการกระทําของแอนธิกอนนั้น มีลักษณะคล้ายกับแนวคิดของคริสเตียนที่ว่า ถ้ากฎหมายที่กําหนดโดยมนุษย์สั่งให้ทําสิ่งที่ขัดต่อ พระเจ้า มนุษย์ก็ไม่จําเป็นที่จะต้องเชื่อฟัง เพราะกฎของพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่ากฎของมนุษย์ แต่กระนั้นเธอก็ยอมถูกลงโทษตามคําสั่งของกษัตริย์

70. “ข้าพเจ้าคิดว่าเราควรจะเป็นมนุษย์ก่อนสิ่งอื่นใด และเป็นพลเมืองของรัฐในอันดับถัดไป มันคงไม่ถูกต้องนัก ที่จะมอบความเคารพให้แก่กฎหมายยิ่งกว่าความถูกต้องเที่ยงธรรม พันธะหน้าที่เพียงหนึ่งเดียวที่ข้าพเจ้ามีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามก็คือ การกระทําในสิ่งที่คิดว่าถูกต้องในทุกสถานการณ์”
(1) เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะว่าถ้าไม่เชื่อเราก็จะต้องถูกลงโทษ
(2) เราควรเชื่อฟังกฎหมาย เพราะเราตกลงกับรัฐไปแล้วทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว
(3) เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะมันคือคําสั่งที่มาจากพระเจ้า
(4)เราเชื่อฟังกฎหมายตราบเท่าที่เราได้ตกลงกับรัฐไว้เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นเราไม่เชื่อ
(5) เราไม่ต้องเชื่อฟังกฎหมาย ถ้ากฎหมายนั้นขัดกับมโนธรรมของเรา
ตอบ 5 หน้า 80 – 81 เฮนรี่ เดวิด ธอโร (Henry David Thoreau) เคยถูกจับขังคุกเนื่องจากเขา ปฏิเสธการจ่ายภาษีให้กับรัฐ โดยเขาอ้างว่ากฎหมายดังกล่าวเป็นสิ่งที่ขัดกับมโนธรรมของเขา เขาจึงไม่ต้องเชื่อฟัง ซึ่งภายหลังจากที่ธอโรออกจากคุกก็ได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไว้ใน บทความชื่อว่า “Resistance to Civil Government” (การขัดขืนต่อรัฐบาลพลเรือน) โดยมี เนื้อหาบางส่วนดังนี้ “ ข้าพเจ้าคิดว่าเราควรจะเป็นมนุษย์ก่อนสิ่งอื่นใด และเป็นพลเมืองของรัฐ ในอันดับถัดไป มันคงไม่ถูกต้องนักที่จะมอบความเคารพให้แก่กฎหมายยิ่งกว่าความถูกต้อง เที่ยงธรรม พันธะหน้าที่เพียงหนึ่งเดียวที่ข้าพเจ้ามีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามก็คือ การกระทําในสิ่งที่ข้าพเจ้าคิดว่าถูกต้องในทุกสถานการณ์

71. ประสาทสัมผัสเท่านั้นที่ถือว่าเป็นช่องทางของการรับรู้
(1) Metaphysics
(2) Epistemology
(3) Aesthetics
(4) Logic
(5) Ethics
ตอบ 2 หน้า 2, (คําบรรยาย) ญาณวิทยา (Epistemology) หรือบางครั้งเรียกว่า ทฤษฎีความรู้ (Theory of Knowledge) เป็นสาขาที่มุ่งศึกษาเกี่ยวกับความรู้ ดังนั้นในสาขานี้อาจจะ ตั้งคําถามว่า ความรู้คืออะไร ความรู้มาจากไหน มีเกณฑ์ใดในการจําแนกแยกแยะบ้าง หรือ อาจจะตั้งคําถามว่า มนุษย์นั้นรับรู้ถึงสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างไร เช่น คุณเห็นตัวหนังสือในหนังสือ เล่มนี้ได้อย่างไร คุณก็อาจจะตอบว่า “ตาผมไม่บอด ผมย่อมมองเห็นนะซิ” ซึ่งการตอบ ดังกล่าวก็หมายความว่า มนุษย์เห็นได้ด้วยประสาทสัมผัสชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ตา” ดังนั้น ประสาทสัมผัสจึงถือว่าเป็นช่องทางของการรับรู้ถึงสิ่งต่าง ๆ ของมนุษย์

