ข้อสอบกระบวนวิชา LAW3002 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยหุ้นส่วน
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ
ข้อ 1 นายเอก นายโท และนายตรี ตกลงเข้าหุ้นส่วนกันโดยตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนมีวัตถุประสงค์ค้าขายน้ำตาลทรายโดยลงหุ้นกันคนละ 1 ล้านบาท และได้ตกลงให้นายเอกเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการซึ่งได้มีการจดทะเบียนไว้อย่างถูกต้อง ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลนี้ได้ดำเนินกิจการมาหลายปีมีกำไรดีทุกปี
นายโทมีความโลภเห็นห้างหุ้นส่วนฯ มีกำไรดี ก็อยากจะทำกิจการเองบ้างแต่กลัวหุ้นส่วนอื่นจะเรียกค่าเสียหาย นายโทจึงชักชวนนายจัตวาให้มาเข้าหุ้นกับตนและจดทะเบียนตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดมีวัตถุประสงค์ค้าขายน้ำตาลทรายเช่นเดียวกัน โดยตั้งอยู่ในละแวกเดียวกับห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล แต่ในห้างหุ้นส่วนจำกัดนี้นายโทขอเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด
ส่วนนายจัตวาเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างฯ ทั้งสองเปิดกิจการแข่งขันกันเรื่อยมา นายเอกและนายตรีเห็นว่านายโทไม่ซื่อสัตย์โดยไปเข้าหุ้นกับบุคคลอื่นเปิดกิจการแข่งขันกับห้างฯ จึงต้องการฟ้องเรียกค่าเสียหายหรือผลกำไรจากนายโท จึงมาปรึกษาท่านว่าในกรณีดังกล่าว ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลจะเรียกร้องค่าเสียหายหรือผลกำไรจากนายโทได้หรือไม่ ให้ท่านแนะนำนายเอกและนายตรี
ธงคำตอบ
มาตรา 1066 วรรคแรก ห้ามมิให้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดในห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนประกอบกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดอันมีสภาพเป็นอย่างเดียวกัน และเป็นการแข่งขันกับกิจการของห้างหุ้นส่วนนั้น ไม่ว่าทำเพื่อประโยชน์ตนหรือเพื่อประโยชน์ผู้อื่น หรือไปเข้าเป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนอื่นซึ่งประกอบกิจการอันมีสภาพเป็นอย่างเดียวกัน และแข่งขันกับกิจการของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนนั้น เว้นไว้แต่จะได้รับคำยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นทั้งหมด
วินิจฉัย
ข้าพเจ้าจะขอแนะนำว่า ห้างฯจะฟ้องเรียกค่าเสียหายหรือผลกำไรจากนายโทมิได้ เนื่องจากนายโทไปเข้าเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนจำกัด ซึ่งไม่เป็นการต้องห้ามตามมาตรา 1066 วรรคแรก ที่วางหลักไว้ว่า ห้ามหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนประกอบกิจการ หรือไปเข้าเป็นหุ้นส่วนชนิดไม่จำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนอื่น ซึ่งประกอบกิจการอันมีสภาพเป็นอย่างเดียวกันและเป็นการแข่งขันกับกิจการของห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนนั้น
จากบทบัญญัติมาตรา 1066 วรรคแรก จะเห็นได้ว่ากฎหมายมิได้ห้ามผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนไปเข้าหุ้นชนิดจำกัดความรับผิดในห้างอื่น ถึงแม้ห้างฯนั้นจะประกอบกิจการอันมีสภาพเป็นอย่างเดียวกันและเป็นการแข่งขันกับกิจการของห้างหุ้นส่วนสามัญ ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงแนะนำว่า ห้างฯจะฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนหรือผลกำไรจากนายโทไม่ได้
