การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2565
ข้อสอบกระบวนวิชา POL 2302 ระเบียบปฏิบัติราชการ
คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว

1.การย้าย การโอน หรือการเลื่อนข้าราชการพลเรือนสามัญไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งใดจะพิจารณาจากเรื่องใด
(1) ลักษณะของงานในตําแหน่งนั้น และดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาสูงสุด
(2) การใช้ทักษะและความชํานาญเพื่อจัดการปัญหาของข้าราชการผู้นั้น
(3) ระบบคุณธรรม เหตุผลความจําเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้นั้น

Advertisement

(4) ระบบอุปถัมภ์ภายในหน่วยงาน และความเหมาะสมกับตําแหน่งนั้น
(5) ความซื่อสัตย์สุจริต ความเป็นกลางทางการเมือง และพฤติกรรมที่ดีงามของผู้นั้น
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การย้าย การโอน หรือการเลื่อนข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดไปแต่งตั้งให้ดํารง ตําแหน่งใด ให้พิจารณาโดยคํานึงถึงระบบคุณธรรม ลักษณะของงานในตําแหน่งนั้น ผลสัมฤทธิ์ และประสิทธิภาพขององค์กร รวมทั้งเหตุผลความจําเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการ ตลอดจน ศักยภาพ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้นั้น

2. ปัจจุบันการย้าย การโอน การเลื่อนตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญเป็นไปตามกฎหมายฉบับใด
(1) พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
(2) พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
(3) พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546
(4) พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการมอบอํานาจ พ.ศ. 2550
(5) พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534
ตอบ 2 (คําบรรยาย) ปัจจุบันการย้าย การโอน หรือการเลื่อนตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญ เป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และกฎ ก.พ. ว่าด้วยการย้าย การโอน หรือการเลื่อนข้าราชการพลเรือนสามัญไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งข้าราชการพลเรือน สามัญในหรือต่างกระทรวงหรือกรม พ.ศ. 2564

3. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ในการย้ายตําแหน่ง
(1) การย้ายไม่จําเป็นต้องอยู่ในดุลพินิจของผู้มีอํานาจสั่งบรรจุที่จะพิจารณาย้ายได้
(2) การย้ายสามารถย้ายภายในกรมเดียวกัน ประเภทเดียวกัน และสายงานเดียวกัน แต่ไม่สามารถย้าย
ต่างประเภทกัน และต่างสายงานกันได้
(3) การย้ายเป็นกรณีที่ต้องดําเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่ ก.พ. กําหนดก่อน แล้วผู้มีอํานาจสั่งบรรจุจึงจะดําเนินการย้ายได้
(4) การย้ายใน “ระดับที่ต่ํากว่าเดิม” จําเป็นต้องอยู่ในดุลพินิจของผู้มีอํานาจสั่งบรรจุที่จะพิจารณาย้ายได้ แต่ไม่จําเป็นต้องได้รับความยินยอมจากผู้ที่จะย้าย
(5) การย้ายอาจเปลี่ยนไปอยู่ในส่วนราชการในกรมส่วนกลาง หรือไปอยู่ในส่วนภูมิภาคก็ได้ แต่ต้องเป็นตําแหน่งประเภทเดียวกัน
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การย้าย หมายถึง การย้ายไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งในกรมเดียวกันหรือ กรมเดิม แต่อาจเปลี่ยนไปอยู่ในส่วนราชการในกรมส่วนกลาง หรือไปอยู่ในจังหวัดหรือ อําเภอในส่วนภูมิภาคก็ได้
ซึ่งจะเป็นตําแหน่งประเภทเดียวกันหรือต่างประเภทกันก็ได้
โดยหลักเกณฑ์ในการย้ายตําแหน่ง แบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ
1. กรณีที่อยู่ในดุลพินิจของผู้มีอํานาจสั่งบรรจุที่จะพิจารณาย้ายได้
2. กรณีที่ต้องดําเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่ ก.พ. กําหนดก่อน แล้วผู้มีอํานาจสั่งบรรจุจึงจะดําเนินการย้ายได้

4.การย้ายหรือโอนไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งในระดับที่ต่ํากว่าเดิม จะกระทําได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอม จากข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ถูกย้ายหรือโอนนั้น เป็นไปตามกฎ ก.พ. ในข้อใด
(1) ข้อ 5
(2) ข้อ 6
(3) ข้อ 7
(4) ข้อ 8
(5) ข้อ 9
ตอบ 2 (คําบรรยาย) กฎ ก.พ. ข้อ 6 กําหนดให้การย้ายหรือโอนไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งในระดับ ที่ต่ำกว่าเดิม จะกระทําได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ถูกย้าย หรือโอนนั้น

5. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
(1) การเลื่อนระดับให้เลื่อนได้ไม่เกิน 2 ระดับ
(2) การโอนให้ไปดํารงตําแหน่งใหม่ อาจอยู่ในกระทรวงเดิมหรือกระทรวงใหม่ก็ได้
(3) ผู้บังคับบัญชามีอํานาจสั่งให้ข้าราชการสับเปลี่ยนหน้าที่หรือย้ายโอนไปปฏิบัติหน้าที่อื่นได้
(4) การเลื่อนระดับ คือ การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดํารงตําแหน่งประเภทเดียวกันในระดับที่สูงกว่าเดิม
(5) ข้าราชการสามารถข้ามประเภทตําแหน่งจากระดับปฏิบัติงานไประดับปฏิบัติการได้
ตอบ 1 (คําบรรยาย) การเลื่อนระดับ คือ การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดํารงตําแหน่ง ประเภทเดียวกันในระดับที่สูงกว่าเดิม โดยเลื่อนได้ไม่เกิน 1 ระดับ ดังนั้นในแต่ละประเภท ตําแหน่งจึงสามารถเลื่อนระดับได้ดังนี้
1. ตําแหน่งประเภทบริหาร ระดับต้น – ระดับสูง
2. ตําแหน่งประเภทอํานวยการ ระดับต้น ระดับสูง
3. ตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ – ระดับชํานาญการ – ระดับชํานาญการพิเศษ – ระดับเชี่ยวชาญ ระดับทรงคุณวุฒิ
4. ตําแหน่งประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน – ระดับทักษะพิเศษ – ระดับชํานาญงาน -ระดับอาวุโส

6.การเลื่อนระดับของประเภทตําแหน่งอํานวยการ ตําแหน่งที่ต่อจาก “ระดับต้น” คือตําแหน่งใด
(1) ระดับกลาง
(2) ระดับปลาย
(3) ระดับสูง
(4) ระดับพิเศษ
(5) ระดับชํานาญ
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 5. ประกอบ

7. การเลื่อนระดับของประเภทตําแหน่งทั่วไป ตําแหน่งที่ต่อจาก “ระดับปฏิบัติงาน” คือตําแหน่งใด
(1) ระดับเชี่ยวชาญ
(2) ระดับต้น
(3) ระดับชํานาญการ
(4) ระดับปฏิบัติการ
(5) ระดับชํานาญงาน
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 5. ประกอบ

8.ข้อใดคือหลักเกณฑ์ในการประเมินการเลื่อนเงินเดือน
(1) ยึดหลักความถูกต้องและเป็นธรรม
(2) ต้องเป็นไปตามระเบียบกฎหมายที่ ก.พ. กําหนด
(3) ใช้ดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยงานเป็นหลัก
(4) ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานจะเป็นผู้ประเมินผล
(5) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
ตอบ 5 (คําบรรยาย) การประเมินการเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการ เป็นการประเมินโดยผู้บังคับบัญชา ในแต่ละระดับที่ตนสังกัดอยู่ โดยปกติการประเมินการเลื่อนเงินเดือนจะกระทําตามเกณฑ์ โดยยึดหลักความถูกต้อง เป็นธรรม และเป็นไปตามระเบียบกฎหมายที่ ก.พ. กําหนด

9. การเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนสามัญในครั้งที่ 1 หรือการเลื่อนในครึ่งปีแรก คือช่วงเวลาใด
(1) 1 มกราคม ถึง 30 มิถุนายน
(2) 1 ตุลาคม ถึง 31 มีนาคม
(3) 1 พฤศจิกายน ถึง 30 เมษายน
(4) 1 เมษายน ถึง 30 กันยายน
(5) 1 มีนาคม ถึง 31 สิงหาคม
ตอบ 2 หน้า 19, (คําบรรยาย) การเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนสามัญโดยปกติจะเลื่อน ปีละ 2 ครั้ง ดังนี้
ครั้งที่ 1 เป็นการเลื่อนเงินเดือนสําหรับการปฏิบัติราชการในครึ่งปีแรก (1 ตุลาคม ถึง 31 มีนาคม) โดยให้เลื่อนในวันที่ 1 เมษายนของปีที่ได้เลื่อน
ครั้งที่ 2 เป็นการเลื่อนเงินเดือนสําหรับการปฏิบัติราชการในครึ่งปีหลัง (1 เมษายน ถึง 30 กันยายน) โดยให้เลื่อนในวันที่ 1 ตุลาคมของปีถัดไป

10. ข้อใดไม่ใช่หลักการเพิ่มพูนประสิทธิภาพและเสริมสร้างแรงจูงใจ
(1) หน่วยงานดําเนินการให้ข้าราชการมีคุณธรรม จริยธรรมในการปฏิบัติราชการให้เกิดผลสัมฤทธิ์
(2) ผู้บังคับบัญชาปฏิบัติตนต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาอย่างมีคุณธรรมและเที่ยงธรรม
(3) ผู้บังคับบัญชาพิจารณาเลื่อนเงินเดือน ให้บําเหน็จ คําชมเชย เครื่องเชิดชูเกียรติ หรือรางวัล
(4) การให้ข้าราชการไปฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัยในประเทศหรือต่างประเทศ
(5) การให้ข้าราชการยืมใช้ทรัพย์สินของหน่วยงานนอกเวลาราชการเมื่อมีเหตุจําเป็น
ตอบ 5 (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 72 – 77), (คําบรรยาย)
หลักการเพิ่มพูนประสิทธิภาพและเสริมสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติราชการ มีดังนี้
1. หน่วยงานราชการต้องดําเนินการให้ข้าราชการมีคุณภาพ คุณธรรม จริยธรรม คุณภาพชีวิต มีขวัญและกําลังใจในการปฏิบัติราชการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ
2. ผู้บังคับบัญชาต้องปฏิบัติตนต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาอย่างมีคุณธรรมและเที่ยงธรรม และเสริมสร้างแรงจูงใจให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาดํารงตนเป็นข้าราชการที่ดี
3. หากข้าราชการประพฤติตนอยู่ในจรรยาและระเบียบวินัย และปฏิบัติราชการอย่างมี ประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาเลื่อนเงินเดือน ให้บําเหน็จ คําชมเชย เครื่องเชิดชูเกียรติ หรือรางวัล
4. ให้ข้าราชการไปศึกษาเพิ่มเติม ฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัยในประเทศหรือต่างประเทศ ฯลฯ