72. การโกหกเป็นสิ่งที่ผิดทุกครั้งหรือไม่ หรือว่าผิดในบางกรณี เช่น เราโกหกเพื่อช่วยผู้บริสุทธิ์เป็นสิ่งที่ผิด หรือไม่ ซึ่งบางคนก็อาจจะบอกว่าถูกเพราะเป็นความผิดที่สุจริต แต่บางคนก็บอกว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
มันก็ผิดแม้จะทําด้วยจุดมุ่งหมายอะไรก็ตาม
(1) Metaphysics
(2) Epistemology
(3) Aesthetics
(4) Logic
(5) Ethics
ตอบ 5 หน้า 3, (คําบรรยาย) จริยศาสตร์ (Ethics) เป็นสาขาที่มุ่งศึกษาถึงสิ่งที่ควรจะเป็น ตลอดจนพฤติกรรมของมนุษย์ที่ควรจะเป็น ดังนั้นจริยศาสตร์จึงเป็นสาขาที่ศึกษาว่าความดีคืออะไร ความประพฤติแบบใดเป็นความประพฤติที่ดี อะไรคือสิ่งที่ควรกระทํา อะไรคือสิ่งที่ไม่ควรกระทํา อะไรคือสิ่งที่ผิด อะไรคือสิ่งที่ถูก เช่น ในสาขาความรู้นี้อาจจะตั้งคําถามว่า การโกหกเป็นสิ่งที่ ผิดทุกครั้งหรือไม่ หรือว่าผิดในบางกรณี เช่น การโกหกเพื่อช่วยผู้บริสุทธิ์เป็นสิ่งที่ผิดหรือไม่ ซึ่งบางคนก็อาจจะบอกว่าถูกเพราะเป็นความผิดที่สุจริต แต่บางคนก็บอกว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มันก็ผิดแม้จะทําด้วยจุดมุ่งหมายอะไรก็ตาม

73.“Demos” ที่เป็นที่มาของคําว่า “Democracy” ในภาษากรีก หมายถึง
(1) คนชั้นสูง
(2) คนชั้นกลาง
(3) คนชั้นล่าง
(4) ประชาชนทั่วไป
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 3 หน้า 106 ศัพท์ดั้งเดิมของคําว่า “Democracy” มาจากภาษากรีกคําว่า “Demokratia ซึ่งเป็นการผสมกันของรากศัพท์ 2 คํา คือ คําว่า “Demos” ที่แปลว่า ฝูงชน ชนชั้นต่ํา คนชั้นล่าง คนจน และคําว่า “Kratia” ที่แปลว่า การปกครอง โดยเมื่อนํามาผสมกันจึงแปลว่า การปกครองของพวกคนจนคนชั้นต่ำ

74. “ยามเมื่อรัฐทําให้ท่านไม่พอใจ ทางเลือกของท่านก็คือ ควรชักจูงให้คนในรัฐเห็นด้วยกับท่าน หรือไม่ท่าน ก็ต้องทําตามคําสั่งของรัฐ ซึ่งไม่ว่าคําสั่งนั้นจะให้ท่านทนทุกข์ทรมานท่านก็ต้องยอมทนทุกข์ทรมานตามคําสั่ง อย่างไม่ปริปากบ่น รัฐจะสั่งให้ท่านถูกเฆี่ยน ถูกจําคุก หรือถูกสั่งให้ไปสงคราม เพื่อจะได้รับบาดเจ็บหรือ ถูกฆ่าโดยศัตรู ท่านก็ต้องทําตามเจตนารมณ์นั้นของประเทศ นี่คือสิ่งที่ถูกต้อง”
(1) เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะว่าถ้าไม่เชื่อเราก็จะต้องถูกลงโทษ
(2) เราควรเชื่อฟังกฎหมาย เพราะเราตกลงกับรัฐไปแล้วทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว
(3) เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะมันคือคําสั่งที่มาจากพระเจ้า
(4) เราเชื่อฟังกฎหมายตราบเท่าที่เราได้ตกลงกับรัฐไว้เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นเราไม่เชื่อ
(5) เราไม่ต้องเชื่อฟังกฎหมาย ถ้ากฎหมายนั้นขัดกับมโนธรรมของเรา
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 59. ประกอบ