ข้อ 2 นายสาย นายบ่าย และนายเย็น ตกลงเข้าหุ้นกันโดยจะจัดตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยนายสายเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ นายบ่ายและนายเย็นเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดทุกคนลงหุ้นกันคนละ 5 แสนบาท ห้างฯมีวัตถุประสงค์ค้าขายเครื่องจักรอุตสาหกรรม เช่าทรัพย์ เช่าซื้อ รับจำนอง จำนำ เป็นตัวแทนนายหน้า กู้ยืมเงิน และรับขนสินค้าทุกชนิด แต่ก่อนที่จะจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด นายสายได้เช่าซื้อรถยนต์บรรทุกมา 2 คัน เพื่อนำมาใช้ในกิจการของห้างฯ และหลังจากที่ห้างฯ ได้จดทะเบียนเรียบร้อยแล้ว นายสายได้กู้ยืมเงินจากธนาคารเอเชียมา 2 ล้านบาท โดยนำอาคารห้างหุ้นส่วนจำกัดไปจำนองค้ำประกันหนี้เงินกู้ดังนี้ เมื่อห้างฯผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ งวดที่ 20 และงวดที่ 21 ผู้ให้เช่าซื้อจะเรียกค่าเช่าซื้อจากนายสาย นายบ่าย และนายเย็นได้หรือไม่ ส่วนนายบ่ายและนายเย็นไม่พอใจนายสายที่บังอาจนำอาคารของห้างฯ ไปจำนองค้ำประกันหนี้เงินกู้ นายบ่ายและนายเย็นจะฟ้องคดีแทนห้างหุ้นส่วนจำกัดให้เพิกถอนการจำนองได้หรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 1079 อันห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้น ถ้ายังมิได้จดทะเบียนอยู่ตราบใด ท่านให้ถือว่าเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ ซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดย่อมต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนโดยไม่มีจำกัดจำนวน จนกว่าจะได้จดทะเบียน
มาตรา 1087 อันห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้น ท่านว่าต้องให้แต่เฉพาะผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดเท่านั้นเป็นผู้จัดการ
วินิจฉัย
หนี้ค่าเช่าซื้อรถยนต์บรรทุก 2 คัน เป็นหนี้ที่นายสายก่อให้เกิดขึ้นก่อนจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนจึงต้องรับผิดร่วมกันเสมือนเป็นหนี้ของห้างหุ้นส่วนสามัญ คือ ต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนโดยไม่มีจำกัดจำนวน จนกว่าจะได้จดทะเบียน เพราะมาตรา 1079 วางหลักว่า ถ้าห้างหุ้นส่วนจำกัดยังไม่จดทะเบียนอยู่ตราบใด ท่านให้ถือว่าเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ ดังนั้นผู้ให้เช่าซื้อจึงเรียกให้นายสาย นายบ่าย และนายเย็นร่วมกันชำระค่าเช่าซื้อได้
ส่วนกรณีการฟ้องให้ขอให้เพิกถอนการจำนองนั้นเนื่องจากการฟ้องคดีก็ถือว่าเป็นการจัดการงานของห้างฯ อย่างหนึ่ง ซึ่งหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดไม่มีอำนาจจัดการงานของห้างฯ ตามมาตรา 1087 ดังนั้น นายบ่ายและนายเย็นจึงไม่อาจฟ้องคดีแทนห้างฯได้
สรุป
1 ผู้ให้เช่าซื้อ เรียกค่าเช่าซื้อจากนายสาย นายบ่าย และนายเย็นได้
2 นายบ่ายและนายเย็น จะฟ้องคดีแทนห้างหุ้นส่วนจำกัดให้เพิกถอนการจำนองไม่ได้
ข้อ 3 ข้อบังคับของบริษัท นพคุณ จำกัด ระบุว่าในการโอนหุ้นชนิดระบุชื่อที่ยังใช้เงินค่าหุ้นไม่ครบนั้นผู้โอนหุ้นต้องขอความยินยอมจากคณะกรรมการของบริษัทก่อน หากคณะกรรมการมีมติเป็นอย่างใดก็ให้เป็นที่สุดห้ามมิให้มีการฟ้องร้อง นางสาวสกุนตลามีหุ้นอยู่ในบริษัทนี้อยู่ 5 หมื่นหุ้นมูลค่าหุ้นละ 10 บาท ซึ่งบริษัทเรียกเก็บค่าหุ้นไว้แล้วหุ้นละ 5 บาท นางสาวสกุลตลาต้องการโอนหุ้นให้นางสาวณิชาพรทั้งหมด จึงไปขออนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท แต่คณะกรรมการบริษัทมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่อนุมัติ
เนื่องจากเห็นว่านางสาวณิชาพรเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวเกรงว่าจะชำระเงินค่าหุ้นที่เหลือไม่ได้ แต่นางสาวสกุนตลาก็ไม่สนใจคำวินิจฉัยของคณะกรรมการบริษัทและได้โอนหุ้นให้นางสาวณิชาพรไปทั้งหมด โดยทำเป็นหนังสือโอนหุ้นมีลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอน
มีพยานคือนายเดช ลงชื่อรับรองความถูกต้องและได้ระบุหมายเลขหุ้นกันไว้ด้วย เมื่อโอนกันแล้วผู้โอนและผู้รับโอนได้มาขอให้นายแดงกรรมการบริษัทจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นด้วย โดยนายแดงก็หลงลืมมติของคณะกรรมการที่ห้ามมิให้โอนหุ้นรายนี้ นางสาวณิชาพรก็ได้ครอบครองหุ้นทั้งหมดห้าหมื่นบาทหุ้นโดยสงบเปิดเผยเจตนาเป็นเจ้าของรวม 5 ปีเศษแล้ว และยังได้เข้าประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นและเคยรับเงินปันผลไปห้าครั้งแล้ว ข้อเท็จจริงปรากฏว่าหลังจากจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อผู้โอนผู้รับโอนบริษัทก็มิได้สนใจเรื่องการโอนหุ้นของบุคคลทั้งสอง
ดังนี้ ถ้าบริษัทได้เคยมีหนี้สินที่เกิดขึ้นก่อนการโอนหุ้นและบริษัทไม่มีเงินชำระหนี้และนางสาวณิชาพรก็ไม่มีเงินชำระค่าหุ้นให้บริษัทได้ ส่วนผู้ถือหุ้นคนอื่นๆก็ได้ชำระเงินค่าหุ้นครบถ้วนแล้ว ดังนี้เจ้าหนี้ของบริษัทจะเรียกให้นางสาวสกุนตลาชำระหนี้ได้หรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 1129 อันว่าหุ้นนั้นย่อมโอนกันได้โดยมิต้องได้รับความยินยอมของบริษัท เว้นแต่เมื่อเป็นหุ้นชนิดระบุชื่อลงในใบหุ้น ซึ่งมีข้อบังคับของบริษัทกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
การโอนหุ้นชนิดระบุชื่อลงในใบหุ้นนั้น ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อของผู้โอนกับผู้รับโอน มีพยานคนหนึ่งเป็นอย่างน้อยลงชื่อรับรองลายมือนั้นๆด้วยแล้ว ท่านว่าเป็นโมฆะ อนึ่งตราสารอันนั้นต้องแถลงเลขหมายของหุ้นซึ่งโอนกันนั้นด้วย
การโอนเช่นนี้จะนำมาใช้แก่บริษัท หรือบุคคลภายนอกไม่ได้ จนกว่าจะได้จดแจ้งการโอนทั้งชื่อและสำนักของผู้รับโอนนั้นลงในทะเบียนผู้ถือหุ้น
มาตรา 1133 หุ้นซึ่งโอนกันนั้น ถ้าเป็นหุ้นอันยังมิได้ส่งเงินใช้เต็มจำนวนค่าหุ้น ท่านว่าผู้โอนยังคงต้องรับผิดในจำนวนเงินที่ยังมิได้ส่งใช้ให้ครบถ้วนนั้น แต่ว่า
(1) ผู้โอนไม่ต้องรับผิดในหนี้อันหนึ่งอันใดของบริษัทซึ่งได้ก่อให้เกิดขึ้นภายหลังโอน
(2) ผู้โอนไม่ต้องรับผิดออกส่วนใช้หนี้ เว้นแต่ความปรากฏขึ้นแก่ศาลว่าบรรดาผู้ที่ยังถือหุ้นของบริษัทอยู่นั้นไม่สามารถออกส่วนใช้หนี้ อันเขาจะพึงต้องออกใช้นั้นได้
ในข้อความรับผิดเช่นว่ามานั้น ท่านห้ามมิให้ฟ้องผู้โอนเมื่อพ้นสองปีนับแต่ได้จดแจ้งการโอนนั้นลงในทะเบียนผู้ถือหุ้น
วินิจฉัย
หุ้นของนางสาวสกุนตลา เป็นหุ้นชนิดระบุชื่อซึ่งบริษัทมีข้อบังคับของบริษัทเรื่องการโอนหุ้น กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น คือ ผู้โอนหุ้นต้องขอความยินยอมจากคณะกรรมการของบริษัทก่อน (มาตรา 1129 วรรคแรก) แต่แม้ว่าการโอนหุ้นของนางสาวสกุนตลาและนางสาวณิชาพรจะไม่ชอบด้วยข้อบังคับของบริษัท แต่กรรมการบริษัทก็ได้แก้ไขชื่อเป็นของนางสาวณิชาพรแล้ว ประกอบกับนางสาวณิชาพรได้ครอบครองหุ้นโดยสงบเปิดเผยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันห้าปีเศษแล้ว ย่อมได้กกรมสิทธิ์ในหุ้นทั้งหมด อีกทั้งบริษัทก็ไม่ได้สนใจเรื่องการที่ผู้โอนและผู้รับโอนทำผิดข้อบังคับในเรื่องการโอน จึงถือว่าบริษัทสละสิทธิที่จะบังคับให้เป็นไปตามข้อบังคับของบริษัท จึงถือว่านางสาวณิชาพรเป็นผู้ถือหุ้นนี้โดยชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 1129 แต่ถ้าบริษัทมีหนี้สินก่อนการโอนหุ้นและบริษัทไม่มีเงินชำระหนี้เจ้าหนี้ของบริษัทก็อาจจะฟ้องเอาจากผู้โอนหุ้นได้ตามมาตรา 1133 ซึ่งกฎหมายบัญญัติคุ้มครองเจ้าหนี้ของบริษัทมิให้ผู้โอนหุ้นเอาเปรียบเจ้าหนี้โดยการไม่ต้องรับผิดในเงินค่าหุ้นที่ตนยังชำระไม่ครบ แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหนี้ของบริษัทก็ต้องฟ้องผู้โอนภายในสองปีนับแต่ได้จดแจ้งการโอนในสมุดจดทะเบียนผู้ถือหุ้น เมื่อเจ้าหนี้มาเรียกร้องเกินสองปีแล้วนับจากวันจดแจ้งการโอน ตามมาตรา 1133 วรรคท้าย นางสาวสกุนตลาจึงไม่ต้องรับผิด
สรุป เจ้าหนี้ของบริษัท เรียกให้นางสาวสกุนตลาชำระหนี้ไม่ได้