11. ข้อใดกล่าวถึงหลักการ “Put the right man on the right job” ได้อย่างถูกต้องที่สุด
(1) การสรรหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถได้ถูกที่ถูกเวลา
(2) การสรรหาบุคคลที่มีทักษะความสามารถเข้ามาทํางานด้วยระบบคุณธรรม
(3) การปรับภารกิจของหน่วยงานให้เหมาะสมกับความสามารถของบุคคล
(4) การได้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถและสมรรถนะเหมาะสมกับความต้องการของตําแหน่ง
(5) การได้มาซึ่งบุคลากรที่มีทักษะความรู้เหมาะสมกับความต้องการของผู้บังคับบัญชา
ตอบ 4 (คําบรรยาย) เป้าหมายของการสอบแข่งขันเพื่อคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการ มีดังนี้
1. ส่วนราชการได้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ทักษะ และสมรรถนะเหมาะสมกับ ความต้องการของตําแหน่ง (Put the right man on the right job at the right time)
2. ส่วนราชการสามารถสรรหาและเลือกสรรบุคคลได้อย่างมีมาตรฐานและคล่องตัว

12. ข้อใดคือคุณสมบัติในการแต่งตั้งข้าราชการใน “สายงานปิด”
(1) สายงานที่กําหนดคุณวุฒิปริญญาสาขาวิชาที่เฉพาะเจาะจง
(2) สายงานที่กําหนดคุณวุฒิปริญญาโดยระบุชื่อสาขาวิชาไว้หลายสาขาวิชา
(3) สายงานที่กําหนดคุณวุฒิปริญญาทุกสาขาวิชาเป็นคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่ง
(4) ถูกทั้งข้อ 1 และ 3
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 1 (คําบรรยาย) สายงานปิด คือ สายงานที่กําหนดคุณวุฒิปริญญาสาขาวิชาที่เฉพาะเจาะจง เป็นคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่ง เช่น ตําแหน่งนิติกรระดับปฏิบัติการ กําหนดให้มีคุณวุฒิ อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
– ได้รับปริญญาตรี/โท/เอก /คุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกันในสาขาวิชานิติศาสตร์
– ได้รับปริญญาหรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่ ก.พ. กําหนดว่าใช้เป็นคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งนี้ได้

13. คุณสมบัติของตําแหน่งนิติกรระดับปฏิบัติการ มักอยู่ในสายงานประเภทใด
(1) สายงานเปิด
(2) สายงานกึ่งปิด
(3) สายงานปิด
(4) สายงานปิดและสายงานเปิด
(5) สายงานกึ่งปิดกึ่งเปิด
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 12. ประกอบ

14. ข้อใดไม่ใช่ความเคลื่อนไหว (Movement) ด้านจริยธรรมสําหรับการบริหารงานภาครัฐในปลายศตวรรษที่ 19
(1) มุ่งแก้ปัญหาการคอร์รัปชั่นในแวดวงราชการ
(2) การปรับเปลี่ยนรูปแบบการดําเนินงานจาก “สายการบังคับบัญชา” (Hierarchy) สู่ “ข้อตกลง” (Agreement) หรือ “สัญญา” (Contract)
(3) การปฏิรูประบบข้าราชการพลเรือนไปสู่การสร้างระบบการคัดเลือก
(4) การเปลี่ยนจาก “Spoils System” สู่ “Merit System
(5) การกําหนดมาตรฐานในการประเมินผลงาน และคัดสรรคนมีความสามารถเข้ามาทํางาน
ตอบ 2 (คําบรรยาย) ความเคลื่อนไหว (Movement) ด้านจริยธรรมสําหรับการบริหารงานภาครัฐ ในปลายศตวรรษที่ 19 มีดังนี้
1. การมุ่งแก้ปัญหาการคอร์รัปชั่นในแวดวงราชการ
2. การบริหารภาครัฐที่ขาดประสิทธิภาพนําไปสู่ข้อเสนอคุณค่าการบริหาร 3E’s
3. จุดเริ่มต้นของจริยธรรมทางการบริหารและการควบคุม
4. การปฏิรูประบบข้าราชการพลเรือนไปสู่การสร้างระบบการคัดเลือก โดยเปลี่ยนจาก ระบบอุปถัมภ์ (Spoils System) ไปสู่ระบบคุณธรรม (Merit System)
5. การกําหนดมาตรฐานในการประเมินผลงาน และคัดสรรคนมีความสามารถเข้ามาทํางาน

15. ข้อใดคือชุดคุณค่าของกรอบแนวคิดจริยธรรมของข้าราชการ
(1) การใช้ทรัพยากรสาธารณะในการควบคุมการบริหารให้เกิดประสิทธิภาพ
(2) การปรับบทบาทของรัฐจากระบบอุปถัมภ์เป็นการทํากิจกรรมสาธารณะ
(3) การสร้างความชอบธรรมของข้าราชการด้วยการออกแบบสถาบันในการกํากับควบคุม
(4) การกําหนดมาตรฐานในการคัดสรรคนและประเมินผลงาน
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ชุดคุณค่าของกรอบแนวคิดจริยธรรมและการควบคุมวินัยของข้าราชการ มีดังนี้
1. การใช้ทรัพยากรสาธารณะในการควบคุมการบริหารให้เกิดประสิทธิภาพ
2. บริบทสังคมที่เปลี่ยนไปส่งผลต่อบทบาทของรัฐในกิจการสาธารณะ
3. การสร้างหลักประกันในการดําเนินการของรัฐด้วยการออกแบบสถาบันในการกํากับควบคุม

16. องค์กรใดเป็นผู้ริเริ่มใช้คําว่า “ธรรมาภิบาล” (Good Governance)
(1) World Bank
(2) IMF
(3) OECD
(4) UN
(5) ASEAN
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ธนาคารโลก (World Bank) เป็นองค์กรแรกที่ริเริ่มใช้คําว่า “ธรรมาภิบาล” (Good Governance) ในปี ค.ศ. 1989 เพื่ออธิบายถึงการบริหารจัดการที่จะเป็นมาตรฐานในการกําหนดเงื่อนไขการรับการช่วยเหลือทางการเงินระหว่างประเทศจากหน่วยงานระหว่างประเทศต่าง ๆ

17. หลักการธรรมาภิบาลในด้าน “Rule of Law” หมายความว่าอย่างไร
(1) ระบบการบริหารภาครัฐมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
(2) ภาคประชาสังคมตื่นตัวและเข้ามามีส่วนร่วม
(3) ระบบกฎหมายที่ยุติธรรม ชัดเจน และน่าเชื่อถือ
(4) การดําเนินงานด้วยความโปร่งใส
(5) การมีความพร้อมรับผิดชอบ
ตอบ 3 (คําบรรยาย) หลักการธรรมาภิบาลของธนาคารโลก ประกอบด้วย
1. ระบบการบริหารภาครัฐมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล (Efficient and Effective Public Sector)
2. ระบบกฎหมายที่ยุติธรรม ชัดเจน และน่าเชื่อถือ (Rule of Law)
3. ภาคประชาสังคมตื่นตัวและเข้ามามีส่วนร่วม (Active Civil Society and Public Participation)
4. การดําเนินงานด้วยความโปร่งใส (Transparency)
5. การมีความพร้อมรับผิดชอบ (Accountability)

18. หลักธรรมาภิบาลในด้าน “ความโปร่งใส” หมายความว่าอย่างไร
(1) การตรากฎหมายที่ถูกต้อง เป็นธรรม ทันสมัย และเป็นที่ยอมรับของสังคม
(2) เจ้าหน้าที่ของรัฐยึดถือหลักประกอบวิชาชีพสุจริตจนเป็นนิสัยประจําชาติ
(3) ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้สะดวก และมีกระบวนการให้ประชาชนตรวจสอบความถูกต้อง ชัดเจนได้
(4) การเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้และเสนอความคิดเห็นในการตัดสินใจ
(5) การบริหารจัดการและใช้ทรัพยากรที่มีจํากัด เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ส่วนรวม
ตอบ 3 (คําบรรยาย) หลักความโปร่งใส หมายถึง การสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันของคน ในสังคมองค์กรทุกวงการให้มีความโปร่งใส ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้สะดวกและมีกระบวนการให้ประชาชนตรวจสอบความถูกต้องชัดเจนได้

19. การปฏิบัติตามวินัยข้าราชการตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 อยู่ในหมวดใด
(1) หมวด 4 การเพิ่มพูนประสิทธิภาพและเสริมสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติราชการ
(2) หมวด 5 การรักษาจรรยาข้าราชการ
(3) หมวด 6 วินัยและการรักษาวินัย
(4) ถูกทั้งข้อ 1 และ 2
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การปฏิบัติตามวินัยข้าราชการตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 อยู่ในหมวด 6 วินัยและการรักษาวินัย