75. “เรายึดถือว่าความจริงต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ประจักษ์แจ้งอยู่ในตัวเอง นั่นคือมนุษย์ทุกคนถูกสร้างขึ้นมาอย่างเท่าเทียมกัน และพระเจ้าผู้สร้างได้มอบสิทธิบางประการอันเพิกถอนมิได้ไว้ให้แก่มนุษย์ ในบรรดา สิทธิเหล่านั้น ได้แก่ ชีวิต เสรีภาพ และการแสวงหาความสุข เพื่อที่จะคุ้มครองสิทธิเหล่านั้นให้มั่นคง รัฐบาลจึงถูกสถาปนาขึ้นในหมู่มวลมนุษย์ โดยได้อํานาจที่ยุติธรรมอันเนื่องมาจากความยินยอมของ ผู้ที่อยู่ใต้การปกครอง”
(1) เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะว่าถ้าไม่เชื่อเราก็จะต้องถูกลงโทษ
(2) เราควรเชื่อฟังกฎหมาย เพราะเราตกลงกับรัฐไปแล้วทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว
(3) เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะมันคือคําสั่งที่มาจากพระเจ้า
(4) เราเชื่อฟังกฎหมายตราบเท่าที่เราได้ตกลงกับรัฐไว้เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นเราไม่เชื่อ
(5) เราไม่ต้องเชื่อฟังกฎหมาย ถ้ากฎหมายนั้นขัดกับมโนธรรมของเรา
ตอบ 4 หน้า 77 – 78 ตามแนวคิดของจอห์น ล็อค (John Locke) ที่ว่า “พลเมืองต้องเชื่อฟังกฎหมาย เฉพาะเรื่องที่ได้ตกลงกับรัฐไว้เท่านั้น ถ้ารัฐบาลทํานอกเหนือจากสิ่งที่ได้ตกลงกันไว้ประชาชน ก็มีสิทธิที่จะไม่เชื่อฟังกฎหมาย” ได้กลายมาเป็นฐานคิดสําคัญของแนวคิดเสรีนิยมที่มองว่า การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลนั้นเป็นสิ่งที่ทําได้ และเป็นอํานาจอันชอบธรรมของประชาชนด้ว ซึ่งวิธีคิดนี้ได้ถูกนําไปใช้จริงในการปฏิวัติอเมริกา ค.ศ. 1776 โดยโทมัส เจฟเฟอร์สัน (Thomas Jefferson) หนึ่งในบรรดาผู้ก่อตั้งสหรัฐอเมริกา และเป็นประธานาธิบดีคนที่ 3 ของสหรัฐอเมริกา ได้นําแนวคิดของล็อคมาใช้ในการประกาศเอกราชจากอังกฤษ ซึ่งมีข้อความดังนี้ “เรายึดถือว่า ความจริงต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ประจักษ์แจ้งอยู่ในตัวเอง นั่นคือมนุษย์ทุกคนถูกสร้างขึ้นมาอย่างเท่าเทียมกัน และพระเจ้าผู้สร้างได้มอบสิทธิบางประการอันเพิกถอนมิได้ไว้ให้แก่มนุษย์ ในบรรดา สิทธิเหล่านั้น ได้แก่ ชีวิต เสรีภาพ และการแสวงหาความสุข เพื่อที่จะคุ้มครองสิทธิเหล่านั้น ให้มั่นคง รัฐบาลจึงถูกสถาปนาขึ้นในหมู่มวลมนุษย์ โดยได้อํานาจที่ยุติธรรมอันเนื่องมาจาก ความยินยอมของผู้ที่อยู่ใต้การปกครอง… แต่เมื่อการใช้อํานาจไปในทางที่ผิดและการช่วงชิง อํานาจมีอยู่อย่างยาวนาน โดยมุ่งหมายต่อวัตถุประสงค์เดิมอย่างไม่เสื่อมคลาย จนชี้ให้เห็นว่า มีแผนการที่จะกดพวกเขาลงภายใต้การปกครองโดยเด็ดขาดของคน ๆ เดียวแล้ว ย่อมเป็นสิทธิ ย่อมเป็นหน้าที่ของพวกเขาที่จะล้มล้างรัฐบาลเช่นนั้น และจัดหาเครื่องป้องกันใหม่สําหรับ ความมั่นคงในอนาคตของพวกเขา”

76. “คุณสมบัติที่ทําให้ประสบความสําเร็จในเรื่องหนึ่ง ๆ” หมายถึง
(1) เสรีภาพ
(2) เสมอภาค
(3) ภราดรภาพ
(4) คุณธรรม
(5) ศีลธรรม
ตอบ 4 หน้า 130 – 132, (คําบรรยาย) คุณธรรม (Virtue) คือ คุณสมบัติที่ทําให้ประสบความสําเร็จ ในเรื่องหนึ่ง ๆ ยกตัวอย่างเช่น คุณธรรมสําหรับการรักษารัฐของผู้ปกครองตามแนวคิดของ นิโคโล แมคคิอาเวลลี (Niccolo Machiavelli) ซึ่งประกอบด้วย 2 ประการ คือ “ความสุขุม รอบคอบ” (Prudenzia/Prudence) และ “ความมีไหวพริบ” (Astuzia/Astuteness)

77. Philosophia Perennis คืออะไร
(1) แนวทางการดําเนินชีวิตของนักปรัชญา
(2) อาวุธทางปัญญาของนักปรัชญา
(3) แนวทางการเคลื่อนไหวทางการเมืองของนักปรัชญา
(4) คําถามอมตะทางปรัชญา
(5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ 4 หน้า 7 คําถามอมตะ (Philosophia Perennis) เป็นคําถามทางปรัชญา โดยนักคิดหรือ นักปรัชญาการเมืองมีความเชื่อว่า ในโลกใบนี้มีความจริงหรือสัจธรรมที่ไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ แม้ว่าโลกจะเปลี่ยนไปเท่าใด และมีปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมากมายเพียงใด แต่ภายใต้ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่พบเห็นมันมีความรู้ที่เป็นอมตะไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ ดังนั้นนักคิดที่คิดว่า ตัวเองเป็นนักปรัชญาการเมืองจึงพยายามอย่างยิ่งที่จะหาความรู้อันจริงแท้ด้วยการพยายามหาคําตอบจากคําถามอมตะต่าง ๆ

