การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2550
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 3002 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยหุ้นส่วน
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)
ข้อ 1 เอก โท และตรี ตกลงเข้าหุ้นส่วนกันโดยจัดตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน และได้นำเงินมาลงหุ้นกันคนละ 1 แสนบาท ห้างหุ้นส่วนนี้มีวัตถุประสงค์ค้าขายพืชไร่ โดยมีโทเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการโทได้ซื้อพืชไร่จากจัตวามาขายในห้างหุ้นส่วน และยังไม่ได้ชำระราคาค่าพืชไร่ จำนวน 2 แสนบาท
ต่อมาเอกได้ถึงแก่กรรม แต่โทและตรีก็ยังคงค้าขายอยู่ต่อไปโดยมิได้เลิกห้างหุ้นส่วน อนงค์ซึ่งเป็นทายาทคนเดียวของเอกจึงทวงถามเงินลงหุ้นที่เอกได้นำมาลงหุ้นกับบุคคลทั้งสอง โทและตรีก็รับปากว่าจะคืนให้ ต่อมาจัตวาได้เรียกให้โทและตรีชำระราคาค่าพืชไร่จำนวน 2 แสนบาท แต่โทและตรีไม่มีเงินชำระ
จัตวาจึงมาปรึกษาท่านว่าจะเรียกร้องให้อนงค์ชำระราคาพืชไร่จำนวน 2 แสนบาทนี้ได้หรือไม่ ให้ท่านแนะนำจัตวา
ธงคำตอบ
มาตรา 1054 วรรคสอง ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดตายไปแล้ว และห้างหุ้นส่วนนั้นยังคงค้าต่อไปในชื่อเดิมของห้าง ท่านว่าเหตุเพียงที่คงใช้ชื่อเดิมนั้นก็ดี หรือใช้ชื่อของหุ้นส่วนผู้ตายควบอยู่ด้วยก็ดีหาทำให้ความรับผิดมีแก่กองทรัพย์มรดกของผู้ตายเพื่อหนี้ใดๆ อันห้างหุ้นส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้นภายหลังมรณะนั้นไม่
วินิจฉัย
กรณีตามมาตรา 1054 วรรคสองนี้เป็นเรื่องที่ผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งได้ตายลง ซึ่งตามหลักแล้วห้างหุ้นส่วนจะต้องเลิกกันทันทีตามมาตรา 1055 (5)
แต่ถ้าห้างได้ใช้ชื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งเป็นชื่อห้างและผู้เป็นหุ้นส่วนคนนั้นได้ตายลงแต่ห้างฯ ก็ยังไม่เลิกกันตามมาตรา 1060 และยังคงใช้ชื่อของผู้ตายเป็นชื่อห้างอยู่ก็ดี หรือใช้ชื่อของหุ้นส่วนผู้ตายควบเป็นชื่อห้างอยู่ดี เพียงเท่านี้ไม่ทำให้กองมรดกของผู้ตายจะต้องรับผิดในหนี้ใดๆ ของห้างหุ้นส่วนที่ได้เกิดขึ้นภายหลังที่หุ้นส่วนผู้นั้นตายลง แต่ถ้าห้างหุ้นส่วนมีหนี้สินเกิดขึ้นก่อนเขาตาย กองมรดกยังคงต้องรับผิดอยู่
กรณีตามอุทาหรณ์ โทได้ซื้อพืชไร่จากจัตวามาขาย ในขณะที่เอกยังเป็นหุ้นส่วนอยู่ เมื่อเอกถึงแก่กรรม ทายาทของเอกจึงต้องรับผิดในหนี้ของห้างฯ รายนี้ด้วย ทายาทจะไม่ต้องรับผิดชอบในหนี้ที่เกิดขึ้นหลังมรณะเท่านั้น ตามมาตรา 1054 วรรคสอง
ข้าพเจ้าฯ จะแนะนำจัตวาตามหลักกฎหมายมาตรา 1054 วรรคสอง ว่าเรียกร้องให้อนงค์ทายาทของเอกรับผิดได้
สรุป จัตวาเรียกร้องให้อนงค์ชำระราคาค่าพืชไร่ 2 แสนบาทได้
ข้อ 2 เขียว ขาว และเหลือง ได้ตกลงเข้าหุ้นส่วนกันโดยจัดตั้งเป็นหุ้นส่วนจำกัด เขียว และขาวเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด เหลืองไม่จำกัดความรับผิดและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ก่อนจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด เหลืองได้ซื้ออาคารตึกแถวของแสดไว้ใช้เป็นที่ทำการของห้างฯโดยเหลืองถือกรรมสิทธิ์แทนห้างหุ้นส่วนจำกัด หลังจากที่ห้างฯ ได้จดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดแล้ว แสดได้ทวงถามเงินค่าตึกแถวที่ยังค้างชำระอยู่อีก 2 แสนบาทจากเหลือง แต่เหลืองและห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่มีเงินชำระ แสดจึงเรียกให้เขียวและขาวร่วมกันรับผิด แต่เขียวและขาวไม่ยอมรับผิด โดยอ้างว่า
(1) เขียวและขาวเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดยังไม่เลิกกันจะฟ้องเขียวและขาวไม่ได้
(2) เขียวและขาวไม่ได้มีนิติสัมพันธ์ในเรื่องซื้อขายตึกแถวกับแสด แสดจึงไม่มีสิทธิฟ้องเขียวและขาว
ดังนี้ ให้ท่านวินิจฉัยว่า ข้ออ้างของเขียวและขาวทั้ง 2 ประการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 1050 การใดๆอันผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งได้จัดทำไปในทางที่เป็นธรรมดาการค้าขายของห้างหุ้นส่วนนั้น ท่านว่าผู้เป็นหุ้นส่วนหมดทุกคนย่อมมีความผูกพันในการนั้นๆด้วย และจะต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้ อันได้ก่อให้เกิดขึ้นเพราะจัดการไปเช่นนั้น