20. ข้อใดคือความผิดทางวินัย
(1) ข้าราชการไม่เข้าอบรมเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการ เพราะเข้าใจกฎระเบียบดีแล้ว
(2) ผู้บังคับบัญชาสั่งการให้เจ้าหน้าที่ธุรการมาปฏิบัติงานเร่งด่วนในวันเสาร์ อาทิตย์ แล้วไม่ปฏิบัติตาม
(3) ข้าราชการให้บริการประชาชนล่าช้า เพราะบุคลากรในหน้าที่เดียวกันลาป่วย จึงมีคนไม่เพียงพอ
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 2 (คําบรรยาย) ตัวอย่างความประพฤติของข้าราชการที่ถือว่าเป็นความผิดทางวินัย มีดังนี้
1. ความผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง เช่น ผู้บังคับบัญชาสั่งการให้เจ้าหน้าที่ธุรการมาปฏิบัติงาน เร่งด่วนในวันเสาร์ อาทิตย์ แล้วไม่ปฏิบัติตาม ไม่ลงชื่อมาทํางานและไม่ไปพบผู้อํานวยการ สํานักตามคําสั่งโดยไม่มีเหตุผล ชักสีหน้าและพูดจาไม่สุภาพกับประชาชนผู้มาติดต่อราชการ กล่าวถ้อยคําหยาบคายต่อหน้าผู้บังคับบัญชา ทะเลาะเบาะแว้งกับเพื่อนร่วมงานในบ้านพัก ข้าราชการ เป็นต้น
2. ความผิดวินัยอย่างร้ายแรง เช่น ปลอมใบเสร็จ/ใบสําคัญรับเงิน เพื่อเบิกเงินกับหน่วยงาน ต้นสังกัด เป็นต้น

21.ข้อใดคือการลงโทษกรณีวินัยไม่ร้ายแรง
(1) ภาคทัณฑ์
(2) ตัดเงินเดือน
(3) ลดเงินเดือน
(4) ถูกเฉพาะข้อ 2 กับ 3
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 23), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 96 และมาตรา 97), (คําบรรยาย) ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 เป็นผู้มีอํานาจ พิจารณาความผิด กําหนดโทษ และสั่งลงโทษข้าราชการพลเรือนสามัญผู้กระทําผิดทางวินัย ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ
1. กรณีกระทําผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ให้สั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดเงินเดือน ตามควรแก่กรณีให้เหมาะสมกับความผิด
2. กรณีกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้สั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกตามความร้ายแรงแห่ง กรณี ถ้ามีเหตุอันควรลดหย่อนจะนํามาประกอบการพิจารณาลดโทษก็ได้ แต่ห้ามมิให้ลดโทษลงต่ํากว่าปลดออก

22. การให้พ้นจากราชการโดยได้รับบําเหน็จบํานาญเสมือนผู้นั้นลาออกจากราชการ คือการลงโทษทางวินัยประเภทใด
(1) ปลดออก
(2) ไล่ออก
(3) พักงาน
(4) ลดตําแหน่ง
(5) ภาคทัณฑ์
ตอบ 1 หน้า 267, (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 97 วรรคสี่), (คําบรรยาย) ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดถูกสั่งลงโทษทางวินัยขั้นปลดออกจากราชการตาม พ.ร.บ. ระเบียบ ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ยังมีสิทธิได้รับบําเหน็จบํานาญตามกฎหมายว่าด้วยบําเหน็จ บํานาญข้าราชการเหมือนว่าผู้นั้นลาออกจากราชการ ส่วนข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดถูกสั่ง ลงโทษทางวินัยขั้นไล่ออกจากราชการ จะไม่มีสิทธิได้รับบําเหน็จบํานาญตามกฎหมายว่าด้วย บําเหน็จบํานาญข้าราชการ

23. หลักการในข้อใดแสดงถึงการใช้ดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาในการพิจารณากําหนดโทษอย่างถูกต้อง
(1) การตัดสินด้วยเหตุผลที่รับฟังได้ และอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง
(2) ในหน่วยงานเดียวกันต้องมีการกําหนดแนวทางการใช้ดุลพินิจที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
(3) การใช้ดุลพินิจต้องอยู่ภายในกรอบที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว
(4) ถูกทุกข้อ
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 4 (คําบรรยาย) การใช้ดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาในการพิจารณากําหนดโทษ มีหลักการดังนี้
1. การใช้ดุลพินิจต้องอยู่ภายในกรอบที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว
2. การใช้ดุลพินิจจะต้องมีเหตุผลที่รับฟังได้ และอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง
3. ในหน่วยงานเดียวกันต้องมีการกําหนดแนวทางการใช้ดุลพินิจที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน

24. ข้อใดเรียงลําดับขั้นตอนการกําหนดโทษและการลงโทษได้อย่างถูกต้อง
A. การสอบสวนทางวินัยได้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติ
B. การพิจารณาความผิดว่าผิดหรือไม่ และผิดมาตราใด
C. การพิจารณากําหนดโทษว่าควรให้โทษสถานใด
D. การสั่งลงโทษ

(1) A. – B. – C. – D.
(2) B. – C. – A.- D.
(3) B. – C. – D.- A.
(4) A. – D. – B. – C.
(5) D. – A. – B. – C.
ตอบ 1 (คําบรรยาย) การกําหนดโทษและการลงโทษ มีลําดับขั้นตอนดังนี้
1. การสอบสวนทางวินัยได้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติ
2. การพิจารณาความผิดว่าผิดหรือไม่ และผิดมาตราใด
3. การพิจารณากําหนดโทษว่าควรให้โทษสถานใด 4. การสั่งลงโทษ

25. ความประพฤติของข้าราชการในข้อใดถือว่าผิดวินัยอย่างร้ายแรง
(1) ชักสีหน้าและพูดจาไม่สุภาพกับประชาชนผู้มาติดต่อราชการ
(2) ไม่ลงชื่อมาทํางานและไม่ไปพบผู้อํานวยการสํานักตามคําสั่ง
(3) กล่าวถ้อยคําหยาบคายต่อหน้าผู้บังคับบัญชา
(4) ทะเลาะเบาะแว้งกับเพื่อนร่วมงานในบ้านพักข้าราชการ
(5) ปลอมใบเสร็จ/ใบสําคัญรับเงิน เพื่อเบิกเงินกับหน่วยงานต้นสังกัด
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 20. ประกอบ

26. ข้อใดคือข้อกําหนดในด้านวินัยต่อประชาชน
(1) ต้องไม่อาศัยอํานาจหน้าที่ราชการในการหาผลประโยชน์ส่วนตน
(2) ต้องไม่กระทําการล่วงละเมิด/คุกคามทางเพศในที่ทํางาน
(3) ต้องไม่กลั่นแกล้ง กดขี่ ข่มเหงกันในการปฏิบัติราชการ
(4) ต้องให้ความเป็นธรรม เต็มใจช่วยเหลือแก่ผู้มาติดต่อราชการ
(5) ต้องปฏิบัติตามคําสั่งของผู้บังคับบัญชาในหน้าที่ราชการ
ตอบ 4 (คําบรรยาย) ข้อกําหนดในด้านวินัยต่อประชาชน มีดังนี้
1. ต้องต้อนรับ ให้ความเป็นธรรม เต็มใจช่วยเหลือ และให้การสงเคราะห์แก่ประชาชน ผู้มาติดต่อราชการ
2. ต้องไม่ชักสีหน้า ดูหมิ่น เหยียดหยาม กดขี่ หรือข่มเหงประชาชนผู้มาติดต่อราชการ
3. ต้องอํานวยความสะดวกให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่มีผู้ใดต้องถูกกลั่นแกล้ง รังแก
4. ต้องบริการด้วยมาตรฐาน ไม่ล่าช้า จงใจถ่วงเรื่อง ละเลย หรือไม่ชัดเจน

27. ข้าราชการพลเรือนสามัญจะได้รับการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนในแต่ละครั้งต้องมีผลการประเมิน
ผลการปฏิบัติราชการในระดับใด
(1) ไม่ต่ำกว่าระดับพอใช้ หรือร้อยละ 60
(2) ไม่ต่ำกว่าระดับปานกลาง หรือร้อยละ 60
(3) ไม่ต่ำกว่าระดับปานกลาง หรือร้อยละ 70
(4) ไม่ต่ำกว่าระดับพอใช้ หรือร้อยละ 70
(5) ไม่ต่ำกว่าระดับดี หรือร้อยละ 80
ตอบ 1 หน้า 19, (คําบรรยาย) หลักเกณฑ์การเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญ มีดังนี้
1. การเลื่อนเงินเดือนให้เลื่อนปีละ 2 ครั้ง
2. การเลื่อนเงินเดือนข้าราชการแต่ละคนในแต่ละครั้งให้เลื่อนได้ในอัตราไม่เกินร้อยละ 6 ของฐานในการคํานวณ และไม่เกินเงินเดือนสูงสุดตามที่ ก.พ. กําหนด
3. ข้าราชการซึ่งจะได้รับการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนในแต่ละครั้งต้องมีผลการประเมิน ผลการปฏิบัติราชการไม่ต่ำกว่าระดับพอใช้ หรือร้อยละ 60
4. ข้าราชการที่บรรจุเข้ารับราชการทั้งกรณีบรรจุใหม่และบรรจุกลับต้องมีเวลาปฏิบัติราชการ ในรอบครึ่งปีที่แล้วมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 4 เดือน

28. การสรรหาและคัดเลือกบุคลากรของหน่วยงานราชการใช้วิธีตามหลักการใด
(1) ระบบคุณธรรม
(2) ระบบอุปถัมภ์
(3) ระบบจริยธรรม
(4) ระบบความเป็นกลาง
(5) ระบบผลสัมฤทธิ์
ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 15), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 52), (คําบรรยาย) การสรรหาและคัดเลือกบุคคลมาบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งต้องเป็นไปตามระบบคุณธรรมและคํานึงถึงความรู้ความสามารถ พฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคล ตลอดจนประโยชน์ของทางราชการด้วยความเสมอภาคและเป็นธรรม

29. ข้อใดไม่ใช่จุดมุ่งหมายของวินัยราชการ
(1) การปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
(2) การสร้างความเจริญมั่นคง และความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ
(3) การสร้างความผาสุกของประชาชน
(4) การสร้างภาพพจน์และชื่อเสียงที่ดีของทางราชการ
(5) การสร้างความมั่งคั่งในอาชีพข้าราชการ
ตอบ 5 (คําบรรยาย) จุดมุ่งหมายของวินัยราชการ มีดังนี้
1. การปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
2. การสร้างความเจริญมั่นคง และความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ
3. การสร้างความผาสุกของประชาชน
4. การสร้างภาพพจน์และชื่อเสียงที่ดีของทางราชการ