78. ความงามคืออะไร ความไพเราะคืออะไร สิ่งที่เรียกความงามนั้นมันงามในตัวเองหรือว่ามันงามเพราะคน ไปให้ค่ามัน ซึ่งอาจจะแปรผันกันไปได้แต่ละสังคม
(1) Metaphysics
(2) Epistemology
(3) Aesthetics
(4) Logic
(5) Ethics
ตอบ 3 หน้า 2 – 3 (คําบรรยาย) สุนทรียศาสตร์ (Aesthetics) เป็นสาขาที่มุ่งพยายามหาคําตอบ ในแง่มุมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความงาม ดังนั้นคําถามของสาขานี้จึงมักจะถามกันว่า ความงาม คืออะไร ความไพเราะคืออะไร สิ่งที่เรียกความงามนั้นมันงามในตัวเองหรือว่ามันงามเพราะคน ไปให้ค่ามัน ศิลปะคืออะไร เป็นศิลปะเพื่อชีวิตหรือศิลปะเพื่อศิลปะ เป็นต้น

79.Paul the Apostle
(1) เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะว่าถ้าไม่เชื่อเราก็จะต้องถูกลงโทษ
(2) เราควรเชื่อฟังกฎหมาย เพราะเราตกลงกับรัฐไปแล้วทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว
(3) เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะมันคือคําสั่งที่มาจากพระเจ้า
(4) เราเชื่อฟังกฎหมายตราบเท่าที่เราได้ตกลงกับรัฐไว้เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นเราไม่เชื่อ
(5) เราไม่ต้องเชื่อฟังกฎหมาย ถ้ากฎหมายนั้นขัดกับมโนธรรมของเรา
ตอบ 3 หน้า 66 – 68 เปาโล หรือเซนต์พอล หรือนักบุญพอล (Saint Paul/Paul the Apostle) หมอสอนศาสนาคนแรกในประวัติศาสตร์ของคริสเตียน มีความคิดว่า “เราต้องเชื่อฟังกฎหมาย เพราะมันคือคําสั่งที่มาจากพระเจ้าหรือตัวแทนของพระเจ้า” ดังที่เปาโลได้เขียนไว้ในตอนหนึ่ง ของพระคัมภีร์โรมว่า “ทุกคนจงยอมอยู่ใต้บังคับของผู้ที่มีอํานาจปกครอง เพราะว่าไม่มีอํานาจ ใดเลยที่มิได้มาจากพระเจ้า และผู้ที่ทรงอํานาจนั้นพระเจ้าทรงแต่งตั้งขึ้น เหตุฉะนั้นผู้ที่ขัดขืน อํานาจนั้น ก็ขัดขืนผู้ที่พระเจ้าทรงแต่งตั้งขึ้น และผู้ที่ขัดขืนนั้นจะต้องถูกพิพากษาลงโทษ…

80. นักคิดชาวเจนีวาเชื่อว่าอํานาจอธิปไตยต้องเป็นของประชาชน
(1) Rousseau
(2) Montesquieu
(3) John Locke
(4) Thomas Jefferson
(5) ไม่มีตัวเลือกใดสัมพันธ์กับโจทย์คําถาม
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ฌอง ฌากส์ รุสโซ (Jean Jacques Rousseau) นักคิดชาวเจนีวา มีความเชื่อว่า อํานาจอธิปไตยเป็นของประชาชน โดยรุสโซได้อธิบายเรื่องนี้ผ่านแนวคิดเรื่องเจตจํานงทั่วไป (General Will) ที่สนับสนุนให้ประชาชนทุก ๆ คนมีอํานาจในการปกครองโดยตรงผ่านการออก เจตจํานงทั่วไป ซึ่งหมายถึงการตัดสินใจของปัจเจกบุคคลที่คํานึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมหรือ ผลประโยชน์สาธารณะในฐานะที่ประชาชนแต่ละคนนั้นเป็นส่วนหนึ่งขององคาพยพทั้งหมดของสังคมที่ไม่สามารถแบ่งแยกออกจากกันได้