มาตรา 1079 อันห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้น ถ้ายังมิได้จดทะเบียนอยู่ตราบใด ท่านให้ถือว่าเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ ซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดย่อมต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนโดยไม่มีจำกัดจำนวน จนกว่าจะได้จดทะเบียน
มาตรา 1080 วรรคแรก บทบัญญัติว่าด้วยห้างหุ้นส่วนสามัญข้อใดๆ หากมิได้ยกเว้นหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงไปโดยบทบัญญัติแห่งหมวด 3 นี้ ท่านให้นำมาใช้บังคับแก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดด้วย
มาตรา 1095 วรรคแรก ตราบใดห้างหุ้นส่วนจำกัดยังมิได้เลิกกัน ตราบนั้นเจ้าหนี้ของห้างย่อมไม่มีสิทธิจะฟ้องร้องผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดได้
วินิจฉัย
ประเด็นที่ 1 ข้อต่อสู้ของเขียวและขาวฟังไม่ขึ้น เพราะทั้งหมดได้ตกลงเข้าหุ้นส่วนกันเพื่อจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด แต่หุ้นส่วนผู้จัดการได้ซื้ออาคารตึกแถว เพื่อใช้เป็นที่ทำการของห้างฯ โดยเหลืองหุ้นส่วนผู้จัดการได้ถือกรรมสิทธิ์แทนห้างหุ้นส่วนจำกัด จึงถือว่าการที่เหลืองทำสัญญาซื้อตึกแถวก็เพื่อประโยชน์ของห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยได้จัดทำไปก่อนที่จะไปจดทะเบียนตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด จึงถือว่าในขณะนั้นเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ เมื่อมีหนี้สินเกิดขึ้นจึงต้องรับผิดร่วมกันตามมาตรา 1079 จึงเรียกให้เขียวและขาวรับผิดได้โดยไม่ต้องรอให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดเลิกกัน ไม่เข้ากรณีมาตรา 1095 วรรคแรก
ประเด็นที่ 2 ข้อต่อสู้ของเขียวและขาวฟังไม่ขึ้น เพราะเหลืองได้จัดการงานของห้างฯ โดยซื้อตึกแถวมาไว้ใช้เป็นที่ทำการงานของห้างฯ จึงเป็นหนี้สินที่เกิดจากธรรมดาการค้าขายของห้างฯ หุ้นส่วนทุกคนจึงต้องรับผิดร่วมกัน ตามมาตรา 1050 ประกอบมาตรา 1080 วรรคแรก แม้เขียวและขาวจะไม่ได้เป็นคู่สัญญากับแสด สัญญานั้นก็ผูกพันเขียวและขาวด้วย เพราะว่าเหลืองเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จึงถือว่าทำแทนหุ้นส่วนทุกคน หุ้นส่วนทุกคนจึงต้องรับผิดชอบร่วมกัน
สรุป ข้ออ้างของเขียวและขาวทั้งสองประการข้างต้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อ 3 ในวันที่ 1 มิถุนายน 2550 คณะกรรมการบริษัท นพคุณ จำกัด ได้ประชุมปรึกษาหารือกันเพื่อพิจารณาเรื่องเพิ่มทุนของบริษัท อีก 5 ล้านบาท ที่ประชุมคณะกรรมการได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้เพิ่มทุนโดยการออกหุ้นใหม่อีก 1 แสนหุ้น มูลค่าเท่าเดิม และได้นำมติเรื่องเพิ่มทุนไปจดทะเบียนเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2550 ต่อมาเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2550 นางสาวบุญมาได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ขอให้เพิกถอนมติของคณะกรมการในเรื่องเพิ่มทุน โดยอ้างว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมิได้ลงมติพิเศษในที่ประชุมผู้ถือหุ้น ประธานกรรมการได้ยื่นคำคัดค้านว่า นางสาวบุญมายื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนมติเกินหนึ่งเดือนแล้วนับแต่วันลงมติ ขอให้ยกคำร้อง ดังนี้ศาลจะรับคำร้องของนางสาวบุญมาไว้วินิจฉัยได้หรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 1195 การประชุมใหญ่นั้นถ้าได้นัดเรียกหรือได้ประชุมกัน หรือได้ลงมติฝ่าฝืนบทบัญญัติในลักษณะนี้ก็ดี หรือฝ่าฝืนข้อบังคับของบริษัทก็ดี เมื่อกรรมการหรือผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดร้องขึ้นแล้ว ให้ศาลเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่อันผิดระเบียบนั้นเสีย แต่ต้องร้องขอภายในกำหนดเดือนหนึ่งนับแต่วันลงมตินั้น
มาตรา 1220 บริษัทจำกัดอาจเพิ่มทุนของบริษัทขึ้นได้ด้วยออกหุ้นใหม่โดยมติพิเศษของประชุมผู้ถือหุ้น
วินิจฉัย
การยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ จะต้องยื่นภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันลงมติ แต่กรณีตามปัญหาไม่ปรากฏว่ามีการประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น มีเพียงคณะกรรมการประชุมปรึกษาหารือกันเท่านั้น การนับระยะเวลาหนึ่งเดือนนับแต่วันลงมติจึงไม่อาจเริ่มนับได้ในวันใด ดังนั้นนางสาวบุญมาจึงยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนมติได้ เพราะตามปัญหาไม่ได้มีการประชุมผู้ถือหุ้นเลย ตามมาตรา 1195 ประกอบมาตรา 1220
สรุป ศาลจะต้องรับคำร้องของนางสาวบุญมาไว้วินิจฉัยต่อไป