30. เหตุใดจึงต้องมีระบบการประเมินเงินเดือนข้าราชการที่ถูกต้องและเป็นธรรม
(1) เพื่อลดความยุ่งยากซับซ้อนและลดโอกาสผิดพลาดในการดําเนินการพิจารณา
(2) เพื่อให้เกิดการคํานวณจัดสรรเงินเดือนแก่ข้าราชการในแต่ละรอบอย่างรวดเร็ว
(3) เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการประเมินของหน่วยงานต่าง ๆ
(4) เพื่อเป็นเครื่องมือกระตุ้นให้ข้าราชการพัฒนาศักยภาพของตนเองให้ดียิ่งขึ้น
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 (คําบรรยาย) เหตุที่ต้องมีระบบการประเมินเงินเดือนข้าราชการที่ถูกต้องและเป็นธรรม มีดังนี้
1. เพื่อลดความยุ่งยากซับซ้อนและลดโอกาสผิดพลาดในการดําเนินการพิจารณา
2. เพื่อให้เกิดการคํานวณจัดสรรเงินเดือนแก่ข้าราชการในแต่ละรอบอย่างรวดเร็ว
3. เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการประเมินของหน่วยงานต่าง ๆ
4. เพื่อเป็นเครื่องมือกระตุ้นให้ข้าราชการสร้างผลลัพธ์ของงานและพัฒนาศักยภาพของตนเอง ให้ดียิ่งขึ้น

31. ข้อใดไม่ใช่ข้อกําหนดวินัยต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ
(1) ข้าราชการต้องรักษาความลับของทางราชการ
(2) ข้าราชการต้องวางตนเป็นกลางทางการเมือง
(3) ข้าราชการต้องสนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
(4) ข้าราชการต้องไม่ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ
(5) ข้าราชการต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบของทางราชการ
ตอบ 3 (คําบรรยาย) ข้อกําหนดวินัยต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ มีดังนี้
1. ข้าราชการต้องซื่อสัตย์ สุจริต และเที่ยงธรรม
2. ข้าราชการต้องไม่อาศัยหรือยอมให้ผู้อื่นอาศัยตําแหน่งหน้าที่ราชการของตนหาประโยชน์
ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น
3. ข้าราชการต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาล และปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ
4. ข้าราชการต้องไม่ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ
5. ข้าราชการต้องรักษาความลับของทางราชการ
6. ข้าราชการต้องวางตนเป็นกลางทางการเมือง
7. ข้าราชการต้องอุทิศเวลาของตนให้แก่ราชการ ฯลฯ

32. ข้าราชการพลเรือนสามัญที่ต้องโทษวินัยปลดออกมีผลตามข้อใด
(1) พ้นจากราชการโดยไม่ได้รับบําเหน็จ
(2) พ้นจากราชการโดยไม่ได้รับบํานาญ
(3) พ้นจากราชการโดยไม่ได้รับเงินชดเชย
(4) พ้นจากราชการโดยได้รับบําเหน็จ บํานาญ
(5) พ้นจากราชการโดยได้รับบําเหน็จ แต่ไม่ได้รับบํานาญ
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 22. ประกอบ

33. ใครคือผู้มีอํานาจพิจารณาความผิดและกําหนดโทษของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้กระทําผิดทางวินัย
(1) ผู้บังคับบัญชาของหน่วยงาน
(2) นายกรัฐมนตรี
(3) ผู้พิพากษาศาลปกครอง
(4) สภาผู้แทนราษฎร
(5) เจ้าหน้าที่ตํารวจ
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 21. ประกอบ

34. ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน ประเภทบริหารได้แก่ตําแหน่ง
(1) หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง
(2) หัวหน้าส่วนราชการระดับกรม
(3) รองหัวหน้าส่วนราชการระดับกรม
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5 (คําบรรยาย) ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารตาม พ.ร.บ. ระเบียบ ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มี 2 ระดับ คือ
1. บริหารระดับต้น ได้แก่ รองหัวหน้าส่วนราชการระดับกรม (รองอธิบดี), รองผู้ว่าราชการ จังหวัด,อัครราชทูต เป็นต้น
2. บริหารระดับสูง ได้แก่ หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง (ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีและ ปลัดกระทรวง), รองหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง รองปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีและ รองปลัดกระทรวง), หัวหน้าส่วนราชการระดับกรม (อธิบดี), หัวหน้าส่วนราชการระดับกรม ที่อยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (เช่น เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ผู้อํานวยการสํานักงบประมาณ เลขาธิการ ก.พ. เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฯลฯ), ผู้ว่าราชการจังหวัด เอกอัครราชทูต เป็นต้น

35. การสอบแข่งขันเกี่ยวข้องกับเรื่องใดต่อไปนี้โดยตรง
(1) คุณสมบัติทั่วไป
(2) การโอน
(3) การย้าย
(4) การบรรจุและแต่งตั้ง
(5) คุณสมบัติเฉพาะ
ตอบ 4 หน้า 92, (คําบรรยาย) การบรรจุและแต่งตั้งบุคคลให้เข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนโดยบรรจุและแต่งตั้งจากผู้สอบแข่งขันได้ถือเป็นหลักเกณฑ์ทั่วไปของการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญในทุกประเทศ ทั้งนี้ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่าผู้ที่เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญส่วนใหญ่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งจาก ผู้สอบแข่งขันได้ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งโดยไม่ต้องสอบแข่งขัน

36. การจัดระเบียบข้าราชการพลเรือนตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันในส่วนที่เกี่ยวกับ การรับสมัครบุคคลเพื่อบรรจุเข้ารับราชการและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งต้องคํานึงถึง
(1) ความรู้ความสามารถ
(2) ความเสมอภาค ความเป็นธรรม
(3) ประโยชน์ของตัวข้าราชการ
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 42 (1)) การจัดระเบียบข้าราชการพลเรือนตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน ฉบับปัจจุบันในส่วนที่เกี่ยวกับการรับสมัครบุคคลเพื่อบรรจุเข้ารับราชการและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งต้องคํานึงถึงความรู้ความสามารถของบุคคล ความเสมอภาค ความเป็นธรรม และประโยชน์ของทางราชการ

37. ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน องค์กรใดต่อไปนี้เป็นผู้จัดทํามาตรฐานกําหนดตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญ
(1) อ.ก.พ. กระทรวง
(2) ก.พ.
(3) อ.ก.พ. กรม
(4) อ.ก.พ. จังหวัด
(5) ก.พ.ร.
ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 14), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 48) ก.พ. เป็นผู้จัดทํามาตรฐานกําหนดตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญ โดยจําแนกตําแหน่งเป็นประเภทและสายงานตามลักษณะงาน และจัดตําแหน่งในประเภทเดียวกันและสายงาน
เดียวกันที่คุณภาพของงานเท่ากันโดยประมาณเป็นระดับเดียวกัน ทั้งนี้โดยคํานึงถึงลักษณะหน้าที่ความรับผิดชอบและคุณภาพของงาน โดยในมาตรฐานกําหนดตําแหน่งให้ระบุชื่อตําแหน่ง ในสายงาน หน้าที่ความรับผิดชอบหลัก และคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งไว้ด้วย

38. ระดับใดต่อไปนี้ไม่ใช่ระดับตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญตําแหน่งประเภทวิชาการ
(1) ระดับเชี่ยวชาญ
(2) ระดับทรงคุณวุฒิ
(3) ระดับทักษะพิเศษ
(4) ระดับชํานาญการ
(5) ระดับปฏิบัติการ
ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 13 – 14), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 46) ระดับตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีดังนี้
1. ตําแหน่งประเภทบริหาร มี 2 ระดับ คือ ระดับต้น และระดับสูง
2. ตําแหน่งประเภทอํานวยการ มี 2 ระดับ คือ ระดับต้น และระดับสูง
3. ตําแหน่งประเภทวิชาการ มี 5 ระดับ คือ ระดับปฏิบัติการ ระดับชํานาญการ ระดับชํานาญการพิเศษ ระดับเชี่ยวชาญ และระดับทรงคุณวุฒิ
4. ตําแหน่งประเภททั่วไป มี 4 ระดับ คือ ระดับปฏิบัติงาน ระดับชํานาญงาน ระดับอาวุโส และระดับทักษะพิเศษ ทั้งนี้การจัดประเภทตําแหน่งและระดับตําแหน่งให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์ที่กําหนดในกฎ ก.พ.

39. ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญมีกี่ประเภท
(1) 2 ประเภท
(2) 3 ประเภท
(3) 4 ประเภท
(4) 5 ประเภท
(5) 6 ประเภท
ตอบ 3 (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 45), (คําบรรยาย) ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญแบ่งตามลักษณะงานได้เป็น 4 ประเภท คือ
1. ตําแหน่งประเภทบริหาร ได้แก่ ตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการและรองหัวหน้าส่วนราชการ ระดับกระทรวง กรม และตําแหน่งอื่นที่ ก.พ. กําหนดเป็นตําแหน่งประเภทบริหาร
2. ตําแหน่งประเภทอํานวยการ ได้แก่ ตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่ต่ํากว่าระดับกรมและตําแหน่งอื่นที่ ก.พ. กําหนดเป็นตําแหน่งประเภทอํานวยการ เช่น หัวหน้าส่วนราชการ ระดับจังหวัดในราชการส่วนภูมิภาค เป็นต้น
3. ตําแหน่งประเภทวิชาการ ได้แก่ ตําแหน่งที่จําเป็นต้องใช้ผู้สําเร็จการศึกษาระดับปริญญา ตามที่ ก.พ. กําหนด (ระดับปริญญาตรีขึ้นไป) เพื่อปฏิบัติงานในหน้าที่ของตําแหน่งนั้น 4. ตําแหน่งประเภททั่วไป ได้แก่ ตําแหน่งที่ไม่ใช่ตําแหน่งประเภทตามข้อ 1, 2 และ 3 ทั้งนี้ตามที่ ก.พ. กําหนด

40. ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณฉบับปัจจุบันใช้บังคับโดยตรงกับ
(1) ราชการบริหารส่วนกลาง
(2) ราชการบริหารส่วนภูมิภาค
(3) ราชการบริหารส่วนท้องถิ่น
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5 หน้า 400, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 26), (คําบรรยาย) ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย งานสารบรรณ พ.ศ. 2526 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 ให้ใช้บังคับแก่ส่วนราชการ ซึ่งหมายถึง กระทรวง กรม สํานักงาน หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐทั้งในราชการบริหารส่วนกลาง ราชการบริหารส่วนภูมิภาค ราชการบริหารส่วนท้องถิ่น หรือในต่างประเทศ และให้หมายความ รวมถึงคณะกรรมการด้วย

41. กรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม มีวาระดํารงตําแหน่งกี่ปี
(1) 2 ปี
(2) 3 ปี
(3) 4 ปี
(4) 5 ปี
(5) 6 ปี
ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 11), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 24 และมาตรา 29), (คําบรรยาย) คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม เรียกโดยย่อว่า “ก.พ.ค.” ประกอบด้วยกรรมการจํานวน 7 คน ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง และ ให้เลขาธิการ ก.พ. เป็นเลขานุการของ ก.พ.ค. โดยตําแหน่ง โดยกรรมการ ก.พ.ค. ต้องทํางาน เต็มเวลา และมีวาระการดํารงตําแหน่ง 6 ปีนับแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง และให้ดํารงตําแหน่งได้เพียงวาระเดียว ดังนั้นกรรมการ ก.พ.ค. ซึ่งพ้นจากตําแหน่งตามวาระ จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นกรรมการ ก.พ.ค. อีกมิได้ แต่ให้กรรมการ ก.พ.ค. ซึ่งพ้นจากตําาแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตําแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งกรรมการ ก.พ.ค. ใหม่

42. หนังสือราชการตามระเบียบงานสารบรรณฉบับปัจจุบันมีกี่ชนิด
(1) 2 ชนิด
(2) 3 ชนิด
(3) 4 ชนิด
(4) 5 ชนิด
(5) 6 ชนิด
ตอบ 5 หน้า 403, 416, 422, 428, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 26 – 27), (คําบรรยาย)หนังสือราชการตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณพ.ศ. 2526 แก้ไข เพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 (ฉบับปัจจุบัน) มี 6 ชนิด คือ
1. หนังสือภายนอก
2. หนังสือภายใน
3. หนังสือประทับตรา
4. หนังสือสั่งการ มี 3 ชนิด ได้แก่ คําสั่ง ระเบียบ และข้อบังคับ
5. หนังสือประชาสัมพันธ์ มี 3 ชนิด ได้แก่ ประกาศ แถลงการณ์ และข่าว
6. หนังสือที่เจ้าหน้าที่ทําขึ้นหรือรับไว้เป็นหลักฐานในราชการ มี 4 ชนิด ได้แก่ หนังสือรับรอง รายงานการประชุม บันทึก และหนังสืออื่น

43. ระเบียบข้าราชการพลเรือนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ
(1) สํานักงาน ก.พ.
(2) สํานักนายกรัฐมนตรี
(3) การกําหนดตําแหน่ง
(4) การจัดส่วนราชการ
(5) การบริหารงานบุคคลภาครัฐ
ตอบ 5 หน้า 15, (คําบรรยาย) ระเบียบข้าราชการพลเรือนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการบริหารงานบุคคลหรือการบริหารทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐ โดยระเบียบข้าราชการพลเรือนแต่ละฉบับจะตราขึ้นโดยอาศัยหลักวิชาการในทางการบริหารงานบุคคลตามระบบคุณธรรม เป็นเกณฑ์ ดังนั้นการที่จะศึกษาทําความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบข้าราชการพลเรือนจึงจําเป็นต้องมีความรู้ในหลักวิชาของการบริหารงานบุคคลเป็นพื้นฐานที่สําคัญ

44. ตําแหน่งใดต่อไปนี้เป็นตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญและเป็นหัวหน้าส่วนราชการระดับกรม แต่มีตําแหน่งในการบังคับบัญชาเท่าปลัดกระทรวง
(1) เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
(2) เลขาธิการนายกรัฐมนตรี
(3) ปลัดกรุงเทพมหานคร
(4) ผู้อํานวยการสํานักงบประมาณ
(5) โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 34. ประกอบ

45. หนังสือราชการชนิดใดต่อไปนี้ต้องมีคําลงท้าย
(1) หนังสือภายใน
(2) หนังสือประทับตรา
(3) หนังสือภายนอก
(4) รายงานการประชุม
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 3 หน้า 404 – 407, (คําบรรยาย) ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 หนังสือภายนอก คือ หนังสือติดต่อราชการ ที่เป็นแบบพิธีโดยใช้กระดาษตราครุฑ เป็นหนังสือติดต่อระหว่างส่วนราชการ หรือส่วนราชการ มีถึงหน่วยงานอื่นใดซึ่งมิใช่ส่วนราชการ หรือที่มีถึงบุคคลภายนอก ซึ่งหนังสือภายนอกนี้จะต้อง มีคําขึ้นต้นและคําลงท้ายตามฐานะของผู้รับหนังสือตามตารางการใช้คําขึ้นต้น สรรพนาม และคําลงท้ายที่กําหนดไว้ในภาคผนวก 2

46. ปัจจุบันบัญชีผู้สอบแข่งขันได้เพื่อใช้ในการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามที่ได้มีการจัดสอบแข่งขันนั้น ให้ใช้ได้ไม่เกินกี่ปีนับแต่วันขึ้นบัญชี
(1) 1 ปี
(2) 2 ปี
(3) 3 ปี
(4) 4 ปี
(5) 5 ปี
ตอบ 2 (คําบรรยาย) ปัจจุบัน ก.พ. ได้กําหนดหลักเกณฑ์การขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้เพื่อใช้ในการบรรจุ บุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญว่าให้ใช้ได้ไม่เกิน 2 ปีนับแต่วันขึ้นบัญชี

47. ระดับเชี่ยวชาญ เป็นระดับตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทใด
(1) บริหารระดับสูง
(2) อํานวยการระดับสูง
(3) ทั่วไป
(4) วิชาการ
(5) บริหารระดับต้น
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 38. ประกอบ

48. ปัจจุบันกรรมการ ก.พ. ผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอยู่ในตําแหน่งคราวละกี่ปี
(1) 5 ปี
(2) 4 ปี
(3) 3 ปี
(4) 2 ปี
(5) 1 ปี
ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 7 – 8), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 6 และมาตรา 7), (คําบรรยาย) คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เรียกโดยย่อว่า “ก.พ.” เป็นองค์กรกลางในการบริหารงานบุคคล ประกอบด้วย
1. กรรมการโดยตําแหน่ง จํานวน 5 คน ได้แก่ นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธาน ปลัดกระทรวงการคลัง ผู้อํานวยการสํานักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และเลขาธิการ ก.พ. เป็น
กรรมการและเลขานุการ
2. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหาร ทรัพยากรบุคคล ด้านการบริหารและการจัดการ และด้านกฎหมาย จํานวนไม่น้อยกว่า 5 คน แต่ไม่เกิน 7 คน โดยอยู่ในตําแหน่งคราวละ 3 ปี

49. หนังสือสั่งการตามระเบียบงานสารบรรณฉบับปัจจุบันมีกี่ชนิด
(1) ชนิดเดียว
(2) 2 ชนิด
(3) 3 ชนิด
(4) 4 ชนิด
(5) 5 ชนิด
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 42. ประกอบ

50. ตําแหน่งใดต่อไปนี้เป็นกรรมการ ก.พ. โดยตําแหน่งตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน
(1) รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี
(2) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
(3) ปลัดกระทรวงยุติธรรม
(4) ปลัดกระทรวงการคลัง
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 48. ประกอบ

51. ข้อใดเป็นโทษผิดวินัยข้าราชการพลเรือนสามัญขั้นร้ายแรงตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน
(1) ไล่ออก
(2) ปลดออก
(3) ให้ออก
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 22 – 23), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 88), (คําบรรยาย) ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดกระทําผิดวินัยจะต้องได้รับโทษ ทางวินัย เว้นแต่มีเหตุอันควรงดโทษตามที่บัญญัติไว้ในหมวด 7 การดําเนินการทางวินัย โดยโทษทางวินัยมี 5 สถาน ซึ่งแบ่งออกเป็น

1. โทษผิดวินัยประเภทไม่ร้ายแรง มี 3 สถาน ได้แก่ ภาคทัณฑ์ (เบาที่สุด) ตัดเงินเดือน และลดเงินเดือน
2. โทษผิดวินัยประเภทร้ายแรง มี 2 สถาน ได้แก่ ปลดออก และไล่ออก (หนักที่สุด)

52. ตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันกําหนดให้ผู้มีอํานาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งผู้สําเร็จการศึกษา ในสาขาวิชาชีพที่ขาดแคลนตามที่ ก.พ. กําหนด คือ
(1) ปลัดกระทรวง
(2) อ.ก.พ. กรม
(3) อ.ก.พ. กระทรวง
(4) อธิบดี
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 4 (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 55), (คําบรรยาย) กรณีที่มีเหตุพิเศษ ที่ ก.พ. เห็นว่าไม่ต้องดําเนินการสอบแข่งขัน สามารถให้อธิบดี (ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจ สั่งบรรจุและแต่งตั้งตามมาตรา 57) เป็นผู้คัดเลือกบรรจุบุคคลเข้ารับราชการและแต่งตั้ง ให้ดํารงตําแหน่งได้เป็นรายกรณี (ไม่ใช่เป็นการพิจารณาเป็นรายบุคคล) เช่น 1. กรณีบรรจุและแต่งตั้งผู้สําเร็จการศึกษาในสาขาวิชาชีพที่ขาดแคลนตามที่ ก.พ. กําหนด 2. กรณีบรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับทุนเล่าเรียนหลวง หรือทุนรัฐบาลเพื่อศึกษาวิชาในประเทศ หรือต่างประเทศที่สําเร็จการศึกษาแล้ว เป็นต้น

53. ระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันมีวิธีการกําหนดตําแหน่งโดยใช้ระบบ
(1) คุณธรรม
(2) ชนยศ ชั้นยศ
(3) อุปถัมภ์
(4) จําแนกตําแหน่ง
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 4 หน้า 77 – 78, (คําบรรยาย) วิธีการกําหนดตําแหน่งข้าราชการพลเรือนโดยทั่วไปมี 2 ระบบ คือ ระบบชั้นยศ (R.C.) และระบบจําแนกตําแหน่ง (P.C.) ซึ่งตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการ พลเรือน พ.ศ. 2551 จะมีวิธีการกําหนดตําแหน่งโดยใช้ระบบจําแนกตําแหน่งแบบแบ่งเป็น ประเภทตําแหน่งตามลักษณะงาน 4 ประเภท คือ ตําแหน่งประเภทบริหาร ตําแหน่งประเภท อํานวยการ ตําแหน่งประเภทวิชาการ และตําแหน่งประเภททั่วไป

54. คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตามระเบียบข้าราชกาพลเรือนฉบับปัจจุบันประกอบด้วยกรรมการ
ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจํานวนกี่คน
(1) 5 คน
(2) 6 คน
(3) 7 คน
(4) 8 คน
(5) 9 คน
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 41. ประกอบ

55. ตําแหน่งใดต่อไปนี้เป็นประธาน อ.ก.พ. กระทรวง
(1) ปลัดกระทรวง
(2) รองปลัดกระทรวง
(3) รัฐมนตรีเจ้าสังกัด
(4) อธิบดี
(5) ผู้ว่าราชการจังหวัด
ตอบ 3(เอกสารประกอบการสอน หน้า 9), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 15), (คําบรรยาย) อ.ก.พ. กระทรวง ประกอบด้วย
1. อนุกรรมการโดยตําแหน่ง ได้แก่ รัฐมนตรีเจ้าสังกัด (รัฐมนตรีว่าการกระทรวง) เป็นประธาน ปลัดกระทรวง เป็นรองประธาน และผู้แทน ก.พ. 1 คน
2. อนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งรัฐมนตรีเจ้าสังกัดแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหาร ทรัพยากรบุคคล ด้านการบริหารและการจัดการ และด้านกฎหมายที่มิได้เป็นข้าราชการ ในกระทรวงนั้น จํานวนไม่เกิน 3 คน
3. อนุกรรมการผู้แทนข้าราชการ ซึ่งรัฐมนตรีเจ้าสังกัดแต่งตั้งจากข้าราชการพลเรือน ผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูงในกระทรวงนั้น จํานวนไม่เกิน 5 คน
4. เลขานุการ ซึ่ง อ.ก.พ. กระทรวง แต่งตั้ง จํานวน 1 คน

56. การจัดระเบียบข้าราชการพลเรือนตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันในส่วนที่เกี่ยวกับ การรับสมัครบุคคลเพื่อบรรจุเข้ารับราชการและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งต้องคํานึงถึง
(1) ความรู้ความสามารถ
(2) ความเสมอภาค ความเป็นธรรม
(3) ประโยชน์ของทางราชการ
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 36. ประกอบ

57. ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญระดับทรงคุณวุฒิเป็นตําแหน่งประเภท
(1) บริหารระดับสูง
(2) วิชาการระดับสูง
(3) วิชาการ
(5) ไม่มีข้อใดถูก
(4) อ่านวยการระดับสูง
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 38. ประกอบ

58. คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม เรียกโดยย่อว่า
(1) ก.พ.
(2) ก.พ.ธ.
(3) ก.ก.พ.
(4) ก.ก.ธ.
(5) ก.พ.ค.
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 41. ประกอบ

59. คําขึ้นต้นของหนังสือราชการถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังใช้ว่า
(1) กราบเรียน
(2) เรียน ฯพณฯ
(3) เรียน
(4) กราบเรียน ฯพณฯ
(5) ขอประทานกราบเรียน
ตอบ 3 หน้า 479 – 480, (คําบรรยาย) การใช้คําขึ้นต้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย งานสารบรรณ พ.ศ. 2526 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 ในหนังสือราชการ สําหรับผู้รับหนังสือที่เป็นบุคคลธรรมดานั้น มี 2 แบบ คือ

1. สําหรับประธานองคมนตรี นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา ประธานศาลฎีกา รัฐบุรุษ ให้ใช้คําขึ้นต้นว่า “กราบเรียน” และใช้ คําลงท้ายว่า “ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง”

2. บุคคลธรรมดานอกจากข้อ 1. ให้ใช้คําขึ้นต้นว่า “เรียน” และใช้คําลงท้ายว่า “ขอแสดง ความนับถือ”

60. ข้อใดเป็นคุณสมบัติทั่วไปของข้าราชการพลเรือนตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน
(1) มีสัญชาติไทย
(2) อายุไม่ต่ํากว่า 18 ปีบริบูรณ์
(3) ไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 กับ 2
(5) ถูกทั้งข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4 – 5), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 36) คุณสมบัติทั่วไปของข้าราชการพลเรือน ได้แก่
1. มีสัญชาติไทย
2. มีอายุไม่ต่ํากว่า 18 ปี
3. เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ

ตั้งแต่ข้อ 61. – 100. ข้อใดถูกให้ระบายในช่อง 1 ข้อใดผิดให้ระบายในช่อง 2

61. การบริหารงานบุคคลในระบบราชการไทยได้มีการพัฒนามาตามลําดับ อาจกล่าวได้ว่าเป็นการพัฒนาจาก
ระบบชั้นยศไปสู่ระบบคุณธรรม
ตอบ 2 หน้า 25 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 3) การบริหารงานบุคคลในระบบราชการของไทย ได้มีการพัฒนามาตามลําดับ โดยพัฒนามาจากรูปแบบที่ไม่เป็นทางการไปสู่รูปแบบที่เป็นทางการ มากขึ้น และจากระบบอุปถัมภ์ไปสู่ระบบคุณธรรม โดยทั้งหมดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาการบริหารงานบุคคลให้มีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์แก่ประชาชนผู้รับบริการ

62. เอกสารที่ทางราชการจัดทําขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานในราชการถือว่าเป็นหนังสือราชการตามระเบียบ
งานสารบรรณฉบับปัจจุบัน
ตอบ 1 หน้า 403, (คําบรรยาย) ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 กําหนดว่า หนังสือราชการ คือ เอกสารที่เป็นหลักฐานในราชการ ได้แก่
1. หนังสือที่มีไปมาระหว่างส่วนราชการ
2. หนังสือที่ส่วนราชการมีไปถึงหน่วยงานอื่นใดซึ่งมิใช่ส่วนราชการ หรือที่มีไปถึงบุคคลภายนอก
3. หนังสือที่หน่วยงานอื่นใดซึ่งมิใช่ส่วนราชการ หรือบุคคลภายนอกมีมาถึงส่วนราชการ
4. เอกสารที่ทางราชการจัดทําขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานในราชการ
5. เอกสารที่ทางราชการจัดทําขึ้นตามกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับ
6. ข้อมูลข่าวสารหรือหนังสือที่ได้รับจากระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์

63. บํานาญ คือ เงินตอบแทนความชอบที่ได้รับราชการมาเมื่อพ้นจากราชการ และเป็นผู้มีสิทธิได้รับตาม กฎหมายบําเหน็จบํานาญข้าราชการ บํานาญจ่ายเป็นรายเดือน
ตอบ 1 หน้า 69 – 70, (คําบรรยาย) บํานาญ คือ เงินตอบแทนความชอบที่ได้รับราชการมาเมื่อพ้นจาก หน้าที่ราชการแล้ว ซึ่งผู้ที่จะได้รับบํานาญนี้จะต้องเป็นผู้มีสิทธิได้รับตามกฎหมายว่าด้วยบําเหน็จ บํานาญข้าราชการ โดยบํานาญจ่ายให้เป็นรายเดือน

64. วินัยของข้าราชการพลเรือนสามัญขึ้นอยู่กับเหตุผลเป็นสําคัญที่จะเป็นสิ่งจูงใจให้ข้าราชการพลเรือนสามัญปฏิบัติโดยไม่ต้องอาศัยการบังคับ
ตอบ 1 หน้า 258 ศาสตราจารย์ Joseph B. Kingsbury และศาสตราจารย์ Robert F. Wilcox ได้กล่าวถึงวินัยของข้าราชการพลเรือนสามัญว่าขึ้นอยู่กับเหตุผลเป็นสําคัญที่จะเป็นสิ่งจูงใจให้ข้าราชการพลเรือนสามัญปฏิบัติโดยไม่ต้องอาศัยการบังคับ โดยวินัยประเภทที่เหมาะกับ ข้าราชการพลเรือนสามัญก็คือ วินัยประเภทปฏิบัติด้วยตนเอง (Self-discipline)

65. คุณสมบัติทั่วไปของข้าราชการพลเรือนตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันประการหนึ่งคือต้องสําเร็จการศึกษาอย่างต่ําอาชีวศึกษาตอนปลาย
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 60. ประกอบ

66. ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญตําแหน่งประเภทวิชาการ ได้แก่ ตําแหน่งที่จําเป็นต้องใช้ผู้สําเร็จการศึกษา ระดับปริญญาตามที่ ก.พ. กําหนด เพื่อปฏิบัติงานในหน้าที่ตําแหน่งนั้น
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 39. ประกอบ

67. ข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ มีขั้นตอนการบรรจุและแต่งตั้งที่สําคัญคือ ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐมนตรีเจ้าสังกัด และปลัดกระทรวงเป็นผู้มีอํานาจสั่งบรรจุและแต่งตั้ง
ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 17 – 18), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 57 (1) (2) (7)), (คําบรรยาย) ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญที่มีขั้นตอนการบรรจุและแต่งตั้งโดยต้องขออนุมัติหรือขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและนําความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง หรือต้องมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ได้แก่
1. ตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูง เช่น ปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นต้น 2. ตําแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ

68. หลักความเสมอภาคตามระบบคุณธรรม หมายความว่า สิทธิที่จะเข้ารับราชการจะต้องเปิดกว้างสําหรับ ประชาชนทุกคนที่มีคุณสมบัติตามระเบียบข้าราชการพลเรือน โดยให้มีโอกาสสมัครสอบแข่งขันเข้ารับราชการได้
ตอบ 1 หน้า 17 หลักความเสมอภาค (Equality) ตามระบบคุณธรรม หมายความว่า สิทธิที่จะ เข้ารับราชการจะต้องเปิดกว้างสําหรับประชาชนทุกคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมตามที่ราชการต้องการหรือตามระเบียบข้าราชการพลเรือน โดยให้มีโอกาสสมัครสอบแข่งขันเข้ารับราชการได้ และต้องไม่มีการเลือกปฏิบัติเพราะเหตุเกี่ยวกับเหล่ากําเนิด ฐานะทางเศรษฐกิจ สถานภาพทางสังคม ศาสนา และเพศของบุคคล

