การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2547
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 3002 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยหุ้นส่วน
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ
ข้อ 1 นายบุญมา นายบุญมี นายบุญมาก ได้ตกลงตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน มีวัตถุประสงค์ค้าขายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง และตกลงให้นายบุญมากเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ นายบุญมากได้ไปกู้เงินจากนายเอกมาสองแสนบาทเพื่อจ่ายค่าปูนซีเมนต์ที่ซื้อมาขายในร้าน ต่อมานายบุญมาได้ไปชวนนายบุญเกิดเข้ามาเป็นหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งโดยนายบุญมีและนายบุญมากเห็นชอบด้วย พอสิ้นปีห้างหุ้นส่วนค้างชำระหนี้นายเอกอยู่อีกหนึ่งแสนบาท ดังนี้ นายเอกฟ้องให้ผู้ใดชำระเงินกู้ต่อตนได้บ้าง อธิบาย
ธงคำตอบ
มาตรา 1050 การใดๆอันผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งได้จัดทำไปในทางที่เป็นธรรมดาการค้าขายของห้างหุ้นส่วนนั้น ท่านว่าผู้เป็นหุ้นส่วนหมดทุกคนย่อมมีความผูกพันในการนั้นๆด้วย และจะต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้ อันได้ก่อให้เกิดขึ้นเพราะจัดการไปเช่นนั้น
มาตรา 1052 บุคคลผู้ข้าเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนย่อมต้องรับผิดในหนี้ใดๆ ซึ่งห้างหุ้นส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้นก่อนที่ตนเข้ามาเป็นหุ้นส่วนด้วย
วินิจฉัย
หนี้เงินกู้สองแสนบาทที่กู้จากนายเอกเพื่อจ่ายค่าปูนซีเมนต์เป็นหนี้ในทางธรรมดาการค้าขายของห้างหุ้นส่วนตามมาตรา 1050 จึงผูกพันหุ้นส่วนทุกคนได้ร่วมกันรับผิด
ส่วนนายบุญเกิดแม้เพิ่งเข้ามาเป็นหุ้นส่วนที่หลังการกู้เงิน แต่มาตรา 1052 ให้หุ้นส่วนที่เข้ามาทีหลังต้องร่วมกันรับผิดในหนี้ทั้งหลายที่มีอยู่ในห้างหุ้นส่วนด้วย ดังนั้นนายเอกจึงฟ้องนายบุญเกิดได้
สรุป นายเอกมีสิทธิฟ้องทั้งนายบุญมา นายบุญมี นายบุญมาก และนายบุญเกิด ให้ร่วมกันรับผิดในหนี้เงินกู้
ข้อ 2 นายหนึ่ง นายสอง และนายสาม เข้าหุ้นกันตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดขายบะหมี่สำเร็จรูป และจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนใน พ.ศ. 2546 นายหนึ่งและนายสองเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ส่วนนายสามเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด ต่อมานายสามได้จ่ายเช็ค 1 ฉบับ โดยลงลายมือชื่อตนเองและประทับตราห้าง ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ของห้าง จำนวน 30,000 บาท โดยนายหนึ่งและนายสองมอบหมายให้นายสามลงชื่อในเช็คแทนตนได้ ดังนี้ หากหนี้ถึงกำหนดชำระปรากฏว่าเช็คของห้างใบที่นายสามลงชื่อเป็นเช็คเด้ง เจ้าหนี้จะฟ้องให้ใครรับผิดในหนี้ดังกล่าวได้บ้าง จงอธิบาย
ธงคำตอบ
มาตรา 1050 การใดๆอันผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งได้จัดทำไปในทางที่เป็นธรรมดาการค้าขายของห้างหุ้นส่วนนั้น ท่านว่าผู้เป็นหุ้นส่วนหมดทุกคนย่อมมีความผูกพันในการนั้นๆด้วย และจะต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้ อันได้ก่อให้เกิดขึ้นเพราะจัดการไปเช่นนั้น
มาตรา 1087 อันห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้น ท่านว่าต้องให้แต่เฉพาะผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดเท่านั้นเป็นผู้จัดการ
มาตรา 1088 วรรคแรก ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดผู้ใดสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วน ท่านว่าผู้นั้นจะต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ทั้งหลายของห้างหุ้นส่วนนั้นโดยไม่จำกัดจำนวน