81. ใครเป็นคนกล่าวประโยคดังต่อไปนี้ “ข้าพเจ้ามองประโยชน์สุขว่าเป็นสิ่งดึงดูดใจอันสูงสุดในปัญหาทาง จริยธรรมทั้งหมด แต่กระนั้นมันต้องเป็นประโยชน์สุขในความหมายที่กว้างที่สุด ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนผลประโยชน์อันถาวรของมนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ก้าวหน้า….”
(1) Edmund Burke
(2) John Stuart Mill
(3) Jean Paul Sartre
(4) Rousseau
(5) Machiavelli
ตอบ 2 หน้า 149 – 150 จอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill) ต้องการให้สังคมนั้นมีเสรีภาพ กว้างขวางออกไปอย่างมากที่สุด เพราะเขามองว่าการที่สังคมยินยอมให้เสรีภาพมีการขยายออกไปอย่างกว้างขวางมันจะก่อให้เกิดประโยชน์สุขกับคนจํานวนมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น ในเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งมิลล์ได้กล่าวไว้ว่า “ข้าพเจ้ามองประโยชน์สุขว่า เป็นสิ่งดึงดูดใจอันสูงสุดในปัญหาทางจริยธรรมทั้งหมด แต่กระนั้นมันต้องเป็นประโยชน์สุขในความหมายที่กว้างที่สุด ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนผลประโยชน์อันถาวรของมนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิต ที่ก้าวหน้า…. ถ้ามนุษยชาติทั้งมวล ยกเว้นคนเพียงคนเดียวจะมีความเห็นเป็นอย่างเดียวกัน และคน ๆ เดียวนั้นเองกลับมีความเห็นไปในทางตรงกันข้าม ถึงกระนั้นมนุษยชาติก็ไม่มีเหตุผล อันสมควรที่จะปิดปากคน ๆ นั้น…. การไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นเนื่องจากแน่ใจว่ามันผิด ก็คือ การสรุปเอาเองว่า ความแน่ใจของพวกเขาเป็นสิ่งเดียวกันกับความจริงขั้นเด็ดขาด การปิดปาก ไม่ให้โต้เถียงกันทุกประการนั้นเป็นข้อสมมุติฐานว่าจะไม่เกิดความผิดพลาดขึ้นมาได้ เราอาจ ยอมให้การประณามคัดค้านความคิดเห็นดังกล่าวมาจากการโต้เถียงร่วมกันเช่นนี้ได้ แต่ไม่ใช่ จะให้เกิดความคิดเห็นร่วมกันไปหมดทุกอย่างจนถูกประณามไปในที่สุด”

82. Bible
(1) เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะว่าถ้าไม่เชื่อเราก็จะต้องถูกลงโทษ
(2) เราควรเชื่อฟังกฎหมาย เพราะเราตกลงกับรัฐไปแล้วทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว
(3) เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะมันคือคําสั่งที่มาจากพระเจ้า
(4) เราเชื่อฟังกฎหมายตราบเท่าที่เราได้ตกลงกับรัฐไว้เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นเราไม่เชื่อ
(5) เราไม่ต้องเชื่อฟังกฎหมาย ถ้ากฎหมายนั้นขัดกับมโนธรรมของเรา
ตอบ 3 หน้า 66 – 67 “เราเชื่อฟังกฎหมาย เพราะมันคือคําสั่งที่มาจากพระเจ้า” เป็นความคิด ที่แพร่หลายในยุคกลาง (Middle Age) ของยุโรป โดยรากฐานของความคิดดังกล่าวมาจาก ความเชื่อความคิดในทางศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล (Bible) ที่ว่า พระเจ้า เป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง สร้างโลก สร้างมนุษย์ สร้างแม้แต่เศษหินดินทราย ดังนั้นเอง กฎหมาย สังคม และรัฐของมนุษย์ก็เกิดขึ้นตามพระประสงค์ของพระเจ้าทั้งสิ้น

83. การปกครองที่มีการการันตีเสรีภาพของประชาชนไว้ในรัฐธรรมนูญ เคารพสิทธิมนุษยชน มีการแบ่งแยก อํานาจของผู้ปกครอง คือหัวใจสําคัญของการปกครองระบอบใด
(1) Liberal Democracy
(2) Dictatorship
(3) Direct Democracy
(4) Socialism
(5) Capitalism
ตอบ 1 หน้า 85, (คําบรรยาย) การปกครองแบบเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democracy) หรือ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ประชาธิปไตยสมัยใหม่” (Modern Democracy) เป็นการปกครอง ที่ประชาชนเจ้าของอํานาจอธิปไตยจะเป็นผู้เลือกผู้แทนไปทําหน้าที่เป็นผู้ปกครองแทนตน และประชาชนมีสิทธิที่จะเรียกอํานาจคืนจากผู้ปกครองได้หากผู้ปกครองไม่ทําตามพันธะสัญญา ที่ให้ไว้กับประชาชน ซึ่งการปกครองแบบนี้จะมีการรับรองสิทธิเสรีภาพของประชาชนไว้ใน รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายสูงสุด รวมทั้งมีการเคารพในสิทธิมนุษยชน และมีการแบ่งแยก อ้านาจของผู้ปกครองด้วย