69. บําเหน็จดํารงชีพเป็นเงินที่ผู้รับบํานาญมีสิทธิได้รับ ปัจจุบันจะมีสิทธิได้รับเมื่ออายุครบ 60 ปีในปีที่เกษียณ อายุราชการ และเมื่ออายุครบ 65 ปีอีกครั้งหนึ่งตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยบําเหน็จบํานาญข้าราชการ
ตอบ 2 (คําบรรยาย) บําเหน็จดํารงชีพ คือ เงินที่จ่ายให้ข้าราชการบํานาญเพื่อช่วยเหลือการดํารงชีพซึ่งปัจจุบันกระทรวงการคลังได้ออกกฎกระทรวงกําหนดอัตราและวิธีการรับบําเหน็จดํารงชีพ พ.ศ. 2562 ข้อ 3 ไว้ว่า บําเหน็จดํารงชีพให้จ่ายผู้รับบํานาญในอัตรา 15 เท่าของบํานาญ รายเดือน แต่ไม่เกิน 500,000 บาท โดยให้มีสิทธิขอรับดังนี้
1. ผู้รับบํานาญอายุต่ํากว่า 65 ปี รับได้ไม่เกิน 200,000 บาท
2. ผู้รับบํานาญอายุตั้งแต่ 65 ปี แต่ไม่ถึง 70 ปี รับได้ไม่เกิน 400,000 บาท
3. ผู้รับบํานาญที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป ให้มีสิทธิรับได้ไม่เกิน 500,000 บาท

70. ข้าราชการการเมืองเข้าดํารงตําแหน่งโดยเป็นไปตามเหตุผลทางการเมืองและระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันด้วย
ตอบ 2 หน้า 383, 391 ข้าราชการการเมืองได้รับแต่งตั้งเข้าดํารงตําแหน่งโดยเป็นไปตามเหตุผลทาง การเมืองหรือตามระบบอุปถัมภ์ (ไม่เน้นเรื่องคุณวุฒิหรือความรู้ความสามารถ) และตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 (ฉบับปัจจุบัน) กล่าวคือ แต่เดิมข้าราชการการเมือง ถือว่าเป็นข้าราชการพลเรือนประเภทหนึ่งตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน แต่ในปัจจุบัน ได้มีการแยกข้าราชการการเมืองออกจากข้าราชการพลเรือน เพื่อไม่ให้มีการก้าวก่ายหน้าที่ ซึ่งกันและกัน และได้ประกาศใช้ พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 เพื่อใช้บังคับแก่ข้าราชการการเมืองโดยตรง

71. วินัยของข้าราชการพลเรือนตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันประการหนึ่ง คือ ห้ามมิให้เป็น กรรมการบริหารของพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง
ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4 – 6), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 36) ผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้
1. เป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง
2. เป็นคนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ คนวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือเป็นโรคตามที่กําหนดในกฎ ก.พ.
3. เป็นกรรมการหรือผู้ดํารงตําแหน่งที่รับผิดชอบในการบริหารพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ ในพรรคการเมือง 4. เป็นบุคคลล้มละลาย ฯลฯ

72. ระดับชํานาญการพิเศษเป็นตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภททั่วไปตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 38. ประกอบ

73. คําว่า “ปลัดกระทรวง” ตามคํานิยามของระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน ให้หมายความรวมถึง ปลัดกรุงเทพมหานครด้วย
ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 6), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 4) คําว่า “ปลัดกระทรวง” ให้หมายความรวมถึงปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีและปลัดทบวง

74. ผลของการไม่ปฏิบัติตามจรรยาของข้าราชการพลเรือนสามัญ ถ้าไม่ใช่ความผิดวินัยข้าราชการ ผู้บังคับบัญชา อาจสั่งให้ข้าราชการพลเรือนผู้นั้นได้รับการพัฒนา หรืออาจตักเตือน หรืออาจนําไปประกอบการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนก็ได้
ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 20), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 79) ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดไม่ปฏิบัติตามจรรยาข้าราชการอันมิใช่เป็น ความผิดวินัย ให้ผู้บังคับบัญชาตักเตือน นําไปประกอบการพิจารณาแต่งตั้ง เลื่อนเงินเดือน หรือสั่งให้ข้าราชการผู้นั้นได้รับการพัฒนา

75. มติของ ก.พ. ในการยกเว้นลักษณะต้องห้ามสําหรับผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนบางประการต้องได้คะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ของจํานวนกรรมการที่มาประชุม
ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 6), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 36 วรรคสอง และวรรคสี่) มติของ ก.พ. ในการยกเว้นลักษณะต้องห้าม (คุณสมบัติข้อห้าม) บางประการสําหรับผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนนั้น ต้องได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 4 ใน 5 ของจํานวนกรรมการที่มาประชุม และการลงมติ ให้กระทําโดยลับ ซึ่งในการนี้ ก.พ. จะยกเว้นให้เป็นการเฉพาะราย หรือจะประกาศยกเว้น ให้เป็นการทั่วไปก็ได้

76. ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดกระทําผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งลงโทษ สั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดเงินเดือน ตามควรแก่กรณีให้เหมาะสมกับความผิด
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 21. ประกอบ

77. เอกสารที่ทางราชการจัดทําขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานในราชการไม่ถือว่าเป็นหนังสือราชการตามระเบียบ
งานสารบรรณฉบับปัจจุบัน
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 62. ประกอบ

78. ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญจะมีในส่วนราชการใด จํานวนเท่าใด เป็นตําแหน่งประเภทใด ระดับใด ให้เป็นไปตามที่ อ.ก.พ. กรม กําหนด
ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 14), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 47) ตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญจะมีในส่วนราชการใด จํานวนเท่าใด และเป็นตําแหน่ง ประเภทใด สายงาน,ด ระดับใด ให้เป็นไปตามที่ อ.ก.พ. กระทรวง กําหนด โดยต้องคํานึงถึง ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ความไม่ซ้ําซ้อนและประหยัดเป็นหลัก ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์และ เงื่อนไขที่ ก.พ. กําหนด และต้องเป็นไปตามมาตรฐานกําหนดตําแหน่ง

79. บําเหน็จตกทอดเป็นเงินที่กฎหมายว่าด้วยบําเหน็จบํานาญข้าราชการกําหนดให้จ่ายแก่ทายาทของ
ข้าราชการผู้รับบํานาญ เมื่อผู้รับบํานาญถึงแก่กรรม
ตอบ 1 หน้า 69 – 72, (คําบรรยาย) บําเหน็จบํานาญ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1. บําเหน็จบํานาญปกติ คือ เงินที่จ่ายให้ข้าราชการที่มีสิทธิรับบําเหน็จบํานาญปกติ
2. บําเหน็จบํานาญพิเศษ คือ เงินที่จ่ายให้ข้าราชการที่ประสบอันตรายเพราะเหตุปฏิบัติ ราชการหน้าที่ หรือถูกประทุษร้ายเพราะเหตุกระทําการตามหน้าที่จนพิการทุพพลภาพ รับราชการต่อไปไม่ได้ ถ้าจนถึงตายทายาทมีสิทธิรับบํานาญพิเศษ
3. บําเหน็จตกทอด คือ เงินที่จ่ายให้แก่ทายาทของข้าราชการผู้รับบํานาญเมื่อผู้รับบํานาญ ถึงแก่กรรม ซึ่งจ่ายให้ครั้งเดียว

80. กรรมการในคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมซึ่งพ้นจากตําแหน่งตามวาระ อาจได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นกรรมการอีกก็ได้ แต่ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 41. ประกอบ

81. การที่กฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือนได้กําหนดเรื่องการออกจากราชการไว้เป็นกิจจะลักษณะ
นับได้ว่าเป็นมาตรการที่เป็นไปตามระบบคุณธรรมในการบริหารงานบุคคล
ตอบ 1 หน้า 307, (คําบรรยาย) การที่กฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือนกําหนดเรื่องการออกจาก
ราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญไว้เป็นกิจจะลักษณะนั้นนับได้ว่าเป็นมาตรการประการหนึ่ง ในการให้หลักประกันความมั่นคงแก่ข้าราชการตามระบบคุณธรรมในการบริหารงานบุคคล มิให้ข้าราชการต้องถูกออกจากราชการโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือเป็นไปโดยอําเภอใจของผู้บังคับบัญชา

82. หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมปกติได้แก่ อธิบดี เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหาร มีระดับ ตําแหน่งเช่นเดียวกับตําแหน่งปลัดกระทรวง
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 34. ประกอบ

83. การลาออกจากราชการกรณีเพื่อไปดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ผู้บังคับบัญชาอาจยับยั้ง การสั่งอนุญาตการลาออกนั้นได้ไม่เกิน 90 วันนับแต่วันขอลาออก
ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 24), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 109 วรรคห้า), (คําบรรยาย) ในกรณีที่ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการ เพื่อไปดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ (เช่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)) ตําแหน่งทางการเมือง (เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวง, เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง) หรือตําแหน่งอื่นที่ ก.พ. กําหนด หรือตําแหน่ง กรรมการในคณะกรรมการใดที่กฎหมายกําหนดว่าไม่ต้องเป็นข้าราชการ (เช่น นายกสภา มหาวิทยาลัยของรัฐ หรือเพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกรัฐสภา (ส.ส. และ ส.ว.) สมาชิก สภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น (เช่น นายก อบต.) ผู้บังคับบัญชาที่มีอํานาจสั่งอนุญาต การลาออก (ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งตามมาตรา 57) ไม่อาจยับยั้ง การขอลาออกได้ และให้การลาออกมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้นั้นขอลาออก

84. การโอนข้าราชการอื่นมาเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันกําหนดให้ อ.ก.พ. กระทรวง พิจารณาอนุมัติโดยคํานึงถึงประโยชน์ของทางราชการเป็นหลัก
ตอบ 2 (คําบรรยาย) พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 บัญญัติว่า การโอนพนักงาน ส่วนท้องถิ่น หรือข้าราชการอื่นมาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญต้องเกิดจากความสมัครใจ ของตัวผู้ขอโอนเอง โดยเมื่อผู้มีอํานาจสั่งบรรจุของทั้ง 2 หน่วยงานตกลงกันได้แล้ว ให้เสนอเรื่อง ไปยัง ก.พ. เพื่อพิจารณาอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบ ซึ่ง ก.พ. จะพิจารณาอนุมัติโดยคํานึงถึงประโยชน์ของทางราชการเป็นหลัก

85. ระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันกําหนดให้การสรรหา การบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ต้องเป็นไปตามที่ อ.ก.พ. กระทรวง กําหนด
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 28. ประกอบ

86. กฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2471 เป็นกฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับแรก
มีผลใช้บังคับทันทีนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ตอบ 2 หน้า 29 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 3) พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2471 เป็นกฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับแรก ซึ่งประกาศเป็นกฎหมายในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2471 แต่มิได้มีผลใช้บังคับทันทีนับแต่วันประกาศในราชกิจจา นุเบกษา โดย พ.ร.บ. ฉบับนี้เริ่มมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2472 หรืออีกราว ปีเศษให้หลัง

87. ข้าราชการตุลาการ (ผู้พิพากษา) อาจโอนมาเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญได้ตามระเบียบข้าราชการพลเรือน ฉบับปัจจุบัน
ตอบ 1 (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 64 วรรคหนึ่ง), (คําบรรยาย) การโอนพนักงานส่วนท้องถิ่น ข้าราชการที่ไม่ใช่ข้าราชการพลเรือนสามัญ (เช่น ข้าราชการตํารวจ ข้าราชการทหาร ข้าราชการครู ข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย ข้าราชการตุลาการ (ผู้พิพากษา) ข้าราชการอัยการ ข้าราชการรัฐสภา ข้าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นต้น) และเจ้าหน้าที่ของ หน่วยงานอื่นของรัฐที่ ก.พ. กําหนด มาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ตลอดจนจะแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทใด สายงานใด ระดับใด และให้ได้รับเงินเดือนเท่าใด ให้กระทําได้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ. กําหนด ซึ่ง ก.พ. จะพิจารณาอนุมัติโดยคํานึงถึงประโยชน์ ของทางราชการเป็นหลัก

88. ปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่าผู้ที่เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญส่วนใหญ่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งจากผู้สอบแข่งขันได้
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 35. ประกอบ

89. คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมต้องปฏิบัติงานเต็มเวลา และอยู่ในตําแหน่งได้จนครบวาระตามที่ กําหนดไว้ในระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 41. ประกอบ

90. ปลัดกรุงเทพมหานครเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญตามระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน
และเป็นตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
ตอบ 2 (คําบรรยาย) ตําแหน่งปลัดกรุงเทพมหานคร, ผู้อํานวยการเขตของกรุงเทพมหานคร เป็นข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการกรุงเทพมหานคร และบุคลากรกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554

91. การมีลําดับขั้นการบังคับบัญชาของข้าราชการตามระบบราชการ หมายถึง ข้าราชการมีการควบคุม ขั้นสุดท้ายอยู่ที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงสุด
ตอบ 1 หน้า 2, (คําบรรยาย) การมีลําดับขั้นการบังคับบัญชา (Hierarchy) ของข้าราชการตามระบบ ราชการ หมายถึง การที่ข้าราชการประจําแต่ละคนจะต้องมีผู้บังคับบัญชาคอยสั่งการและ ควบคุมการกระทําของเขาตามลําดับ โดยมีการจําแนกอํานาจหน้าที่หรือภารกิจความรับผิดชอบของตําแหน่ง และมีการควบคุมขั้นสุดท้ายอยู่ที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงสุด คือ ปลัดกระทรวงโดยอาศัยการจัดโครงสร้างแบบพีระมิด

92. การย้ายข้าราชการพลเรือนสามัญไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งในระดับที่ต่ํากว่าเดิม ผู้มีอํานาจสั่งย้าย
จะกระทําได้ต่อเมื่อได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีเจ้าสังกัดแล้ว
ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 18), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 63 วรรคสาม), (คําบรรยาย) การย้ายหรือการโอนข้าราชการพลเรือนสามัญไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่ง ในระดับที่ต่ํากว่าเดิม ผู้มีอํานาจสั่งย้ายจะกระทํามิได้ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากข้าราชการ พลเรือนสามัญผู้นั้น ส่วนการย้ายไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งในระดับที่สูงกว่าเดิม จะไม่สามารถดําเนินการได้แต่ต้องใช้วิธีการสอบคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งแทน

93. ข้าราชการพลเรือนสามัญที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการในระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการให้ถือเสมือนว่าผู้นั้นไม่เคยเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 18), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 59 วรรคสาม), (คําบรรยาย) ข้าราชการพลเรือนสามัญที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการในระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการให้ถือเสมือนว่าผู้นั้นไม่เคยเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญมาก่อน แต่ทั้งนี้จะไม่กระทบกระเทือนถึงการใดที่ผู้นั้นได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือการรับเงินเดือนหรือ ผลประโยชน์อื่นใดที่ได้รับหรือมีสิทธิจะได้รับจากทางราชการในระหว่างผู้นั้นอยู่ระหว่างทดลอง ปฏิบัติหน้าที่ราชการ ดังนั้นจึงไม่ทําให้ขาดคุณสมบัติทั่วไปหรือข้อห้ามของข้าราชการพลเรือนแต่อย่างใด

94. การบรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับปริญญาจากต่างประเทศเข้ารับราชการ โดยปกติจะต้องผ่านการสอบแข่งขัน เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไปที่มีคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งที่เปิดสอบแข่งขันนั้น
ตอบ 1 หน้า 93 – 95 การบรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับปริญญาหรือประกาศนียบัตรจากสถาบันการศึกษา ต่างประเทศที่ ก.พ. รับรองเข้ารับราชการนั้น โดยปกติจะต้องผ่านการสอบแข่งขันเช่นเดียวกับผู้สําเร็จการศึกษาในประเทศหรือบุคคลทั่วไปที่มีคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งที่เปิด สอบแข่งขันนั้น แต่ต้องเสนอคุณวุฒิให้ ก.พ. พิจารณารับรองเพื่อตีราคาหรือตีค่าคุณวุฒิ และ กําหนดหลักเกณฑ์การบรรจุเป็นราย ๆ ทุกรายไป โดย ก.พ. จะพิจารณาจากหลักสูตรการศึกษา และความน่าเชื่อถือของสถาบันที่ประสาทปริญญาหรือประกาศนียบัตรนั้นด้วย แต่ ก.พ. จะไม่มีอํานาจในการบรรจุและแต่งตั้ง

95. ข้าราชการพลเรือนอาจได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวตามภาวะเศรษฐกิจ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะรัฐมนตรีกําหนด
ตอบ 1 (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 38 วรรคสอง) ข้าราชการพลเรือน อาจได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวตามภาวะเศรษฐกิจ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะรัฐมนตรีกําหนด

96. ผู้ที่เคยเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญมาก่อน และลาออกจากราชการไปโดยไม่มีความผิดวินัยแต่ประการใด ถ้าประสงค์ขอกลับเข้ารับราชการอาจยื่นเรื่องราวขอกลับเข้ารับราชการที่กระทรวง ทบวง กรมเดิม และ
จะต้องได้รับการบรรจุเข้ารับราชการในตําแหน่งเดิมด้วย
ตอบ 2 หน้า 99, (คําบรรยาย) ผู้ที่เคยเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญมาก่อน และลาออกจากราชการไป โดยไม่มีความผิดวินัยแต่ประการใด ถ้าประสงค์ขอกลับเข้ารับราชการอาจยื่นเรื่องราวขอกลับ เข้ารับราชการในกระทรวง กรมใด ๆ ก็ได้ โดยไม่ได้จํากัดเฉพาะกระทรวง กรมเดิมที่เคยสังกัด ก่อนออกจากราชการ และอาจได้รับการบรรจุแต่งตั้งในระดับและเงินเดือนที่ไม่สูงกว่าเดิม

97. โทษทางวินัยข้าราชการขั้นปลดออกจากราชการ ระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบันกําหนดให้มีสิทธิ ขอรับบําเหน็จบํานาญตามกฎหมายว่าด้วยบําเหน็จบํานาญข้าราชการ เสมือนว่าผู้นั้นลาออกจากราชการ
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 22. ประกอบ

98. คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมเป็นองค์กรที่ไม่เคยบัญญัติไว้ในระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับใด มาก่อน เพิ่งบัญญัติไว้ในระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับปัจจุบัน
ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 7), (คําบรรยาย) คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) เป็นองค์กรที่ไม่เคยบัญญัติไว้ใน พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับใดมาก่อน เพิ่งบัญญัติไว้ใน พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 เพื่อเป็นองค์กรพิทักษ์คุ้มครองความเป็นธรรม ให้บรรดาข้าราชการพลเรือน และพิทักษ์ระบบการบริหารงานบุคคลของข้าราชการพลเรือน ให้เป็นไปตามระบบคุณธรรม

99. ผู้เคยกระทําการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการหรือสอบเข้าปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ ระเบียบฯ
บัญญัติว่าทําให้ขาดคุณสมบัติทั่วไปของการเป็นข้าราชการพลเรือน
ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4 – 6), (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 36), (คําบรรยาย) ผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนซึ่งมีลักษณะต้องห้าม โดยไม่มีเงื่อนไขเกี่ยวกับเวลาบังคับไว้ ก.พ. อาจพิจารณายกเว้นให้สมัครเข้ารับราชการได้ โดยไม่ทําให้ขาดคุณสมบัติทั่วไป มี 4 กรณี ดังนี้
1. เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดีจนเป็นที่รังเกียจของสังคม
2. เป็นบุคคลล้มละลาย
3. เป็นผู้เคยต้องรับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุกเพราะกระทําความผิดทางอาญา
4. เป็นผู้เคยกระทําการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการหรือเข้าปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ

100. กรรมการ ก.พ. ผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตําแหน่งตามวาระอาจได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นกรรมการ ก.พ. อีกก็ได้
ตอบ 1 (พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 7 วรรคสาม และวรรคสี่) (คําบรรยาย) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของ ก.พ. ซึ่งพ้นจากตําแหน่งตามวาระ จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นกรรมการอีกก็ได้ แต่ถ้าเมื่อพ้นจากตําแหน่งแล้วยังมิได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งกรรมการใหม่ ให้กรรมการนั้นปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งกรรมการใหม่

Advertisement