มาตรา 1095 วรรคแรก ตราบใดห้างหุ้นส่วนจำกัดยังมิได้เลิกกัน ตราบนั้นเจ้าหนี้ของห้างย่อมไม่มีสิทธิจะฟ้องร้องผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดได้
วินิจฉัย
เจ้าหนี้ฟ้องนายหนึ่งและนายสองได้เพราะนายหนึ่งและนายสองเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิด ต้องร่วมกันรับผิดตามมาตรา 1050 ในหนี้ที่เป็นในทางธรรมดาการค้าขายของห้าง
เจ้าหนี้ฟ้องนายสามได้ แม้จะเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด ซึ่งตามหลักกฎหมายแล้วเจ้าหนี้ของห้างไม่มีสิทธิจะฟ้องร้องผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดได้จนกว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดเลิกกัน ตามมาตรา 1095 วรรคแรก แต่นายสามไม่มีอำนาจจัดการงานของห้างหุ้นส่วนตามมาตรา 1087 ดังนั้นการเซ็นเช็คและประทับตราห้างเพื่อชำระหนี้ของห้างเป็นการสอดเข้าไปจัดการของห้างฯ จึงต้องร่วมรับผิดกับหุ้นส่วนอื่นๆ โดยไม่จำกัดจำนวนตามมาตรา 1088 วรรคแรก และแม้ห้างยังไม่เลิกก็ฟ้องได้ทันที
เจ้าหนี้ฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัดให้รับผิดได้ เพราะห้างมีสถานภาพเป็นนิติบุคคล จึงถูกฟ้องได้แยกต่างหากจากหุ้นส่วน และเมื่อผู้จัดการเป็นผู้มอบหมายให้นายสามเซ็นเช็คแทนตน เช็คใบนี้จึงผูกพันห้าง ห้างปฏิเสธไม่ชำระหนี้ตามเช็คนี้ไม่ได้
ข้อ 3 สมจิตเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัททอผ้าแห่งหนึ่ง และต่อมาได้รับเลือกให้เป็นกรรมการในบริษัทดังกล่าว โดยผู้ถือหุ้นทั้งหลายไม่ทราบว่าสมใจภรรยาของสมจิตมีกิจการทอผ้าตั้งอยู่ในท้องที่เดียวกับที่บริษัทตั้งอยู่ และเปิดกิจการมาหลายปีแล้ว สมจิตได้ทำหน้าที่กรรมการบริษัทด้วยความระมัดระวังเช่นบุคคลค้าขายทั้งหลายพึงกระทำโดยไม่มีความบกพร่อง แต่บริษัทก็ยังขาดทุนเป็นเงิน 50,000 บาท ในตอนสิ้นปี ต่อมาผู้ถือหุ้นทั้งหลายทราบว่าภรรยาของสมจิตมีกิจการประเภทเดียวกับบริษัท จึงต้องการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสมจิต ดังนี้ สมจิตจะต้องรับผิดหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 1168 วรรคแรก ในอันที่จะประกอบกิจการของบริษัทนั้น กรรมการต้องใช้ความเอื้อเฟื้อสอดส่องอย่างบุคคลค้าขายผู้ประกอบด้วยความระมัดระวัง
วรรคสาม อนึ่งท่านห้ามมิให้ผู้เป็นกรรมการประกอบการค้าขายใดๆ อันมีสภาพเป็นอย่างเดียวกัน และเป็นการแข่งขันกับการค้าขายของบริษัทนั้น ไม่ว่าทำเพื่อประโยชน์ตนหรือเพื่อประโยชน์ผู้อื่น หรือเข้าไปเป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดในห้างค้าขายอื่นซึ่งประกอบกิจการมีสภาพเป็นอย่างเดียวกัน และแข่งขันกับกิจการของบริษัท โดยมิได้รับความยินยอมของที่ประชุมใหญ่ของผู้ถือหุ้น
วรรคท้าย บทบัญญัติที่กล่าวมาข้างบนนี้ให้ใช้บังคับตลอดถึงบุคคลซึ่งเป็นผู้แทนของกรรมการด้วย
วินิจฉัย
สมจิตแม้ว่าจะเป็นกรรมการบริษัท แต่ก็มิได้ประกอบการค้าขายใดๆ อันมีสภาพเป็นอย่างเดียวกัน และเป็นการแข่งขันกับการค้าขายของบริษัท ตามมาตรา 1168 วรรคสาม และแม้สมใจจะเป็นภรรยาของสมจิตแต่ก็ไม่ถือว่าสมใจเป็นผู้แทนของสมจิตแต่อย่างใด ตามมาตรา 1168 วรรคท้าย สมจิตจึงไม่ต้องรับผิด และแม้ว่าบริษัทขาดทุนเป็นเงิน 50,000 บาท สมจิตก็ไม่ต้องรับผิด เพราะสมจิตได้ทำหน้าที่กรรมการบริษัทด้วยความระมัดระวังเช่นบุคคลค้าขายทั้งหลายพึงกระทำโดยไม่มีความบกพร่องแล้ว ตามมาตรา 1168 วรรคแรกซึ่งตามธรรมดาของการค้าขายนั้นก็ต้องมีขาดทุนบ้าง ดังนั้น สมจิตจึงไม่ต้องรับผิดใดๆ
สรุป สมจิตไม่ต้องรับผิดใดๆ บริษัทจึงฟ้องให้สมจิตรับผิดไม่ได้