84. บิดาแห่งแนวคิดอนุรักษนิยมสมัยใหม่
(1) Edmund Burke
(2) John Stuart Mill
(3) Jean Paul Sartre
(4) Rousseau
(5) Machiavelli
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 4. ประกอบ

85. ใครเป็นผู้เขียนงานเรื่อง “The Prince”
(1) Edmund Burke
(2) John Stuart Mill
(3) Jean Paul Sartre
(4) Rousseau
(5) Machiavelli
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 13. ประกอบ

86. ระบบเศรษฐกิจที่เชื่อในเรื่องกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินส่วนบุคคล
(1) Liberal Democracy
(2) Dictatorship
(3) Direct Democracy
(4) Socialism
(5) Capitalism
ตอบ 5 (คําบรรยาย) ทุนนิยม (Capitalism) เป็นระบบเศรษฐกิจที่เอกชนเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตและมีเสรีภาพในการดําเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่โดยที่รัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซง
ในการดําเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ในระบบทุนนิยมนี้จะยินยอมให้ประชาชนมีกรรมสิทธิ์ใน ทรัพย์สินส่วนบุคคล (Private Property) รวมทั้งมีสิทธิและเสรีภาพในการเลือกบริโภคสินค้า และบริการได้อย่างเต็มที่

87. “เมื่อการใช้อํานาจไปในทางที่ผิดและการช่วงชิงอํานาจมีอยู่อย่างยาวนาน โดยมุ่งหมายต่อวัตถุประสงค์เดิมอย่างไม่เสื่อมคลาย จนชี้ให้เห็นว่ามีแผนการที่จะกดพวกเขาลงภายใต้การปกครองโดยเด็ดขาดของ คน ๆ เดียวแล้ว ย่อมเป็นสิทธิ ย่อมเป็นหน้าที่ของพวกเขาที่จะล้มล้างรัฐบาลเช่นนั้น และจัดหาเครื่อง ป้องกันใหม่สําหรับความมั่นคงในอนาคตของพวกเขา”
(1) Rousseau
(2) Montesquieu
(3) John Locke
(4) Thomas Jefferson
(5) ไม่มีตัวเลือกใดสัมพันธ์กับโจทย์คําถาม
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 75. ประกอบ

88. เคยดํารงตําแหน่งเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา
(1) Rousseau
(2) Montesquieu
(3) John Locke
(4) Thomas Jefferson.
(5) ไม่มีตัวเลือกใดสัมพันธ์กับโจทย์คําถาม
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 75. ประกอบ

89. “การปล่อยให้ประชาชนมีสิทธิที่จะลงมติในกฎหมายจริง ๆ และประชาชนสามารถที่จะนํามติบางประการ เอาไปปฏิบัติได้ ซึ่งการกระทําเช่นนี้เป็นสิ่งที่ประชาชนไร้ความสามารถเป็นอย่างมาก ในความเป็นจริง ประชาชนควรจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการปกครองก็เพียงแต่ในเรื่องของการเลือกผู้แทนของตนเท่านั้น
ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในความสามารถของพวกเขาอย่างแน่นอน”
(1) Rousseau
(2) Montesquieu
(3) John Locke
(4) Thomas Jefferson
(5) ไม่มีตัวเลือกใดสัมพันธ์กับโจทย์คําถาม
ตอบ 2 หน้า 120 – 121 มงเตสกิเออร์ (Montesquieu) ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการปกครองโดย ตัวแทนไว้ในหนังสือเรื่อง “The Spirit of Laws” (De L’esprit des lois) ว่า “มีความเลวร้าย อันยิ่งใหญ่อยู่ประการหนึ่งในบรรดาสาธารณรัฐโบราณนั่นก็คือ รัฐดังกล่าวปล่อยให้ประชาชน มีสิทธิที่จะลงมติในกฎหมายจริง ๆ และประชาชนสามารถที่จะนํามติบางประการเอาไปปฏิบัติได้ ซึ่งการกระทําเช่นนี้เป็นสิ่งที่ประชาชนไร้ความสามารถเป็นอย่างมาก ในความเป็นจริงประชาชนควรจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการปกครองก็เพียงแต่ในเรื่องของการเลือกผู้แทนของตนเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในความสามารถของพวกเขาอย่างแน่นอน”

90. เป็นขุนนางที่เสนอให้แบ่งแยกอํานาจออกจากกันเพื่อป้องกันการเป็นเผด็จการ
(1) Rousseau
(2) Montesquieu
(3) John Locke
(4) Thomas Jefferson
(5) ไม่มีตัวเลือกใดสัมพันธ์กับโจทย์คําถาม
ตอบ 2 หน้า 120, (คําบรรยาย) มงเตสกิเออร์ (Montesquieu) เป็นขุนนางชาวฝรั่งเศสที่เสนอให้ แบ่งแยกอํานาจอธิปไตยออกเป็น 3 ฝ่าย ได้แก่ อํานาจนิติบัญญัติ อํานาจบริหาร และอํานาจ ตุลาการ เพื่อป้องกันการเป็นเผด็จการ โดยมงเตสกิเออร์ได้เสนอแนวคิดดังกล่าวไว้ในหนังสือ เรื่อง “The Spirit of Laws” (De L’esprit des tois) ซึ่งตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1748

91. “เรายึดถือว่าความจริงต่อไปนี้เป็นสิ่งประจักษ์แจ้งอยู่ในตัวเอง นั่นคือมนุษย์ทุกคนถูกสร้างขึ้นมาอย่างเท่าเทียมกัน และพระเจ้าผู้สร้างได้มอบสิทธิบางประการอันเพิกถอนมิได้ไว้ให้แก่มนุษย์ ในบรรดาสิทธิเหล่านั้น ได้แก่ ชีวิต เสรีภาพ และการแสวงหาความสุข”
(1) Rousseau
(2) Montesquieu
(3) John Locke
(4) Thomas Jefferson
(5) ไม่มีตัวเลือกใดสัมพันธ์กับโจทย์คําถาม
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 75. ประกอบ

92. “ถ้าผู้แทนน้อยเกินไป ผู้แทนก็จะร่วมกันสมคบคิดวางอุบายออกกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์กับตนเอง ดังนั้น จํานวนผู้แทนก็ต้องมีให้มากในระดับที่พวกนี้จะไม่ “สมรู้ร่วมคิด” กันเองได้ แต่ในอีกแง่หนึ่งถ้ามีเยอะเกินไป ผู้แทนก็จะไม่สามารถเป็นตัวแทนของผู้ที่เลือกขึ้นมาได้ เพราะมีจํานวนมากจนเกินไปและก็อาจจะก่อให้เกิดความวุ่นวายในการประชุมได้”
(1) Rousseau
(2) Montesquieu
(3) John Locke
(4) Thomas Jefferson
(5) ไม่มีตัวเลือกใดสัมพันธ์กับโจทย์คําถาม
ตอบ 5 หน้า 122 – 123 เจมส์ เมดิสัน (James Madison) ได้กล่าวเตือนเกี่ยวกับการปกครองแบบ ตัวแทนไว้ว่า จํานวนผู้แทนนั้นไม่ควรจะมีมากหรือน้อยเกินไป กล่าวคือ ถ้าผู้แทนน้อยเกินไป ผู้แทนก็จะร่วมกันสมคบคิดวางอุบายออกกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์กับตนเอง ดังนั้นจํานวน ผู้แทนก็ต้องมีให้มากในระดับที่พวกนี้จะไม่ “สมรู้ร่วมคิด” กันเองได้ แต่ในอีกแง่หนึ่งถ้ามีเยอะ เกินไปผู้แทนก็จะไม่สามารถเป็นตัวแทนของผู้ที่เลือกขึ้นมาได้ เพราะมีจํานวนมากจนเกินไปและก็อาจจะก่อให้เกิดความวุ่นวายในการประชุมได้

93. ผู้มีสิทธิทางการเมืองจะต้องทําทุกอย่างในทางการเมืองด้วยตนเอง
(1) Liberal Democracy
(2) Dictatorship
(3) Direct Democracy
(4) Socialism
(5) Capitalism
ตอบ 3 หน้า 8 (คําบรรยาย) การปกครองประชาธิปไตยแบบเอเธนส์ (Athenian Democracy) เป็นการปกครองที่ผู้มีสิทธิทางการเมืองจะต้องทําทุกอย่างในทางการเมืองด้วยตนเอง ซึ่งการปกครองแบบนี้พลเมืองชายเท่านั้นที่มีสิทธิทางการเมือง ส่วนเด็ก ผู้หญิง และ คนต่างชาติไม่มี เป็นการปกครองที่เหมาะกับเมืองที่มีขนาดเล็ก ไม่เหมาะกับรัฐสมัยใหม่ ที่มีขนาดใหญ่และมีพลเมืองจํานวนมาก บางคนเรียกระบอบการปกครองแบบนี้ว่าเป็น “ประชาธิปไตยทางตรง (Direct Democracy)

94. การปล่อยให้เศรษฐกิจดําเนินไปอย่างเสรีนั้นจะทําให้เกิดความอยุติธรรมในสังคม ดังนั้นรัฐบาลจะต้องเข้ามาแทรกแซง
(1) Liberal Democracy
(2) Dictatorship
(3) Direct Democracy
(4) Socialism
(5) Capitalism
ตอบ 4 (คําบรรยาย) สังคมนิยม (Socialism) เป็นระบบเศรษฐกิจที่รัฐบาลเข้าไปควบคุมการดําเนิน กิจกรรมทางเศรษฐกิจเองทั้งหมด เพราะมองว่าการปล่อยให้เศรษฐกิจดําเนินไปอย่างเสรีนั้น จะทําให้เกิดความอยุติธรรมในสังคม ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเข้าไปแทรกแซงเพื่อให้เกิดความ ยุติธรรมในการกระจายผลผลิตแก่ประชาชน

95. “มนุษย์เกิดมาเสรี แต่ทุกหนทุกแห่งอยู่ภายใต้พันธนาการ”
(1) Rousseau
(2) Montesquieu
(3) John Locke
(4) Thomas Jefferson
(5) ไม่มีตัวเลือกใดสัมพันธ์กับโจทย์คําถาม
ตอบ 1 หน้า 137 ฌอง ฌากส์ รุสโซ (Jean Jacques Rousseau) ได้กล่าวไว้ในบรรทัดแรกของ หนังสือ “สัญญาประชาคม” (The Social Contract) ว่า “มนุษย์เกิดมาเสรี แต่ทุกแห่งหน เขาถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวน… การละทิ้งเสรีภาพนั้นก็คือการละทิ้งความเป็นคน ตลอดจน เป็นการละทิ้งสิทธิและหน้าที่แห่งมนุษยชาติ ไม่มีการชดเชยใด ๆ เป็นไปได้สําหรับผู้ที่ละทิ้ง ทุกสิ่งทุกอย่างเช่นนี้ การละทิ้งนี้ขัดต่อธรรมชาติของมนุษย์ และการลบล้างเสรีภาพทั้งหมด ออกจากเจตจํานงของเขา ก็คือการลบล้างศีลธรรมทั้งหมดออกจากการกระทําของเขา”

96. ทุก ๆ คนเท่าเทียมกัน ผู้ชายเท่านั้นที่มีสิทธิทางการเมือง มักใช้ในเมืองที่มีขนาดเล็ก
(1) Liberal Democracy
(2) Dictatorship
(3) Direct Democracy
(4) Socialism
(5) Capitalism
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 93. ประกอบ

97. เสรีภาพคือสิ่งที่แยกมนุษย์ออกจากสัตว์
(1) Rousseau
(2) Montesquieu
(3) John Locke
(4) Thomas Jefferson
(5) ไม่มีตัวเลือกใดสัมพันธ์กับโจทย์คําถาม
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 28. ประกอบ

98. นักคิดชาวอังกฤษที่เสนอเรื่องสิทธิในการปฏิวัติ
(1) Rousseau
(2) Montesquieu
(3) John Locke
(4) Thomas Jefferson
(5) ไม่มีตัวเลือกใดสัมพันธ์กับโจทย์คําถาม
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 61. ประกอบ

99. ใครเป็นคนกล่าวประโยคดังต่อไปนี้ “เราควรยินยอมให้มีการแสดงความคิดเห็นออกมาอย่างเสรี โดยมี เงื่อนไขว่า ท่าทีที่แสดงออกควรพอประมาณ และต้องไม่เกินไปกว่าการอภิปรายอย่างเป็นธรรม… หมายถึง คําผรุสวาท การประชดประชัน คําพาดพิงถึงเรื่องส่วนตัว และอะไรทํานองนั้น…. และตราบเท่าที่สิ่งที่เรา ทําไปมิได้ทําอันตรายแก่เพื่อนร่วมโลกคนอื่น แม้ว่าคนอื่นอาจจะคิดว่าความประพฤติของเราเป็นสิ่งที่โง่เขลา วิปริตหรือผิดก็ตาม”
(1) Edmund Burke
(2) John Stuart Mill
(3) Jean Paul Sartre
(4) Rousseau
(5) Machiavelli
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 7. ประกอบ

100. ใครเป็นคนกล่าวประโยคดังต่อไปนี้ “การไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นเนื่องจากแน่ใจว่ามันผิด ก็คือการสรุป เอาเองว่า ความแน่ใจของพวกเขาเป็นสิ่งเดียวกันกับความจริงขั้นเด็ดขาด การปิดปากไม่ให้โต้เถียงกัน ทุกประการนั้นเป็นข้อสมมุติฐานว่าจะไม่เกิดความผิดพลาดขึ้นมาได้ เราอาจยอมให้การประณามคัดค้าน ความคิดเห็นดังกล่าวมาจากการโต้เถียงร่วมกันเช่นนี้ได้ แต่ไม่ใช่จะให้เกิดความคิดเห็นร่วมกันไปหมดทุกอย่างจนถูกประณามไปในที่สุด”
(1) Edmund Burke
(2) John Stuart Mill
(3) Jean Paul Sartre
(4) Rousseau
(5) Machiavelli
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 81. ประกอบ

Advertisement